คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 : งอน...ง้อ
Chapter : 7
งอน…ง้อ
“สมาย…น้องเปิดประตูให้พี่หน่อยสิคะ” แกงส้มเคาะประตูเรียกสมาย แต่ก็ เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
“พี่รู้นะว่าน้องยังไม่นอน” แกงส้มพูด
ด้านสมายเองนั่งหน้าบูดกอดอกอยู่ที่ปลายเตียง เธอหงุดหงิด หงุดหงิดมากด้วย ทำไมพี่ต้องไปจูบกับยัยเจ้นั่น น้องหวง พี่ใครใครก็หวง เธอนิ่งฟังเสียงแกงส้มพูดต่อ
“ถ้าน้องไม่เปิดประตูให้พี่ พี่จะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” แกงส้มขู่
“ชิ๊ คิดเหรอว่าจะกลัว” สมายบ่นเบาๆ
“เปิดประตูมาคุยกับพี่หน่อยสิคนดี” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“สมาย!!!” แกงส้มเรียกเสียงดังหนักแน่น….เมื่ออ่อนไม่ได้ผลเขาจึงใช้ไม้แข็งบ้าง
“จะเปิดหรือไม่เปิด” แกงส้มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายสมายก็ยอมแพ้…ลุกไปปลดล็อคประตูให้พี่ชายอย่างขัดใจ ก่อนตัวเธอจะกลับมานั่งที่เดิม ในท่าเดิม แกงส้มเดินเข้ามาในห้อง ก็พบว่าน้องสาวนั่งงอนตุ๊บป่องหันหลังให้เขาอยู่
“โกรธอะไรคะ?” แกงส้มถาม
“ยังมีหน้าจะมาถามอีก” สมายได้แต่คิดอยู่ในใจ คิ้วเริ่มผูกเป็นโบว์แน่นขึ้น
“เรื่องแกรนด์พี่อธิบายได้นะ” แกงส้มเปลี่ยนตำแหน่งยืนไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เพื่อจะมองใบหน้าบูดบึ่งนั่นของน้องสาว สมายไม่พูดอะไร เพียงแต่สบตาพี่ชายนิ่ง เป็นเชิงรอคำอธิบาย
“ผู้หญิงคนนั้นคือกิ๊กไอ้แคนมัน” สมายมองพี่ชายอย่าง งงๆ กิ๊กเพื่อนแต่ดันมาจูบกับตัวเองเนี่ยนะ เหอะ เหลือเชื่อ หญิงสาวตัดสินใจหันหน้าหนีชายหนุ่มไปอีกทาง
“พี่กับแกรนด์ไม่มีอะไรกันจริงๆนะ” แกงส้มสะกิดแขนน้องสาวเบาๆ
“แล้วพี่จูบกับเขาทำไมล่ะคะ” สมายหันกลับมาโวยวายใส่แกงส้ม แต่ทั้งเธอและแกงส้มก็ต้องชะงัก เมื่อใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบ สมายจ้องมองแววตาของผู้เป็นพี่ชายอยู่นานก่อนจะลุกหนี แต่ก็ช้ากว่ามือพี่ชายที่ฉุดร่างเธอล้มลงนั่งบนตักเขา
“พี่แกงปล่อยนะ” สมายพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของพี่ชาย แต่ยิ่งดิ้นพี่ชายก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น
“ไม่ปล่อยถ้าน้องไม่เลิกงอนพี่” แกงส้มพูดอย่างเป็นต่อ
“น้องไม่ได้งอน แต่น้องโกรธมาก พี่มีแฟนทำไมไม่บอกน้อง” สมายหยุดดิ้นก่อนจะถามแกงส้ม
“แกรนด์กับพี่ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย เขาพูดเองเออเองทั้งนั้น”
“เหรอคะ ไม่ได้เป็นแฟน แล้วพี่จูบเขาทำไม” สมายหงุดหงิด หันมาตะคอกใส่พี่ชาย
“พี่ไม่ได้จูบเขานะ” แกงส้มรีบสวนกลับทันที
“พี่จะบอกว่าเขาจูบพี่ว่างั้น?” สมายพูดประชด แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเธอมองเห็นแววตาของผู้เป็นพี่ชาย นี่ยัยนั่นเป็นฝ่ายจูบผู้ชายก่อนอย่างงั้นเหรอ แม้แกงส้มจะไม่พูด แต่เธอก็มองแววตานั้นออก
