คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EP.2 IMPOSSIBLE :: หลงรัก
วันนี้ฮยอกแจมารับโบรัมแต่เช้า หญิงสาวยังไม่ทันตื่นนอนด้วยซ้ำจึงต้องโดนแม่ปลุกอยู่นานกว่าจะยอมตื่นและยอมไปอาบน้ำแต่งตัว พอลงมาข้างล่างเห็นหน้าฮยอกแจเธอก็ทำหน้างอแล้วทำท่างอแงใส่ ฮยอกแจจึงเอื้อมมือไปหยิกแก้มโบรัมอย่างหมั่นเขี้ยว...
พอทานอาหารเช้าเสร็จด้วยกันทั้งคู่แล้ว ฮยอกแจก็กล่าวลาอาหญิงผู้เป็นแม่ของโบรัมและอาสาถืออุปกรณ์วาดรูปให้ คนสองคนเดินทางด้วยรถประจำทาง และตลอดการเดินทางก็ยิ้มกัยไปอย่างมีความสุขจนกระทั่งถึงคณะสถาปัตย์ที่เธอเรียนอยู่ หญิงสาวรับอุปกรณ์จากพี่ชายคืนและขอบคุณที่มาส่ง ฮยอกแจพยักหน้าแล้วยื่นมือไปแตะไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะโบกมือลาตรงหน้าคณะและยืนส่งจนเธอลับตา
“โอ้โฮ...ทำคะแนนแต่เช้า...”เสียงแว่วๆ มา ทำให้เขาต้องหันขวับ จะใครที่ไหน...ก็ไอ้คนกวนส้นเมื่อวานไง...มาแต่เช้าเลยนะมึง
ชีวอนมาถึงมหาวิทยาลัยแต่เช้า เขามายืนดักรอโบรัมอยู่หน้าคณะสถาปัตย์...รออย่างใจจดใจจ่อหวังทำคะแนนกับโบรัมเต็มที่ แต่พอมาถึงก็ทำเอาเครียดเพราะดันมีไอ้ตัวขาวเมื่อวานมันเดินตัวติดมากับโบรัม แถมทั้งคู่ยังยิ้มเบิกบานร่าเริงเหมือนว่าโลกนี้มีกันแค่สองคน เว้ยยยยเห็นแล้วหงุดหงิด โลกนี้ยังมีชีวอนอยู่อีกคนนะเว้ย!
“คนอย่างกูไม่จำเป็นต้องทำคะแนน ยังไงโบรัมก็เป็นของกู”บอกยิ้มๆ แล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี ซ้ำส่งแววตาเยาะๆ พิมพ์เดียวกับเมื่อวานจนชีวอนต้องกัดฟันกรอด...อีกแล้วนะมึง มองกู ยิ้มเยาะกูอีกแล้ว...
“ต่อให้เป็นของมึงไปแล้ว กูก็แย่งได้...”
“ก็บอกแล้วไงว่ามึงไม่มีวันทำได้”
ชิวๆ...พูดให้ตายว่าจะแย่งๆ แต่ก็เป็นได้แค่ลมที่มึงพ่นเท่านั้น มันไม่มีวันเป็นจริงได้หรอกไอ้โย่ง กูพร่ำสอนพร่ำเตือนโบรัมขนาดนั้น ยังไงโบรัมก็ไม่มีวันหลงไปชอบมึงแน่
“ทำไมมึงถึงมั่นใจนักว่ากูแย่งโบรัมมาจากมึงไม่ได้”ชีวอนเริ่มเดือด ทำไมคำพูดของกูเหมือนจะไม่ทำให้ไอ้ตัวขาวหนักใจเลย ให้ตายเด่ะทำไมวะ!
“ง่ายนิดเดียว เพราะหัวใจของโบรัม...อยู่กับกู”ตอบแล้วยังคงยิ้มอยู่ท่าเดิม มันกวนด้วยแล้วก็ยิ้มหยามเขาไปในตัวด้วย อยากรู้จังว่ะว่าใครเป็นคนสอนมันทำท่าแบบนี้ ว่าจะไปคารวะสักหน่อย โทษฐานที่สอนดีจนทำให้ตอนนี้อารมณ์กูเดือดปุดๆ
“หึ...พอดีว่าคนระดับกูอยากได้อะไรแล้วไม่มีวันพลาด”
“กูอยากได้โบรัม ยังไงกูก็ต้องได้” พูดน้ำเสียงมุ่งมั่นและแววตาจริงจังจนฮยอกแจชะงักกึก...นี่มึงจะเอาน้องกูไปจากกูให้ได้เลยเหรอมึง!
