ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Precious Jewel [WonHyuk ft KiHae]

    ลำดับตอนที่ #5 : My Precious Jewel : พี่น้อง

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 51


                                                   

    ดงเฮโทรมาหาเขา..

             

    ฮยอกแจพยายามซักน้องชายที่โทรศัพท์มาหาเขาอยู่นานแต่ดงเฮก็พูดสับสนและเอาแต่ร้องไห้...เขาพยายามจับใจความอยู่หลายหนจนในที่สุดเขาก็จับใจความได้ว่า ดาบินหายไป...

     

    ฮยอกแจบอกให้ดงเฮรออยู่ที่บ้านส่วนเขาจะรีบกลับ...ทันทีที่วางโทรศัพท์ฮยอกแจก็วิ่งไปที่ห้องของผู้จัดการร้าน

     

    พี่เยซองครับ…” ชายร่างเล็กกำลังนั่งดูแค๊ตตาล๊อกเครื่องประดับไม่ได้เงยหน้าตามเสียงเรียก สายตาเขายังจับจ้องไปที่รูปภาพขณะถามคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง

     

    อะไรเหรอฮยอกแจ…”

     

    วันนี้ผมขอลางานนะครับพอได้ยินแบบนั้น เขาก็เงยหน้าแล้วโวยตามแบบฉบับเจ้าของร้านขี้โวยที่เหล่าพนักงานในร้านเคยแอบซุบซิบกัน

     

    ฮะ..นายจะลางานได้ยังไง ก็ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้คนขาด หยุดไม่ได้น่ะ!”

     

    แต่พี่ครับ มันเป็นเรื่องด่วนจริงๆฮยอกแจพูดน้ำเสียงตื่นๆ เพราะกำลังพะว้าพะวงกับการหายตัวไปของดาบิน

     

    แต่เราคุยกันแล้วนะ ถ้านายไม่อยู่อีกคน พนักงานเราก็จะไม่พอ แล้ววันนี้น่ะญาติๆ ฉันจะมาด้วย ถ้าไม่มีคนดูแลพวกเขา ร้านฉันก็เสียชื่อหมดสิ

     

    ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่างานที่ร้านสำคัญ แต่ถ้าจะให้ดาบินหายไปโดยไม่ออกตามหาเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน ฮยอกแจจึงได้แต่ขอร้องเจ้าของร้านผู้เป็นเจ้านายของเขาเท่านั้น

     

    พี่ครับ...ผมขอร้องฮยอกแจก้มหัวแล้วไม่ยอมเงยขึ้น เยซองพ่นลมหายใจออกมาอย่างอารมณ์เสีย

     

    ถ้านายไปฉันจะตัดเงินเดือนนาย!”

    ขอบคุณครับฮยอกแจถือเป็นคำอนุญาต เขาพูดขอบคุณแล้วรีบวิ่งไปโดยไม่ฟังเสียงตะโกนไล่หลังของเจ้าของร้านอย่างเยซองแม้แต่นิดเดียว

     

    ขณะที่ประตูเปิดออก...ฮยอกแจก็ชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง...

     

    คนร่างสูงกว่าถึงกับผงะเซเมื่อมีร่างเล็กบางที่ไม่รู้จักชนชนเข้ามาที่แผงอก...

     

    เขามองคนตรงหน้า ตัวบางๆ นิดเดียวแต่ว่าแรงเยอะจริงๆ...

     

    ขอโทษครับ

     

    ไม่เป็นไรฮันคยองตอบเบาๆ  สายตาทอดยังคนร่างบางที่รีบก้มขอโทษแล้วก็รีบวิ่งออกไป เขามองตามจนคนๆ นั้นเคลื่อนหายไปกับตาแล้วจึงหันกลับมามองญาติที่ยังโวยวายไม่หยุด

     

    โวยวายอะไรเยซอง?”

     

    ก็เด็กเสิร์ฟผมน่ะสิ อยู่ดีๆ ก็มาขอลางานกะทันหัน วันนี้ญาติเราน่าจะมากันเยอะอยู่ด้วย หายไปแบบนี้ คนอื่นๆ ก็แย่หน้าของเยซองตอนนี้มุ่ยแล้วมุ่ยอีก ฮันคยองได้แต่หัวเราะหึในลำคอกับสีหน้าของญาติผู้น้อง

     

    เด็กนั่นคงมีธุระด่วนล่ะมั้งเขาบอกไปแบบนั้น...ก็เพราะว่า...ขนาดแค่เดินออกจากประตู...เด็กนั่นยังไม่ดูทางเลย...เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจะเดินจะวิ่งอย่างเดียว

     

    ก็ตกลงกันไว้แล้วว่าห้ามหยุดนี่...เฮ้อ...ฮยอกแจนะฮยอกแจเยซองส่ายหน้าไปมาอย่างระอา...ถ้าฮยอกแจไม่อยู่อีกสักคน งานในร้านวันนี้คงยุ่งขึ้นอีกเยอะ

     

    ช่างเถอะ...

