คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : My Precious Jewel : บททดสอบของพระเจ้า
มันคือบททดสอบของพระเจ้าหรือเปล่า?
อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันกับสามพี่น้องแห่งตระกูลลี...
ลีฮยอกแจ ลีดงเฮ ลีดาบิน...
เมื่อสองเดือนที่แล้วพวกเขาและเธอต้องสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ...พายุแห่งความโศกเศร้าได้พัดกระหน่ำถาโถมสู่หัวใจมาครั้งหนึ่งแล้ว และพวกเขาก็คิดว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก...แต่เปล่าเลย...ที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนคือความสดใส คงไม่ได้เป็นคำปลอบสำหรับครอบครัวลีหรอก...
ในเมื่อฟ้าหลังฝนของพวกเขาและเธอคือพายุลูกที่สองซึ่งได้ซัดเอาทรัพย์สินเงินทองและบ้านจนสูญสิ้นในชั่วพริบตาเดียว และถึงแม้...พวกเขาอยากจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แต่คนที่โตมากพอจะรับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงคนเดียว ซึ่งเขาก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาทำได้เพียงมองการกระทำของพวกผู้ใหญ่อย่างเงียบๆ แล้วจำเป็นต้องปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างสูญหายไปต่อหน้าอย่างหมดสิ้นหนทางจะดึงความชอบธรรมที่ครอบครัวเขาควรจะได้รับกลับมา ลีฮยอกแจรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาไม่อาจร้องไห้ ฟูมฟาย ดื้อดึง โวยวาย โมโหหรือเกรี้ยวโกรธ เพราะนับจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายทีให้เขาต้องคิด และต้องทำเพื่อให้มีชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า
“ พี่ดงเฮ...ทำไมเค้าไม่ให้เราเข้าบ้านล่ะ?” ดาบิน น้องคนสุดท้องของตะกูลลีมองที่ประตูของบ้านหลังใหญ่ซึ้งคล้องกุญแจไว้แน่นหนา เธอไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมต้องเอากุญแจมาล๊อกบ้านเธอเอาไว้ แล้วเธอก็ไม่รู้อีกว่าทำไมคนพวกนั้นจะต้องพูดห้ามไม่ให้เธอเข้าบ้านของเธอด้วย
ดงเฮก้มมองน้องสาววัยวัยไม่ถึงแปดขวบดี เขายิ้มให้น้องสาวด้วยรอยยิ้มจางๆ
“มันไม่ใช่บ้านของเราแล้วล่ะดาบิน…” ไม่ทันทีดาบินจะอ้าปากถามต่อ เด็กน้อยก็ได้ยินเสียงเรียกจากอีกฟากของถนน
“ดงเฮ ดาบิน”
ดงเฮเงยหน้าจากน้องสาว พอเห็นว่าเป็นพี่ชายก็รู้แล้วว่ามันถึงเวลาแล้ว...
เวลาที่จะต้องไปจากบ้านจริงๆ เสียที...
“พี่ฮยอกแจมาแล้ว เราไปกันเถอะดาบิน”ดงเฮกุมมือเล็กๆ ของน้องสาวไว้แน่น เขาหันไปมองบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิดอย่างอาลัย แต่เพียงชั่ววินาทีเขาก็หันกลับไปมองพี่ชาย แล้วสาวเท้ายาวๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า…
ถึงจะไม่มีพ่อแม่ ไม่มีบ้านอีกต่อไป แต่เขาก็ยังมีพี่ฮยอกแจกับน้องดาบิน เขาบอกกับตัวเองแบบนั้นแล้วก็ไม่หันกลับไปมองบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอีกเลย ขณะที่ดาบินผู้เป็นน้องสาวยังคงหันกลับไปมองบ้านของเธอด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงกลับเข้าบ้านตัวเองไม่ได้...
