ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สนิมรัก

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 56


      

                                   เช้าวันต่อมา มารตีต้องพาหน้าตาอิดโรยเพราะอดนอนไปโรงเรียนโดยที่ต้องไปรอที่หน้าบ้านและรถของโรงเรียนจะมารับเมื่อถึงเวลา ดวงหน้าแป้นที่บ่งบอกว่ามีเชื้อสายของจีนฉายแววดีใจอย่างชัดเจน เพราะว่าไม่ได้เจอเพื่อนมาตั้ง
    2วัน

    “ตี้คิดถึงจังเลย” อรนีโผเข้ากอดเพื่อนตั้งแต่ที่มารตีถึงรถและยังไม่นั่งที่เบาะด้วยซ้ำ ทำเอาร่างบางโงนเงนไม่น้อย

    “พอแล้วยัยอร” มารตีแกะมือติดกาวของเพื่อนออก ทุกวันนี้คนก็มองว่าเธอและอรนีเป็นมากกว่าเพื่อนอยู่แล้ว อรนีเปลี่ยนมากระตุกมือเพื่อนให้นั่งลงข้าง ๆ

    “ตี้การบ้านเสร็จยัง ขอลอกหน่อยนะ”

    “เสร็จแล้วแต่ไม่แน่ใจว่วาจะถูกใหม”

    “ไม่เป็นไร เอามาก่อน” นี่เป็นการสนธนาที่มักมีขึ้นทุกวัน เพราะว่าที่บ้านของอรนีเปิดเป็นร้านขายข้าวขนาดใหญ่อรนีต้องช่วยป๋าทำบัญชี กว่าจะเสร็จก็ดึกดื่นเสียจนไม่มีเวลาทำการบ้าน และความสามารถพิเศษที่เธอแสนนับถือคือ ตามอง มือเขียน และคุยไปด้วย

    “นี่ตี้รู้เปล่าที่โรงเรียนจะให้เด็ก ที่จะจบ จัดการแสดงในงานเลี้ยงน่ะ”

    “ไม่อ่ะเราไม่ได้สนใจ” มารตีคร่ำเคร่งกับการเรียนเสียจนไม่รับรู้เรื่องราว เพราะเพื่อนสนิทอย่าง อรนีก้ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเสียที

    “แหม ตี้เห็นว่ายัยคุณนาถจะได้รำถวายพระพรด้วยนะ นีล่ะหมั่นใส้ทำเป็นเดินไปคุยเสียทั่วโรงเรียน”

    อรนีทำหน้าตาบูดเบี้ยวจนมารตีขำเบา ๆ เพราะว่าทั้งคู่เป็นคู่กัดกันมาแต่เล็กแต่น้อย ส่วนเธอก็ไม่มีอะไรเลยกับนาถฤดี เธอกับทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งนาถฤดีจะนั่งรถของที่บ้านมาเรียนและรอเธอกับอรนีที่ใต้ตึกทุกวัน

                    เวลา 8.00 ไม่ขาดไม่เกินรถของโรงเรียนของแล่นมาจอดที่หน้าตึกสีขาว

    “ยัยตี้” เสียงเล็กแหลมของสาวน้อย รูปร่างสูงยาว ผิวสีน้ำผึ้งวิ่งมาหามารตีและชนอรนีไปอีกทาง ทำเอาอรนีสะบัดหน้าและเดินไปอีกทางเหมือนกำลังงอน

    “ นาถ ไปแกล้งนีทำไม ตี้ขี้เกียจง้อนะ” นาถฤดีมีความสุขที่ได้แกล้งเพื่อนวัยเด็กเล็ก ๆ น้อย ๆ เด็กสาวไม่ฟังแถมยังเกาะแขนมารตีหน้าตาเฉยและพากันเดินขึ้นห้องเรียน และไม่นานทั้งสามก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิน นี่แหล่ะน้า

                    ภายในห้องนอนใหญ่ที่ผนังห้องสีครีม และตกแต่งเฟอร์นิเจอร์เป็นสีน้ำตาลเข้มเพื่อความสบายตาร่างสูงใหญ่ของวิวิทนอนคว่ำหน้า เผยให้เห็นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างคนที่ดูแลสุขภาพดี

    เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้นอนตื่นสายแบบนี้แม้จะเป็นแวลา 10.00 แล้วร่างสูงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย จนกระทั่งมารดาเข้ามาตีเผี้ยะที่หลังแน่นจนเป็นรอยแดงนั่นแหล่ะถึงผงกหัวยุ่งตื่นขึ้นมาได้

    “เหนือจะนอนไปถึงใหน ตื่มมาทานข้าวก่อนแล้วค่อยนอนต่อ”

    “ท่านแม่ ขออีก 5 นาที”

    “ไม่ไปอาบน้ำเลยเหนือ แม่จะให้คนเตรียมอาหารให้”  วิวิทจำต้องสลัดผ้าห่มออกเพื่อไปอาบน้ำ ทำให้วรินห้องที่เปิดประตูค้างไว้ เดินผ่านถึงกับกลืนน้ำลายในรูปร่างบาดตาของชายหนุ่มที่ถอดแบบมาจากนายแบบบนปกนิตรสารถ้าได้นอนอยู่ที่ใต่ร่างสักครั้งคงดีไม่น้อยเลยทีเดียว

                    “ พ่อครับวันนี้ผมไปรับตี้ที่โรงเรียนนะ ว่าจะพาไปซื้อของเป็นเพื่อนสักหน่อย” ร่างสูงในชุดเสื้อยืด กางเกงสามส่วน ที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกับท่านนายพลเอ่ยปากถาม

    “แกจะมาถามพ่อทำไม ไปถามท่านแม่โน่น” ท่านนายพลตอบในขณะที่กำลังหาทางรุกคืนเจ้าตัวดี ที่ไม่เปิดช่องให้บ้างเลย

    “โถ่พ่อ ท่านแม่หวงเจ้าตี้จะตายเมื่อเช้าผมตื่นมาเข้าห้องน้ำ เห็นเจ้าตี้ใส่ชุดม.ปลายแล้วผมกล้วติดคุกจัง”

    “ทำไม” ท่านายพลถามงง ๆ

    “ก็ข้อหาพรากผู้เยาว์ ล่อล่วง และก็.....กระทำชำเรา” จากนั้นสองพ่อ ลูกก็หัวเราะกันดังสนั่นจน คนใช้ที่อยู่แนวนั้นเมียงมองอย่างแปลกใจที่นายทั้งสองหัวเราะราวกับว่าตลกหนักหนา นี่ถ้าท่านแม่มาได้ยินต้องฆ่าเขาตายแน่

                    เสียงห้ามล้อของ BMW สีดำเอาคนที่กำลังรอรถกลับบ้านหันมามองกันเป็นทิวแถว วิวิทลงจากรถและนั่งรอคนตัวบางของเขาที่ใต้ต้นจามจุรีที่แผ่กิ่งก้านสาชาให้ร่มเงากันคนที่ผ่านไปมา ไม่แปลกที่จะเห็นเด็กสาว ๆ นั่งทำการบ้าน และติวสอบกันเพราะอีกไม่นานจะต้องสอบกันแล้ว ถึงเวลาแล้วเหมือนกันที่จะได้เอาคนไกลตัว ไปเป็นคนไกล้ตัว

                    “นั่น ๆ พี่เหนือของเธอยัยตี้” อรนีกล่าวอย่างตื่นเต้นที่เห็น ร่างสูงของชายในฝัน เธอเคยไปบ้านมารตีหลายครั้งและเห็นววิทหลายครั้ง ทุกครั้งชายหนุ่มทักทายเธออย่างเป็นกันเอง มารตีหันไปอย่างตกใจและเห็นชายหนุ่มยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบอยู่แล้ว จำต้องเดินไปหาอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้

    “เจ้าตี้เลิกช้าจังพี่รอนานแล้วนะ” วิวิทคว้าหนังสือ และกระเป๋าไปถือเอง

    “พอดีว่าตี้ไปเอาของกับนี”