     

    เยซองถอนใจพลาง แล้วเริ่มหันมาคุยกับญาติผู้พี่

     

    ทำไมพี่มาเร็วจัง เลิกงานแล้วเหรอ

     

    อืม...ฮันคยองพยักหน้า

     

    วันนี้ครอบครัวใหญ่ของเขาจะมีปาร์ตี้เล็กๆ เลี้ยงต้อนรับชีวอนที่กลับมาจากอเมริกาและเลี้ยงฉลองที่ชีวอนสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลด้วย ถ้าเป็นญาติคนอื่นๆ คงจะไม่มีความสำคัญนักและคงไม่มีใครจัดงานเลี้ยงให้ แต่เพราะชีวอนคือหลานรักที่สุดของคุณปู่ เมื่อท่านเอ่ยปากว่าต้องจัดทุกคนก็จำเป็นต้องมาร่วมงาน...

    ...นับเฉพาะคนที่ว่างจริงๆ ที่จะมาในวันนี้ก็มีกว่าสิบชีวิต...ครอบครัวเขาน่ะญาติเยอะ เกี่ยวดองไปหลายนามสกุล ทั้งนามสกุลโจ ชอย ซอง แต่นามสกุลหลักต้นสายใหญ่ของครอบครัวนี้ก็คือนามสกุล ชเว ที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นตระกูลทรงอิทธิพลของโซลนั่นเอง...

     

    …………..

     

    ด้วยความร้อนใจฮยอกแจจำต้องนั่งรถแท๊กซี่ที่กินเงินในกระเป๋าไม่น้อยกลับมาที่บ้าน สำหรับเขาตอนนี้เงินทองมันไม่ใช่สิ่งสำคัญ  สิ่งสำคัญที่สุดก็คือดาบินน้องสาวของเขาต่างหาก

     

    เขาก็เห็นดงเฮยืนก้มอยู่หน้าบ้าน จึงรีบลงจากรถแล้ววิ่งมาหาน้องชาย เขาสะกิดเรียกดงเฮเบาๆ เมื่อเห็นน้องชายเอาแต่ยืนก้มหน้า...พอน้องชายเงยหน้าเท่านั้นเขาก็เห็นน้ำตาที่นองหน้าของคนเป็นน้อง

     

    พี่...ดาบิน...ดาบินดงเฮพูดอย่างละล่ำละลัก มือของเขาสั่นเทาพอๆ กับตัวที่สั่นไหว

     

    ฮยอกแจได้แต่แตะไหล่น้องชายและปลอบผ่านสายตา...ดงเฮตกใจเหมือนๆ กับเขาที่ตกใจ แต่ในเวลานี้เขาก็พยายามใจเย็นที่สุด เขาต้องเป็นหลักให้ดงเฮแล้วก็ต้องตามหาน้องให้เจอ...

     

    นายหาดูทั่วแล้วใช่ไหม?” เขาถามน้องชายอีกหนเพื่อให้แน่ใจ...ดงเฮพยักหน้า แต่แววตาก็ยังตระหนกอยู่ไม่หาย...

     

    เอางี้นะ...เดี๋ยวพี่จะลองไปหาอีกรอบ นายอยู่ตรงนี้นะดงเฮ...ถ้าดาบินมาก็โทรตามพี่

     

    เห็นท่าของน้องชายแล้วก็คงจะให้ช่วยตามหาอีกแรงไม่ไหว ฮยอกแจจึงบอกให้ดงเฮรออยู่ตรงนี้ ส่วนเขาจะออกไปตามหาดาบินเอง

     

    ฮยอกแจเดินท่ามกลางท้องฟ้าที่ปิดมิด หนทางตามหาก็ดูเหมือนจะมืดมนตามไปด้วย ทุกที่ทุกบริเวณแถบนั้น ไม่มีเด็กหญิงวัยแปดขวบน้องสาวของเขาแม้แต่เงา...