พวกเขาทั้งสามเดินขึ้นรถเก๋งคันโตของซองมิน ชายผิวขาวผ่องผู้มีผมสีทองรับกับใบหน้าสวยหวาน...และทั้งๆ ที่ก็มีคนหลายคนในรถ แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักอย่าง พวกเขาทุกคนเงียบจนกระทั่งรถเก๋งสีดำได้แล่นผ่านหลายเส้นทางแล้วก็จอดสนิทตรงด้านหน้าของบ้านโทรมๆ หลังหนึ่ง
“ถึงแล้วจ้ะเด็กๆ”ซองมินบอกและเป็นคนแรกที่ก้าวลงจากรถ จากนั้นฮยอกแจ ดงเฮ และดาบินก็ค่อยๆ ทยอยกันลงจากรถเช่นกัน
ฮยอกแจช่วยน้องชายขนสัมภาระลงจากหลังรถ ซึ่งก็มีข้าวของอะไรไม่มาก...อย่างเช่นกระเป๋าใหญ่ๆ สามใบ ที่นอนสำเร็จรูป แล้วก็ถุงใหญ่ที่มีข้าวของจิปาถะอยู่ในนั้น
ซองมินมองบ้านหลังเล็กๆ ตรงหน้า...บ้านหลังนี้มีขนาดสามชั้น สองห้องบนได้ถูกคนอื่นเช่าไปแล้วเหลือเพียงแต่ห้องเล็กๆ ด้านล่าง ครั้งแรกที่ซองมินเห็นสภาพในตัวบ้านเขาก็ถึงกับใจหายว่า ฮยอกแจ ดงเฮ และดาบินจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่พอเขามองหาบ้านเช่าอื่นที่ดูดีกว่านี้ ก็พบว่าราคาของมันก็สูงเกินกว่าที่ฮยอกแจได้กำหนดราคาของบ้านเช่าไว้ เขาจึงจำใจติดต่อเพื่อขอเช่าบ้านหลังนี้ให้กับน้องๆ ทั้งสาม
ฮยอกแจช่วยน้องทั้งสองขนของลงจากรถหมดแล้ว ก็เดินอ้อมรถไปหาซองมิน เขาโค้งตัวก้มหัวคำนับคนตัวเล็กแต่สูงวัยกว่าด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณมากนะครับพี่ซองมินที่ช่วยหาบ้านให้พวกเรา”พูดจบฮยอกแจก็โค้มหัวลงขอบคุณอีกครั้ง ซองมินยิ้มหวานแล้วตบบ่าคนอายุน้อยกว่าเบาๆ
“เล็กน้อยน่าฮยอกแจ พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่”ซองมินทอดสายตามองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน พ่อแม่ของเขากับพ่อแม่ของลีฮยอกแจสนิทกันมาก สำหรับซองมินแล้ว ฮยอกแจ ดงเฮ และดาบินก็เปรียบเสมือนญาติของพวกเขาเหมือนกัน ถึงคราวที่น้องๆ ลำบาก พี่อย่างเขาก็ต้องช่วยเหลือ มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วนี่...
“พี่คงต้องไปแล้ว...ดูแลตัวเองด้วยนะฮยอกแจ”ฮยอกแจพยักหน้านิดๆ แล้วเอ่ยครับออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบา...ซองมินตบบ่าเขาอีกทีอย่างให้กำลังใจ แล้วเดินไปหาดงเฮกับดาบินที่เมื่อขนข้าวของลงจากรถแล้วก็กำลังยืนมองที่อยู่ใหม่ด้วยแววตาที่คนมองอย่างเขาก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
“ดงเฮดาบินพี่ไปก่อนนะ...”
“ขอบคุณครับพี่ซองมิน”ดงเฮโค้งตัวให้ซองมิน ชายหนุ่มยิ้มรับแล้วหันไปมองสาวน้อย ผู้เป็นน้องสาวสุดรักของฮยอกแจและดงเฮ
“พี่ไปแล้วนะจ้ะดาบิน”
“ค่ะพี่ซองมิน”เสียงเล็กๆ ตอบกลับขณะที่โผตัวเข้าสู่อ้อมกอดของซองมิน
“พี่ซองมินมาหาหนูบ่อยๆ นะ”
“จ้ะ”ซองมินบอกพลางลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู...
