ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    entity 303 the revenge of entity

    ลำดับตอนที่ #2 : คนสองจิต

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 58


    ใครบางคนกำลังช่วยเอดวินอยู่ เขาดูไม่เหมือนคนปรกติสักเท่าไร ใส่เสื้อสีฟ้าอมเขียว 
     
    กางเกงสีกรมท่า มีอีกคนหนึ่งช่วยด้วย ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน 
     
    ดูแล้วไม่น่าจะใช่คนไทย แต่ที่เอดวินแปลกใจที่สุดคือ หนึ่งในนั้นมีแต่ตาขาว 
     
    คนที่มีตาดำพูดกับอีกคนอย่างไม่มั่นใจ ที่รู้เพราะดูจากน้ำเสียง 
     
    หลังจากคุยกันเสร็จแล้วคนที่มีตาดำก็เดินเข้าไปหาด้อยทำท่าอะไรบางอย่างแล้วยกมีของด้
     
    อยขึ้นมาเอดวินเห็นอย่างชัดเจนว่าชายคนนั้นทำให้ที่หลังมือของด้อยมีตัว ‘ส’ 
     
    นูนขึ้นมาแล้วชายคนนั้นก็หายตัวไป 
     
    อีกคนก็เดินมาหาเขาและทำเช่นเดียวกันเมื่อเขาเข้ามาใกล้นั่นแหละ 
     
    เอดวินจึงเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา(แต่มันก็เป็นไปแล้ว) 
     
    เขาคือฮีโร่บาย 
     
    เอดวินสะดุ้งตื่นขึ้นมา 
     
    เขาเห็นด้อยกับคนอื่นๆคุยกันอยู่ข้างนอกเขาจึงออกมาจากที่ที่น่าจะเป็นร้านค้าอะไรสักอย่า
     
    ง “อ้าว!เอด ตื่นแกตื่นแล้วเหรอ” “ฉันฝันแปลกมากเลยว่ะ” 
     
    “แกก็เป็นด้วยเหรอเอดวิน”คราวนี้ลูกตาลเป็นคนถามบ้าง “อะไรเหรอ” 
     
    “นายฝันว่าเห็นคนมาช่วยใช่มั้ย” “อื้อ” “พวกเราก็ฝันแบบเดียวกัน” “เอด 
     
    แกดูนี่สิ”ด้อยพูดพร้อมกับชูหลังมือให้เอดวินดู มันมีตัว ‘ส’ ปรากฏอยู่เหมือนในฝัน 
     
    “ส่วนของเค้าเป็นแบบนี้”ของลูกตาลมีตัว ‘น’ ปรากฏอยู่ 
     
    “ของแกเป็นเหมือนกันป่ะวะ”ด้อยถามขึ้น เอดวินยกมือขวาของเขาขึ้นมาดู มันมีตัว ‘ฮ’ 
     
    ปรากฏอยู่ เอดวินยิ้มแล้วในที่สุดเขาก็พูดกับทุกคนว่า 
     
    “ฉันว่าฉันพอจะรู้ความหมายของมันแล้วล่ะ” “นายรู้แล้วใช่มั้ย ดีล่ะ 
     
    ฉันจะได้ไม่ต้องอธบายให้แกฟังอีกรอบ” “ใช่แล้ว คนที่ช่วยพวกเราคือ นอร์ช สตีฟ 
     
    และก็ฮีโร่บายใช่มั้ย” “ถูงเผงเลย” เอดวินพลิกฝ่ามือของเขาขึ้นมาดูและก็เห็นประโยค ‘I am 
     
    who are coming for the revenge the entity 303’เขาขอดูของลูกตาลและด้อยก็ได้ข้อความว่า 
     
    ‘I am the creator of all things.’ และ ‘I am the originator survival.’ 
     