     

    หัวใจที่เคยเข้มแข็งอ่อนยวบลงไปทันที...

     

    ดาบิน...น้องอยู่ที่ไหน...พ่อแม่ครับ ช่วยให้ผมเจอน้องด้วยเถอะ

     

    .......................................

     

    ดงเฮมองเห็นพี่ชายเดินกลับมาคนเดียว...เขาถึงกับทรุดตัวลงไปกับพื้น ขาของอ่อนล้าเกินกว่าจะยืนไหวได้อีก...

     

    ถึงตอนนี้จะไม่มีน้ำตาสักหยดแต่เขาก็ร้องไห้อยู่ในใจ...

     

    ดาบิน...ดาบินอยู่ไหน...

     

    ....รถสีขาวเคลื่อนมาจอดตรงหัวมุมของขอบถนน เด็กหญิงตัวน้อยลงมาจากรถสีขาวคันนั้น แล้วโบกมือไหวๆ ให้กับคนที่อยู่ข้างในจนกระทั่งรถคันนั้นเคลื่อนไปจนลับสายตา

     

    ฮยอกแจและดงเฮหันไปมองพร้อมกัน ...พอเห็นชัดว่าเด็กน้อยคนนั้นเป็นใคร เรี่ยวแรงที่หายหมดสิ้นก็กลับมาพร้อมๆ กับสองขาที่ก้าวพรวดไปทันที!

     

    ดาบินเธอไปไหนมา!”

     

    ไป...บ้านฮานึล...มาคนตาแป๋วตอบพี่ชายเสียงเบา ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นจืดสนิทนับตั้งแต่ที่เธอได้ยินน้ำเสียงตะคอกแล้วก็ตาดุๆ ของพี่ชายคนรอง

     

    ไปบ้านฮานึล!  ไปทำไม พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่บ้าน ให้รอพี่!”ฮยอกแจกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาน้องทั้งสอง เขาเรียกดงเฮเบาๆ เมื่อเห็นว่าน้องชายกำลังตะคอกใส่ดาบินจนตัวของเธอสั่น...

     

    ก็..ก็...หนูหิว รอตั้งนานพี่ยังไม่กลับ ฮานึลมาที่บ้าน...แล้วก็ชวนไปกินข้าวที่บ้านเค้า...หนูก็เลย..ไป...

     

    อะไรนะ แค่หิวงั้นเหรอ ทำไมเธอไม่อดทนหน่อย รอพี่สักแป๊บจะเป็นอะไรไปหาดาบิน!”

     

    ดงเฮ...ฮยอกแจสะกิดน้องชาย เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลพรั่งจากตากลมโตของน้องสาว...

     

    พี่ดงเฮหนูขอโทษ....เสียงเล็กๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือชวนน่าสงสาร แต่เวลานี้ดงเฮกลับไร้ความรู้สึกสงสารน้องสาวอย่างสิ้นเชิง!

     

    ขอโทษเหรอ แค่คำขอโทษมันใช้ไม่ได้หรอกดาบิน!”ดงเฮเขย่าตัวคนตัวเล็กที่พูดอะไรไม่ออกนอกจากส่งเสียงสะอื้น

     

     เธอรู้มั้ยว่าพวกพี่เป็นห่วงเธอแค่ไหน ดาบิน! ดาบิน!”ดงเฮเขย่าตัวน้องไปมาและแรงขึ้นเรื่อยๆ จนลีฮยอกแจต้องปราดเข้ามา

     

    ดงเฮ!”ฮยอกแจกระชากดงเฮออกมาจากน้องสาว ดงเฮเซไปตามแรงดึงแล้วแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

     

    ดงเฮหันหลังแล้วเดินหนี ฮยอกแจตะโกนเรียกแต่คนเป็นน้องก็ไม่ได้สนใจจะฟัง และยังคงจ้ำเดินออกไป

     

    ดงเฮ...นายจะไปไหนน่ะ ดงเฮ...ดงเฮ!

