ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7] Mark x You ❀อปป้าซารางแฮ❀

    ลำดับตอนที่ #2 : ❀อปป้าซารางแฮ❀: Two 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 58


    อปป้าซารางแฮ: Two

     

     

     

                ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อตอนเช้าอยากจะเก็บตัวเองไว้ในช่องฟิตซ่ะจริง เพราะพี่มาร์คจับทั้งเอว แขน แถมยิ้มให้แทบจะละลาย ขี้เล่นอีกตะหาก

     
     

                แม่!!!หนูได้ลูกเขยแล้วนะ โต๊ะจีน 200 โต๊ะพอนะแม่!

     
     

                เอาเป็นว่าเปิดเทอมวันแรกไม่ได้เรียนอะไร ถึงเรียนก็ไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่คิดถึงมาร์คอปป้า

     

                วันแรกอาจารย์เกือบทุกคนแทบไม่ได้สอน เพียงแต่ทำความรู้จักกับนักศึกษา แนะนำการเรียน บอกคะแนนเก็บของวิชาตน และบอกถึงสถานที่ต่างๆในมหา'ลัยเพื่อให้นักศึกษาใหม่คุ้นชิน

     

                แต่นักศึกษาสามารถเรียนรู้เรื่องกิจกรรมหรือสถานที่ต่างๆในมหา'ลัยได้จาก พี่ ป้า น้า อา ลุง และปู่รหัส ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะได้รู้แล้วว่าพี่รหัสของแต่ละคนคือใคร พี่ว๊ากเราคือคนไหน และก็จะมีรับน้องด้วยนะ น่าสนุกมากเหอะ >\<

     

                แต่มหา'ลัยนี้แปลกมากเลย ปกติเขาให้เลือกเข้าชมรมเอง แต่นี้ดันให้เข้าชมรมตามที่พี่รหัสตัวเองเข้าซ่ะงั้น นี่ก็งงมากถ้าเกิดพี่รหัสอยู่ชมรมถ่ายภาพ แม่งก็จะต้องถ่ายภาพยันรุ่นลูกรุ่นหลานที่เรียนเลยรึไง

     

                แต่ก็ต้องคลายข้อสงสัยเมื่อไปอ่านในคู่มือนักศึกษาที่ทางมหา'ลัยให้มาตอนไปมอบตัว ในนั้นบอกว่าเมื่อครบทุกทุก 4 ปีก็จะให้น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่เลือกชมรมเองใหม่หมดเลย  งงมั้ยล่ะ งงป้ะล่ะ

     

                คืองี้ค่ะ สมมุตินะว่าไอยูอยู่ปี 1 (ตอนนี้ก็อยู่หนิ)แต่ว่าเขาพึ่งทำการเปลี่ยนชมรมไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วซ่ะงั้น งั้นปี 1 ที่สามารถเลือกชมรมได้ใหม่คงจะต้องเป็นรุ่นน้องของไอยูง่ะ

     

     

                เก็ตป้ะ?

     

     

                ไม่เก็ตหรอ?

     

     

     

                ช่างแม่งเหอะ!~

     

     

                เข้าเรื่อง.. ตอนนี้เวลาบ่ายสามกว่าๆไอยูได้มาโผล่ที่หอของตนแล้วเพราะปี 1 ไม่มีอะไรต้องทำเพราะพึ่งเปิดเทอมเลยปล่อยให้กลับบ้านได้ แต่นักศึกษาปีอื่นยังคงอยู่เรียนต่อเช่นเดิม

     

                วันแรกยังไม่ได้คุยกับใครเลย วันนี้เข้าไปในคลาสก็ได้ยินแต่เสียงซุบซิบ  ต่างคนต่างมองหน้าฉันเหมือนว่ามีความผิดติดหน้าจนล้างไม่ออกซ่ะอย่างงั้น



