คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❀อปป้าซารางแฮ❀: Two 100%
❀อปป้าซารางแฮ❀: Two
ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อตอนเช้าอยากจะเก็บตัวเองไว้ในช่องฟิตซ่ะจริง เพราะพี่มาร์คจับทั้งเอว แขน แถมยิ้มให้แทบจะละลาย ขี้เล่นอีกตะหาก
แม่!!!หนูได้ลูกเขยแล้วนะ โต๊ะจีน 200 โต๊ะพอนะแม่!
เอาเป็นว่าเปิดเทอมวันแรกไม่ได้เรียนอะไร ถึงเรียนก็ไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่คิดถึงมาร์คอปป้า
วันแรกอาจารย์เกือบทุกคนแทบไม่ได้สอน เพียงแต่ทำความรู้จักกับนักศึกษา แนะนำการเรียน บอกคะแนนเก็บของวิชาตน และบอกถึงสถานที่ต่างๆในมหา'ลัยเพื่อให้นักศึกษาใหม่คุ้นชิน
แต่นักศึกษาสามารถเรียนรู้เรื่องกิจกรรมหรือสถานที่ต่างๆในมหา'ลัยได้จาก พี่ ป้า น้า อา ลุง และปู่รหัส ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะได้รู้แล้วว่าพี่รหัสของแต่ละคนคือใคร พี่ว๊ากเราคือคนไหน และก็จะมีรับน้องด้วยนะ น่าสนุกมากเหอะ >\<
แต่มหา'ลัยนี้แปลกมากเลย ปกติเขาให้เลือกเข้าชมรมเอง แต่นี้ดันให้เข้าชมรมตามที่พี่รหัสตัวเองเข้าซ่ะงั้น นี่ก็งงมากถ้าเกิดพี่รหัสอยู่ชมรมถ่ายภาพ แม่งก็จะต้องถ่ายภาพยันรุ่นลูกรุ่นหลานที่เรียนเลยรึไง
แต่ก็ต้องคลายข้อสงสัยเมื่อไปอ่านในคู่มือนักศึกษาที่ทางมหา'ลัยให้มาตอนไปมอบตัว ในนั้นบอกว่าเมื่อครบทุกทุก 4 ปีก็จะให้น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่เลือกชมรมเองใหม่หมดเลย งงมั้ยล่ะ งงป้ะล่ะ
คืองี้ค่ะ สมมุตินะว่าไอยูอยู่ปี 1 (ตอนนี้ก็อยู่หนิ)แต่ว่าเขาพึ่งทำการเปลี่ยนชมรมไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วซ่ะงั้น งั้นปี 1 ที่สามารถเลือกชมรมได้ใหม่คงจะต้องเป็นรุ่นน้องของไอยูง่ะ
เก็ตป้ะ?
ไม่เก็ตหรอ?
ช่างแม่งเหอะ!~
เข้าเรื่อง.. ตอนนี้เวลาบ่ายสามกว่าๆไอยูได้มาโผล่ที่หอของตนแล้วเพราะปี 1 ไม่มีอะไรต้องทำเพราะพึ่งเปิดเทอมเลยปล่อยให้กลับบ้านได้ แต่นักศึกษาปีอื่นยังคงอยู่เรียนต่อเช่นเดิม
วันแรกยังไม่ได้คุยกับใครเลย วันนี้เข้าไปในคลาสก็ได้ยินแต่เสียงซุบซิบ ต่างคนต่างมองหน้าฉันเหมือนว่ามีความผิดติดหน้าจนล้างไม่ออกซ่ะอย่างงั้น
แต่มีเพื่อนต่างคลาสก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาของไอยูสักเท่าไหร่เพราะมีก็ดีกว่าไม่มีล่ะกัน
ด้วยความที่เป็นคนคิดขริงและมักจะทำจริงก็เดินออกมาจากห้องแล้วเลี้ยงไปห้องข้างๆ
เขาก็ปีเดียวกันน่าจะได้กลับมาเหมือนกันนั่นแหละ อาจจะนอนอยู่ก็ได้
มือบางเอื้อมไปเคาะประตูห้องทันที แต่ก็ไม่มีเสียงหรือท่าทีว่าประตูจะเปิดออก เธอลงมือเคาะประตูอีกสามครั้งแต่ก็ไม่มีผล
"ไปข้างนอกมั้ง" ไอยูเกาหัวตัวเองแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป
สักพักก็วิ่งออกมาพร้อมกับกระดาษโพสอิทรูปศิลปินที่ตนชอบก่อนที่เธอจะใช้ปากกาจดหยุกหยิกลงบนกระดาษนั่นแล้วแปะไว้ประตูห้องของเพื่อนข้างห้อง