     

    ฮยอกแจถอนใจเบาเมื่อเห็นว่าต่อให้เรียกเท่าไหร่ดงเฮก็คงจะไม่หันกลับ เขาละสายตาจากร่างเล็กที่เดินหายไปพร้อมกับความมืดของค่ำคืน แล้วหันไปมองคนตัวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นแทน

     

    หนูเป็นเด็กไม่ดี พี่ๆ เกลียดหนูแล้วใช่ไหมน้องสาวพูดเสียงสะอื้น...หน้าเดียงสานั้นล้วนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

     

    ไม่หรอก พวกพี่ไม่มีวันเกลียดดาบินหรอก พวกพี่แค่เป็นห่วงที่เธอหายออกจากบ้าน...เงียบเถอะดาบิน ถ้ายังไม่หยุดร้อง พ่อแม่บนสวรรค์จะไม่สบายใจนะ

     

    เขากอดและปลอบน้องสาว...ดาบินพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ร้องไห้ทันทีที่ได้ยินคำว่าพ่อแม่บนสวรรค์จะไม่สบายใจ...

     

    แต่เธอก็...หยุดร้องไม่ได้...

     

    คนเป็นพี่ชายจึงกอดน้องสาวแน่นขึ้น...

     

    งั้นก็ร้องออกมาเถอะ...อยากร้องเท่าไหร่ก็ร้องให้พอ...แต่ต้องสัญญานะว่าในวันพรุ่งนี้....เจ้าหญิงน้อยของพี่จะไม่ร้องไห้อีก…”

     

    แล้วหลังจากนั้นเจ้าหญิงน้อยก็ร้องไห้หนักขึ้นไปเรื่อยๆ ...

     

    ……………….

     

    ดงเฮเดินเรื่อยไปตามสองข้างทาง เขา เดินไปเรื่อยๆ... เรื่อยๆ...

     

    เมื่อกี้...เกิดอะไรขึ้น...

     

    อ๋อ...เขากำลังดุดาบิน เขากำลังโกรธเธอ...

     

    เขาโกรธดาบินเพราะดาบินหายไปจากบ้านทั้งๆ ที่เขาบอกให้ดาบินอยู่ที่บ้าน แล้วเธอก็รับปากเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ

     

    เขาโกรธดาบินเพราะดาบินทำให้พี่ฮยอกแจต้องลางานออกมาเพื่อตามหาเธอ...

     

    เขาโกรธดาบินเพราะดาบินทำให้เขากับพี่ฮยอกแจต้องเป็นห่วง

     

    ดงเฮยังคงเดินเรื่อย...แล้วมันก็ถึงบ้านของเขาอย่างไม่ตั้งใจ...

     

    บ้านที่เคยมีพ่อแม่ พี่ฮยอกแจ เขา แล้วก็ดาบิน...

     

    ครอบครัวอบอุ่นที่ใครๆ ก็อิจฉา...

     

    พ่อแม่สอนเสมอว่าพวกเขามีกันอยู่แค่สามคน ให้พวกเขารักกันมากๆ พี่ต้องดูแลน้อง น้องต้องเชื่อฟังพี่...

     

    แล้ววันนี้ล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้น...มันเป็นเพราะอะไร

     

    เพราะพี่ไม่ดูแลน้อง หรือ เพราะน้องไม่เชื่อฟังพี่

     

    เขานึกถึงเสียงเล็กๆ ของดาบินที่บอกกับเขาเมื่อครู่...

     

    หนูหิว รอตั้งนานพี่ยังไม่กลับ ฮานึลมาที่บ้านแล้วก็ชวนไปกินข้าวที่บ้านเค้า หนูก็เลยไป

     

    ดงเฮลองคิดดูแล้ว...

     

    ไม่ใช่เพราะน้องไม่เชื่อพี่...แต่เป็นเพราะพี่ต่างหากที่ไม่ดูแลน้อง...

     

    แล้วน้ำตาของดงเฮก็ไหลออกมาเงียบๆ...

     

     

     

    ……………………..

     

     

     

     

    เขาไม่รู้ว่าป่านนี้ดงเฮไปถึงไหน...แต่ฮยอกแจก็กำลังรอคอยการกลับมาของน้องชาย...

     

    ตอนที่ดงเฮเดินออกไปเขาก็อยากวิ่งไปดึงน้องชายกลับมาเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นอกจากมองน้องชายที่เดินหายไปจนลับตา...

     

    เขารู้ว่ากับบางเวลา คนบางคนก็อยากจะอยู่คนเดียว....แบบเงียบๆ เหมือนกัน...

     

    อ่า...พี่ยังไม่นอนอีกเหรอดงเฮทักคนที่ยืนพิงอยู่ตรงกำแพงรั้วบ้าน...แต่หน้ากลับแหงนมองฟ้าเหมือนว่ากำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง...

     

    ...แล้วในที่สุดน้องชายก็กลับมา...ขอบคุณนะครับพ่อแม่ที่ช่วยบอกให้ดงเฮรู้ว่า...ควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...