    ซึ่งก็คือข้อความแนะนำตัวของทุกคน “เรามาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วที่นี่ที่ไหนเหรอ” 
     
    “ที่นี่คืออนุสาวรีครูบาฯไง” “อ่อ”จังหวะนั้นก้องก็เดินเข้ามาทักพวกเขา “เป็นยังไงบ้าง 
     
    เอดวิน หลับสบายมั้ย” “ก็พอสบายนะ แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” 
     
    “ก้องน่าจะถามพวกนายมากกว่านะ พวกนายมาทำอะไรที่นี่” “ทำไมเหรอ” “กันต์บอกว่า 
     
    เมื่อวานมันเฝ้ายามอยู่ แล้วพวกนายก็ แบบว่า เหมือนกับ เอ่อ วาร์ปมาน่ะ” “ยังไงนะ” 
     
    “คือแบบ จู่ๆพวกนายก็มาอยู่ที่นี่แล้วก็สลบไปน่ะ” “อ่อ” เอดวินพูดขึ้น 
     
    ด้อยดูนาฬิกาแล้วพูดขึ้นว่า “นี่ก็จะเที่ยงแล้ว มีอะไรให้กินมั้ย” “อ๋อ 
     
    ไอ่กันต์กับภูเขากำลังเตรียมอาหารอยู่น่ะ” “งั้นไปกันเถอะ”ก้องนำพวกเขาเข้าไปในป่า 
     
    ระหว่างทางทุกคนก็เห็นควันโขมงขึ้นไปบนท้องฟ้า 
     
    พวกเขารีบวิ่งไปยังที่นั่นแล้วก็เห็นกันต์กับภูเขาช่วยกันดับไฟอย่างทุลักทุเล “เฮ้ หวัดดีพวก 
     
    ช่วยกันดับไฟหน่อยดิ”กันต์ขอแรงจากพวกเรา 
     
    พวกเราช่วยกันดับไฟแล้วก็ไปดูสิ่งที่กันต์เผาไว้ มันคือเนื้อวัวที่โดนไฟจนไหม้เกรียม    
     
    “พอจะกินได้มั้ยวะ” “กินได้กะผีสิ ไหม้ขนาดนี้ มีเนื้อหมูเหลืออยู่มั้ย”ลูกตาลว่า 
     
    ทุกคนพร้องใจกันพูดว่า “เนื้อวัวโว้ย” “อ้าวเหรอ” “มีอยู่นะ 
     
    นั่นไง”ภูเขาชี้นิ้วไปที่ถุงผ้าถุงหนึ่ง ลูกตาลเดินไปที่ถุงนั่น 
     
    ด้อยเดินเข้าไปช่วยด้วยส่วนเอดวินก็เข้าไปคุยกับคนที่เหลือ “ว่าแต่ว่า 
     
    ตกลงทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ” “ก็เมื่อวานตอนที่ไอ่กันต์มันขาเดี้ยงนะ 
     
    มันบอกว่ามันเดินขึ้นเขาไม่ไหวแล้ว เราเลยมาหาที่พักที่นี่ไง” “อ๋อ แล้วพวกอาหารล่ะ” 
     
    “วัวก็เอามาจากวัวที่เขาเลี้ยงข้างทางนี่แหละ” ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น 
     
    ก็มีเสียงดังมาจากป่า กันต์กับภูเขารีบคว้ามีดพกออกมา 
     
    ส่วนก้องรีบวิ่งไปหาอีกสองคนที่เหลือ “ทำไมเหรอ”เอดวินถามอย่างสงสัย 
     
    “ถ้ามันเป็นคนและมาร้าย เราจะได้ป้องกันตัวได้ไง” “งั้นขอสักอันดิ มีเหลือมั้ย” 
     
    ภูเขาหยิบมีดพกอีกอันขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ของเขาและโยนให้เอดวิน “ขอบใจ” 
     
    เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาตั้งท่าไว้รออยู่แล้ว และสิ่งที่โผล่มานั้นคือ รัน “รัน! 
     