                แต่มีเพื่อนต่างคลาสก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาของไอยูสักเท่าไหร่เพราะมีก็ดีกว่าไม่มีล่ะกัน


                ด้วยความที่เป็นคนคิดขริงและมักจะทำจริงก็เดินออกมาจากห้องแล้วเลี้ยงไปห้องข้างๆ


                เขาก็ปีเดียวกันน่าจะได้กลับมาเหมือนกันนั่นแหละ อาจจะนอนอยู่ก็ได้


                มือบางเอื้อมไปเคาะประตูห้องทันที แต่ก็ไม่มีเสียงหรือท่าทีว่าประตูจะเปิดออก เธอลงมือเคาะประตูอีกสามครั้งแต่ก็ไม่มีผล


                "ไปข้างนอกมั้ง"  ไอยูเกาหัวตัวเองแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป


                สักพักก็วิ่งออกมาพร้อมกับกระดาษโพสอิทรูปศิลปินที่ตนชอบก่อนที่เธอจะใช้ปากกาจดหยุกหยิกลงบนกระดาษนั่นแล้วแปะไว้ประตูห้องของเพื่อนข้างห้อง


                "อ๊า! ชื่อคิมแทฮยองหนิ เขียนชื่อเขาลงไปด้วยดีกว่า จะได้รู้ว่าเราจำชื่อของเขาได้ ...แต่จะจำชื่อเราได้มั้ยนั่นอีกเรื่อง"

     
     

                หญิงสาวเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างมีความสุข เดินตรงมาที่ห้องของตัวเองแล้วกระโดดใส่ที่นอนที่แสนนิ่มนั่นอย่างมีความสุข

     

                พี่รหัสคือใครอ่ะ? พี่ว๊ากเป็นไงง้อว? จะได้ชมรมไหนเนี้ย? รับน้องจะสนุกมากป้ะแว๊? นี่คือคำถามในหัวของไอยู มันคือสิ่งที่เขาอยากรู้และอยากทำมาตั้งแต่มัธยมต้น เขาอยากรู้ว่าที่มหาวิทยาลัยรับน้องยังไง พี่รหัสอยู่มอจะดีเหมือนอยู่มัธยมมั้ย?

     

                จริงๆเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวไม่มีเพื่อนคบหรอกนะ อย่างที่บอกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดเพื่อนๆก็ต่อกันที่ต่างจังหวัดไม่ได้เข้าโซลตามความฝันเหมือนไอยู เลยทำให้ดูห่างจากเพื่อนไปบ้างแต่ยังไงก็ยังติดต่อกันอยู่ เหมือนเช่นตอนนี้

     

                “ไงริเซ”

     

                ( ว่าไงไอยู ไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์แล้วน้า )

     

                “ง่า คิดถึงจุงงง จะเข้าโซลมั้ยอ่า”

     

                ( ไม่รู้สิ โซลวุ่นวายมั้ยไอยู แล้วมหาลัยที่นั้นเป็นไงบ้าง )

     

                “จากที่ดูๆแล้วดีม๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

     

                ( ไปเจอของดีมาหรอจร๊ะ )

     

                “ของโคตรดีเลยแหละ รู้มั้ยฉันเจอมาร์คอปป้าด้วย”

     

                ( มาร์ค? อ่อ!..คนที่หล่อๆในวง.. เอ่อ วง... )

     

                “วงGOT7ย๊ะ”

     

                ( จริงดิว่ะ เห็นบ่นมาเป็นปีล่ะในที่สุดก็สมใจหล่อนนะ )

     

                “นี่โคตรฟิน พี่มาร์คทั้งยิ้มทั้งคุยด้วยอ่ะ >< เรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกันด้วยนะจะบอก”

     

                ( นี่ก็ติ่งพี่แกมาตั้งนาน พึ่งรู้ว่าเข้าคณะเดียวกันเนี้ยนะ )

     