"อ๊า! ชื่อคิมแทฮยองหนิ เขียนชื่อเขาลงไปด้วยดีกว่า จะได้รู้ว่าเราจำชื่อของเขาได้ ...แต่จะจำชื่อเราได้มั้ยนั่นอีกเรื่อง"
หญิงสาวเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างมีความสุข เดินตรงมาที่ห้องของตัวเองแล้วกระโดดใส่ที่นอนที่แสนนิ่มนั่นอย่างมีความสุข
พี่รหัสคือใครอ่ะ? พี่ว๊ากเป็นไงง้อว? จะได้ชมรมไหนเนี้ย? รับน้องจะสนุกมากป้ะแว๊? นี่คือคำถามในหัวของไอยู มันคือสิ่งที่เขาอยากรู้และอยากทำมาตั้งแต่มัธยมต้น เขาอยากรู้ว่าที่มหาวิทยาลัยรับน้องยังไง พี่รหัสอยู่มอจะดีเหมือนอยู่มัธยมมั้ย?
จริงๆเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวไม่มีเพื่อนคบหรอกนะ อย่างที่บอกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดเพื่อนๆก็ต่อกันที่ต่างจังหวัดไม่ได้เข้าโซลตามความฝันเหมือนไอยู เลยทำให้ดูห่างจากเพื่อนไปบ้างแต่ยังไงก็ยังติดต่อกันอยู่ เหมือนเช่นตอนนี้
“ไงริเซ”
( ว่าไงไอยู ไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์แล้วน้า )
“ง่า คิดถึงจุงงง จะเข้าโซลมั้ยอ่า”
( ไม่รู้สิ โซลวุ่นวายมั้ยไอยู แล้วมหา’ลัยที่นั้นเป็นไงบ้าง )
“จากที่ดูๆแล้วดีม๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
( ไปเจอของดีมาหรอจร๊ะ )
“ของโคตรดีเลยแหละ รู้มั้ยฉันเจอมาร์คอปป้าด้วย”
( มาร์ค? อ่อ!..คนที่หล่อๆในวง.. เอ่อ วง... )
“วงGOT7ย๊ะ”
( จริงดิว่ะ เห็นบ่นมาเป็นปีล่ะในที่สุดก็สมใจหล่อนนะ )
“นี่โคตรฟิน พี่มาร์คทั้งยิ้มทั้งคุยด้วยอ่ะ >< เรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกันด้วยนะจะบอก”
( นี่ก็ติ่งพี่แกมาตั้งนาน พึ่งรู้ว่าเข้าคณะเดียวกันเนี้ยนะ )
“พลาดไปนิดหน่อยเอง” หญิงสาวหัวเราะคิกคักให้กับความไม่รอบคอบของตัวเองที่ดันไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองชอบเรียนอยู่คณะไหน “แล้วมอที่นั้นเปิดรึยัง”
( อาทิตย์หน้าหน่ะ ตื่นเต้นมากเลย )
“คิดถึงจัง ทำไมไม่มาต่อที่นี้ด้วยกันหล่ะ”
( ไม่หรอกในโซลวุ่นวายจะตาย อ๊ะ!แม่เรียกแล้วไปก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่นะเพื่อน )
“จ้า”
ไอยูวางสายโทรศัพท์ไปพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้ก็ได้คุยกับเพื่อนสนิทของตนตอนมัธยมและยังได้คุยกับพี่มาร์ค
เอาตรงๆมั้ยหล่ะ.. บัตรมีตจริงๆยังไม่จองยังไม่ซื้ออะไรทั้งนั้นแหละ เขาเปิดให้กดบัตรวันเสาร์ค่า ไอ้เราก็สติไม่ดีพูดเออออออกไปแบบไม่มีเหตุผลซ่ะงั้น พี่มาร์คแกคงงงอยู่เหมือนกันแหละ
“เวลาที่เหลือทำอะไรดี ไม่มีอะไรให้ทำเลย”
เธอเอนตัวนอนลงกับเตียงตัวเองอย่างคิดอะไรไม่ออก ชีวิตดี๊ดีไม่มีใครมาก่อกวน งั้นก็ขอนอนพักล่ะกัน เย็นนี้ออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า
ไอยูเผลอหลับไปพร้อมกับเพลงในโทรศัพท์ที่เปิดคลอไว้กล่อมตัวเองไปในตัว