    ใจหายหมดเลยนะแกน่ะ”กันตืพูดอย่างโล่งอกที่สิ่งนั้นมิได้จะมาทำร้ายพวกเขา 
     
    พวกเขาชวนรันเข้ามาร่วมวงด้วยซึ่งด้อยและลูกตาลเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว 
     
    กับข้าวมื้อนั้นเกือบจะไปได้สวยถ้ามีข้าวด้วย ซึ่งพวกเขาต้องกินเนื้อวัวปิ้งเพียงอย่างเดียว 
     
    ตกเย็นทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของไปรวมกันไว้ด้านหน้าทั้งหมด 
     
    เมื่อทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว เอดวินจึงออกมาข้างนอก 
     
    ด้อยผู้ซึ่งยังไม่หลับเห็นเอดวินเดินออกไปจึงออกไปตามและเห็นเอดวินไปไหว้ครูบาเหมือนจะ
     
    ขอพรอะไรบางอย่าง ด้อยเข้าไปนั่งข้างๆแล้วก็ไหว้ครูบาด้วย 
     
    หลังจากที่ทั้งสองไหว้เสร็จแล้ว ด้อยก็ชวนเอดวินคุยว่า “มีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอ เอด” 
     
    “ด้อย แกคิดว่าเหตูการณ์นี้จะจบมั้ย” “ฉันว่าจบแน่ แต่ยังไม่ใช่ในเร็วๆนี้แน่นอน” 
     
    “แล้วแกคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรล่ะ” ด้อยยิ้มให้เอดวินก่อนตอบว่า 
     
    “ทำตามที่เขามอบหมายให้เรา” “คืออะไรเหรอ”เอดวินถามอย่างงงๆ “ก็ที่มือของแกไง 
     
    นั่นแหละสิ่งที่เราต้องทำ” เมื่อเข้าใจแล้วเอดวินจึงยิ้มตอบกลับไปให้ 
     
    แต่ยังไม่ทันที่ด้อยกับเอดวินจะได้เข้าไปนอน 
     
    พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างแล่นผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็เห็นแสงอะไรบางอ
     
    ย่างพาดผ่านท้องฟ้าพวกเขารีบเรียกคนที่เหลือให้ตื่น 
     
    ทุกคนกำลังตะลึงอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเห็นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร 
     
    ที่ค่ายของวี คนที่นั่นกำลังทำพิธีไว้อาลัยอยู่และเห็นแบบเดียวกัน 
     
    วีที่ตอนนี้เป็นเสมือนหัวหน้าได้เรียกประชุมด่วนกับผู้นำทั้งหมดเพื่อเตรียมตัวเอาไว้ 
     
    “ต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่เลย” เอดวินบอก “นั่นสิ 
     
    ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าทุกอย่างมันจะไปได้ราบรื่น”ด้อยตอบกลับไป “ถ้างั้น 
     
    ฉันว่าพรุ่งนี้เราควรรีบไปจากที่นี่ ไปหาวีกัน”กันต์เสนอ 
     
    “งั้นวันนี้ฉันจะอยู่เฝ้ายามเอง”ภูเขาอาสา ทุกคนจึงเข้าไปนอน 
     
    วันรุ่งขึ้น พวกเขารีบเก็บเสบียงและสัมภาระอย่างรวดเร็ว 
     
    รันผู้ซึ่งไม่มีสัมภาระเลยเพราะว่าเก็บของไม่ทันจึงออกไปวอร์มร่างกายก่อน 
     
    เขารู้ตัวเขาเองว่ามีความสามารถเช่นไร รันมีรูปร่วง เอ่อ เรียกไงดีล่ะ ท้วมจนเกือบจะอ้วน 
     
    สัดส่วนทุกส่วนเกือบจะเป็นวงกลม ตาตี่จนเกือบจะไม่เห็นตา 
     
    เอาล่ะนี่ก็คงจะประมาณเก้าโมงแล้ว 
     
    เขาจึงเข้าไปหาทุกคนซึ่งกำลังเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาอยู่ “นี่ 
     
    พวกนายพอจะมีกระเป๋าบ้างไหม” รันถาม ทุกคนตอบพร้อมกันว่าไม่มี 
     
    และบอกด้วยว่าบางทีอาจจะมีกระเป๋าเป้ของใครบางคนตกอยู่ระหว่างทางก็ได้ 
     
    พวกเขาออกเดินทางเมื่อดวงตะวันอยู่เหนือหัวพอดี 
     
    และระหว่างทางพวกเขาก็พบกับกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ห้องของเรา มีใบเตย ดิว อู๋ 
     
