ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    legend of turpentine ~dragon\'s tale of turpentine~

    ลำดับตอนที่ #10 : chapter 9 ~The calling from the past~

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 47


                                                                     ตำนานแห่งเทอร์เพนไทน์



                                                        ภาค ~เรื่องเล่าของมังกร~



                                                   ตอนที่ 9 เสียงเรียกจากอดีตกาล




              อาเบลและทหารติดตามอีกยี่สิบนายผ่านอุโมงลับจากเมืองเวเนร่า ลัดเลาะมาจนถึงบริเวณป่าทึบใกล้กับค่ายทหารของชนเฝ่ามาซัน เนื่องจากกำลังพลของมาซันเกือบทั้งหมดในตอนนี้ถูกนำไปใช้ในการบุกตีเมืองลาฮาล ภายในและภายนอกค่ายทหารจึงมีกำลังป้องกันรักษาการณ์อยู่อย่างหละหลวม ทั้งยังไม่มีการจัดส่งกำลังลาดตระเวนในละแวกใกล้เคียงกับตัวค่าย ซึ่งนั่นก็ทำให้อาเบลและทหารติดตามออกจากบริเวณป่าได้โดยไม่มีใครพบเห็น



              อาเบลให้ทหารสองนายเฝ้ารักษาทางเข้าอุโมงลับไว้ แล้วทำการจัดทหารที่เหลืออยู่แบ่งกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละสี่คนสี่กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มกระจายกกำลังซุ่มอยู่ที่หน้าทางเข้าประตูค่ายทั้งสี่ทิศ ส่วนตัวเขาเองเลือกทหารมือดีสองนายติดตามเขาไปเป็นกองหน้าในการวางเพลิงและสอดแนมค่ายของศัตรู



              เมื่อจัดแบ่งกำลังเสร็จสิ้นแล้วจึงให้ทุกกลุ่มกระจายกันไปตามที่ได้รับมอบหมายไว้ จากนั้นอาเบลก็ใช้กล้องส่องทางไกลส่ายหาทางเข้าที่มีทหารยามเฝ้าน้อยที่สุด แล้วจึงให้ทหารที่เฝ้าประตูทิศนั้นใช้ธนูสังหารทหารยามอย่างเงียบเชียบ เปิดทางให้อาเบลและผู้ติดตามอีกสองคนเข้าไปผลัดเปลี่ยนชุดให้เป็นชุดทหารมาซัน แล้วคร่ากุมทหารมาซันมาอีกสี่นายเพื่อให้กลุ่มที่ซุ่มอยุ่หน้าประตูทิศตะวันตกนั้นแลกเปลี่ยนชุดเพื่อดูต้นทางไว้ หลังจากนั้นก็สอบถามถึงที่ตั้งของกระโจมเก็บเสบียงและยุทธภัณฑ์ของค่ายนี้ของทหารที่จับมาได้ แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังกระโจมนั้นโดยพยายามไม่เผยพิรุธออกมา



              ในเวลาไม่นาน กลุ่มของอาเบลก็มาถึงกระโจมนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่เก็บเสบียงและยุทธภัณฑ์ต่างๆ ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในกระโจมก็พบกับทหารยามที่เฝ้ารักษากระโจมซึ่งถามขึ้นว่า



    \"หยุดไว้ พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลารับเสบียงนี่\"



    \"นายกองให้ข้ามารับกล่องใส่ลูกธนูจำนวนหนึ่งร้อยกล่อง ท่านเอาใบเบิกยุทธภัณฑ์นี่ไปเปิดดูเองก็แล้วกัน\"



              อาเบลกล่าวด้วยสำเนียงของชนเผ่ามาซันได้อย่างแนบเนียนพลางล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งขั้นมาหมายจะยื่นให้แก่ทหารรักษาการณ์คนนั้น แต่แล้วพลันชักมือกลับ หมุนตัวกระทุ้งศอกเข้าที่ขมับของทหารมาซันคนนั้นจนสิ้นสติไป แล้วทหารที่ติดตามอาเบลทั้งสองนายจึงเดินเข้ามาช่วยอาเบลลากทหารเคราะห์ร้ายเข้าไปในกระโจม