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ น้องเลิกโกรธพี่แล้วล่ะค่ะ” สมายยอมใจอ่อน เธอไม่เคยโกรธเขาได้นานเกินชั่วโมงเลยสักครั้ง
“และต่อไปนี้พี่ต้องสัญญากับน้อง ว่าพี่จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีก” สมายยื่นคำขาด
“แล้วถ้าเขามายุ่งกับพี่เองล่ะ” แกงส้มพูดเสียงอ่อยๆ
“น้องนี่แหละ จะเป็นไม้กันหมาให้พี่เอง” สมายพูดอย่างเอาจริงเอาจัง ที่เธอทำไปเนี่ย เป็นเพราะว่าเธอแค่หวงพี่ชายเท่านั้นเอง พี่ชายเธอจะต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงดีๆเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างยัยเจ้หน้าขาวนั่น
“จะปล่อยน้องได้หรือยัง” สมายถามด้วยใบหน้าแดงกร่ำ แกงส้มต้องจำใจปล่อยน้องสาวไปทั้งๆที่ในใจเขาอยากกอดเธอแบบนี้นานๆ ก็เขาไม่ได้กอดเธอมานานแล้วนี่น่า คิดถึ๊งคิดถึง
สมายลุกขึ้นมองหน้าแกงส้มทันทีที่หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา เธอพินิจพิเคราะห์มองดูผู้เป็นพี่ชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เอ๊ออ พี่ชายของน้องเนี่ย ก็หล่อเหมือนกันแหะ ถึงว่า…ยัยเจ้หน้าขาวนั่นน่ะถึงได้หลงเสน่ห์พี่”
“มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ มีพี่ชายหน้าตาดีก็ต้องคอยดูแลดีๆล่ะ เดี๋ยวถ้ามีสาวๆ มาแย่งพี่ไปแล้วน้องจะเหงา” แกงส้มอดไม่ได้ที่จะยื่นอกรับคำชมของน้องสาว ก่อนจะแหย่น้องสาวเล่น สมายหมั่นไส้พี่ชายตัวโต และด้วยความหมั่นไส้ คนตัวเล็กๆอย่างสาวเจ้าก็สามารถผลักพี่ชายตัวโตจนเซได้ ก่อนที่เธอเองจะวิ่งหนีพี่ชายลงไปข้างล่าง
สองพี่น้องที่เมื่อครู่งอนง้อกันอยู่ แต่บัดนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นวิ่งเล่นหยอกล้อกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทั้งมารดาและแม่บ้านต่างมองภาพนั่นด้วยความสุข สโรชาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าเด็กสองคนนี้ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ชีวิตเธอคงจะไม่มีความสุขเช่นนี้
วันถัดมา
“วันนี้ช่วงบ่ายมีประชุมนะสมาย น้องต้องเขาประชุมกับพี่ด้วย” สมายพยักหน้ารับคำพี่ชาย ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
กริ๊งงงงงงงงงงง
สมายมองดูโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างฉงนใจ แปลก..ใครกันสายตรงเข้ามาที่โต๊ะ ปกติถ้าใครจะติดต่อเธอจะต้องติดต่อผ่านมะปราง ผู้ช่วยของเธอ เพื่อให้เขาต่อสายเข้ามาในห้องเธอ
“สวัสดีค่ะ โสรญาพูดค่ะ” สมายยกหูโทรศัพท์ขึ้น ก่อนจะแนะนำตัวกับปลายสาย
“ตั้งใจทำงานนะสาวน้อย” เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเธอก็รู้ได้ทันทีว่าคือเสียงใคร
“พี่แกง…เล่นไรก็ไม่รู้” หญิงสาวอดที่จะบ่นกลับไปไม่ได้