แสงสีส้มสอดลอดม่านทางเดินส่องมายังพื้นเพื่อบ่งบอกว่านี้ก็เย็นมากจนพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ขายาวก้ามฉับๆมาตามทางอย่างไม่รีบนักตามปกติ เดินตรงมาที่ห้องของตน ระหว่างเดินมามือก็ควานหากุญแจของในกระเป๋าเป้ไปด้วย แต่ก่อนที่จะหยิบกุณแจออกมาไขก็พบกับโพสอิทรูปไอดอลเคป๊อป ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าเป็นใคร
“ผู้หญิงบ้าอะไรให้เบอร์ผู้ชายก่อน..” ชายหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับมองประตูห้องข้างๆอย่างชั่งใจแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปพร้อมกับโพสอิทแผ่นนั้น
“ไม่โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างหอบเหนื่อย เหงื่อไหลโชกเต็มตัว สภาพหน้าและร่างกายตอนนี้แทบจะถึงขั้นแย่ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างลวกเหมือนตั้งสติ
“ฝันไปหรอว่ะ เฮ้อออออ”
ไม่รู้หรอว่าตัวเองฝันว่าอะไร แต่ที่แน่ๆอ่ะร้ายแน่นอน
เป็นเรื่องปกติที่เวลาไอยูนอนกลางวันหรือนอนก่อนสองทุ่มเธอจะฝันร้ายตลอด แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะลืมฝันของตัวเองซ่ะงั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะสิ่งที่เลวร้ายไม่ควรจะรีเมมเบ๊อะ!ใส่สมอง
เธอมองดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงทันที เมื่อรู้ว่านี้ก็เป็นเวลาอันควรต่อการรับประทานอาหารมื้อค่ำ ก็เดินตรงไปเข้าห้องน้ำทันที
หยิบกระเป๋าสะพายได้ก็ใส่เกิบออกเปิดประตูออกมา ระหว่างที่กำลังจะล็อคประตูก็สังเกตูเห็นโพสอิทสีชมพูวิ๊งแปะอยู่ประตูตัวเอง
หญิงสาวอมยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง ในที่สุดเธอก็ได้เพื่อนใหม่แล้ว ไม่รอให้เพื่อนของเธอหายไปจากโลก เธอรีบล็อกห้องและตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องข้างๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้ชายที่ยังคงใส่ชุดของสถาบันอยู่ เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแทนการพูด
“ไปกินข้าวเย็นกันค่ะ! J”
45%
ง่า ฟินพี่วีชรุงงง ><
ในที่สุดก็ได้มากินความครั้งแรกกับเพื่อนใหม่ สุดยอดดดดดด
“เอ่อ.. ผมว่าเราไปกินร้านนั้นดีกว่า”
ไอยูพยักหน้าให้กับแทฮยองก่อนจะเดินตามแผ่นหลังหนาไปที่ร้านอาหารตอนค่ำนี้ ถือว่านี่เป็นฤกษ์ดีในการเปิดเทอมล่ะกัน
“เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายข้างในเลยครับ”
ฉันก้มมองเสื้อผ้าตัวเองสลับกับเสื้อผ้าของแทฮยอง เราสองคนก็ไม่ได้แต่งตัวหรูหราอะไรนะทำไมต้องเรียกว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายซ่ะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น มันน่าอึดอัดชะมัด
แทฮยองเดินมาที่โต๊ะสำหรับนั่งทานสองคน ส่วนฉันก็เดินมานั่งลงเงียบๆ แต่พอแทฮยองนั่งลงปึ๊บมันก็ไม่เงียบแล้ว
“แทฮยอง! มานี่บ่อยหรอ”
“ก็บ่อยนะ”
“อ๋า..”