                “พลาดไปนิดหน่อยเอง” หญิงสาวหัวเราะคิกคักให้กับความไม่รอบคอบของตัวเองที่ดันไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองชอบเรียนอยู่คณะไหน “แล้วมอที่นั้นเปิดรึยัง”

     

                ( อาทิตย์หน้าหน่ะ ตื่นเต้นมากเลย )

     

                “คิดถึงจัง ทำไมไม่มาต่อที่นี้ด้วยกันหล่ะ”

     

                ( ไม่หรอกในโซลวุ่นวายจะตาย อ๊ะ!แม่เรียกแล้วไปก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่นะเพื่อน )

     

                “จ้า”

     

                ไอยูวางสายโทรศัพท์ไปพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้ก็ได้คุยกับเพื่อนสนิทของตนตอนมัธยมและยังได้คุยกับพี่มาร์ค

     

                เอาตรงๆมั้ยหล่ะ.. บัตรมีตจริงๆยังไม่จองยังไม่ซื้ออะไรทั้งนั้นแหละ เขาเปิดให้กดบัตรวันเสาร์ค่า ไอ้เราก็สติไม่ดีพูดเออออออกไปแบบไม่มีเหตุผลซ่ะงั้น พี่มาร์คแกคงงงอยู่เหมือนกันแหละ

     

                “เวลาที่เหลือทำอะไรดี ไม่มีอะไรให้ทำเลย”

     

                เธอเอนตัวนอนลงกับเตียงตัวเองอย่างคิดอะไรไม่ออก ชีวิตดี๊ดีไม่มีใครมาก่อกวน งั้นก็ขอนอนพักล่ะกัน เย็นนี้ออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า

     

                ไอยูเผลอหลับไปพร้อมกับเพลงในโทรศัพท์ที่เปิดคลอไว้กล่อมตัวเองไปในตัว

     

     

     

     

     

                แสงสีส้มสอดลอดม่านทางเดินส่องมายังพื้นเพื่อบ่งบอกว่านี้ก็เย็นมากจนพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว  ขายาวก้ามฉับๆมาตามทางอย่างไม่รีบนักตามปกติ เดินตรงมาที่ห้องของตน ระหว่างเดินมามือก็ควานหากุญแจของในกระเป๋าเป้ไปด้วย แต่ก่อนที่จะหยิบกุณแจออกมาไขก็พบกับโพสอิทรูปไอดอลเคป๊อป ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าเป็นใคร

     

     

     

     

                “ผู้หญิงบ้าอะไรให้เบอร์ผู้ชายก่อน..” ชายหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับมองประตูห้องข้างๆอย่างชั่งใจแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปพร้อมกับโพสอิทแผ่นนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ไม่โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

     

                หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างหอบเหนื่อย เหงื่อไหลโชกเต็มตัว สภาพหน้าและร่างกายตอนนี้แทบจะถึงขั้นแย่ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างลวกเหมือนตั้งสติ

     

                “ฝันไปหรอว่ะ เฮ้อออออ”

     

                ไม่รู้หรอว่าตัวเองฝันว่าอะไร แต่ที่แน่ๆอ่ะร้ายแน่นอน

     

                เป็นเรื่องปกติที่เวลาไอยูนอนกลางวันหรือนอนก่อนสองทุ่มเธอจะฝันร้ายตลอด แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะลืมฝันของตัวเองซ่ะงั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะสิ่งที่เลวร้ายไม่ควรจะรีเมมเบ๊อะ!ใส่สมอง

     

                เธอมองดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงทันที เมื่อรู้ว่านี้ก็เป็นเวลาอันควรต่อการรับประทานอาหารมื้อค่ำ ก็เดินตรงไปเข้าห้องน้ำทันที

     

     

     

     

     

                หยิบกระเป๋าสะพายได้ก็ใส่เกิบออกเปิดประตูออกมา ระหว่างที่กำลังจะล็อคประตูก็สังเกตูเห็นโพสอิทสีชมพูวิ๊งแปะอยู่ประตูตัวเอง