“บอกแล้วไงว่ามึงไม่มีวันทำได้!”ชีวอนเลิกคิ้ว อ้าว...เลิกทำหน้ากวนมาทำหน้าเครียดได้แล้วเหรอมึง ทำไม...หรือว่าเริ่มกลัวกูแย่งได้ขึ้นมา? เหอะ...มึงก็น่าจะกลัวคู่แข่งอย่างกูอยู่หรอก ก็ดูมึงกับกูเด่ะ แม่งคนละระดับ
ชีวอนไม่ต่อความต่อแต่เลือกส่งยิ้มกวนเหมือนคนที่ชนะแล้วให้แทน ...เว้ย...ยิ้มนี่ได้ผลว่ะ ดูท่าทางมันหัวเสียเอาการ...
“โบรัมเป็นของกูคนเดียว ถ้ามึงมาแตะโบรัมของกูเมื่อไหร่เมื่อนั้นมึงตาย!”ด่าตะโกนไล่หลัง น้ำเสียงฟึดฟัด ฮ่าๆ สะใจว่ะทำมันอารมณ์เสียได้ ดี...สม...เมื่อวานมึงยังปล่อยให้กูยืนค้างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวตั้งนาน วันนี้ทีกูเอาคืนบ้างเว้ย!
ชีวอนยิ้มๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เล็กเชอร์ ผิวปากไปเรื่อยอย่างคนอารมณ์ดี ไม่เฉลียวใจเลยว่าเพื่อนของเขากำลังทำหน้าเหมือนคนจะตาย
โจคยูฮยอนเหล่ตาไปทางเพื่อนสนิท ไอ้เหวนี่กูกำลังเครียดมึงจะมาอารมณ์ดีทำเตี่ยมึงเหรอ!
โครม!!!
เสียงอะไร?
คำตอบก็คือเสียงคนตกเก้าอี้...
“อูยยยยย ไอ้คยูมึงถีบเก้าอี้กูทำไมวะ!”พูดไปพลางร้องโอดครวญไป ตัวกูไม่ได้เล็กๆ นะโว้ย ตกทีเจ็บนะมึง
“ก็มึงมาผิวปากข้างกูอยู่ได้ กูรำคาญ”
“แม่ง....กะแค่ผิวปากนี่นะมึงเล่นซะเจ็บเลย โอยยยยย”
ดู...ดูมัน...ตกเก้าอี้แค่นี้ทำเป็นครวญยังกับหมาปักกิ่งออกลูก คยูฮยอนหันไปมองคนที่ยังนั่งอยู่บนพื้น ถ้ากูกระทืบมันซ้ำอีกรอบจะมีใครว่ากูไหมวะ
“สำออยนะมึง”ปากด่าแต่ตาเบนหนีไปแล้ว จากนั้นแหละ จากนั้นก็เงียบไปเลย ชีวอนมองงงๆ ไอ้คยูมันเป็นอะไรของมันวะ
“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย...”ถามไปก็เหมือนไม่ได้ถาม เพราะไอ้คยูมันก็ยังเงียบเป็นเป่าสาก ชีวอนลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เอามือเท้าคาง แล้วก็นั่งจ้องมัน...
”จ้องกูทำไม”ก็เพราะรังสีจ้องมันแรงนี่ล่ะ คยูฮยอนเลยหันหน้ากลับแล้วก็ได้เผชิญหน้ากับไอ้เพื่อนรักที่กำลังจ้อง จ้อง จ้อง อยู่
“ก็มึงเป็นอะไรล่ะ”
คยูฮยอนถอนใจยาว...แล้วตอบสั้นๆ
“ไม่มีอะไร”
“ทำหน้าแบบนี้แล้วยังเสือกตอบกูว่าไม่มีอะไรอีก ไง...มีอะไรทำไมไม่บอก หรือว่ามึงไม่เห็นว่ากูเป็นเพื่อนแล้ว”
คยูฮยอนอ้ำอึ้ง....กูก็เห็นว่ามึงเป็นเพื่อน แต่ว่า...กู...กู...
“กูเล่าให้มึงฟังไม่ได้ว่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้”
“เดี๋ยวมึงหัวเราะกู” ชีวอนงงเว้ย ทำไม? ทำไมกูต้องหัวเราะมึงด้วย หน้ามึงมีความทุกข์ขนาดนี้กูจะเป็นเพื่อนเลวหัวเราะมึงได้ลง?
“มึงเล่ามาเถอะ กูไม่หัวเราะมึงหรอก”
“แน่นะมึง”
“เออออออออ”ลากเสียงยาว เริ่มรำคาญมันขึ้นมาแล้ว จะเล่าก็ไม่เล่ามัวแต่กลัวกูหัวเราะอยู่นั่น
“คือ.....”
“คือ......ว่า”
“ว่า.....”