แล้วพนักงานก็เดินเอาเมนูมาให้เราทั้งสองคน เมื่อไอยูและแทฮยองสั่งอาหารเสร็จก็ส่งเมนูคืนพนักงานทันทีและทำการนั่งรออาหารแบบไม่เงียบ ไอยูเป็นคนพ้นคำถามเสมอ
“แทฮยอง.. เรียนวิศวะสาขาไรอ่ะ” ถูกแล้วที่ถามว่าเรียนวิศวะสาขาอะไร เพราะว่าไอยูก็เรียนวิศวะเหมือนกัน
“ไฟฟ้า”
“ว๊าววว ฉันเรียนโยธา”
“ผู้หญิงเรียนโยธาเท่มากเลยนะ”
*** วิศวกรรมไฟฟ้า คือ การศึกษาทฤษฎีและประยุกต์ใช้ไฟฟ้า,คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
วิศวกรรมโยธา คือ การออกแบบพวกอาคาร หรือสถานที่ การก่อสร้างต่างๆ
#สาระล้วนๆ ขอบคุณวิกิพีเดียที่ให้สาระกับผู้เขียนและผู้อ่าน
“ไม่หรอก มีผู้หญิงหลายคนเรียนสาขานี้เยอะแยะ เพื่อฉันก็เข้าแต่เธอไม่ได้มาต่อที่เดียวกันกับฉัน”
“แต่สำหรับผม ผมว่าผู้หญิงเรียนสาขานี้เท่ดีอ่ะ ได้ออกแบบสร้างอาคารอะไรประมาณนี้ด้วย ยากพอสมควร”
“แต่ฉันว่านะวิศวะไฟฟ้าอ่ะยากกว่าอีก หรืออาจเป็นเพราะว่าฉันไม่มีพื้นฐานเรื่องไฟฟ้ามากน่ะ”
“ก็ยากอ่ะแหละ แต่เรียนอะไรไม่มากเท่าไหร่หรอก”
“เอ้อ แทฮยอง..”
“เรียกผม วี เถอะครับ”
“.. ทำไมค่ะ?”
“คิดว่าไม่ยาวไปหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ชื่อเพราะดีฉันชอบเรียกนะ แล้วนายอ่ะเลิกพูดผม,คุณได้แล้ว เราเพื่อนกันแล้วหนิ”
และแล้วอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟพร้อมกันทั้งของฉันและแทฮยอง ของฉันเป็นสเต็กส่วนของแทฮยองเป็นสปาเก็ตตี้
“เอ่อ.. คือจริงๆผม..!”