     

     

     

     

                หญิงสาวอมยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง ในที่สุดเธอก็ได้เพื่อนใหม่แล้ว ไม่รอให้เพื่อนของเธอหายไปจากโลก เธอรีบล็อกห้องและตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องข้างๆ

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

     

                ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้ชายที่ยังคงใส่ชุดของสถาบันอยู่ เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแทนการพูด

     

                “ไปกินข้าวเย็นกันค่ะ! J

     

     

     

     

     

    45%

    ง่า ฟินพี่วีชรุงงง ><

     

     

     

     

     

                ในที่สุดก็ได้มากินความครั้งแรกกับเพื่อนใหม่ สุดยอดดดดดด

     

                “เอ่อ.. ผมว่าเราไปกินร้านนั้นดีกว่า”

     

                ไอยูพยักหน้าให้กับแทฮยองก่อนจะเดินตามแผ่นหลังหนาไปที่ร้านอาหารตอนค่ำนี้ ถือว่านี่เป็นฤกษ์ดีในการเปิดเทอมล่ะกัน

     

                “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายข้างในเลยครับ”

     

                ฉันก้มมองเสื้อผ้าตัวเองสลับกับเสื้อผ้าของแทฮยอง เราสองคนก็ไม่ได้แต่งตัวหรูหราอะไรนะทำไมต้องเรียกว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายซ่ะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น มันน่าอึดอัดชะมัด

     

                แทฮยองเดินมาที่โต๊ะสำหรับนั่งทานสองคน ส่วนฉันก็เดินมานั่งลงเงียบๆ แต่พอแทฮยองนั่งลงปึ๊บมันก็ไม่เงียบแล้ว

     

                “แทฮยอง! มานี่บ่อยหรอ”

     

                “ก็บ่อยนะ”

     

                “อ๋า..”

     

                แล้วพนักงานก็เดินเอาเมนูมาให้เราทั้งสองคน เมื่อไอยูและแทฮยองสั่งอาหารเสร็จก็ส่งเมนูคืนพนักงานทันทีและทำการนั่งรออาหารแบบไม่เงียบ ไอยูเป็นคนพ้นคำถามเสมอ

     

                “แทฮยอง.. เรียนวิศวะสาขาไรอ่ะ” ถูกแล้วที่ถามว่าเรียนวิศวะสาขาอะไร เพราะว่าไอยูก็เรียนวิศวะเหมือนกัน

     

                “ไฟฟ้า”

               

                “ว๊าววว ฉันเรียนโยธา”

     

                “ผู้หญิงเรียนโยธาเท่มากเลยนะ”

     

    *** วิศวกรรมไฟฟ้า คือ การศึกษาทฤษฎีและประยุกต์ใช้ไฟฟ้า,คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

         วิศวกรรมโยธา คือ การออกแบบพวกอาคาร หรือสถานที่ การก่อสร้างต่างๆ

    #สาระล้วนๆ ขอบคุณวิกิพีเดียที่ให้สาระกับผู้เขียนและผู้อ่าน

     

                “ไม่หรอก มีผู้หญิงหลายคนเรียนสาขานี้เยอะแยะ เพื่อฉันก็เข้าแต่เธอไม่ได้มาต่อที่เดียวกันกับฉัน”

     

                 “แต่สำหรับผม ผมว่าผู้หญิงเรียนสาขานี้เท่ดีอ่ะ ได้ออกแบบสร้างอาคารอะไรประมาณนี้ด้วย ยากพอสมควร”

     

                “แต่ฉันว่านะวิศวะไฟฟ้าอ่ะยากกว่าอีก หรืออาจเป็นเพราะว่าฉันไม่มีพื้นฐานเรื่องไฟฟ้ามากน่ะ”

     

                “ก็ยากอ่ะแหละ แต่เรียนอะไรไม่มากเท่าไหร่หรอก”

     

                “เอ้อ แทฮยอง..”