ชีวอนจิ๊ปากอย่างรำคาญที่เพื่อนเอาแต่อ้ำอึ้ง คยูฮยอนถอนใจ แม่งกูบอกก็ได้วะ
“กูคิดว่ากูกำลังชอบคนๆ หนึ่งอยู่ว่ะ”โห...กูก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่เนี้ยยยยยยยย
“โหมึง แล้วก็พล่ามซะตั้งนาน ก็แค่ชอบคนๆ หนึ่งแค่นี้เอง ทำเหมือนกับว่าในชีวิตนี้มึงไม่เคยชอบใคร ทำไมคราวนี้สวยมากเลยเหรอถึงทำเอามึงขาดความมั่นใจขนาดนี้”
“ไม่สวยแต่โคตรน่ารักเลยว่ะ”
“เว้ย...โคตรน่ารักด้วย แน่ะ..สาวคณะอะไรวะ”
“อยู่คณะอักษร....แต่ไม่ใช่...”คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงเฮือกแล้วพูดต่อจนจบ
”ไม่ใช่สาว แต่เป็นผู้ชายว่ะ...ชีวอนกูกำลังชอบผู้ชายว่ะ”
เฮือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
สาบานได้ว่านี่คือเสียงสะดุ้งของชีวอน...
“มึงล้อกูเล่นเปล่าเนี่ย”
“เปล่า...กูพูดจริงๆ ถ้ากูพูดเล่น กูจะมานั่งเครียดอยู่ยังงี้เหรอ”คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่น ชีวอนมองท่าทางของเพื่อน มองไปมองมา...มองมามองไป...
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้คยูมึงเป็นอะไรของมึงเนี่ยยยยยยย แมนมึงแตกแล้วเหรอไง แม่งงงงไอ้เพื่อนร๊ากกกก”หัวเราะอ้าปากลั่นอย่างไม่ห่วงภาพพจน์แต่โชคดีที่ว่าเป็นเวลาเช้า คนในห้องเล็กเชอร์เลยมีอยู่ไม่มาก แต่ทุกคนในนั้นก็หันไปมองตัวต้นเสียงเป็นตาเดียว...นั่นน่ะเหรอเสียงหัวเราะของชเวชีวอน?
“ไอ้เพื่อนเลว กูเครียดจะตาย มึงดันมาหัวเราะเยาะกู”ด่าให้อย่างฉุนๆ แล้วสะบัดหน้าหนี
“ไอ้คยูกูขอโทษษษษ”รีบง้อมันเลย กลัวว่ามันจะโกรธเอา ถึงจะขำจนน้ำหูน้ำตาไหล แต่แหม่...ชีวอนก็ยังมีสติอยู่มั่ง...
“มึงไม่ต้องมาพูดดีเลย ไอ้เพื่อนเลว”เอาอีกแล้ว ย้ำจัง กูไม่ใช่เพื่อนเลวของมึงนะเว้ย ตะกี้ก็แค่หลุดขำมานิ๊ดหนึ่ง...
“ขอโทษๆ กูไม่ขำแล้ว”บอกพลางพยายามกลั้นเสียงหัวเราะแล้วก็ลอบสังเกตท่าทางมันไปด้วย...ไอ้คยูมันก็ยังดูแมนเป็นผู้ชายทุกระเบียบนิ้วนี่หว่า แล้วทำไมอยู่ดีๆ มันถึงได้ดันพิเรนท์ไปชอบผู้ชายได้วะ?
“มึงชอบจริงๆ เหรอ”
“เออ”ตอบห้วนๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความโคตรๆ
“แล้ว...มึงจะทำยังไง มึงจะจีบรึเปล่า”ถามอย่างอยากรู้...ก็กูอยากรู้จริงๆ นี่หว่า
“กูไม่รู้”ตอบสั้นห้วนอีกตามเคย พูดอย่างประหยัดถ้อยคำแบบนี้ทีไร แสดงว่ามีเรื่องกลุ้มใจจริงๆ เห็นหน้าตาซึมๆ เหมือนหมาเงาแบบนี้ สงสัยว่ามันคงจริงจัง
แต่จริงจังกับผู้ชายเหมือนกันนี่นะ?
“พอดีกูไม่เคยมีประสบการณ์กับพวกเพศเดียวกันด้วย...เลยไม่รู้จะช่วยมึงยังไง”ชีวอนเอื้อมมือขวาไปแตะไหล่เพื่อนแล้วพยักเพยิดหน้าให้อย่างเห็นใจ
“แค่มึงไม่หัวเราะเยาะกู...กูถือว่าช่วยกูได้เยอะ”
พูดซะจนชีวอนยิ้มเจื่อนๆ สงสัยตะกี้คงทำมันแค้นน่าดู...โทษทีว่ะเพื่อนกูลืมตัวไป
“แล้ว...คนนั้น คนที่มึงชอบกูรู้จักรึเปล่า? แล้วเค้าชื่ออะไรวะ?”
“มึงไม่รู้จักหรอก เค้าเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยโดดเด่น เอ่อ...เค้าชื่อว่าลีซองมิน...”
ลีซองมิน คณะอักษรศาสตร์ ผู้ชายธรรมดาๆ แต่หน้าตาน่ารักโคตรๆ
คนนี้แหละ...ที่กู...โจคยูฮยอนกำลังหลงรัก....
.....