“ฉันบอกนายแล้วไงว่าไม่ต้องพูดผม แล้วมื้อนี้อ่ะฉันเลี้ยงนะ”
“จริงๆคือผม..เอ่อ ฉันจ่ายเองก็ได้”
“น่าๆ ต้อนรับเพื่อนใหม่ไง กินๆ”
ไอยูใช่มีดที่ถืออยู่ทำท่าไล่เพื่อบอกเขาว่าควรกินได้แล้วถ้ามันเย็นเดี๋ยวไม่อร่อย แทฮยองพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจอาหารสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าเป็นระยะ
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าเพราะทั้งคุยกันกินโดยที่ไม่ค่อยจะได้ถามสภาพกระเป๋าตังค์สักเท่าไหร่แต่ก็นับว่าโชคดีที่ค่าอาหารเย็นวันนี้ยังเป็นเงินที่ไอยูพอจะจ่ายไหว
“เดินย่อยสักพักนะค่ะ”
“ครับ”
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเพื่อนที่ไม่เกร็งหรือเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเขา.. รึป่าว เพราะจากที่เราได้พูดคุยกันแล้วเขาดูเป็นคนเปิดเผยอยู่พอสมควร นับว่าเป็นเรื่องดีที่เขาจะคบผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนสักคน ในเมื่อเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา เราก็ขอลดความเกรงใจลงหน่อยนึงล่ะกัน
“พรุ่งนี้รับน้องแล้ว.. คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”
ไอยูใช้โทรศัพท์ตัวเองเป็นไมค์เหมือนกับว่าตอนนี้เขาคือนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์นักศึกษาที่ในวันพรุ่งนี้ก็จะต้องโดนรับน้อง ไม่พอเขายังทำท่ากระตือรือร้นเหมือนนักข่าวในทีวีที่วิ่งเข้าไปสัมภาษณ์ดาราต่างๆ
แทฮยองยิ้มขำทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนใหม่ตัวเอง เขาเพียงแค่หัวเราะน้อยๆก่อนจะกระแอมเบาๆแล้วยื่นปากมาจ่อที่โทรศัพท์เพื่อที่จะให้สัมภาษณ์
“เอ่อ.. ขอบคุณสำหรับคำถามครับ ผมรู้สึกดีใจมากๆเลยครับที่จะได้เจอรุ่นน้อง... เอ่อ ผมหมายถึงเพื่อนๆและพี่ๆอ่ะครับ”
“แล้วคิดว่าการรับน้องจะโหดมากมั้ยค่ะ” เธอยังคงสวมบทบาทเป็นนักข่าวท่ามกลางสายตาคนนับร้อยที่เดินผ่านไปมา ในเมื่อเธอไม่มียางอายเรื่องอะไรแทฮยองต้องอายที่จะตอบคนไม่มีสติด้วย
“คงไม่โหดหรอกครับ เพราะหลักการรับน้องที่แท้จริงไม่ควรนำอารมณ์ของรุ่นพี่มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้หรือถ้าจะนำมาร่วมก็มีแค่ 45% เท่านั้น เพราะในการรับน้องเราควรให้น้องๆได้ตระหนักในเรื่องความอดทนต่อการถูกกดดันและความสามัคคีกันครับ”
“ว๊าว.. คำถามของคุณโดนใจมากเลยครับ รับไปเลยสิบแต้ม”
“ไม่น้อยไปหรอครับ?”
“เอ่อ.. งั้น 11 แต้มเป็นไงครับ ?”
“ 55555 “ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไอยูเก็บโทรศัพท์ตัวเองลงในกระเป๋าและสัญญาณการเล่นก็จบลงตรงนั้นก่อนจะที่ไอยูจะเป็นคนพูดต่อ
“เหตุผลนายสุดยอดมากเลยอ่ะ”
“ไม่หรอก มันคือจุดประสงค์หลักในการรับน้องอยู่แล้ว”
“อาเมน ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วคุณล่ะคิดยังไง”
“ก็น่าสนุกดีนะค่ะ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว”