     

                “เรียกผม วี เถอะครับ”

     

                “.. ทำไมค่ะ?”

     

                “คิดว่าไม่ยาวไปหรอครับ”

     

                “ไม่หรอกค่ะ ชื่อเพราะดีฉันชอบเรียกนะ แล้วนายอ่ะเลิกพูดผม,คุณได้แล้ว เราเพื่อนกันแล้วหนิ”

     

                และแล้วอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟพร้อมกันทั้งของฉันและแทฮยอง ของฉันเป็นสเต็กส่วนของแทฮยองเป็นสปาเก็ตตี้

     

                “เอ่อ.. คือจริงๆผม..!

     

                “ฉันบอกนายแล้วไงว่าไม่ต้องพูดผม แล้วมื้อนี้อ่ะฉันเลี้ยงนะ”

     

                “จริงๆคือผม..เอ่อ ฉันจ่ายเองก็ได้”

     

                “น่าๆ ต้อนรับเพื่อนใหม่ไง กินๆ”

     

                ไอยูใช่มีดที่ถืออยู่ทำท่าไล่เพื่อบอกเขาว่าควรกินได้แล้วถ้ามันเย็นเดี๋ยวไม่อร่อย แทฮยองพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจอาหารสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าเป็นระยะ

     

               

     

     

                เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าเพราะทั้งคุยกันกินโดยที่ไม่ค่อยจะได้ถามสภาพกระเป๋าตังค์สักเท่าไหร่แต่ก็นับว่าโชคดีที่ค่าอาหารเย็นวันนี้ยังเป็นเงินที่ไอยูพอจะจ่ายไหว

     

                “เดินย่อยสักพักนะค่ะ”

     

                “ครับ”

     

                ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเพื่อนที่ไม่เกร็งหรือเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเขา.. รึป่าว เพราะจากที่เราได้พูดคุยกันแล้วเขาดูเป็นคนเปิดเผยอยู่พอสมควร นับว่าเป็นเรื่องดีที่เขาจะคบผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนสักคน ในเมื่อเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา เราก็ขอลดความเกรงใจลงหน่อยนึงล่ะกัน

     

                “พรุ่งนี้รับน้องแล้ว.. คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”

     

                ไอยูใช้โทรศัพท์ตัวเองเป็นไมค์เหมือนกับว่าตอนนี้เขาคือนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์นักศึกษาที่ในวันพรุ่งนี้ก็จะต้องโดนรับน้อง ไม่พอเขายังทำท่ากระตือรือร้นเหมือนนักข่าวในทีวีที่วิ่งเข้าไปสัมภาษณ์ดาราต่างๆ

     

                แทฮยองยิ้มขำทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนใหม่ตัวเอง เขาเพียงแค่หัวเราะน้อยๆก่อนจะกระแอมเบาๆแล้วยื่นปากมาจ่อที่โทรศัพท์เพื่อที่จะให้สัมภาษณ์

     

                “เอ่อ.. ขอบคุณสำหรับคำถามครับ ผมรู้สึกดีใจมากๆเลยครับที่จะได้เจอรุ่นน้อง... เอ่อ ผมหมายถึงเพื่อนๆและพี่ๆอ่ะครับ”

     

                “แล้วคิดว่าการรับน้องจะโหดมากมั้ยค่ะ” เธอยังคงสวมบทบาทเป็นนักข่าวท่ามกลางสายตาคนนับร้อยที่เดินผ่านไปมา ในเมื่อเธอไม่มียางอายเรื่องอะไรแทฮยองต้องอายที่จะตอบคนไม่มีสติด้วย

     

                “คงไม่โหดหรอกครับ เพราะหลักการรับน้องที่แท้จริงไม่ควรนำอารมณ์ของรุ่นพี่มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้หรือถ้าจะนำมาร่วมก็มีแค่ 45% เท่านั้น เพราะในการรับน้องเราควรให้น้องๆได้ตระหนักในเรื่องความอดทนต่อการถูกกดดันและความสามัคคีกันครับ”

     

                “ว๊าว.. คำถามของคุณโดนใจมากเลยครับ รับไปเลยสิบแต้ม”

     

                “ไม่น้อยไปหรอครับ?”