     

    นายยังไม่กลับ จะให้พี่นอนได้ยังไงแววตาห่วงของพี่ชายทำให้ดวงตาที่แห้งผาดไปแล้วกลับมีน้ำชุ่มๆ คอยคลอเคลีย จวนเจียนที่จะไหลออกมาอีกครั้ง....

     

    เขารู้สึกละอายใจ...ที่วันนี้ทำเรื่องแย่ๆ ออกมา...

     

    เฮ้อ...ดงเฮถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วครุ่นคิดอะไรหลายต่อหลายอย่าง....

     

    พี่น่ะทั้งทำงานทั้งดูแลผมกับดาบิน ไหนจะทำกับข้าว ไหนจะสอนการบ้าน ...พี่เก่งจัง คนเพียงคนเดียวทำอะไรได้ตั้งเยอะ แต่ผมสิทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ...แค่ดูแลเรื่องกินของน้องแค่นี้ ผมก็ทำไม่ได้

     

     ผมเนี่ยแย่เป็นบ้าเลยทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง…”น้องชายพูดเสียงเบาแล้วก้มมองมือตัวเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี...

     

    ดงเฮพี่น่ะ...ไม่ได้เก่งไปหมดทุกอย่างหรอกนะฮยอกแจละสายตาจากน้องชายแล้วหันไปมองท้องฟ้าเหมือนที่เคยมองเมื่อครู่อีกครั้ง...

     

    ก่อนที่พี่จะทำกับข้าวเป็น พี่เคยโดนมีดบาดตั้งหลายครั้งเขายกมือซ้ายขึ้นมามองภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องลงมา

     

    นายจำได้หรือเปล่าว่าไอ้ครั้งที่หนักที่สุด ก็เป็นตอนที่ที่พี่เกือบตัดนิ้วตัวเอง

     

    จำได้สิพี่ เลือดเต็มมือพี่ไปหมดแต่พี่ไม่ร้องสักแอะ ผมต่างหากที่เอาแต่ร้องไห้เพราะกลัวเลือดน้องชายหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันเก่าๆ ...

     

    ฮยอกแจยิ้มบางแล้วยังคงเล่าต่อไป...

     

    ตอนทำงานแรกๆ พี่ก็โดนเจ้านายดุด่า บางทีก็โดนหยิกจนตัวเขียวเลยนะดงเฮมองหน้าพี่ชายอย่างอึ้งๆ  เขาก็เพิ่งได้ยินจากพี่ชายครั้งแรกนี่ล่ะว่าพี่ชายเคยลำบากกับงานด้วย ก็เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายจะบอกเขาเสมอว่า งานไม่หนักอย่างที่คิด ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...

     

    แล้วมันก็ทำให้เขาทึ่งพี่ชายของเขายิ่งไปกว่าเดิม...

     

    พี่เข้มแข็งจัง…”

     

    ไม่หรอก พี่ร้องไห้ออกบ่อย แค่ไม่ร้องให้ใครเห็นเท่านั้นเอง…”

     

    ตอนแรกๆ ที่พี่โดนด่า พี่เคยแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำด้วยนะ พอพี่กลับมา หัวหน้าก็ถามพี่ว่า ลีฮยอกแจนายไปทำอะไรตั้งนานในห้องน้ำ ทำไมตานายแดงขนาดนี้ พี่ก็จะตอบว่า ผมเป็นโรคเกี่ยวกับสายตาต้องใช้ยาหยอดตาทุกวัน หยอดทีไรน้ำตามันก็ไหลเลยทำให้ตาต้องแดงครับหัวหน้าฮยอกแจเล่าและทำเสียงใหญ่ๆ เลียนแบบหัวหน้า ดงเฮหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนิ่งไปเป็นครู่...

     

    พี่ต้องพยายามมากเลยเนอะ...

     

    ใช่...พี่พยายามอย่างมาก ต้องปรับตัวหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องงาน...ที่พยายามขนาดนี้ก็เพราะว่าพี่ไม่อยากให้พ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์ต้องเป็นห่วงไง...เขาบอกพลางใช้นิ้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า...ที่พักใหม่ของพ่อและแม่...