“ถ้าคุณเจอจริงๆอาจจะไม่สนุกก็ได้”
“งั้นหรอ... อืมมมมมไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเน้าะ 5555”
ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจกันก่อนจะเดินแวะร้านนั้นร้านนี้ ภายในเวลา 1 วันเขาทั้งสองคนก็พอที่จะรู้จักกันและเข้าใจกันอยู่พอสมควร เพราะเขาทั้งสองไม่ได้มีอะไรปิดบังไว้.. รึป่าว
เช้าวันรับน้อง
นักศึกษาปีหนึ่งหลายคนรีบวิ่งไปที่ห้องขณะของตัวเองกันอย่างเร่งรีบ เพราะอะไรหน่ะหรอ..ก็เพราะว่าถ้าไปช้าก็จะโดนว๊ากอ่ะดิ
“ก้มหน้าลงไปครับ มองหน้าผมทำไม”
เสียงรุ่นพี่พูดดังก้องห้องประชุมของคณะ ในวันนี้เป็นวันรับน้องซึ่งใครหลายๆคนคงจะไม่ค่อยชอบกันนักเท่าไหร่ ก่อนเดินมาถึงที่นี้ไอยูก็เห็นกลุ่มผู้ชายบางคนหลบๆซ่อนๆมีท่าทางเหมือนจะโดดการรับน้อง
แต่ถึงอย่างงั้นคนพวกนั้นก็ไม่สำคัญเท่าสถานการณ์ที่โคตรกดดันเพราะตอนนี้ในห้องประชุมเงียบมากได้ยินเฉพาะเสียงของพี่ว๊ากเท่านั้น
“ผมคิดว่ายังมาไม่ครบนะครับ เพื่อนพวกคุณไปไหนกัน”
“...” นักศึกษาที่ก้มหน้าและกอดคอกันไม่มีใครยอมปริปากพูดสักคนเพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปทั้งที่มีเสียงตัวเองโดดอยู่คงไม่ดีแน่ๆ
“นั่นคือประโยคคำถามนะครับ ผมถามก็ต้องมีคนตอบ”
“ไม่ทราบครับ!!!” เสียงของนักศึกษาดังขึ้นพร้อมกันทันที ที่มีหางเสียงว่าครับเสียงเดียวคงเป็นเพราะว่ามีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจึงทำให้เสียงทุ้มๆนั่นกลบทับเสียงของผู้หญิงไปหมด
“ไม่ทราบได้ไง พวกคุณเป็นเพื่อนเขานะครับ”
“ใครโดดบ้างกูยังไม่รู้เล้ย จะมาเป็นเพื่อนกันได้ไง”
ผู้ชายที่ก้มหน้าอยู่ข้างๆไอยูบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย เขาคงมานั่ง..ไม่สิ ยืนก้มหัวอย่างสบายใจฟังรุ่นพี่พูดจาไพเราะแต่โคตรตอแหลพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ ซึ่งไอยูก็พอจะเข้าใจ..
“บ่นเบาๆนะค่ะ เขาได้ยินนี่เรื่องใหญ่” ไอยูพูดพลางหัวเราะเบาๆเพื่อบอกว่านี่คือประโยคพูดหยอกเล่นเฉยๆคนข้างๆก็เพียงแค่ยิ้มขำให้
สักพักเสียงประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกทำให้นักศึกษาเกือบทุกคนหันไปสนใจผู้มาใหม่และสายในเวลาเดียวกัน
“ผมบอกให้พวกคุณเงยหน้าแล้วหรอครับ ก้มลงไป”
ไม่ทันที่จะได้เห็นใบหน้าผู้มาใหม่ก็ถูกรุ่นพี่บอกให้ก้มหน้าลงไป แต่ก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นจากกลุ่มท้ายๆแถวคงเป็นเพราะเขาเห็นหน้าของคนมาสายเลยนินทากันหล่ะมั้ง
“ทำไมคุณถึงมาสาย ?”
เสียงของรุ่นพี่ดังอยู่ไกลพอสมควรซึ่งแปลว่าพี่ว๊ากคงเดินไปหาคนมาสายที่ประตู ไม่ได้ยินเสียงของคนมาสายตอบออกมาแต่อย่างใด จะแง้มหน้าขึ้นดูก็ไม่กล้าเพราะดันมีอิพี่สต๊าฟอยู่แถวๆนี้
“คุณอย่าคิดว่าเป็นคนมีชื่อเสียงแล้วจะทำอะไรก็ได้นะครับ”
ยังไม่มีเสียงของคนมาสายโผล่มาอีกครั้ง พี่ว๊ากพูดต่อว่า...