     

                “เอ่อ.. งั้น 11 แต้มเป็นไงครับ ?”

     

                “ 55555 “ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไอยูเก็บโทรศัพท์ตัวเองลงในกระเป๋าและสัญญาณการเล่นก็จบลงตรงนั้นก่อนจะที่ไอยูจะเป็นคนพูดต่อ

     

                “เหตุผลนายสุดยอดมากเลยอ่ะ”

     

                “ไม่หรอก มันคือจุดประสงค์หลักในการรับน้องอยู่แล้ว”

     

                “อาเมน ฮ่าๆๆๆ”

     

                “แล้วคุณล่ะคิดยังไง”

     

                “ก็น่าสนุกดีนะค่ะ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว”

     

                “ถ้าคุณเจอจริงๆอาจจะไม่สนุกก็ได้”

     

                “งั้นหรอ... อืมมมมมไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเน้าะ 5555

     

                ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจกันก่อนจะเดินแวะร้านนั้นร้านนี้ ภายในเวลา 1 วันเขาทั้งสองคนก็พอที่จะรู้จักกันและเข้าใจกันอยู่พอสมควร เพราะเขาทั้งสองไม่ได้มีอะไรปิดบังไว้.. รึป่าว

     

     

     

     

    เช้าวันรับน้อง

     

     

                นักศึกษาปีหนึ่งหลายคนรีบวิ่งไปที่ห้องขณะของตัวเองกันอย่างเร่งรีบ เพราะอะไรหน่ะหรอ..ก็เพราะว่าถ้าไปช้าก็จะโดนว๊ากอ่ะดิ

     

                “ก้มหน้าลงไปครับ มองหน้าผมทำไม”

     

                เสียงรุ่นพี่พูดดังก้องห้องประชุมของคณะ ในวันนี้เป็นวันรับน้องซึ่งใครหลายๆคนคงจะไม่ค่อยชอบกันนักเท่าไหร่ ก่อนเดินมาถึงที่นี้ไอยูก็เห็นกลุ่มผู้ชายบางคนหลบๆซ่อนๆมีท่าทางเหมือนจะโดดการรับน้อง

     

                แต่ถึงอย่างงั้นคนพวกนั้นก็ไม่สำคัญเท่าสถานการณ์ที่โคตรกดดันเพราะตอนนี้ในห้องประชุมเงียบมากได้ยินเฉพาะเสียงของพี่ว๊ากเท่านั้น

     

                “ผมคิดว่ายังมาไม่ครบนะครับ เพื่อนพวกคุณไปไหนกัน”

     

                “...” นักศึกษาที่ก้มหน้าและกอดคอกันไม่มีใครยอมปริปากพูดสักคนเพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปทั้งที่มีเสียงตัวเองโดดอยู่คงไม่ดีแน่ๆ

     

                “นั่นคือประโยคคำถามนะครับ ผมถามก็ต้องมีคนตอบ”

     

                “ไม่ทราบครับ!!!” เสียงของนักศึกษาดังขึ้นพร้อมกันทันที ที่มีหางเสียงว่าครับเสียงเดียวคงเป็นเพราะว่ามีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจึงทำให้เสียงทุ้มๆนั่นกลบทับเสียงของผู้หญิงไปหมด

     

                “ไม่ทราบได้ไง พวกคุณเป็นเพื่อนเขานะครับ”

     

                “ใครโดดบ้างกูยังไม่รู้เล้ย จะมาเป็นเพื่อนกันได้ไง”

     

                ผู้ชายที่ก้มหน้าอยู่ข้างๆไอยูบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย เขาคงมานั่ง..ไม่สิ ยืนก้มหัวอย่างสบายใจฟังรุ่นพี่พูดจาไพเราะแต่โคตรตอแหลพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ ซึ่งไอยูก็พอจะเข้าใจ..