     

    เมื่อเทียบกันแล้ว...พ่อแม่คงตำหนิผมน่าดูเลยนะพี่...ก็ผมน่ะ...ทำตัวเป็นภาระพี่อยู่เรื่อยเลยดงเฮมองตามมือของพี่ชาย...กำลังคิดถึงคนสองคนที่อยู่บนท้องฟ้า...คนสองคนที่ไม่มีวันกอดปลอบเวลาที่เขาร้องไห้ได้อีกแล้ว

     

     นายไม่ใช่ภาระ แต่นายคือคนที่ทำให้พี่ต้องมีชีวิตต่อไป ถ้าไม่มีนายกับดาบิน พี่ก็คงตายไปพร้อมกับพ่อแม่แล้ว...พวกนายมีความสำคัญกับพี่ที่สุด...

     

    ดงเฮน้ำตาซึม...แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้...ไม่ใช่เพราะเขาร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลอีก แต่เขารู้สึกว่าความซึ้งใจไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยน้ำตา...

     

    ใช้รอยยิ้มทดแทน...มันคงจะดีกว่า...

     

    วินาทีนี้เขาจึงยิ้มให้กับพี่ชาย

     

    ฮยอกแจเห็นรอยยิ้มของน้องชายก็สบายใจขึ้นอีกเยอะ เขาเดินไปหาน้องชายแล้วโอบไหล่น้องชายไว้...

     

    ดงเฮ...นายรู้ไหมว่าพี่น้องคืออะไร...ดงเฮไม่ได้ตอบ แต่คิ้วที่ขมวดเข้มทำให้พี่ชายค่อยๆ เฉลยออกมา...

     

    พี่น้องก็คือสถานะที่ไม่มีวันเปลี่ยนไปได้…”

     

    ฮยอกแจค่อยๆ อธิบาย ในขณะที่น้องชายก็ฟังอย่างตั้งใจ...

     

    วันหนึ่งเราอาจเป็นพ่อ เป็นตา เป็นปู่ แต่ทุกอย่างเหล่านี้เราเป็นคนเลือกเอง แต่ความเป็นพี่น้องของเราน่ะ มันเลือกกันไม่ได้ ...สายเลือดมันติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ต่อให้เราปฏิเสธหรืออยากจะตัดขาดจากมันแค่ไหนมันก็จะไม่มีวันเปลี่ยน แล้วสถานะนี้ก็จะตายไปพร้อมกับเรา

     

     คำว่าพี่น้องมันยิ่งใหญ่มากเลยเนอะพี่พอฟังคำบอกจากพี่ชาย ดงเฮก็ยิ้มกว้างออกมา

     

    ใช่...แล้วมันก็เป็นความโชคดีด้วย ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะมีสถานะนี้ติดตัว มันเกิดขึ้นกับคนบางคนเท่านั้นเองพี่คิดว่าพี่โชคดีมากเลยนะที่มีน้องอย่างนายกับดาบินน่ะ

     

    ผมว่าผมโชคดีกว่านะที่มีพี่อย่างพี่ฮยอกแจ แล้วก็...มีน้องอย่างน้องดาบินน่ะปลายประโยคเสียงเบาลงแล้วรอยยิ้มเล็กๆ ก็ฉายบนใบหน้า

     

    ...ก็เธอน่ะ ช่างพูด ช่างประจบ ช่างอ้อน ช่างออเซาะซะไม่มี ถึงบางทีจะปากมอมไปหน่อย แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงลีดาบินคนนี้ก็เป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดในโลก...

     

    ฮยอกแจตบไหล่น้องชายเบาๆ

     

    นายคงไม่ได้โกรธน้องจริงๆ หรอกใช่ไหมดงเฮส่ายหน้า

     

    ผมโกรธตัวเองมากกว่า...น้องชายบอกอย่างนั้น ความกังวลทั้งหมดของฮยอกแจก็หายไปจนหมดสิ้น...

     

    งั้นก็เข้าบ้านเถอะ มันดึกแล้วเขาบอกพลางใช้มือตบไปที่หลังของน้องชาย

     

    ดงเฮสะดุ้งโหยง ใบหน้าอันเหยเกของเขาทำให้พี่ชายต้องถามอย่างสงสัย

     

    เป็นอะไรเหรอดงเฮ...ก็เขาตบหลังน้องชายเบาๆ เท่านั้นเองนี่...