    และพฤกษ์ พวกเขาหลงทางระหว่างที่วิ่งขึ้นเขากัน จึงขอติดไปด้วย 
     
    พวกเขาทั้งหมดตอนนี้จึงมี11คน 
     
    แต่เหตุการณ์สลดก็เกิดขึ้นเมื่อรันเดินตกอุโมงค์หลบภัยตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สาม 
     
    และถูกจระเข้ซึ่งอาศัยอยู่ในนั้นกัดจนตาย อุโมงค์แห่งนี้สูงประมาณสามเมตรเศษๆ 
     
    มีปลายทางเชื่องไปจนถึงแถบสามเหลี่ยมทองคำ 
     
    เหตุเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินไปเจอทางขาดเป็นระยะทางยาว พวกเขาจึงเดินอ้อมไปทางป่า 
     
    และเดินไปบนอุโมงค์ดังกล่าว เมื่อรันเดินผ่านอุโมงค์นั้น 
     
    อุโมงค์ก็ถล่มลงมาเพราะความเก่าและน้ำหนักเกินของรัน 
     
    รวมทั้งจากเหตุการณ์ที่แผ่นดินทรุดด้วย “รีบไปกันเถอะ 
     
    ตอนนี้เราต้องไปให้ถึงค่ายของวีก่อนตะวันตกดินนะ”เอดวินกำชับพวกเขา
     
    แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาหาคนอื่นๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียง แกรก 
     
    ดังมาจากข้างหลังของพวกเขา “ด้อย เอด พวกแกใช่มั้ย”เสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งพูดขึ้น 
     
    ด้อยหันไปมองก็เห็นนะโมกับพวกซึ่งมี บอย แพล้น บิ๊กบอส ศิษฎ และนะโม 
     
    ทุกคนถือปืนกันคนละกระบอก มีทั้งปืนลูกซอง ปืนกลเบา และปืนกลอัตโนมัติ 
     
    สะพายกระเป๋าเป้กันคนละใบ “นะโม บอย พวกแกเอาปืนมาทำไมเนี่ย 
     
    แล้วเอามาจากไหนกัน”ด้อยถาม 
     
    เอดวินกำลังจะถามเหมือนกันแต่เมื่อมีคนถามให้แทนแล้วจึงเงียบไป “ไปเก็บมาน่ะ 
     
    ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาได้ไง คือแบบว่าอยู่ๆตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เจอพวกนี้เลย 
     
    มาเป็นกองใหญ่ด้วย นี่ยังไม่นับพวกระเบิดกับพวก อาร์พีจี แกดลิ่งอะไรพวกนั้นนะ 
     
    มีอีกเป็นกองเลย พวกเราก็เลยเอาออกมาล่าสัตว์สักหน่อย แล้วก็มาเจอพวกแกนี่แหละ 
     
    แล้วนี่มุงดูอะไรกัน”พอนะโมพูดจบ เขาก็เดินเข้ามาดูด้วย “รันตายแล้ว”ด้อยเป็นคนตอบ 
     
    “ที่อยู่ข้างล่างนั่นใช่มั้ย” “ใช่” “แบบนี้คนของเราก็เท่ากับขาดไปอีกคนน่ะสิ”บอยพูดปิดท้าย 
     
    ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงเหมือนเสียงกรรโชกของหมา 
     
    เมื่อพวกเขาหันไปมองก็เห็นรันซึ่งมีสภาพที่น่าเวทนา 
     
    ร่างกายที่เนื้อบางส่วนหลุดหายไปเพราะถูกจระเข้กัดกินมีเลือดเต็มตัว 
     
    เขาพยายามลุกขึ้นมาท่ามกลางความตกใจและหวาดกลัวของคนอื่นๆ แต่เมื่อลุกยืนได้ 
     
    แสงแดดที่ส่องลงมาโดนตัวเขาก็ทำให้เกิดไฟลุกท่วมตัวเขา เขาร้องโอดโอยอย่างคนใกล้ตาย 
     
    ปัง และเขาก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอีกครั้งเมื่อนะโมยิงเขา กระสุนฝังเข้าไปในหัวใจ 
     