หลังจากล่วงรู้เรื่องจากปากของเพื่อน ชีวอนก็เอาแต่คะยั้นคะยอให้คยูฮยอนพาไปดูว่าที่เพื่อนสะใภ้(?) ก็กูอยากเห็นนี่หว่าว่าไอ้คนๆ นั้นน่ารักขนาดไหนจึงทำให้คยูฮยอนเปลี่ยนใจจากชอบผู้หญิงไปชอบผู้ชายที่เป็นเพศเดียวกันได้...
“เฮ้ยมึง...ไม่ต้องรีบเดินขนาดนั้นก็ได้”บอกไอ้คนที่เดินลิ่วนำอยู่ตรงหน้า ชีวอนหันมายักไหล่ให้ ก็ทำไมกูรีบ…
คยูฮยอนถอนใจหน่ายๆ ไม่น่ารีบเปิดปากเล่าให้มันฟังเลย พอเล่าให้มันฟังปุ๊บก็ดันอยากจะเห็นหน้าปั๊บ ซ้ำยังนึกจะมาก็มาขนาดว่าถึงกับยอมโดดวิชาต่อไปเพื่อมาดูหน้าซองมินคนที่กูกำลังชอบ คยูฮยอนไม่แน่ใจมันเป็นเพื่อนแสนดีอยากช่วยเหลือเพื่อน หรือเพราะว่ามันอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านกันแน่
พอเดินจนใกล้ถึงหน้าคณะอักษรศาสตร์ คยูฮยอนก็เรียกชีวอน พอชีวอนหันขวับไปก็มองไม่เห็นเพื่อนตัวเองแล้ว เหลียวซ้ายเหลียวขวาตั้งนานกว่าจะเห็นว่าคยูฮยอนมันไปยืนหลบอยู่หลังเสาโน่น
“เฮ้ยมึงไปอยู่ตรงนั้นทำไมวะ”
“ถ้ามึงอยากเห็นคนที่กูชอบก็อย่าพูดมาก แล้วก็รีบมานี่เลยมึง” บอกอย่างนั้นแต่ชีวอนก็ตีหน้ามึน อะไร? นี่มึงต้องซ่อนตัวขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงจะชอบผู้ชายก็ไม่เห็นต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ขนาดนั้นเลยนี่หว่า โลกมันก้าวกระโดดไปถึงไหนแล้ว สังคมเขาไม่ได้กีดกันเรื่องคนชอบเพศเดียวกันถึงขนาดจับเข้าคุกหรอกมึง
“ยืนหัวโด่อยู่นั่น เข้ามาดิมึง”ตวาดให้เมื่อชีวอนยังตีหน้ามึนและทำเป็นหูตึง เจอลูกตวาดชีวอนจึงยอมเดินไปหา คิดดู...ผู้ชายสองคนยืนซ้อนกันอยู่หลังเสา โคตรตลกเลยมึง แต่จะให้เดินออกมาก็ไม่ได้ท่าทางคยูฮยอนมันไม่ยอม
“โน่นน่ะซองมิน มึงแอบๆ ดูหน่อยนะโว้ย เดี๋ยวซองมินจะรู้ตัวหมดว่ามีใครแอบดูอยู่”ชีวอนขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นพวกถ้ำมอง แต่ก็เอาวะกูอยากเห็นนี่หว่า ชีวอนโผล่หัวจากหลังเสาเอาแค่ให้ตามองเห็น ไหนวะซองมิน...
ใช่คนนั้นเปล่าวะ?
ผิวขาวละเอียด หน้าใส ตาสวย จมูกโด่ง ปากสีชมพูอ่อนๆ ถึงจะมองแค่แวบเดียวแต่คำตอบก็มีอยู่คำเดียวจริงๆ
แม่งโคตรจะน่ารักเลยว่ะ น่ารักกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก!
“โหมึง...น่ารักว่ะ กูเชื่อเลยว่าทำไมมึงถึงชอบได้”บอกพลางมองไม่ละสายตา ทีแรกคยูฮยอนก็รู้สึกภูมิใจอยู่หรอกเพราะรู้สึกว่าตัวเองตาถึงเลือกชอบคนที่มองแวบเดียวใครก็ต้องชมว่าน่ารัก แต่พอชักนานเข้าเห็นชีวอนยังไม่เลิกมองซองมิน ก็เลยดึงตัวมันให้เข้ามาอยู่หลังเสาเหมือนเดิม...