    “สวัสดีค่ะ พี่เหนือ” สองสาว สองเสียงประสานกัน และยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน ทักทายกันสอง สามประโยค วิวิทก็ลากตัวมารตีกลับ เพราะดูเหมือนว่ามารตีจะติดลมกับเพื่อนเสียอย่างนั้น

                    “พี่เหนือไปไหน ตี้จะกลับบ้าน” มารตีมองเห็นว่าวิวิทกำลังออกนอกเส้นทางกลับบ้าน และกำลังจะไปที่ใหนก้ไม่รู้ วิวิทยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่ามารตีลุกลี้ลุกลน และกำลังตื่นกลัวเพราะเธอไม่เคยไปที่ใหนนอกจากบ้าน และโรงเรียน

    “ไปพารากอน พี่จะไปซื้อของ”

    “พี่เหนือก็ไปซิ จะพาตี้ไปทำไม” คนร่างยักษ์ไม่ตอบ แถมตอนที่รถติดไฟแดงยังละมือด้านหนึ่งจากพวกมาลัยมาจับมือด้านหนึ่งของเธอ

    “หอมจังตี้ใช้ครีมทามือเหรอ” วิวิทจรดมือหอมที่จมูกโด่ง หลาย ๆ ครั้งและนำมากุมไว้ที่ต้นขาของตัวเอง

    “พี่เหนือ อย่าขับรถมือเดียวสิ” มารตีพยายามดึงมือออกจาการเกาะกุม เมื่อเห็นว่าคนดื้อยังประคองรถด้วยมือเดียว

    “นั่งเฉย ๆ เจ้าตี้หัดดื้อกับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ตาสีสนิมหันมาดุคนที่นั่งไม่สุข พยายามจะดึงมือออกอยู่เรื่อยเลยไม่รู้เหรอมือนิ่ม ๆ จับเล่นแบบนี้เพลินจะตาย ไปทำอะไรมามือนิ่มจัง ว่าแล้วก็จับมาหอมอีกสักที นิ้วว่าง ๆ หาแหวนให้ใส่สักวงดีกว่า มารตีมองหน้าคมขาวที่ประดับด้วยรอยยิ้มอย่างงงๆ เมื่อตะกี้ยังดุเอยู่เลย

                    เมื่อไปถึงห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพ คนที่บอกว่าจะซื้อของก็พาเธอไปที่แผนกเครื่องสำอางค์เสียอย่างนั้น และกวาดเอาครีมทามือกลิ่นที่ตัวเองชอบมาเป็น 10 หลอด พร้อมกับลิปกลอส น้ำหอม แป้งสารพัดอันใหนที่เป็นกลิ่นที่ตัวเองชอบเอาหมด รวยนักหรือไง

    “พี่ชายน่ารักจังค่ะ”

    “ผมไม่ใช่พี่ชายคับ นี่แฟนผม”

                    วิวิทแอบไม่พอใจนิดหน่อยที่คนขายมองว่าเขาและมารตีเป็นพี่น้องกัน หรือหน้าเขาแก่เกินไป        วิวิทถามตัวเองและดูกระจกบานหนึ่งที่ติดกับเคาร์เตอร์ขายเครื่องสำอางค์ ส่วนด้านมารตีก็ตกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ตัวเองไปเป็นแฟนเขาตอนใหน แต่เพื่อความมั่นใจวิวิทก็แวะซื้อครีมให้ตัวเองเสียหน่อย หนักใจจริง ๆ มารตีตัวเล็กน่ารัก แถมยังหน้าเหมือนเด็กม.ต้นขนาดนี้ พลอยทำให้เขาดูแก่ไปเลย

    “ตี้คิดไว้หรือยังว่าจะสอบเข้าที่ใหน” เสียงเข้มเอ่ยถามในขณะที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าเลนขวา เพื่อจะยูเทินร์เข้าซอยบ้าน

    “คงแถวนี้แหล่ะ ตี้อยากเรียนอักษร” มารตีตอบแบบไม่คิดอะไร แต่นั้นทำให้วิวิทครุ่นคิด มหาลัยใหนที่เชียงใหม่มีคณะอักษรบ้างหรือเปล่านะ แล้วจะอย่างไรให้คนที่อยู่ข้าง ๆ ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่

