ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความทรงจำแห่งสายลมหนาว

    ลำดับตอนที่ #5 : แผนการอันแยบยล

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 50



    ขบวนเสด็จของเจ้าหญิงเจมีไนกลับมาถึงราชวังหลวงพร้อมกับรอยยิ้มรับความสำเร็จ  ผู้คนทั้งเมืองหลวงต่างชื่นชมยกย่องไม่ขาดปาก  งานสังสรรค์รื่นเริงมีอยู่ทั่วไป  ถนนทุกสายต่างประดับประดาด้วยสีสันนานาชนิดจากดอกไม้หลายหลาก  เจ้าหญิงรัชทายาทที่ทรงม้าเหยาะๆ มาตามเส้นทางกวาดสายพระเนตรมองไปรอบๆ ตื่นตาตื่นใจ  ด้วยความที่ไม่เคยได้เห็นและยินดีกับงานเฉลิมฉลองมานานหลายปีแล้ว
    แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสงสัยและให้ความสนใจไม่แพ้องค์เจ้าหญิง  ก็คือชายหนุ่มร่างเพรียวใบหน้าใสเปล่งปลั่งราวเด็กสาวแรกรุ่น  ดวงตาสีน้ำทะเลนิ่งสงบ  ขับรถม้าตามเสด็จอยู่ข้างๆ ซึ่งเจ้าหญิงเจมีไนเองก็ให้ความใส่พระทัยกับชายหนุ่มนิรนามคนนั้นเช่นกัน  เห็นได้จากพระองค์ทรงรับสั่งพูดคุยกับเขาอย่างถูกอัธยาศัย
     “ไงเรวิล  ไม่ได้กลับมาตั้งนาน  เจ้ารู้สึกว่าวังหลวงเปลี่ยนไปบ้างมั้ย?” องค์หญิงรับสั่งถามราชองครักษ์หมาดๆ ด้วยรอยยิ้มสรวล
    “พะย่ะค่ะ  ข้าพระองค์เองก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมพะย่ะค่ะ”
    “อะไร?”
    “ก็พระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดอยู่ตามเส้นทางนี่สิพะย่ะค่ะ  เมื่อก่อนเป็นเช่นไร  บัดนี้ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน” นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยมองไปตามฉายาลักษณ์กรอบทองประดับลวดลายวิจิตรบรรจงของราชวงค์แต่ละพระองค์ของแคว้นทราเวล
    “เราไม่อยากให้เปลี่ยน  มีแบบเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่  เราชอบ”
    “พะย่ะค่ะ”
    “เอ่อ...  เจ้าไปพักผ่อนเถอะ  นี่เจ้าตามมาส่งเราถึงห้องแล้วนะ” พระพักตร์ระเรื่อขึ้นเล็กน้อย  ดวงพระเนตรสีทองอร่ามเสมองไปทางอื่น  ไม่สนใจอีกฝ่ายที่หน้าแดงยิ่งกว่ากำลังก้มหน้างุด  พลางพยักหน้าหงึกหงัก  ก่อนจะโค้งลงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
    “กระหม่อมทูลลา”
    เจ้าของพระเกศาสีม่วงทอดพระเนตรมองหลังไวๆ ของพระสหายในวัยเยาว์จะร่างนั้นเลี้ยวพ้นทางโค้งข้างหน้าไป  จากนั้นจึงเปิดพระทวารห้องบรรทมเข้าไปโดยไม่หันกลับมามองเป็นครั้งที่สอง
    เพราะเมื่อพ้นสายตาของเหล่าผู้ที่จับจ้องอยู่  เจ้าหญิงรัชทายาทจึงถอนพระปัสสาสะอย่างแผ่วเบา  พระพักตร์นวลร้อนผ่าวขึ้นมาอีกรอบเมื่อหวนดำริถึงคำพูดของใครบางคนเมื่อครั้งยังเด็ก
    ทุกลมหายใจของกระหม่อม  เพื่อฝ่าบาทเพียงองค์เดียว
    ...เจ้ายังจะจำมันได้อยู่อีกหรือเรวิล...