“แม่งมึง...คนนี้ของกู”บอกอย่างเคืองๆ ถึงมึงจะไม่มีรสนิยมชอบผู้ชาย แต่ใครจะไปรู้ กูก็ไม่ได้มีรสนิยมนั้นเหมือนกัน แต่พอเจอซองมินอะไรๆ สำหรับกูก็เปลี่ยนไปเลย
“อ่อ...หวง...”ชีวอนยิ้มขำแล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ
“ที่กูตามหามึงไม่เจอช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ เพราะว่ามึงมาหลบอยู่หลังเสาคอยดูซองมินยังงั้นเหรอ”
“เออ”ตอบตรงกระชับสั้น ชีวอนผงกหัวอย่างเข้าใจแล้วมองเพื่อนตัวเองยิ้มๆ
“ชอบก็เข้าไปจีบเด่ะ ไม่เห็นต้องมายืนหลบตรงนี้เลย ความหน้าด้านของมึงหายไปไหนหมดวะ”
“ซองมินเป็นผู้ชาย กูกระดากใจตัวเองว่ะ...”บอกออกมาจากความรู้สึกจากใจ จริงๆ นะมันกระดากๆ ยังไงก็ไม่รู้ จะให้เข้าไปแล้วพูดว่าอะไร สวัสดีครับคุณน่ารักจัง หรือให้พูดว่า สวัสดีเราชอบนาย อะไรยังงั้นเหรอ...แม่งทำไม่ได้ว่ะ
“งั้นมึงก็เป็นหมามองกระดูกต่อไปแล้วกัน”
คยูฮยอนจิ๊ปาก แม่งโดนไอ้ชีวอนมันด่าซะได้ แต่ทำไงได้วะก็กูไม่กล้า...
คยูฮยอนเอี้ยวหัวไปดูซองมินบ้าง รอยยิ้มเล็กๆ จุดที่มุมปาก ชีวอนมองหน้าเพื่อน แค่แอบมองอยู่ตรงนี้ก็บำบัดความต้องการของตัวเองได้แล้วเหรอมึง...
”บางทีกูก็คิดนะว่ากูคงอกหักตั้งแต่ไม่เริ่มจีบ”อยู่ดีๆ รอยยิ้มของมันก็หายไปเหลือแต่ใบหน้าซึมๆ แบบเดียวกับที่ชีวอนมองเห็นเมื่อเช้านั่นล่ะ ชีวอนงงๆ แล้วก็โผล่หัวออกไปดูบ้าง เห็นซองมินกำลังยิ้มหวานให้กับคนที่เพิ่งหย่อนก้นนั่งลงตรงข้าม
อ้าวเฮ้ย...ไอ้ตัวขาวนี่หว่า มันมาทำอะไรตรงนั้นวะ?
“วันๆ ซองมินไม่เคยคุยกับใคร นอกเสียจากไอ้หมอนั่น”คยูฮยอนบอกพลางขยับตัวมาพิงหลังเสาเหมือนเดิม ชีวอนยังมองอยู่จึงเห็นคนทั้งสองยิ้มบ้างหัวเราะบ้างสลับกันไป ดูท่าทางมันสนิทกันดี...แต่แม่งจะสนิทกันไปถึงไหนวะ
“สองคนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ?”
“คงไม่...ท่าทางซองมินจะแอบรักข้างเดียว...เหมือนกู”ท้ายประโยคพูดย้ำเหมือนบอกกล่าวสถานะของตัวเองขณะนี้ คยูฮยอนแสยะยิ้มให้กับตัวเอง นี่กูเป็นบ้าอะไร เจอหน้าไม่ถึงสองอาทิตย์ทำไมต้องรู้สึกเจ็บใจจี๊ดๆ แค่รู้ว่าตัวเองกำลังจะอกหัก...แค่เนี้ย...
“แล้วมึงจะทำยังไง จะจีบก็ไม่กล้า จะบ้าอยู่คนเดียวยังงี้เหรอ”
“เออ”ตอบห้วนๆ สั้นๆ และได้ใจความตามแบบฉบับมัน ชีวอนถอนใจยาว ไม่รู้จะช่วยมันยังไงเหมือนกัน หัวใจใครคนนั้นก็คงต้องจัดการเอง
ตาชำเลืองมองคนสองคนที่นั่งหัวเราะอย่างมีความสุข ไอ้นี่ก็แม่ง...จะเอาทั้งหญิงทั้งชายเลยเหรอมึง ก็มีโบรัมอยู่แล้วยังจะมายุ่งอะไรกับซองมินอีก ถ้าซองมินแอบรักมึงข้างเดียวแบบที่คยูฮยอนพูดจริง มึงก็คงไม่รู้ตัวเลยดิว่ายิ้มของมึงแบบนั้นน่ะมันให้ความหวังซองมินตั้งเท่าไหร่...
เอ้ะ...หรือว่ามึงจะรู้ตัว แต่ก็แค่อยากจะบริหารเสน่ห์ของมึงเล่นๆ...
“เดี๋ยวกูมา”พูดสั้นๆ แล้วเดินอาดๆ ตรงไปที่สองคนนั้นเพราะอยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา...คยูฮยอนมองตามงงๆ แต่ก็ไม่กล้าเดินออกจากหลังเสา เขาได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ตรงที่เดิม
“ลีฮยอกแจ”เรียกเต็มเสียงและเต็มปากเต็มคำ ฮยอกแจเงยหน้าแบบที่รอยยิ้มยังคงมีอยู่ค้างๆ...แม่ง...ก็เล่นยิ้มแบบนี้ล่ะมึงทั้งหญิงทั้งชายก็เลยได้หลงมึงหมด
พอฮยอกแจเห็นชัดว่าเป็นใครหน้าก็บึ้งทันที
“มีเรื่องจะคุยด้วย”ชีวอนบอกเรียบๆ เหมือนใบหน้านิ่งๆ ฮยอกแจงง มึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูวะ?