“เอาเป็นว่ามันยังไม่เลยเวลาแต่คุณก็ยังมาช้ากว่าเพื่อน ผมจะไม่ลงโทษคุณ ช่วยไปเข้าแถวแล้วก้มหน้าเหมือนเพื่อนๆด้วยครับ”
เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นดังใกล้ๆหูของไอยูก่อนจะมีแขนหนักๆมาพาดที่คอของเขาแล้วคนนั้นก็ก้มหน้าลง
“ให้ตายเถอะ!”
ไอยูเหล่มองคนที่มาใหม่คงเป็นคนที่มาสายแน่ๆและพอดีที่ข้างๆเขาเป็นที่ว่างเลยมาอยู่ตรงนี้ ที่เหล่ตาไปมองเห็นแค่รองเท้าไนกี้สีดำกางเกงยีนและปอยผมสีน้ำตาลอมดำเท่านั้น ที่เหลือก็มองไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่
และไม่นานอีกเสียงประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและดูเหมือนครั้งนี้จะไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่เพราะกลัวโดนตำหนิอีก
“ถ้าจะมาช้าขนาดนี้ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เช้าเลยหล่ะครับ แทแท”
“พอดีกระผมนอนดึกไปหน่อย ซอรี่นะครับท่านอู๋”
“เชิญประจำที่ด้วยนะครับ”
คำพูดสนิทสนมกันถูกปล่อยออกข้ามหัวของน้องๆ ถ้าจะให้เดาพี่ที่มาสายนี่ก็คงเป็นพี่สต๊าฟหล่ะกระมัง คิดไปคิดมาแล้ว...ไอ้กิจกรรมรับน้องนี่มันดีตรงไหน - -
“ปวดคอว่ะแม่ง”
คนข้างๆฉันที่เป็นคนมาสายบ่นออกมาเบาๆก่อนจะเอนคอไปมาเหมือนนวดคอ
“อดทนหน่อยนะคุณ”
“ฉันรู้น่า”
โห่.. ผู้ชายคนนี้น่าจะหยาบคายใช่เล่น
สักพักก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง คงเป็นพวกท้ายแถวที่มีแต่แม่นางรักสวยรักงามหล่ะมั้ง เพราะตอนมาก็เห็นจับกลุ่มเม้ากันอยู่ ฉันเลยเลือกที่จะอยู่ห่างๆผู้หญิงรักสวยรักงามดีกว่าเพราะคนอย่างฉันชอบทำอะไรลุยๆคบเพื่อนแบบนี้มีหวังไปไหนไม่รอดแน่ๆ
“แก.. ผู้หญิงคนนั้นคุยกับยูคด้วยอ่ะ”
“บังอาจมากเหอะ”
สักพักก็ได้ยินผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเยื้องๆกับฉันซุบซิบกัน ไม่ใช่เสียงดังแต่มันก็เบาพอที่ฉันจะได้ยินเลยหันไปมองสองคนนั้นด้วยหางแต่ ไม่ใช่ว่าจะขู่นะ..คือเข้าใจมั้ยว่ามันหันไปสุดๆไม่ได้ตาดำมันเลยไปอยู่สุดหางตาแทนอ่ะ
ว่าแต่อะไรใครยูค???
“ข้างหลังครับ! คุยอะไรกันอย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินนะ”
“เบาเสียงด้วยนะครับ” พี่สต๊าฟเสียงคุ้นหูที่อยู่แถวนี้ก็พูดเตือนน้องๆหลังจากที่พี่ว๊ากพูดจบด้วยเสียงนุ่มๆทำเอาคนฟังอยากจะเย็บปากไม่อยากพูดอีก
“ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนเลย ผม..อู๋อี๋ฟ่าน หรือจะเรียกสั้นๆว่า อี้ฟ่าน ก็ได้”
พี่ว๊ากยังคงพูดไปเรื่อยๆทั้งที่ยังให้น้องๆกอดคอกันก้มหน้าลงดินไป โอ้ยยยเริ่มปวดคอแล้วว่ะค่ะ
“และพี่สต๊าฟผู้ช่วยผม คิม แทฮยอง”
คิมแทฮยอง...