“พี่แกงก็ตั้งใจทำงานนะคะ…อ่อ อย่าเพิ่งวางค่ะ จำไว้นะถ้ายัยเจ้หน้าขาวนั่นมายุ่มย่ามกับพี่แกง พี่แกงต้องโทรเรียกน้องทันที” อดไม่ได้ที่เธอจะพูดถึงยัยเจ้หน้าขาวนั่นอีกครั้ง
“ค่าๆ” แกงส้มรับคำขำๆก่อนจะวางสายไป
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ประตูห้องทำงานของเธอก็เปิดขึ้น ก่อนจะปรากฏตัวร่างของหญิงสาวสองคน คนแรกคือ เจ้หน้าขาวที่หล่อนเพิ่งกล่าวถึง ส่วนอีกคนคือมะปรางผู้ช่วยของเธอ
“พี่บอกเขาให้รอหน้าห้องแล้ว แต่…” หญิงสาวหน้าเสีย รีบแก้ตัวที่บกพร่องในหน้าที่
“ไม่เป็นไรค่ะพี่มะปราง กลับไปทำงานเถอะค่ะ” สมายเข้าใจผู้ช่วยของเธอดี ก่อนจะตัดบท บอกให้เธอกลับไปทำงานต่อ โดยไม่ได้เอาเรื่องอะไร
“น้องสมาย…สวัสดีจ้ะ” แกรนด์มองตามหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกไปจนลับตา ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้อง
“ค่ะ…” สมายเพียงแค่รับคำทักทาย แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้ทักทายกลับ เพียงแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานตรงหน้าต่อ
“นี่จ้ะนี่” แกรนด์จัดการหยิบของต่างๆมากมายที่เธอเตรียมมา ออกมาวางโชว์ให้กับสมาย
“อะไรคะ?” สมายถามอย่างสงสัย
“ก็ ข้าวปั้นที่อร่อยที่สุดในประเทศ กับ น้ำหอมที่หอมที่สุด แพงที่สุด และที่สำคัญกลิ่นนี้เหมาะกับน้องสมายมากๆ นี่พี่ตั้งใจซื้อมาฝากน้องสาวสุดที่รักเลยนะจ้ะ” สมายยิ้มแหยๆส่งให้แกรนด์ คิดเหรอว่าเอาของพวกนี้มาให้เธอ แล้วเธอจะเปิดทางให้
“ขอบคุณค่ะ แต่มายไม่ต้องการ” สมายตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ด้านแกรนด์เองก็แอบกระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจ
“อ่อ พี่แกรนด์คะ..พี่ไม่มีงานทำเหรอ” สมายถามออกไปตรงๆ เธอล่ะสงสัยเสียจริง เวลาทำงานแต่แม่คุณหนูหน้าขาวนี่มายุ่มย่ามอยู่ในบริษัทเธอตลอดเวลา แกรนด์เองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับสะอึก ยัยเด็กนี่ร้ายกว่าที่เธอคิด
“เอ่อ…ก็นี่ไงจ้ะพี่กำลังงานอยู่” สมายเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“งานพี่ก็คือ มาดูแลน้องสาวสุดที่รัก ว่าที่น้องสาวของสามีในอนาคตไงจ้ะ” สมายวางปากกาในมือลงด้วยความหงุดหงิด ไม่มีอารณ์ที่จะสร้างสรรค์งานตรงหน้าต่อ
“มายกับพี่ไปรักกันตอนไหน แล้วพี่ขี้ตู่ไปเองหรือเปล่าคะ ว่าพี่จะได้พี่แกงไปเป็นสามี” พูดจบสมายก็ลุกเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ ก่อนจะตรงไปโวยวายว่าที่สามีของยัยเจ้หน้าขาวนั่น แกรนด์เองก็มองตามร่างเล็กนั้นอย่างเหลืออด เธอไม่ไหวแล้วกับการเล่นละครเป็นพี่สาวที่แสนดี
“คอยดูนะถ้าฉันแต่งงานกับแกงเมื่อไหร่ เธอนั่นแหละจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ยัยเด็กบ้า!” แกรนด์สบถตามหลังสมายอย่างไม่ให้เธอได้ยิน
“ไงคะ จะแต่งงานแล้วไม่บอกน้องเหรอคะ” สมายเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาตของเจ้าของห้อง ก่อนจะพูดจาประชดประชัน จนคนตรงหน้าถึงขั้นงง