“แต่ฉันไม่มี”จ้องตาเขม็งและตอบปฏิเสธไป ชีวอนยังคงมองต่อด้วยแววตาเรียบๆ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของโบรัม ถ้าไม่อยากรู้ก็ตามใจ”บอกแล้วเดินออกไป ฮยอกแจมองค้าง แม่ง...เรื่องอะไรของมัน
“เฮ้ยเดี๋ยว!”ตะโกนเรียกแต่ไอ้โย่งมันก็ไม่ยอมหันกลับ ฮยอกแจจำใจต้องลุกพรวดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับโบรัมยังไงเขาก็อยากรู้
“ขอโทษทีนะซองมิน เดี๋ยวเรามา”บอกแล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างโย่งๆ ไป ซองมินมองตามส่วนดวงตาซึมลง...
อีกแล้ว...โบรัมอีกแล้ว...
ซองมินเอามือกุมอกรู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจมันผิดปกติ...เจ็บ...เจ็บแบบเสียดๆ...
ปาร์คโบรัม...คนนี้ทำให้หัวใจเจ็บเสียดทุกครั้งที่ได้ยิน ฮยอกแจพูดถึงโบรัมเสมอ ถึงปากจะบอกว่าเป็นน้องสาว แต่ซองมินไม่อยากเชื่อว่าฮยอกแจจะคิดแบบนั้นจริงๆ สำหรับฮยอกแจแล้วโบรัมคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ทุกลมหายใจของฮยอกแจก็มีแต่คนที่ชื่อโบรัม ก็เพราะอย่างนี้เอง ความรู้สึกเกินกว่าเพื่อนจึงไม่เคยจะก้าวผ่านเข้าไปในหัวใจของฮยอกแจได้เลยสักครั้ง หัวใจของฮยอกแจมีเจ้าของที่ชื่อโบรัมเพียงคนเดียวจึงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกในหัวใจของคนใกล้ตัวอย่างเขา
ฮยอกแจไม่ใช่คนหล่อ... ที่จริงก็ไม่ใช่คนดีอะไร วันๆ ก็เอาแต่เตะบอล ต่อยกับชาวบ้านหรือไม่ก็กินเหล้า เรียนก็ไม่เก่งออกจะหัวทื่อด้วยซ้ำ แถมยังมาคอยอ้อนให้เขาช่วยทำรายงานนั่นรายงานนี่ตลอด ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่น่าแปลกเหมือนกันที่เขากลับไม่เคยรู้สึกว่าฮยอกแจเป็นคนแย่ๆ...
ฮยอกแจชอบยิ้ม...รอยยิ้มอบอุ่นและจริงใจที่ฮยอกแจมีให้กับเขาเสมอ ต่อให้เกิดเรื่องแย่ๆ แค่ไหนฮยอกแจก็ยังส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ รอยยิ้มอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาชื่นชมฮยอกแจ แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาไม่อาจถอนความรู้สึกออกได้คงจะมาจากวันนั้น...วันที่แม่ของเขาเสียชีวิต แล้วเขาก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย...
“ซองมินต้องเข้มแข็งไว้นะ ไม่ต้องห่วง เราจะอยู่ข้างซองมินเอง”วงแขนที่ไม่จำเป็นต้องมีกล้ามหนา ไหล่ลาดที่ไม่จำเป็นต้องกว้างไปกว่าใคร แผงอกที่ไม่ต้องแกร่งมากนัก ขอแค่เพียงซบหน้าลงไปแล้วรู้สึกว่ามันอบอุ่นและปลอดภัยแบบที่ฮยอกแจมีให้เขาก็พอ ...คนที่เหว่ว้าเหมือนขาดที่พึ่งจากคนทั้งโลกกลับรู้สึกเหมือนตัวเองมีหลักให้พัก น้ำตาที่ไหลรินตลอดทั้งวันก็เริ่มเหือดแห้งไปอย่างไม่รู้ตัว วันนั้นฮยอกแจอยู่ข้างเขาตลอดเวลา ช่วยเหลือและดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งตอนจัดการพิธีศพของแม่ ฮยอกแจก็ทำหน้าที่แทนลูกอย่างเขาที่เหมือนสติหลุดจนทำอะไรไม่ถูกได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลานั้นคนที่ยืนอยู่ข้างเขาโดยไม่ก้าวขาห่างไปไหนก็มีแค่ฮยอกแจ...มีแค่ฮยอกแจเพียงคนเดียว
ความซึ้งใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวฝังรากมั่นคง...
เพื่อนก็คือเพื่อน แต่เพราะรู้สึกเกินกว่าเพื่อนไปแล้ว...จะมีบ้างไหมที่เพื่อนจะหันมารู้สึกกับเพื่อนแบบเดียวกับที่เพื่อนคนนี้กำลังรู้สึกอยู่...