    “ลือกันไปทั่วเมืองแล้วนะคะ  เรื่องที่เจ้าหญิงเจมีไนแต่งตั้งลูกชายของเสนาบดีรัชเชล...  เรวิล  เรนเดล ให้เป็นราชองครักษ์ส่วนพระองค์  เข้านอกออกในพระราชฐานฝ่ายในได้ไม่จำกัดเวลา  แบบนี้เรามิแย่หรือคะท่านลุง” มูลา หลานสาวคนเดียวของเสนาบดีมหาดไทยพูดขึ้น  ขณะรินน้ำชาให้ลาเปชผู้เป็นลุง
    “แย่น่ะมันแย่แน่  เพราะว่าการที่เราจะลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงรัชทายาทก็ยากยิ่งขึ้น  แล้วนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า  ไอ้รัชเชลกับลูกชายของมัน  ได้รับความไว้วางพระทัยอย่างสูงสุดจากเจ้าหญิง” เสนาบดีวัยห้าสิบกว่าตอบหลานสาวสุดที่รักด้วยความหนักใจ
    มูลาวางกาน้ำชาลง  แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่เยื้องไปอีกตัวหนึ่ง
    มูลาเป็นหญิงสาวที่ลือชื่อว่างามที่สุดในแคว้นทราเวลรองจากเจ้าหญิงเจมีไนเลยก็ว่าได้  ดวงตาสีแดงอิฐรับกับวงหน้ารูปไข่  ริมฝีปากบาง  เส้นผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม  หยักศกนิดๆ รูปร่างสมเป็นหญิงสาวเต็มตัว  เอวคอดกิ่ว  สะโพกผึงผาย  เซกซี่ยั่วเย้า  สมบูรณ์แบบจนสามารถทำให้ชายทั้งเมืองมาหมอบคลานแทบเท้าเลยก็ว่าได้
    “อืมม์...เรวิลคนนี้เป็นคนยังไงหรือคะ”
    “เท่าที่สายของลุงสืบข่าวมา  ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นคนที่เราจะประมาทไม่ได้เลย  เก่งทั้งการยุทธิ์  การปกครอง  เชี่ยวชาญอาวุธทุกรูปแบบ  ทำคะแนนสอบดีที่สุดของรุ่น  ในร.ร.การทหารของแคว้นสุลามาร์”
    “แล้วท่านพ่อคิดจะทำอย่างไรต่อไปหรือขอรับ” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเทาหม่นเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะที่เหลืออยู่อีกตัว
    “โทรลอยู่ไหน? ลาอู” เสนาฯเฒ่าเอ่ยถามบุตรชายของตน
    “ออกเดินทางแล้วขอรับ  ตามคำสั่งท่านพ่อ  ว่าแต่ว่าท่านสั่งให้โทรลไปเอาสิ่งนั้นเพื่ออะไรหรือขอรับ”
    “แล้วเจ้าก็จะได้รู้  เมื่อถึงวันนั้น  เราก็จะไม่ต้องคอยรับคำสั่งใครอีกต่อไป!” ผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกล่าวคำด้วยแววตามุ่งมั่นเด็ดขาด
    “แล้วเราจะรับมือกับสองพ่อลูกนั้นอย่างไรดีคะ  พวกมันคงไม่ยอมให้เราทำสำเร็จง่ายๆ แน่”
    “เรวิล  เรนเดล  คู่ปรับใหม่ของพวกเรา  มันร้ายกาจใช่เล่นเลยนะขอรับ”
    “มูลา  ลุงคงต้องขอให้หลานช่วยเรื่องนี้เสียแล้วล่ะ” พูดพลางหันมาหาหลานสาวสุดสวย
    “อะไรเหรอคะ ท่านลุง” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัย
    “ช่วยใช่เสน่ห์ของหลานให้เป็นประโยชน์ที”