    “ตี้ชอบเชียงใหม่ใหม” วิวิทตีรถจอดที่ข้างซอยก่อนที่จะเข้าบ้าน

    “ก็ชอบนะ อากาศก็ดีทำไมค่ะ อยากให้ตี้ไปอยู่ด้วยเหรอ” คนตัวบางยิ้มและหันไปตอบวิวิทที่กำลังปลดเข็มขัดเพื่อจะคุยกับเธอได้สะดวก

    “ถ้าพี่บอกว่า อยากล่ะตี้จะไปอยู่กับพี่หรือเปล่า”

    “ไม่ค่ะ ตี้อยากอยู่กับยาย” มารตีตอบแบบไม่คิดเลยสักนิด แต่หัวใจกระตุกเล็กน้อยที่วิวิทชวนเธอไปอยู่ด้วยแบบไม่มีปี่ มีขลุ่ย แต่มารตีไม่รู้เลยว่าวิวิทนั้นคิดแบบนี้ตั้งแต่เริ่มไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว

    “โถ่ตี้คิดบ้างก้ได้นะ” วิวิทตัดพ้อ และหันไปสตาร์รถแต่ไม่ยอมปล่อยมือเล็กเลย

                    มารตีเดินคิดเรื่องที่วิวิทพูดไปจนถึงที่หน้าบ้าน ที่วันนี้วิวิทไม่ได้มาส่งเพราะเธอกลัวว่ายายจะเห็นอีก มารตีวางของทั้งหมดที่วิวิทซื้อให้ที่เตียงนอนสีขาว ในระหว่างที่เธอกำลังจะผลัดเปลี่ยนเสื่อผ้าเพื่อไปอาบน้ำ ยายแป้นก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน อย่างแรกที่หญิงชราสังเกตุคือ ข้อมือขาวผ่องยังคงมีกำไลทองอยู่

    “ยายบอกให้ตี้เอาไปคืนท่านหญิง ทำไมยังไม่เอาไปคืนอีก” หญิงชราขึ้นเสียงกับสาวน้อยอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อน

    “ ยายจ๋าตี๋รักกำไลวงนี้ ท่านหญิงให้ตี้ตอนวันเกิด” สาวน้อยนั่งลงกอดขายายอย่างอ้อนวอน

    “รักมัน หรือรักเจ้าของมันกันแน่มารตี”

    “เอามายายจะเอาไปคืนให้และพรุ่งนี้ เป็นต้นไปไม่ต้องไปที่บ้านของท่านหญิงอีก” คว้าข้อมือของมารตีขึ้นมาเพื่อจะถอดกำไลออก แต่มารตีก็ดึงมือกลับ

    “ไม่นะยาย ตี้ไม่ให้” ดวงหน้าจิ้มลิ้มหน้าตานองหน้าอย่างหน้าสงสาร พยายามที่จะรักษากำไลแสนรักไว้ เผี้ยะ!!! มือเหี่ยวย่นสะบัดเข้าที่หน้าของมารตีเต็มแรง จนเจ้ามือก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน หน้าอ่อนใสเป็นรอยห้านิ้วขึ้นมาทันตา

    “ยายให้โอกาศ ถึงวันพรุ่งนี้คืนซะก่อนที่จะไม่มีโอกาส” หญิงชรากำลังตัดสินใจบ้างอย่าง และกำลังคิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว เป็นการตัดปัญหาตั้งแต่ต้นลม ยายแป้นพาร่างของตัวเองกลับห้อง เธอเสียใจที่ลงมือทำร้ายหลานสาว แต่ก้ไม่ได้พูดอะไร

                    ท่านหญิงและท่านนายพลแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้ มารตีไม่ยอมรวบผมไปโรงเรียนนี่สอบวันสุดท้ายแล้วทำไมมารตีไม่ยอมมัดผมนะ

    “ท่านหญิง ตี้ ตี้อยากคืนกำไลให้ท่านหญิง” ร่างเล็กคลานมากราบที่ตักของท่านหญิงที่กำลังมองเธออย่างงุงงง เพราะอยู่มารตีก็น้ำตานองหน้า จนท่านนายพลให้สัญญาณกับแม่บ้านให้ไปตาม วิวิทมา