    ลูกตาลกพูดขึ้นว่า “มันเป็นไปได้ไงน่ะ นั่นมันเป็นผีดิบนี่”นำเสียงของเธอดูจะยังไม่หายตกใจ 
     
    ก่อนที่จะมีใครให้คำตอบลูกตาลได้นะดมก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า “รีบออกเดินทางกันเถอะ 
     
    ฉันว่ามันต้องมีมากกว่านี้แน่” “แล้วเราจะทำยังไงถ้าเจอกับมันอีกล่ะ” ดิวถามขึ้น 
     
    เอดวินตอบคำถามเขาไปว่า “พวกนี้น่าจะทนแสงแดดไม่ไหว แล้วก็แพ้อาวุธด้วย 
     
    เพราะฉะนั้นเราควรประหยัดกระสุนไว้ด้วยการรีบเดินทางก่อนที่ดวงตะวันจะลับขอบฟ้า” 
     
    แล้วก็มีเสียงคล้ายๆกันดังขึ้นอีกหลายเสียง นะโมกับพวกรีบแจกจ่ายปืนให้คนที่เหลือ 
     
    เมื่อได้ปืนกันครบทุกคนแล้วพวกเขาจึงรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็ว 
     
    เริ่มมืดแล้วพวกเขาก็เริ่มเห็นฝูงผีดิบเหมือนกัน 
     
    ตอนนี้พวกเขาเห็นแสงไฟอยู่ไม่ไกลนัก 
     
    “รีบวิ่งเร็ว”นะโมซึ่งนำกลุมอยู่หันมาพุดกับคนด้านหลัง แล้วด้อยก็ตะโกนขึ้นว่า “ระวัง!” 
     
    ซึ่งก็เกือบจะพร้อมกับตอนที่มีผีดิบตัวหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหน้าของนะโม 
     
    เขาใช้ด้ามปืนหวดกลับไป มันล้มลงแต่เมื่อมันพยายามจะลุกขึ้นมาใหม่ เอดวินก็ยิงหัวมันซ้ำ 
     
    เขาหันไปบอกทุกคนว่า “ระวังตัวให้ดีนะ 
     
    พยายามยิงที่หัวหรือไม่ก็หัวใจจะเป็นการเผด็จมันทันที 
     
    แล้วก็เร่งฝีเท้ากันด้วย”ทุกคนหยิบปืนขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อมยิง 
     
    นอกจากพวกผีดิบแล้วพวกเขายังเห็นโครงกระดูกที่ถือธนู ผีดิบที่มีระเบิดฝังไว้ในตัว 
     
    และพวกแมงมุมกลายพันธุ์ 
     
    ธนูดอกหนึ่งเฉี่ยวเอดวินไปขณะที่เขากำลังช่วยนะโมกับบอยเปิดทาง 
     
    ด้อยยิงโครงกระดูกตัวที่ยิงธนูใส่เอดวินได้ 
     
    เขากับลูกตาลกำลังช่วยกันยิงพวกโครงกระดูกอยู่ พวกที่เหลือช่วยกันระวังหลังให้คนอื่นๆ 
     
    เมื่อพวกเขามาถึงหน้าค่าย นะโมรีบตะโกนบอกให้คนในค่ายรีบเปิดประตูค่าย 
     
    เมื่อประตูเปิดแล้วพวกเขารีบเข้าไปในค่ายโดยมีกลุ่มคนข้างบนกำแพงช่วยจัดการกับฝูงผีดิ
     
    บให้แต่เมื่อประตูกำลังจะปิด โครงกระดูกห้าตัวที่ยืนอยู่ในแนวหน้าก็ยิงธนูเข้ามา 
     
    ธนูสองดอกปักเข้าที่แขนขวาและท้องของด้อย หนึ่งดอกปักขาของลูกตาล 
     
    และสองดอกที่เหลือปักเข้าที่ท้องของเอดวิน 
     
    เอดวินซึ่งกำลังจะหมดสติ 
     
    เขาได้ยินเสียงเพื่อนของเขาเรียกชื่อของเขาและเห็นด้อยกับลูกตาลร้องโอดครวญเพราะถูก
     
    ยิง และเขาก็เห็นฮีโร่บายอีกครั้งก่อนหมดสติไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×