    สิ้นคำ  คนทั้งสามก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาพร้อมกัน  ดวงตาฉายชัดถึงความชั่วร้ายที่ปิดไว้ไม่มิด
    แผนการใหม่  ที่ชั่วร้ายกว่าเดิมอีกหลายเท่ากำลังเริ่มต้น

    ในห้องโถงของคฤหาสน์ ซัน วอลเรนท์
    ดาบสีขาวประดับอักขระทองวาววับ  สวยงามสมกับเจ้าของที่รูปร่างสง่างาม  และทรงเสน่ห์เช่นเรวิล  เรเดล  ผู้คงตำแหน่งราชองครักษ์ส่วนพระองค์  ลูกของเสนาบดีกลาโหมที่เลื่องชื่อ 
    มือเรียวบรรจงเช็ดถูดาบคู่ใจอย่างดี  ดาบเล่มนี้เธอเป็นคนตีขึ้นมาเอง  รวบรวมทั้งเวทมนตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวของเธอ  ความสามารถในการตีเหล็ก  วัสดุที่ใช้ล้วนแต่เป็นแร่ธาตุที่หายาก  ต้องบุกป่าฝ่าอันตรายหลายอย่างจึงจะได้มันมา  ด้วยเหตุนี้เธอจึงรักดาบเล่มนี้นักหนา
    “นี่น่ะเหรอโฮลลี่  ซวอร์ดที่แสนสวยงาม” เสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหลังของหญิงสาว  ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีตามนิสัย
    “ท่านฟิลกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” หญิงสาวในคราบชายเอ่ยถามออกไป
    “ข้าต้องถามท่านมากกว่านะท่านราชองครักษ์” นายทหารหนุ่มคิ้วเข้มว่าล้อเลียน  นัยน์ตาสีม่วงเข้มฉายแววขบขัน
    “อย่าล้อข้านะ  ท่านน่ะเป็นถึงเสนาธิการผู้ดูแลทหารทั้งหมดในแคว้นทราเวลรองลงมาจากท่านพ่อ  ข้าก็แค่องครักษ์เล็กๆ”
    “อะไรกัน  ข้าน่ะหรือจะกล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับท่านราชองครักษ์ส่วนพระองค์ที่แสนจะรูปงาม  และทรงเสน่ห์  ตั้งแต่เจ้ากลับมาพวกบ่าวไพร่สาวๆ พากันเห่อมารับใช้กันใหญ่นี่...นี่ข้าก็ยังหวั่นๆ ว่าเจ้าเสียความบริสุทธิ์ไปให้พวกนางหรือยัง”
    “จะบ้าเหรอท่าน! ท่านก็รู้ว่าข้าเป็น...” เรวิลผุดลุกขึ้น  แล้วทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม  เบือนหน้าไปทางอื่น  เพราะไม่อยากให้ผู้สูงวัยกว่าเห็นใบหน้าของเธอยามแดงเป็นลูกตำลึงสุก
    “คุยอะไรกันเหรอ? สองคน” ท่านเสนาบดีรัชเชลเอ่ยถามระหว่างเดินเข้ามาในห้อง
    “ก็ท่านฟิลน่ะสิ  ชอบล้อข้าเรื่อย”
    “ฮะๆ ฟิล  เจ้าก็เพลาๆ เรื่องลูกของข้าบ้างก็ได้  แล้วนี่ลูกชายของเจ้าล่ะไปไหนแล้วล่ะ” ชายวัยกลางคนหัวเราะอารมณ์ดี
    “เจ้ามัลน่ะหรือขอรับ  ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปเล่นซนที่ไหนสิน่า  ข้าก็อยากให้เจ้าเด็กนั่นเอาดีได้สักครึ่งหนึ่งของเรวิลก็ยังดี” ฟิลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย  แต่สายตายังคงพราวไปด้วยความรักและเอ็นดู
    “พ่อเอานี่มาให้ลูกแน่ะ” เอ่ยพลางยื่นการ์ดใบหนึ่งให้กับบุตรีของตนเอง
    “อะไรหรือคะ?”