    “เจ้าตี้ทำไม เกิดอะไรขึ้น” ท่านหญิงไม่ยอมรับกำไลคืนจากมารตี้

    “ยายให้คืนค่ะ ตี้....” และจากนั้นมารตีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่กล้าบอกเหตุผล และกราบลาท่านหญิงแต่ท่านหญิงกลับดึงมือไว้

    “เดี๋ยวคุยกันให้รู้รื่องก่อน ฉันไม่ยอมนะ”

                    วิวิทมาทันเวลาท่านนายพลถอนหายใจอย่างแรง เพราะโล่งอกวิวิทคงพอที่จะถามเหตุผลจะมารตีได้บ้าง

    “เกิดอะไรขึ้น” วิวิทรีบสาวเท้าไปหามารตี เขาตกใจตั้งแต่ที่มีคนมาตามแล้ว แถมยังเห็นว่าดวงหน้าจิ้มลิ้มนองไปด้วยน้ำตาและกำลังจะลุกหนีเขาไป

    “ ไม่มารตีอย่าหนี ท่านแม่ลูกคุยเอง” วิวิทลากแขนของมารตีไปทางห้องของตัวเอง ในขณะที่ร่างบางเอาแต่ขัดขืน

    “ปล่อยนะตี้จะไปสอบ ปล่อยนะ” มารตีพยายามแกะมือแกร่งที่บีบจนข้อมือเธอแทบจะแหลก ถ้าวันนี้เขาคุยกับมารตีไม่รู้เรื่องอย่าหวังเลยที่จะไปสอบได้ เรื่องคะแนนสอบให้ท่านหญิงเคลียล์ให้ก็ได้ อยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยจะจัดให้

                    ปัง ! ! เสียงประตูปิดดังจนคนที่นั่งอยู่ด้านล่างสะดุ้งกันเป็นแถบ ๆ ทำไมจะไม่รู้ว่า คุณเหนือเวลาโกรธขึ้นมาล่ะก็ ซาตานชัด ๆ ท่านหญิงเห็นท่าว่าวันนี้มารตีคงไม่ได้ไปสอบก็รีบยกหูหาท่านอธิการทันที

    “บอกมา อะไรทำให้เจ้าตี้ถอดกำไลนั้นออก” วิวิทตะคอกใส่มารตีสุดเสียง แค่เพียงคิดว่าร่างเล็กกำลังจะตีตัวจากเขาก็แทบทนไม่ได้ มารตีหดคออย่างหวาดกลัวเพราะวิวิทไม่เคยทำแบบนี้

    “มารตีพูด” วิวิทเขย่ามารตีอย่างแรงเพราะต้องการคำตอบที่ทำให้อารมณ์ที่กำลังประทุของเขาดับมอดลง

    “ปล่อยนะ ปล่อยคนบ้า” มารตีทุบร่างหนาที่ดันเธอเข้าหากำแพงข้างประตู และใช้ตัวเองกั้นเธอไว้ในอ้อมแขนที่เธอรู้ดีว่าจะไม่มีวันได้ออกไป ถ้าเขาไม่ยอม

    “ด่าเหรอเจ้าตี้ กล้าใหญ่แล้วนะ” แขนใหญ่กระชับร่างเล็กเข้าหาตัวจนหน้าจิ้มลิ้มแนบไปกับอกแกร่ง ปากเล็กเลยถือโอกาศกัดจนจมเขี้ยว จนร่างสูงสะดุ้ง

    “เป็นหมาเหรอฮ่ะ” วิวิทใช้สองมือยกร่างเล็กขึ้นจนตัวลอยและกดแนบกำแพงเพื่อไม่ให้ปากเล็กออกฤทธิ์กับเขาได้อีก มารตีดิ้นไม่ยอมวิวิทเลยให้มือด้านหนึ่งคว้านไปที่ตระขอกระโปรงสีกรมท่าและปลดออกอย่างว่องไว ทำเอามารตีหยุดเหมือนกดปิดสวิสซ์