     

    ก็ตอนไปกับเรียววุควันนี้น่ะ ผมซุ่มซ่ามชนของเข้าน่ะพี่ เจ็บจนถึงตอนนี้เลย ดงเฮรู้สึกเจ็บหลัง ความรู้สึกเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อตอนเดินกลับมานี่เอง...พอพี่มาแตะโดน เขาก็ยิ่งรู้สึกปรี๊ด แต่ถ้าหากจะให้บอกพี่ว่าวันนี้เขาต้องเจออะไรมาบ้าง พี่ชายคงเป็นห่วงน่าดู...ถึงการโกหกจะบาป แต่ถ้าโกหกเพื่อให้พี่สบายใจ เขาก็ยอมบาปนั่นล่ะ...

     

    ชนยังไงของนาย? เอาหลังชนเหรอ?”

     

    อ่า...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันเจ็บมากๆ เลยพี่ ผมน่ะซุ่มซ่ามอย่างไม่รู้ตัวเลย

     

    เรื่องซุ่มซ่ามน่ะ นายนี่ที่หนึ่งจริงๆพี่ชายยีหัวน้องชายเล่นแล้วกอดคอพาเข้าไปในบ้านหลังโทรมที่มีพลังรักของพวกเขาอย่างเหลือเฟือ...

     

    ดาบินหันไปมองบานประตูที่เปิดออก เด็กน้อยไม่ได้วิ่งไปที่ประตูเพื่อโผกอดพี่ชาย เหมือนๆ ที่เคยทำเวลาฮยอกแจกลับจากที่ทำงาน หรือไม่ก็เวลาที่ดงเฮออกไปข้างนอกแล้วทิ้งเธอเอาไว้คนเดียว...

     

    เพราะว่าเธอกลัว...กลัวว่าพี่ดงเฮจะผลักเธอออก...แล้วตะคอกเธอเหมือนเมื่อกี้อีก

     

    ดงเฮเห็นขอบตาที่แดงก่ำและแววตาหมองของคนเป็นน้อง ก็นั่งยองๆ แล้วอ้าแขนออกมา

     

    อะไรกัน...พี่กลับมาแล้วทำไมเธอไม่วิ่งมากอดพี่ล่ะ...

     

    ดาบินมองดงเฮอย่างลังเล เธอหันไปมองฮยอกแจอย่างถามความเห็น พี่ชายคนโตพยักหน้า เธอจึงค่อยๆ เดินไปหาดงเฮ...

     

    พี่ไม่โกรธหนูแล้วเหรอ…”คนเป็นน้องถามขณะที่อยู่ในอ้อมกอดอุ่นของพี่ชาย ดงเฮอมยิ้มเล็กๆ และลูบหัวน้องสาวเบาๆ

     

    พี่ไม่ได้โกรธเธอหรอก พี่ผิดเองที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวที่ตะกี้พี่ดุเธอน่ะ...พี่ขอโทษนะ…”

     

    หนูเป็นเด็กไม่ดีเอง พี่ไม่ต้องขอโทษหนูหรอก หนูต่างหากที่ต้องขอโทษพี่เสียงเล็กตอบออกมาสั่นเครือ...ดงเฮกอดน้องสาวแน่นขึ้น..

    .

    พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ...

     

    หนูต่างหากที่ต้องขอโทษพี่

     

    ลีฮยอกแจจึงย่อตัวลง แล้วพูดกับน้องชายน้องสาวที่ต่างก็กำลังโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง

     

    งั้นเอาเป็นว่าทั้งดงเฮแล้วก็ดาบินผิดด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้ไม่มีใครผิดแล้ว เพราะพวกเธอสำนึกได้แล้วก็ขอโทษกันแล้ว แบบนี้ดีไหม...

     

    ครับ/ค่ะน้องทั้งสองพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน

     

    ลีฮยอกแจยิ้มบางๆ มือทั้งสองของเขาชูนิ้วก้อยตรงหน้าของน้องสาวและน้องชาย...

     

     งั้นเรามาสัญญากันนะ...ต่อไปนี้ เราต้องทำให้พ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์เห็นว่าพวกเราอยู่กันได้ เราต้องทำให้พวกท่านสบายใจ...แล้วพวกเราก็จะเป็นพี่น้องที่รักกันที่สุดในโลก

     

    น้องสาวและน้องชายยิ้มออกมาและต่างก็ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวเอาไว้ที่มือนิ้วก้อยขวาซ้ายของกันและกัน

     

    นิ้วก้อยขวาของฮยอกแจเกี่ยวกับนิ้วก้อยซ้ายของดาบิน นิ้วก้อยขวาของดาบินเกี่ยวกับนิ้วก้อยซ้ายของดงเฮ นิ้วก้อยขวาของดงเฮเกี่ยวกับนิ้วก้อยซ้ายของฮยอกแจ

     

    พวกเขาและเธอต่างก็สัญญากันแล้วว่า...จะเป็นพี่น้องที่รักกันที่สุดในโลก...