    “บัตรเชิญไปงานเลี้ยงของคฤหาสน์ ไดมอน จีเนียส  เจ้านี่ชักจะเสน่ห์แรงขึ้นไปทุกวันแล้วนะ” เอ่ยด้วยรอยยิ้มอาบใบหน้า  แต่ยังไม่วายเย้าลูกสาวแสนงามคนนี้อีก
    “ท่านพ่ออ่ะ” ว่าพลางค้อนควับเข้าให้วงใหญ่  เรียกเสียงหัวเราะให้กับผู้สูงวัยกว่าทั้งสองคนเป็นอย่างดี
    “แต่ว่าท่านเสนาบดีขอรับ  งานเลี้ยงนี่ข้าว่ามันแปลกๆ  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคนของเสนาฯฝ่ายซ้ายทำดีกับเราเลยสักครั้ง  แต่มาตอนนี้กลับส่งบัตรเชิญให้เรวิล” ฟิลเอ่ยขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ
    “ข้ารู้  นี่คงคิดจะดูหน้าเรวิล  คนที่ได้รับตำแหน่งราชองครักษ์อย่างฉุกละหุกล่ะมั้ง”
    “ลูกควรไปไหมคะ”
    “ต้องไปสิลูก  เราจะไปดูว่าพวกนั้นเขาจะมาไม้ไหนกัน”

    เรือนผมสีชายาวประบ่า  ซึ่งเจ้าตัวบรรจงมัดรวบไว้อย่างดี  ใบหน้าคล้ำแดดเล็กน้อยแต่ก็ยังนวลเนียน  ที่โดดเด่นคงจะเป็นดวงตาสีน้ำทะเลชวนให้หลงใหล  ซึ่งเจ้าตัวไม่รู้สึกรู้สากับมันเลยสักนิด  ขนตายาวเป็นแพ  รูปร่างเพรียวบางแต่หากสูงสมส่วน สวมชุดทักซิโดสีขาวเสริมให้ดูสง่างามมากขึ้น  แม้นจะดูสวยมากกว่าหล่อ  แต่ไม่ยักกะมีใครสงสัยในข้อนั้น
    “เอ่อ...” เสียงสาวใช้ที่เข้ามาแอบมองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ชะงักค้างเติ่งเมื่อเห็นเรวิลเต็มสองตา  ใบหน้าแดงจัดด้วยความเขินอาย  ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ จนหญิงสาวชักรำคาญ
    “มีอะไรเหรอ?”
    “เอ่อ...เอ่อ...”
    “มีอะไรก็รีบว่ามาสิ”
    “เอ่อ...คือคุณท่านให้มาเรียนถามว่าคุณชายแต่งตัวเสร็จหรือยังค่ะ”
    ...คุณชาย...เฮอะ...
    เรวิลแอบแบะปากด้วยความไม่พอใจ  แต่ก็ตอบไปเพียงว่า
    “เสร็จแล้ว  กำลังจะลงไป  เจ้าลงไปบอกท่านพ่อก็แล้วกัน”
    “ค่ะ” สาวใช้นางนั้นค่อยๆ ถอยออกไปจากประตู  จึงทำให้‘คุณชาย’ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
    ข้อหาหลอกลวงเบื้องสูงนี่มันโทษสูงขนาดไหนกันนะ  นี่ถ้าความเกิดแตกขึ้นมาหัวของเธอคงไม่ได้รวมอยู่กับร่างแหงๆ  แต่ไหนๆ ก็ขึ้นขี่หลังเสือแต่แรกแล้ว  อย่างไรเสียก็คงต้องขี่มันต่อไป  มิเช่นนั้นคงต้องถูกเสือตัวนั้นเขมือบอย่างไม่ต้องสงสัย
    ช่างเถอะ...ของเพียงองค์หญิงได้ขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างไร้ปัญหา  เธอพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
    “เฮ้อ...” เธอถอนหายใจอีกครั้ง  ก่อนก้าวขา(ยาวๆ) ออกจากห้องไป

    คฤหาสน์ ไดมอน  จีเนียส