ก่อนขึ้นรถซองมินหันไปยิ้มและโบกมือให้น้องๆ พอเขาขึ้นไปบนรถเท่านั้นเอง...สีหน้าที่เคยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก็หมองลงด้วยความสะเทือนใจ...
ซองมินไม่เข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่เลย... เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อและแม่จึงได้ห้ามให้เขาติดต่อกับน้องๆ ทั้งสามคนนี้อีก เขาพยายามถามหาเหตุผลแต่ได้รับเพียงคำสั่งห้ามปราม พ่อแม่โกรธมากเมื่อรู้ว่าเขาให้ความช่วยเหลือน้องๆ เขาเลยต้องบอกพ่อแม่ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะติดต่อกับพวกฮยอกแจ วันนี้พ่อแม่เลยปล่อยให้เขามาหาน้องๆ ได้ แต่เขาก็หวังว่ามันคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแบบที่เขาบอกพ่อแม่ไป...มิตรภาพที่เขามีต่อฮยอกแจ ดงเฮ ดาบิน มันตัดไม่ขาดง่ายๆ เหมือนกับที่พ่อแม่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก...
พอรถของซองมินเคลื่อนไปลับตา ดาบินก็สะกิดดงเฮเบาๆ พอเขาหันมาน้องสาวตัวน้อยก็บอกกับเขาว่า
“พี่จ๋าดาบินหิว…”ดาบินไม่อาจต้านทานความหิวที่ร้องร่ำอยู่ที่ท้อง ดงเฮก้มมองน้องสาวด้วยแววตาลำบากใจ เขาเองก็หิวเหมือนกัน...แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะหิว พวกเขาต้องทำความสะอาด เก็บของ จัดของให้เข้าที่เข้าทางก่อนแล้วจึงจะคิดถึงเรื่องกินได้
ฮยอกแจได้ยินเสียงพูดของดาบิน...เขาเดินมาทางน้องสาวและหยิบช๊อกโกแลตที่เก็บไว้ในเสื้อยื่นให้
“กินช๊อกโกแลตรองท้องไปก่อนนะดาบิน จัดของเสร็จแล้วพี่จะพาพวกเธอไปหาอะไรกิน”
ดาบินรับชอกโกแลตจากพี่ชาย มันเป็นของโปรดของเธอและแน่นอนว่าเธอก็กินมันอย่างเอร็ดอร่อย
ดงเฮมองน้องสาวที่ตั้งหน้าตั้งตากินชอกโกแลต คงเพราะว่าทั้งหิวและก็เป็นของชอบนั่นเอง ดาบินถึงได้กินเอากินเอาไม่พูดไม่จาแบบนี้ พอดงเฮเงยหน้า ฮยอกแจก็ได้สบตากับน้องชายพอดี เขาสังเกตเห็นว่าขอบตาของน้องชายนั้นเริ่มแดงรื้น
“ดงเฮ...นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“อ่า...พี่ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ”ดงเฮตอบแล้วยิ้มให้พี่ชาย ...ซึ่งก็เหมือนจะเริงร่าแต่แววตาก็หมองเกินกว่าที่จะแสดงยิ้มสดใสดังที่เขาเคยเป็นเสมอออกมาได้
ฮยอกแจยิ้มบางๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปยังสัมภาระ แบกกระเป๋าไว้ที่หลังใบหนึ่ง ส่วนอีกสองมือก็หิ้วกระเป๋าที่วางกองไว้พลางเดินไปยังที่อยู่ใหม่ ที่ต่อจากนี้เขาต้องเรียก ว่า...บ้าน
“เข้าบ้านกันเถอะ มันเล็กไปหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ บ้านเล็กๆ แบบนี้มันเหมาะกับเราทั้งสามคนดีออก ก็เราอยู่กันแค่...สามคนนี่นา”ท้ายประโยคสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามกลืนความเจ็บปวดทั้งหมด ดงเฮเดินไปที่สัมภาระ มือหนึ่งถือที่นอนสำเร็จรูปแบบกระเป๋า อีกมือหนึ่งถือถุงหิ้วที่มีของใช้จิปาถะอยู่ในนั้น เขาไม่มีมือว่างสำหรับน้องสาว เลยบอกให้ดาบินจับที่ชายเสื้อของเขาแล้วเดินตามมา น้องสาวเดินตามพี่ชายคนโตและคนรองเข้าไปอย่างว่าง่าย...
ฮยอกแจเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ด้านซ้ายมือสุดมีบันไดเล็กๆ ขึ้นไปยังชั้นอื่นๆ แต่ห้องพักของเขาอยู่ชั้นหนึ่ง ซึ่งทางเข้าอยู่ทางด้านขวามือสุด...
เขาค่อยๆ เปิดประตู...และกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง
“...เราคงไม่ต้องใช้เวลาทำความสะอาดกันนานเท่าไหร่หรอก”มันเป็นห้องเช่าแบบวันรูม…ด้านซ้ายมือเป็นห้องครัวเล็กๆ ด้านขวามือเป็นห้องน้ำ ส่วนตรงด้านหน้าของเขาเป็นที่โล่งแคบซึ่งถ้าวางเตียงนอนลงไปพื้นที่ของห้องก็คงจะเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
...สามห้องรวมกันได้ขนาดความกว้างเท่ากับห้องอาบน้ำที่บ้านหลังเก่าของเขา ฮยอกแจเห็นสภาพข้างในบ้านแล้วยิ้มเล็กๆ มันน่าตลกดีเหมือนกันกับชะตาชีวิตที่พลิกผันได้มากขนาดนี้
เขาวางสัมภาระทั้งหมดไว้ที่ริมประตูด้านขวาแล้วหันไปสั่งน้องทั้งสอง
“...ดงเฮ ดาบิน วางของแล้วมาช่วยพี่ทำความสะอาดเร็วๆ เข้า จะได้รีบจัดของแล้วไปหาอะไรกินกันสักที พี่หิวข้าวแล้ว”
“ครับ/ค่ะ”สองพี่น้องพูดพร้อมๆ กัน ดงเฮวางของทั้งหมดไว้ที่เดียวกับฮยอกแจ แล้วกวาดสายตามองห้องเล็กๆ นี่อีกรอบ...
มันคือบ้านหลังใหม่ของเขาจริงๆ เหรอเนี่ย...
...............................
ดงเฮเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เขาเห็นดาบินนอนหลับอยู่บนที่นอนสำเร็จรูป...แล้วก็...เพิ่งจะเห็นประโยชน์ของที่นอนสำเร็จรูปก็คราวนี้เอง ...เมื่อก่อนเขาจะสนใจมันก็ต่อเมื่อเวลาที่เขาไปเที่ยวค้างแรมตามป่าตามเขาเท่านั้น เขากับพี่ฮยอกแจเคยไปเที่ยวตามป่าเขาบ่อย เคยได้พักแรมด้วยที่นอนสำเร็จรูป แต่ดาบินยังไม่เคย...อันที่จริงแล้วดาบินก็คงไม่เคยนอนกับพื้นมาก่อน แต่น้องก็นอนหลับสนิท อาจเป็นเพราะว่าวันนี้พวกเขาทำความสะอาดและเก็บของกันจนเหนื่อย...
ฮยอกแจนั่งขัดสมาธิและพิงหลังของเขาไว้กับฝาผนังห้อง ชายหนุ่มมองน้องสาวตัวเล็กที่ซุกตัวอยู่ในที่นอนสำเร็จรูป ถ้าให้ดงเฮไปนอนอีกคนก็คงจะเต็มที่นอนพอดี...ส่วนเขาคงต้องนอนบนผ้าห่มที่คว้าติดมือมาได้แค่ผืนหนึ่งผืนนั้น ...ช่วงนี้ไม่ยังไม่หนาว เขาคงไม่ต้องห่มผ้า แต่ถ้าเข้าสู่หน้าหนาวเมื่อไหร่ก็คงต้องซื้อที่นอนหรือไม่ก็ผ้าห่มใหม่มาเพิ่ม
“พี่ฮยอกแจ วันนี้ผมเหนื่อยจัง...ขนาดห้องเราเล็กนิดเดียวเองนะ”ดงเฮบอกพลางนั่งลงข้างๆ ฮยอกแจแล้วเอนหัวซบลงบนไหล่ของพี่ชาย...