     

    โดยมีพ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์เป็นพยาน...

     


              write~ 16
    มีนาคม 2551

     


                    สำหรับตอนนี้ไม่รู้คนอ่านจะชอบไหม

    แต่ที่เขียนมาทั้งหมดทุกตอน เราชอบตอนนี้มากเลย

    ถึงจะเขียนเองก็เถอะ แต่เราก็หลงรักฮยอกแจ ดงเฮและดาบินมากขึ้นไปอีกน่ะ...

                   

    ส่วนเรื่องหัวใจ ฮันฮยอกหรือวอนฮยอกสักตอนสองตอนคงเคลียร์

    เวลานี้ก็ลุ้นกันต่อไปค่ะ (บอกแล้วว่าเล่นตัว...หุหุ)

    ขอแค่ว่า...

    ถ้าเป็นฮันฮยอก คนรักวอนฮยอกก็อย่าเลิกอ่านแล้วกัน

    ถ้าเป็นวอนฮยอก คนรักฮันฮยอกก็อย่าเลิกอ่านเหมือนกันน่ะค่ะ

    อ่านไปกันยาวๆ...นะคะ

     

    อืม...แล้วก็...ตอนนี้มาเร็วนิด แล้วจะหายไปสักอาทิตย์กว่า...

    มีงานต้องสะสางนิดหน่อยก็เลยขอแวบนิดนะคะ

    หวังว่าอย่าเพิ่งลืมกันนะ แค่อาทิตย์กว่าเท่านั้นเองน๊า...

    แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์จ้ะ รักเหมือนเดิม ปริ้นเก็บเหมือนเดิม

    เคยเอาติดตัวไปอ่านในสวนสาธารณะแล้วนั่งยิ้ม+หัวเราะอย่างมีความสุข

    เงยหน้าเพิ่งจะรู้สึกว่ามีคนมองประมาณว่า นังนี่สติดีรึเปล่า...

    เหอๆ ก็คนมีความสุขนี่นา จะให้ทำไงล่ะ ร้องไห้หรือไง?

     

    ปล.ตอนดงเฮโวยวาย ฝังใจจากตอนดู  EHB ep8

    ตอนที่ด๊องแสดงแสดงละครเพื่อให้น้ำตาไหลน่ะค่ะ หน้าตาเขาจริงจังมาก แบบ...ไม่รู้ดิ อธิบายไม่ถูก

    รู้แต่ว่าไม่กล้าอยู่ใกล้เวลาโกรธน่ะ กลัวววววว (555 ขนาดนั้นเลย)

    พอมาถึงตอนฮยอกที่โดนผู้หญิงโวยวายใส่ หนุ่มด๊องก็เกิดอาการว่า อึนฮยอกชั้นใครอย่าแตะ

    ออกโรงมาปกป้องฮยอกด้วยการเถียงและผลักผู้หญิงคนนั้นอ่ะ...

    อาจจะแว๊บๆ หรือดูไม่รุนแรงมาก แต่ว่า สำหรับเรานะ...โหยยยย สุดยอดน่ะ

    หน้าตาจริงจังมากๆ กลัวววเลย ด๊องทำให้เรากลัวได้จริงๆ

    ว่าแต่...ที่ด๊องทำไปเพราะรักฮยอกใช่ไหม  (555 แอบมีอึนเฮซะงั้น)

    ปล.อีกที เรื่องสถานะ อีกหนึ่งสถานะที่เปลี่ยนไม่ได้ก็คือลูก...

    ส่วนเรื่องเพศเรามองว่ามันไม่ใช่สถานะนะ มันคือตัวกำหนดมากกว่าน่ะ...

    กำหนดว่าเราควรจะทำอะไรกับชีวิตบ้าง เราเปลี่ยนตัวกำหนดนี้ไม่ได้ก็จริง

    แต่ก็เลือกที่จะเป็นสิ่งอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากที่กำหนดมาได้ แล้วเป็นเหตุที่ทำให้เกิด Y ไง

    ...เรื่องประมาณนี้จะคิดให้ขำหรือคิดให้ซึ้งก็ได้หมดล่ะนะ

     

    오호호 =โอ-โฮ-โฮ = โฮะ โฮะ โฮะ = หัวเราะแบบไฮโซ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×