    “ยินดีต้อนรับท่านเสนาบดีรัชเชล  และพ่อหนุ่มเรวิล  ไม่ได้เจอกันนานดูโตขึ้นเป็นกองนะ” ลาเปช  เสนาฯเฒ่าเอยด้วยรอยยิ้ม  ทักทายเมื่อเห็นสองพ่อลูกเดินเข้ามา
    รัชเชลยิ้มรับ  ส่วนเรวิลก็โค้งให้อย่างสวยงาม  เสนาบดีฝ่ายซ้ายผายมือเชิญทั้งสองคนให้เข้าไปในงาน  เสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่งมากระทบโสต  ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ไดมอน จีเนียส  ใหญ่โตสมฐานะของเสนาบดีที่มีลูกชายเป็นถึงมหาบัญฑิตแห่งวังหลวง  เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ล้วนเลิศหรูสั่งตรงมาจากร้านที่ลือชื่อที่สุดในแคว้น  จนไม่น่าเชื่อว่าเบี้ยหวัดเงินเดือนของเสนาบดีกับมหาบัญฑิตจะเยอะขนาดที่สั่งของพวกนี้ได้  ดูๆ ไปแล้วอาจจะหรูเลิศกว่าวังหลวงเสียอีก
    “ข้ากลับบ้านมาหลายวันแล้ว  แต่ไม่มีโอกาสมาคำนับท่านเสนาบดีเลย  ต้องขออภัยด้วยขอรับ” เรวิลกล่าวอย่างนอบน้อม
    “ไม่เป็นไรหรอก  ข้าเองก็พอรู้ว่าเจ้าไปจากทราเวลเนิ่นนาน  คงอยากอยู่บ้านกับครอบครัว  แถมยังเพิ่งรับตำแหน่งสำคัญมาอีก  ข้าเข้าใจ  ฮ่าๆ” ชายแก่พุงพลุ้ยหัวเราะร่า  ทำให้ทั้งสองพ่อลูกต้องยิ้มตาม  ทั้งๆ ที่ในใจสะอิดสะเอียนเต็มทน
    “ขอบคุณมากขอรับที่ไม่ถือสาลูกชายไม่เอาไหนของข้า” เสนาบดีกลาโหมว่า
    “นี่แล้วลูกชายข้ากับหลานสาวไปไหนแล้วล่ะ  ไม่มารับแขกเสียมารยาทจริงๆ เลย”
    “มาแล้วขอรับท่านพ่อ”
    ไม่ทันไร  ชายหนุ่มรูปร่างสูงนัยน์ตาสีเทาหม่นไม่ผิดเพี้ยนจากลาเปชก็เดินเข้ามา  ผิวของเขาขาวจนเกือบซีด  เส้นผมตัดสั้นสีน้ำตาลเข้ม  จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากเรียบตรง  รูปร่างบางเกือบเท่าเรวิล  แต่หญิงสาวบางแต่หากแข็งแรง  ส่วนลูกชายเสนาฯซ้ายคนนี้บางแบบไร้เรี่ยวแรง 
      แต่มีบางสิ่งบางอย่างบอกเรวิลว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา  คงไม่ใช่พวกนอนหนังสือทั่วไปเป็นแน่แท้
    “แล้วน้องสาวเจ้าล่ะ” ลาเปชหันไปถามลูกชาย
    “กำลังมาขอรับ...ท่านเสนาบดีรัชเชล  ขออภัยขอรับที่ออกมาทำความเคารพช้าไป” ชายหนุ่มพูดพลางโค้งต่ำ  ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า
    ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร  ลาอูจึงหันไปยิ้มให้กับเรวิล
    แขกในงานมีราวๆ ยี่สิบคนซึ่งรวมถึงสองพ่อลูกด้วย  ขณะที่คนในงานล้วนพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินก็ต้องชะงักค้างเมื่อใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในงาน
    หญิงสาวนัยน์ตาสีแดงอิฐ  เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยระเรี่ยไปกับบ่านวลขาว  เพราะชุดราตรียาวสีเหลืองอ่อนแบบเปิดไหล่คว้านลึก  เสริมช่วงเนินอกให้ดูดีขึ้นไปอีกด้วยสร้อยไข่มุกสีนวลเลอค่า  ส่วนช่วงกระโปรงด้านนอกเป็นผ้าลูกไม้ลายสวยละเอียดด้วยช่างเย็บมีชื่อ  เดินย่างเข้ามาอย่างช้าๆ ปล่อยให้สายตาหลายคู่ได้ชื่นชมความงามได้อย่างสบายๆ
    “มาพอดี  หลานสาวของข้า”
    “ค่ะ” แม้นจะตอบคำของลุง  แต่สายตาหยาดเยิ้มกลับมองเพียงแต่ร่างสูงในชุดทักซิโดสีขาวที่ยืนเคียงข้างกับชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดทักซิโดสีดำตัดกัน
    “นี่...หลานรู้จักที่เขาไว้สิ  เรวิล  เรนเดล  ลูกชายของท่านเสนาบดีกลาโหม” เสนาฯลาเปชผายมือ
    “ข้า...มูลา  โดเรก้า  ยินดีที่ได้รู้จักคนเก่งๆ เช่นท่าน” หญิงสาวกล่าวแนะนำตนเองพร้อมกับส่งรอยยิ้มชวนเสน่าหามาให้  แต่เรวิลกลับไม่ยักกะเข้าใจ
    “นี่คงจะได้เวลาแล้วล่ะ  เรวิลเปิดฟลอร์เป็นเกียรติให้กับลุงหน่อยนะ”
    เรวิลทำหน้างงงัน  อยู่ดีๆ จะให้ออกไปเต้นรำแล้วเธอจะเต้นกับใครเล่าเนี่ย
    “ไปสิ  อย่าทำให้พ่อขายหน้านะ” รัชเชลดันหลังลูกชาย(ไม่จริง)ให้ขยับไปข้างหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่  เรวิลหันกลับไปมองบิดา  ท่านเสนาบดีส่งข้อความผ่านทางสายตา  เธอจึงเข้าใจทุกอย่างได้ดี
    “เต้นรำกับข้านะมูลา” เรวิลโค้งลง  ยื่นมือให้กับหญิงสาว  พลางส่งสายตาน่าหลงใหลยิ่งกว่ามาให้  ทำให้มูลาแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น  แต่ทำได้เพียงจับมือปล่อยให้เรวิลพาไปกลางฟลอร์เต้นรำเพียงเท่านั้นเอง
    รัชเชลมองหลังของลูกสาวตนเองในคราบชายหนุ่มรูปงามเต้นรำกับหญิงสาวที่ขึ้นชื่อได้ว่าสวยเป็นที่สองของแคว้นด้วยรอยยิ้ม  ได้...ถ้าฝ่ายเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะใช้เสน่ห์มารยา  ทางเขาก็มีชายหนุ่มผู้ทำให้สาวทั้งแคว้นสุลามาร์น้ำตานองหน้ามาแล้วเหมือนกัน
    แล้วใครกันแน่ที่จะใช้เสน่ห์มารยา...

    มือเรียวเกาะกุมมือบอบบางของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ขัดเขิน  เรวิลในชุดทักซิโดแสนสง่าก้าวตามจังหวะดนตรีไปพร้อมกับมูลาหญิงสาวผู้งามพร้อมได้หวานหยาดเยิ้มจนชายทุกคนในงานอิจฉา
    “ท่านราชองครักษ์” มูลากระซิบเสียงแผ่ว 
    “หืม...เจ้าว่าไงนะ”
    “ท่านรับตำแหน่งราชองครักษ์ส่วนพระองค์แล้วใช่หรือไม่”
    “ใช่  เจ้าถามทำไมหรือ?”