“อือ...”เขารู้ว่าน้องเขาเหนื่อย เขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน คนที่เคยใช้ชีวิตอย่างสบายมาก่อนอย่างพวกเขา ยังไม่อาจปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ได้ แต่ลำพังเหนื่อยกายมันไม่เท่าไหร่...ฮยอกแจรู้ว่าที่เขาและดงเฮเหนื่อยมากขนาดนี้ มันเกิดขึ้นเพราะผลพวงของความอ่อนแอทางจิตใจมากกว่า...
คนทั้งสองเงียบนานอยู่เป็นครู่..แล้วฮยอกแจจึงบอกกับน้องชายว่า...
“ดงเฮพี่จะลาออกจากโรงเรียนนะ”
ดงเฮเอนตัวกลับที่เดิม เขามองหน้าพี่ชายที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สากับคำที่พูดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ตัวเขาเองกลับตกใจมาก
“อะไรนะพี่?!?”
“พี่บอกว่าพี่จะลาออกจากโรงเรียน ส่วนนายกับดาบินก็กลับไปเรียนต่อเหมือนเดิมนะ หยุดมาก็ตั้งหลายวัน อาจารย์เยจินโทรมาตามกับพี่แล้วด้วย”
“อ่า...เราต้องเรียนต่อน่ะผมรู้แล้ว แต่ที่พี่บอกว่าจะลาออกหมายความว่าไงล่ะพี่ ทำไมพี่ไม่เรียนต่อเหมือนผมกับดาบินล่ะ?”
ฮยอกแจนิ่งไป เวลาที่เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขามักจะใช้ความนิ่งแทนคำตอบเสมอ...
“เราไม่มีเงินเหลือเลยใช่ไหมพี่ ถ้ายังงั้นผมจะลาออกจากโรงเรียนเหมือนกัน ผมจะออกมาทำงานแล้วก็ส่งดาบินเรียน”
ฮยอกแจส่ายหน้าช้าๆ แล้วยิ้มบางๆ ให้น้องชาย
“ไม่ใช่เรื่องค่าเทอมหรอก นายไม่ต้องห่วง...ยังมีเงินเหลือมากพอที่จะจ่ายค่าเทอมของนายกับดาบิน”
“ถ้าเรายังพอมีเงิน ทำไมพี่ต้องออกจากโรงเรียนด้วยล่ะ”ดงเฮถาม แต่ฮยอกแจก็ไม่ตอบสักคำ ดงเฮจึงได้แต่เขย่าที่แขนของพี่ชาย
“ทำไมล่ะพี่? ทำไม...?”
“..........”
เมื่อไม่มีเสียงตอบและมีแต่ความนิ่งเงียบ ดงเฮเลยพูดออกมาก่อน
“พี่ฮยอกแจ…พี่อย่าเลิกเรียนเลยนะ ถ้าเงินเหลือพอแค่ค่าเทอมของคนสองคน คนที่จะต้องเลิกเรียนก็ต้องเป็นผมไม่ใช่พี่!”
“บ้าน่ะดงเฮ…”ฮยอกแจบอกพลางใช้มือยีผมน้องชายเล่น
“ผมไม่ได้บ้าสักหน่อย พี่ต่างหากที่บ้า ผมหัวไม่ดีเท่าพี่ เรียนไปก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะถึงช่วงสอบเอนท์แล้ว อีกไม่นานพี่ก็จะได้เข้ามหาลัย มันคือความฝันของพี่ไม่ใช่เหรอ?”
เขาละมือจากผมของดงเฮ สีหน้าเขาดูจริงจังขึ้น เมื่อเห็นขอบตาที่ก่ำแดงของน้องชาย
“เรื่องของพี่มันไม่สำคัญหรอก การเรียนของนายกับดาบินสำคัญกว่าตั้งเยอะ”
พี่ชายยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะที่คนเป็นน้องกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ...