...รัก...
.....
ฮยอกแจเดินตามจนเหนื่อย แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดเดินสักที แม่งไรวะจะเดินไปถึงไหน
“เฮ้ยมึง! เมื่อไหร่จะหยุดเดินวะ!”ร้องตะโกนแล้วก็เริ่มจะหอบแฮ่กเพราะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมันมา เดินก็โคตรจะเร็ว ถ้าขากูยาวเท่ามึงกูจะไม่บ่นเลย
“อ้าว...กูจะไปรู้เหรอ ก็นึกว่ามึงไม่อยากรู้แล้ว เห็นเงียบ”หยุดเดินแล้วหันกลับมามองยิ้มๆ ฮยอกแจมองหน้าไอ้โย่งอย่างขัดใจ แม่งกวนส้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เลยพับผ่าสิ!
“มึงมีเรื่องอะไรก็พูดมาอย่าลีลา”บอกไปห้วนๆ แต่ไม่รู้ทำไมเห็นหน้ามันแล้วรู้สึกว่าโคตรจะหงุดหงิด ถ้าไม่เกรงใจว่าโดนอาจารย์คาดโทษข้อหาทะเลาะวิวาทอยู่ ป่านนี้ชวนเพื่อนไปดักตีหัวมันที่หน้าคณะแล้ว
“กูอยากรู้...มึงเป็นอะไรกับซองมิน”พูดในเรื่องที่ฮยอกแจต้องทำหน้างง พากูเข้ารกเข้าพงมาจนถึงหลังตึกบอกจะคุยเรื่องโบรัม แล้วไหง...มาถามกูเรื่องซองมินได้?
“ไหนมึงบอกมีเรื่องสำคัญของโบรัมจะคุยกับกู”
“นี่ก็เกี่ยวกับโบรัมเหมือนกัน...”ฮยอกแจยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ ถามเรื่องซองมินแล้วเกี่ยวกับโบรัมตรงไหนวะ?
“ไม่เข้าใจว่ะ มันเกี่ยวกันยังไง”ถามด้วยหน้าตาอินโนเซนส์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาชีวอนขมวดคิ้ว ให้ตายเด่ะไอ้ตัวขาวทำหน้าน่ารักยังงี้เป็นด้วยเหรอ กูก็นึกว่าทำเป็นแค่หน้ากวนประสาทกับหน้าตาดูถูกชาวบ้าน
“ก็มึงคั่วอยู่กับซองมินไม่ใช่เหรอ ทำแบบนี้ก็เท่ากับมึงจับปลาสองมือจะเอาทั้งโบรัมและซองมิน”
“เฮ้ย!”ร้องแบบสะดุ้งๆ อะไรกันวะ กูนี่นะจะเอาทั้งโบรัมทั้งซองมิน?
“ไม่ต้องทำเป็นร้อง คิดว่าทำอะไรคนอื่นไม่รู้ไม่เห็นเหรอ”โอ้ยยยยยไปกันใหญ่แล้วมึง
“คอยดูกูจะไปบอกโบรัม”
“เออ...ตามสบาย”ฮยอกแจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาเถอะถ้ามึงจะคิดยังงั้นก็ตามใจ จะวิ่งโร่ไปบอกโบรัมก็ตามใจ ยังไงกูก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว เพราะที่พูดมามันก็แค่คำพูดของมึงแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
“จบแล้วใช่ป่ะ กูไปละ”บอกแล้วหันหลังให้ แต่ชีวอนถึงกับร้องเฮ้ย...ไรวะทำไมมันดูไม่เดือดอะไรเลย หรือว่ามันมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองจัด...
“เฮ้ยมึงอย่าเพิ่งไปเด่ะ”
“มึงมีอะไรกับกูนักหนาเนี่ย”ฮยอกแจพูดอย่างหน่ายๆ ไอ้โย่งนี่ทำไมต้องมายืนขวางทางกูด้วยวะ
“มึงไม่เดือดร้อนสักนิดเลยหรือไง ไม่กลัวคะแนนตัวเองตกหรือไง”
“กูก็เคยบอกมึงแล้วไง ว่ากูไม่จำเป็นต้องใช้คะแนน ยังไงโบรัมก็เป็นของกู”บอกย้ำให้ฟังอีกครั้งแล้วจ้องมองมันตาขเม็ง
“แล้วซองมินล่ะ มึงมีโบรัมอยู่แล้วยังจะยุ่งกับซองมินทำไม”
อะไรนักหนาวะมึง กูกับซองมินเป็นเพื่อนกันโว้ย!