              หลังจากที่เข้ามาในกระโจมแล้วอาเบลและทหารติดตามก็พากันล้วงชุดจุดไฟขึ้นมาก แล้วช่วยกันโรยผงดินปืนขนานพิเศษครอบคลุมถึงเสบียงและคลังยุทธภัณฑ์จนเป็นชั้นหนา จากนั้นจึงนำเชือกยาวออกมาเส้นหนึ่ง วางปลายข้างหนึ่งจ่อไว้ที่ชั้นดินปืนแล้วดึงเชือกออกมานอกกระโจม พันไว้รอบๆฐานจนสุดปลาย หลังจากนั้นจึงจุดไฟขึ้นแล้วจ่อไฟไปที่ตัวเชือกจนเริ่มติดไฟ เมื่อเห็นปลายเชือกที่หดตัวลงเรื่อยๆแล้วอาเบลและผู้ติดตามจึงรีบหลบหนีไปยังประตูค่ายทิศตะวันตกที่มีทหารเมืองลาฮาลในชุดชนเผ่ามาซันเฝ้าดูต้นทางไว้



              ไม่นานนักอาเบลและทหารติดตามสองนายก็วิ่งมาถึงประตูค่าย อาเบลรีบสั่งให้ทหารที่ดูต้นทางทั้งสี่นายเตรียมธนูไฟและรีบขึ้นไปยังตำแหน่งสูงที่นัดหมายไว้ ซึ่งก็คือยอดของต้นไม้ในป่าทึบที่พวกเขาลัดเลาะออกมานั่นเอง เมื่อสั่งให้กลุ่มทิศตะวันตกไปประจำที่แล้วก็ล้วงพลุสัญญาณจุดขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อส่งสัญญาณให้ทหารที่ประจำอยู่ตามทิศที่เหลือรีบขึ้นไปยังที่สูงเช่นเดียวกัน



              หลังจากเสียงของพลุดังขึ้นไม่นานนักก็เริ่มเสียงเอะอะแปลกใจดังขึ้นมาจากในค่ายทหารเผ่ามาซัน อาเบลจึงไม่รอช้า รีบนำพลุสัญญาณอีกอันจุดขึ้นไปอีกชุด เป็นการสั่งการให้ทหารทุกกลุ่มเริ่มโจมตีได้ หลังจากนั้นธนูไฟนับสิบดอกก็แยกย้ายกันปักตามกระโจมผ้าต่างๆในค่ายอย่างพร้อมเพรียง พริบตาเดียวเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้น เนื่องจากธนูนี้เป็นธนูชุบนํ้ามันชนิดพิเศษที่อาเบลจัดทำขึ้นมาเพื่อใช้เผาค่ายกระโจมโดยเฉพาะ ไฟจึงลามเลียไปทั่วทั้งกระโจมอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสายลมหนุนเนื่องพัดเข้ามาโดยแรงทำให้ไฟลามหนักยิ่งขึ้นไปอีก



              คราวนี้เหล่าทหารมาซันที่ประจำอยุ่ในค่ายต่างพากันแตกตื่น บ้างก็หนีตายออกมาจากกระโจมกันอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็ช่วยกันเข้ามาดับไฟตามกระโจมต่างๆ ซึ่งก็ไม่ทันการณ์แล้ว เพราะนอกจากไฟที่ลามตัวกระโจมผ้าไปกว่าครึ่งแล้ว ยังมีธนูที่ไม่รู้ว่ายิงอกมาจากที่ใด แยกย้ายกันปักใส่กระโจมอื่นๆที่ยังไม่ติดไฟเป็นระลอกที่สอง ส่งผลให้ไฟติดที่กระโจมอื่นอีกสิบกว่ากระโจม



              ยังไม่ทันที่เหล่าทหารมาซันจะได้พักผ่อนหอบหายใจ พลันเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนามมาจากทางกระโจมใหญ่ที่ใช้เก็บเสบียงอาหารและยุทธภัณฑ์เกือบทั้งหมดของกองทัพ ทหารมาซันต่างพากันมองไปยังทิศทางที่เกิดเสียงระเบิดนั้น เห็นแต่พื้นที่ถูกระเบิดจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ ไม่เหลือเค้าของกระโจมอันใหญ่โตอยู่เลย มีเพียงเศษผ้าที่ขาดวิ่นกระจัดกระจายรอบบริเวณหลุมเป็นจำนวนมากเท่านั้น ที่พอจะบ่งบอกได้ว่าที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของกระโจมมาก่อน



              เมื่อเห็นความแตกตื่นลนลานของทหารมาซันที่มากพอแล้ว อาเบลจึงจุดพลุสัญญาณชุดสุดท้ายขึ้นไป เป็นความหมายว่าให้ทุกกลุ่มล่าถอยกลับไปยังจุดนัดพบ จากนั้นจึงพกพารอยยิ้มแห่งชันชนะ นำเหล่าทหารสิบแปดนายกลับมารวมกลุ่มไปยังจุดนัดพบซึ่งก็คือทางเข้าอุโมงลับที่อาเบลให้ทหารสองนายเฝ้ารักษาไว้...

    to be continued!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×