“พี่ฮยอกแจ...ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ...”
“เพราะพี่เป็นพี่ของนาย...ดงเฮจำไว้นะ เรื่องของพี่ไม่สำคัญเท่าเรื่องของนายกับดาบิน...นายกับดาบินต้องเรียนต่อ พวกนายยังมีอนาคตแล้วก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า…”
“พี่...”ดงเฮมองคนเป็นพี่...แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้...
ฮยอกแจเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของน้องชาย...
“หน้าของนายเหมาะกับรอยยิ้มสดใสมากกว่า อย่าร้องดงเฮ..พี่ไม่สบายใจเลยเวลาที่เห็นนายร้องไห้...”เขาพูดเบาๆ มือเรียวยังคงเช็ดน้ำตาของน้องชายด้วยความถนอม...ดงเฮร้องไห้หนักกว่าเก่า เขาโผไปหาพี่ชายแล้วกอดเอาไว้แน่น
“ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดกับพวกเราด้วยพี่ฮยอกแจ”ภายในอ้อมแขนของพี่ชาย...ดงเฮร้องไห้และสะอื้นออกมามากมาย ฮยอกแจกอดน้องชายเอาไว้แล้วตบหลังปลอบเบาๆ
“พระเจ้าอาจกำลังทดสอบเราอยู่มั้ง...”
“ถ้าอย่างงั้น...ทำไมพระเจ้าถึงได้ใจร้ายกับเราแบบนี้ล่ะพี่”
ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถามของดงเฮนอกจากลูบหัวปลอบโยนคนที่กำลังสะอื้นไห้...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ให้บททดสอบอันแสนเจ็บปวดนี้กับเขาและน้อง เขาก็อยากถามพระเจ้าเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกที่จะทดสอบเรื่องเลวร้ายนี้กับพวกเขา
แต่มันก็คงไม่มีคำตอบจากพระเจ้าหรอก...ใช่ไหม?
write~ 3 มีนาคม 2551
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะประทับใจในมิตรภาพของอึนฮยอกและดงเฮในมุมมองที่ “เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน” (จริงเหรอ???) ซึ่งบทสรุปที่ดีที่สุดระหว่างมิตรภาพนี้ก็คือ “พี่น้อง” กันไงล่ะคะ มันลึกซึ้งดีออกใช่มั้ยล่ะ ส่วนใครคู่ใครก็คงเดากันออกใช่ไหมคะ เราก็จับคู่แบบเบสิกๆ ที่คนส่วนมากเขาจับกันน่ะ ไม่ได้มีพลิกโผอะไรหรอก..มั้ง.(..อ้าวไหงงั้น...ก็คงต้องติดตามกันต่อไปเนอะ)
เราเองก็เขียน Y เป็นเรื่องแรก บางทีอาจจะเข้าไม่ถึง Y แต่เราก็จะพยายามค่ะ ...เราจะไม่ร้องขอคอมเม้นท์ หรือเรียกขอกำลังใจจากคนอ่านหรอกนะ แต่อยากให้คนอ่านชอบเรื่องของเรา เพราะถ้าพวกคนอ่านชอบ เราก็มีความสุขและก็มีกำลังใจมากแล้ว และที่สำคัญไปกว่านั้นเราอยากให้คนอ่านรัก SJ ตลอดไปนะ ความสุขของเราคนเขียนก็คือการได้รัก SJ และเห็นคนมากมายรัก SJ ตลอดไปจ้ะ~
แล้วก็ถ้าเราอัพช้าก็ขอโทษด้วยนะ แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดจ้ะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ เลยนะที่มาอ่านเรื่องนี้ของเรา
ปล.เราไม่ได้โรคจิตอยากทำร้ายฮยอกกับด๊องนะ แต่ว่ามันจำเป็นต้องปูทางมาแบบนี้ เขียนไปก็สงสารไป...ฮือออออ T^T
ความคิดเห็น