    “ข้าแค่อยากชื่นชมความสามารถของท่าน  ท่านไปร่ำเรียนถึงสุลามาร์ที่แสนไกลและเจริญรุ่งเรืองกว่าที่นี่มากนัก  แต่กลับยังมาทำงานรับใช้ราชสำนักที่นี่อีก  ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไปแสวงหาความก้าวหน้าที่อื่นแล้ว”
    “ที่นี่ก็คือความก้าวหน้าของข้า  ข้าเป็นคนที่นี่  เกิดที่นี่และจะตายที่นี่”
    “นั่นแหละ  รู้ไหมว่าข้าชื่นชมท่านเพียงใด”
    “เจ้าบอกข้าได้ไหมเล่า” เรวิลเขยิบเข้าไปกระซิบข้างๆ หูของมูลา  มองเธอด้วยสายตาหวานฉ่ำ
    “ข้า...”เมื่อเจอสายตาแบบนั้นเข้าไป  หญิงสาวจึงได้แต่ก้มหน้าหลบสายตานั้นนิ่ง  ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดมาอีก
    “ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ  แล้วเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้าเองก็ชื่นชมเจ้าไม่แพ้กัน”
    “ข้าน่ะหรือ  มีอะไรให้คนเก่งอย่างท่านชื่นชม”
    “ก็ความงามของเจ้ายังไงล่ะ  ที่ทำให้ข้าทั้งชื่นชมและ...หลงใหล...”
    วงดนตรีบรรเลงเพลงในจังหวะหวานซึ้ง  แม้ว่าจะมีหลายคู่ที่เต้นรำอยู่ในฟลอร์  แต่หากไม่เป็นจุดสนใจเท่ากับคู่ของบุตรเสนาบดีทั้งคู่ที่อิงแอบแนบชิดกัน ณ ตอนนี้เลย
    “ท่านอายุมากกว่าข้าให้ข้าเรียกท่านว่าท่านพี่ได้หรือไม่” มูลากระซิบเบาๆ กับไหล่ของเรวิล
    “สำหรับเจ้า  ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
    มูลาไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป  ได้แต่ซุกใบหน้าแดงปลั่งกับไหล่ของเรวิล  ภายในใจสับสนไปหมดว่าตนเป็นอะไรกันแน่  ไม่มีใครทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างนี้ได้  ไม่มีใครทำให้เธอเขินอายถึงขั้นนี้ได้  เธอเองไม่ใช่หรือที่จะทำให้บุตรของเสนาฯขวาคนนี้หวั่นไหว  แต่ทำไมคนที่หวั่นไหวกลับเป็นเธอเองไปได้ล่ะ
    ...เทพแห่งราตรี  ท่านบอกได้หรือไม่ว่าข้าเป็นอะไรไป...

    เสนาบดีลาเปชหันกลับมามองบ่าวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาประชิดตัวอย่างเงียบเชียบ  และกระซิบแผ่วเบา  เสนาฯเฒ่ายิ้มอย่างพอใจก่อนจะหลบฉากออกไปอย่างเงียบเชียบ
    ชายในชุดรัดกุมสีดำคลุมด้วยเส้อคลุมสีดำสนิทอีกที  ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงของจันทราที่สาดส่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ที่เผยให้เห็นดวงตาสีม่วงอันเรียบเฉย
    “มาแล้วเหรอโทรล” ชายวัยห้าสิบกว่าเดินเข้ามาในห้องดังกล่าว  ขยับไปยืนอยู่เบื้องหน้าของบุคคลลึกลับ
    “ขอรับ”
    “ได้ของมาแล้วใช้มั้ย?”
    ชายในชุดคลุมไม่ตอบคำ  เพียงแต่หยิบขวดบางอย่างขนาดเล็กยื่นให้กับผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีมหาดไทย 
    “สมกับที่ข้าไว้ใจเจ้า โทรล”
    “เพื่อท่านข้าทำได้ทุกอย่าง”
    ลาเปชยิ้มเจ้าเล่ห์  พลางยื่นขวดนั้นให้กับโทรลดังเดิม  เขารับสิ่งนั้นมาแล้วเก็บเข้าไปในเสื้อคลุมเหมือนเดิม
    “คงรู้นะ  ว่าต้องทำอะไร”
    “ขอรับ”
    สิ้นคำ  ชายหนุ่มสะบัดเสื้อคลุม  บังเกิดกลุ่มควันสีม่วง  ก่อนที่ร่างมืดมิดจะหายไปกับตา
    “แล้วข้าจะรอดู  หลานชาย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×