“สวัสดีน้องๆครับ พี่คิมแทฮยองหรือวี”
เสียงแบบนี้!! ชื่อแบบนี้!!
“ห้ะ!! แทฮยอง!”
ฉันเงยหน้าพรวดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและต่อหน้าพี่ว๊าก จะไม่ให้ตกใจได้ไงก็นี่มันชื่อของคนที่พึ่งจะได้เป็นเพื่อนกันเมื่อวานแล้วไหง๋กลายเป็นว่ามาเป็นรุ่นพี่เขาซ่ะนี้
แทฮยองกับไอยูมองหน้ากันด้วยความตกใจ การที่ไอยูเงยหน้าขึ้นทำให้ผู้ชายที่กอดคอเขาข้างๆต้องเงยหน้าขึ้นมาเหมือนกัน และรู้สึกว่าคนข้างๆที่พึ่งมาหงุดหงิดและพูดว่า..
“อะไรของเธอห้ะ!”
ฉันหันไปตามเสียงนั่นก็คือข้างๆฉันเองก็พบกับผู้ชายผมสีน้ำตาลอมดำหน้าตาหล่อและที่น่าตกใจกว่านั้นเขาคือ... ไอดอล งั้นหรอ
“ย..ยูคยอม!”
ขอเป็นลมได้มั้ย นี่ฉันเจอยูคยอม Got7 งั้นหรอ!!
“พวกคุณสองคน!!” พี่ว๊ากนามว่าอี้ฟ่านตะโกนออกมาดังทั่วห้องประชุม ทำให้นักศึกษาที่เงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้นต้องก้มหน้าลงไปหมดยกเว้นไอยูและยูคยอม “ผมยังไม่สั่งให้พูดแล้วทำไมพูดกันแล้วหล่ะครับ”
“...”
“คุณสองคนออกจากห้องประชุมไปวิ่งอ้อมสนามฟุตบอลข้างล่างสองรอบ!!”
หลังคำสั่งของพี่ว๊ากก็พอจะได้ยินเสียงจิ๊ปากของคนข้างๆเพื่อบอกว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดเต็มที ให้ตายเถอะ!นี่เขาทำให้ไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบลำบากหรอกหรอ
“พี่ค่ะ!”
“ครับ ?”
“ให้ฉันวิ่งคนเดียวเถอะค่ะ เพราะฉันคือคนที่ตะโกนเสี--!!”
“เธอบ้ารึป่าว” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคผู้ชายที่ดูท่าทางอารมณ์เสียข้างๆฉันจับไหล่ฉันก่อนจะหน้ามุ้ยอีกครั้ง
ผู้ชายที่เป็นไอดอลนามว่า ยูคยอม ขมวดคิ้วใส่ฉันเหมือนกับว่าการกระทำของฉันตอนนี้มันผิด แต่ไม่ทันที่ยูคยอมจะอธิบายอะไรพี่ว๊ากก็สวนขึ้นมา
“ผมสั่งไปแล้วนะครับว่าให้ทั้งสองคนไปวิ่ง.. หรือจะไปวิ่งกันทั้งหมดนี่ ?”
ไม่รู้ว่านี่ประโยคคำถามหรือประโยคคำสั่ง แต่ก็ช่างเถอะจากสายตาเพื่อนๆที่เหล่มองแล้วฉันไม่ควรจะยื้อเวลาไว้ไม่งั้นเราคงโดนกันหมดแน่ๆ
“ไปวิ่งกันสองคนค่ะ! / วิ่งสองคนครับ!”
»Talk«
คือไรท์ขอโทษที่มาช้านะค่ะ T^T
ทำไมเนื้อเรื่องมันวุ่นวายจัง ง่า เนื่องจากสมองไรท์อืดมากต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
ถ้าไม่สนุกก็ขอโทษอีกครั้ง TT^TT
ทำไมพี่มาร์คไม่ออกเลยว่ะ เสียจุยว่ะ แต่เอาเถอะ ฟินกับพี่วีกับยูคไปก่อน T^T
ความคิดเห็น