    “ดิ้นเลยนะ ดิ้นเมื่อไหร่จะปล่อยให้ประโปรงมันร่วงอยู่แถวนี้แหล่ะ”วิวิทขู่เสียงเข้ม และเปลี่ยนเป็นอุ้มคนที่ปิดปากเงียบด้วยแขนข้างเดียว และแขนเล็กก็กอดคอแกร่งเป็นลูกหมีโคล่า กลัวตกก็กล้ว กล้วกระโปรงหลุดก็กลัว วิวิทพาร่างน้อยไปนั่งที่เตียงนุ่มที่ยังพับเก็บไม่เรียบร้อยนัก

    “ฮือ ๆ ปล่อยนะ” มารตีแสนจะคับแค้นตัวเองที่ทำอะไรเขาไม่ได้ จึงร้องไห้ออกมาแบบสุดจะทน

    “ตี้เป็นอะไรพูดกับพี่ดี ๆ ซิ” วิวิทบรรจงเช็ดน้ำตามให้คนที่อยู่ในอ้อมกอด และต้องสะดุดตากับรอยนิ้วแดง ๆ ที่แก้มใสของมารตี แต่ไม่พุดอะไร เพื่อรอให้เธอเป็นคนพูดเอง

    “ยายไม่อยากให้ตี้ยุ่งกับพี่เหนือ ต่อไปพี่เหนืออย่ามายุ่งกับ ....ตี้” มารตีพูดไปร้องไห้ แต่ร่างสูงไม่เข้าใจว่าทำไม ยายแป้นถึงสั่งไม่ให้หลานสาวมายุ่งกับเขา หรือเขามีอะไรที่ทำให้ยายแป้นไม่มั่นใจในตัวของเขา

    “ไม่ตี้ พี่จะคุยกับยายแป้นให้รู้เรื่องทำแบบนี้พี่ไม่ยอมแน่ ๆ” วิวิท ดึงร่างเล็กมาพิงอกและโอบไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้เธออึดอัดนัก มือแกร่งยกลูบผมที่ยุ่งเหยินให้เข้าที่ และกดจมูกเข้ากับแก้มนุ่มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างถนุถนอม

    “ตี้รอพี่อยู่ที่นี่ พี่จะไปคุยกับยายแป้นเอง รอพี่นะ” วิวิทวางร่างเล็กลงที่เตียง และถอดเสื้อเปลี่ยนต่อหน้าคนที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ แก้มแดงร้อนขึ้นมา ร่างสูงที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แถมหน้าท้องยังเป็นลอน ๆ แบบที่เธอเคยเห็นในนิตรสารที่เพื่อน ๆ ชอบเอามาดูและร้องกรี๊ด ๆ กันด้วย

    “ ยัยลามก เช็ดน้ำลายหน่อย” วิวิทแซวเบา ๆ และโยนเสื้อที่ถอดเมื่อกี้นี้ใส่หัวมารตีและเดินออกไปด้านนอก เสียงปิดประตูเรียกสติของมารตีกลับมา ดวงตาหวานที่มีคราบน้ำตาเกาะอยู่หันไปมองรอบ ๆ ห้องที่ตัวเองไม่เคยเข้ามา ห้องพี่เหนือใหญ่พอ ๆ กับบ้านเธอเลยทีเดียว และเธอคิดว่าการที่จะมาอยู่ห้องผู้ชาย ถึงจะเป็นพี่เหนือก็ตามมันก็ดูไม่ดี เลยตัดสินใจไปเปิดประตูห้อง แต่มันล็อคพี่เหนือกะจะขังเธอไว้ใช่มั้ยเนี่ย ?

     “เจ้าเหนือ แกพาเจ้าตี้ไปใหน” เอาแล้วท่านหญิงโมโหแล้ว

    “อยู่ในห้องผม อย่าให้ใครไปเปิดประตูจนกว่าผมจะกลับมา” วิวิทสาวเท้าไปที่บ้านของยายแป้นอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม ตาสีสนิมดุฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาจะไม่ยอมไห้ใครมาพรางของรักไปจากอกของเขาแน่นอน
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×