แกงส้มวางปากกา ก่อนจะเงยหน้ามองน้องสาวของเขาด้วยความสงสัย
“ยัย คุณหนูหน้าขาวนั่นน่ะ เอาของแบรนด์เนมราคาแพงๆมาประเคนให้น้องถึงที่ คงหวังล่ะสิว่าน้องจะไฟเขียวให้ หึ แล้วยังบอกน้องอีกนะ ว่าน้องเนี่ยเป็นน้องสาวของว่าที่สามีในอนาคต แหวะ พูดมาได้ไม่อายปาก” สมายกอดอกพูดไปเบ้ปากไปด้วยความหมั่นไส้
“อ้าว นึกว่าน้องสมายไปไหนซะอีก ที่แท้ก็มาอยู่ในห้องแกงนี่เอง” สมายลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย กับการที่เธอหนีมานี่แล้วคุณเธอก็ยังโผล่มานี่อีก
“แกงคะ ดูสิว่าแกรนด์มีอะไรมาฝาก แถ่แด๊” แกรนด์ตรงเข้าไปควงแขนชายหนุ่มคนเดียวในห้อง ก่อนจะชูเนคไทราคาเหยียบหมื่นให้แกงส้มดู
“โอ้โห!! ถ้า สมายจำไม่ผิด เนคไทเส้นเนี้ยราคาหลายหมื่นเชียวนะคะ” สมายแสร้งทำเป็นตื่นเต้น ชื่นชมกับของตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อ
“พี่แกรนด์คะ สมายสงสัยจังค่ะ ว่าทำไมพี่แกรนด์ไม่เก็บเงินไปทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์มากกว่านี้คะ” สมายกระแหนะกระแหนแกรนด์อย่างอดไม่ได้ แกงส้มเองก็มองพฤติกรรมน้องสาวตัวดีเขา ก่อนเขาเองจะลอบอมยิ้มออกมา อีกครั้ง แกรนด์อึ้งกับคำพูดของสมายแต่เธอก็ทำได้เพียงยิ้ม และเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้เท่านั้น เพราะบทบาทพี่สาวที่แสนดียังไม่จบ
“พี่แกรนด์คะ” สมายตรงเข้าไปดึงร่างของแกรนด์ให้ออกห่างจากแกงส้ม ก่อนจะเดินสำรวจรอบตัวเธอ
“พี่แกรนด์พิการหรือคะ เอ๊ะหรือว่าสูญเสียการทรงตัว สมองไม่สั่งการ เป็นอะไรตรงไหนหรือเปล่าคะ ถึงยืนเองไม่ได้ ต้องคอยเกาะแกะคนอื่นเขาตลอดเวลา!!!”
“นี่!!” แกรนด์สบถออกมาพร้อมมองหน้าสมายอย่างลืมตัว ก่อนที่เธอจะพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอเอง แกรนด์เหลือบไปมองแกงส้มที่เวลานี้เขาก็มองเธออยู่ สุดท้ายวันนี้เธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ยัยเด็กแสบนี่ไปก่อน
“แกรนด์ขอตัวนะคะแกง” พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที
สมายยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ ที่เธอสามารถปราบตัวน่ารำคาญนี่ออกไปจากบริษัทเธอได้ เมื่อภารกิจเสร็จหญิงสาวก็ตั้งท่าจะเดินกลับไปที่ห้องของเธอแต่…
“เดี๋ยว” แกงส้มร้องเรียกน้องสาว ก่อนที่เธอจะหันมามองพี่ชาย
“ไม่น่ารักเลยนะคะ”
“แล้วแบบไหนกันล่ะคะที่น่ารัก” สมายพูดด้วยน้ำเสียงงอน
“ต้องเกาะ ต้องควง หรือจูบเลยล่ะคะ” พูดจบเธอก็เดินหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์ ‘เราอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ มาหาว่าเราไม่น่ารัก ชิ๊’ แกงส้มมองตามน้องสาวตัวดี เธองอนเขาอีกแล้ว….
ขออภัยหากสะกดคำผิด หรือ ใช้คำวิบัติ แต่เพื่ออรรถรสในการอ่าน
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณค่ะ.
ความคิดเห็น