“ก็ซองมินเป็นของกูเหมือนกัน ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้”ไม่รู้ว่าอะไรดลให้ปากมันพูดแบบนั้นทั้งที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรกับซองมินเกินไปกว่าเพื่อนเลย สงสัยเพราะไอ้โย่งหน้ากวนส้นตรงหน้าล่ะมั้ง ดูมันพยายามยัดเยียดทั้งซองมินและโบรัมให้น่าดู มึงให้กูมาสองกูก็รับสองเลยแล้วกันมึง
“มึงต้องเลิกจับปลาสองมือเดี๋ยวนี้”
“ทำไมกูต้องเชื่อมึง”สวนกลับอย่างไม่ยอม ไอ้โย่งนี่ประสาทกลับแล้วหรือไง อยู่ดีๆ ก็มาให้กูเลิกยุ่งกับเพื่อนกูน้องกู เป็นอะไรมากเปล่ามึง
“ก็...กูไม่อยากให้มึงจับปลาสองมือ”
“บ้าหรือเปล่ามึง จะจับปลากี่มือมันก็เรื่องของกู”เงยหน้าเถียงอย่างไม่ลดละ รู้สึกเมื่อยคอเหมือนกันที่ยืนเถียงกับมันเนี่ย แม่งเอ้ยตัวโคตรจะสูง คราวหน้าถ้าจะคุยกันช่วยพากูไปตรงที่ๆ กูสามารถยืนคุยกับมึงแบบความสูงเสมอกันได้เปล่าวะ
“สรุปมึงจะเลิกยุ่งหรือไม่เลิก”อารมณ์เริ่มเดือดปุดๆ ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองว่าทำไมอยู่กับมันถึงได้อารมณ์เดือดตลอด รู้แค่ว่าเจอหน้าทีไรหมั่นไส้มันทุกที
“กู ไม่ เลิก”ตอบแบบเน้นถ้อยคำแถมยังยื่นหน้ายื่นตายื่นปากใส่จนใกล้แค่เอื้อมซะนี่ แม่งงงงงงงงง!
.
.
.
“มะ...มึง จูบกูทำไม!”ร้องเสียงดังแล้วมองจนตาแทบถลน ชีวอนเพิ่งจะรู้สึกตัว เออเว้ย...กูไปจูบมันทำไมวะ?
“เรื่องของกู”ตอบเสียงห้วนแล้วถือโอกาสที่ไอ้ตัวขาวยืนอึ้งจูบซ้ำไปที่รอยเดิม ตะกี้ไม่รู้ตัวแต่ตอนนี้น่ะตั้งใจเว้ย...ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อน ไม่รู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าปากเพศเดียวกันมันนุ่มได้ขนาดนี้...
หรือจะเป็นแค่ปากมึงวะไอ้ตัวขาว...
...ฮยอกแจโดนจูบไปรอบแรกว่าอึ้งแล้วโดนอีกรอบกลับอึ้งกว่า รอบแรกแค่แตะสัมผัสบดขยี้ที่ริมฝีปาก แต่รอบสองกลับมีลิ้นฉกเข้ามาภายในซ้ำยังละเลงเล่นกับลิ้นของเขาอย่างเมามันส์ ลิ้นกูนะมึงไม่ใช่เยลลี่ที่จะดูดได้ตามใจชอบ!
“อื้อ..”ร้องขัดอยู่ในลำคอแล้วพยายามผลักไอ้คนข้างหน้าออก เกิดมาในชีวิตนอกจากผายปอดช่วยคนแล้วก็ยังไม่เคยโดนเพศเดียวกันจูบ เจอไปแบบนี้ก็อึ้งรับประทาน กำลังขาอ่อนลงอย่างสิ้นแรง พอมันละปากออกก็ถึงกับจะทรุด!
“จูบกูมันเยี่ยมถึงขนาดขาอ่อนเลยเหรอมึง”มือใหญ่ประคองตัวคนที่จะล้มไม่ล้มแหล่แล้วส่งยิ้มให้กวนๆ ฮยอกแจขาแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นประกายในแววตาเย้ยหยันของมัน!
“ไอ้เลว!”ด่าพร้อมกับเสยคางไปหนึ่งดอก ชีวอนร้องโอยยกมือขึ้นจับคาง ฮยอกแจเลยถือโอกาสเตะผ่าหมากจนมันทรุดฮวบลงไปกับพื้นเอามือกุมน้องชายพลางร้องครวญ ฮยอกแจเห็นมันลงไปนอนแล้วอยากกระทืบซ้ำแต่ก็ยั้งไว้ไม่ทำอะไรนอกจากมองอย่างแค้นๆ แล้วรีบวิ่งหนีไปเพราะกลัวว่ามันจะฟื้นตัวแล้วลุกมาทำอะไรพิสดารอีก ชีวอนนอนตัวงอแต่ก็มองตามคนหน้าแดงที่ไม่รู้แดงเพราะโมโหหรืออาย
แม่ง...โครตจุก...แต่ให้แลกกับจูบหวานขนาดนั้น...ต่อให้สูญพันธุ์...กูก็ยอมว่ะ...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
02/01/2009 + post this 29012009
มีแต่คนรีเควสคยูมิน ชอบคยูมินกัน...
...คิคิ เจหลีก็ชอบค่ะ คยูมิน คยูมิน^^
แต่เจหลีรักวอนฮยอก....เหอๆ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะจ้ะ
ความคิดเห็น