     

                “บ่นเบาๆนะค่ะ เขาได้ยินนี่เรื่องใหญ่” ไอยูพูดพลางหัวเราะเบาๆเพื่อบอกว่านี่คือประโยคพูดหยอกเล่นเฉยๆคนข้างๆก็เพียงแค่ยิ้มขำให้

     

                สักพักเสียงประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกทำให้นักศึกษาเกือบทุกคนหันไปสนใจผู้มาใหม่และสายในเวลาเดียวกัน

     

                “ผมบอกให้พวกคุณเงยหน้าแล้วหรอครับ ก้มลงไป”

     

                ไม่ทันที่จะได้เห็นใบหน้าผู้มาใหม่ก็ถูกรุ่นพี่บอกให้ก้มหน้าลงไป แต่ก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นจากกลุ่มท้ายๆแถวคงเป็นเพราะเขาเห็นหน้าของคนมาสายเลยนินทากันหล่ะมั้ง

     

                “ทำไมคุณถึงมาสาย ?”

     

                เสียงของรุ่นพี่ดังอยู่ไกลพอสมควรซึ่งแปลว่าพี่ว๊ากคงเดินไปหาคนมาสายที่ประตู ไม่ได้ยินเสียงของคนมาสายตอบออกมาแต่อย่างใด จะแง้มหน้าขึ้นดูก็ไม่กล้าเพราะดันมีอิพี่สต๊าฟอยู่แถวๆนี้

     

                “คุณอย่าคิดว่าเป็นคนมีชื่อเสียงแล้วจะทำอะไรก็ได้นะครับ”

     

                ยังไม่มีเสียงของคนมาสายโผล่มาอีกครั้ง พี่ว๊ากพูดต่อว่า...

     

                “เอาเป็นว่ามันยังไม่เลยเวลาแต่คุณก็ยังมาช้ากว่าเพื่อน ผมจะไม่ลงโทษคุณ ช่วยไปเข้าแถวแล้วก้มหน้าเหมือนเพื่อนๆด้วยครับ”

     

                เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นดังใกล้ๆหูของไอยูก่อนจะมีแขนหนักๆมาพาดที่คอของเขาแล้วคนนั้นก็ก้มหน้าลง

     

                “ให้ตายเถอะ!

     

                 ไอยูเหล่มองคนที่มาใหม่คงเป็นคนที่มาสายแน่ๆและพอดีที่ข้างๆเขาเป็นที่ว่างเลยมาอยู่ตรงนี้  ที่เหล่ตาไปมองเห็นแค่รองเท้าไนกี้สีดำกางเกงยีนและปอยผมสีน้ำตาลอมดำเท่านั้น ที่เหลือก็มองไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่

     

                และไม่นานอีกเสียงประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและดูเหมือนครั้งนี้จะไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่เพราะกลัวโดนตำหนิอีก

     

                “ถ้าจะมาช้าขนาดนี้ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เช้าเลยหล่ะครับ แทแท”

     

                “พอดีกระผมนอนดึกไปหน่อย ซอรี่นะครับท่านอู๋”

     

                “เชิญประจำที่ด้วยนะครับ”

     

                คำพูดสนิทสนมกันถูกปล่อยออกข้ามหัวของน้องๆ ถ้าจะให้เดาพี่ที่มาสายนี่ก็คงเป็นพี่สต๊าฟหล่ะกระมัง คิดไปคิดมาแล้ว...ไอ้กิจกรรมรับน้องนี่มันดีตรงไหน - -

     

                “ปวดคอว่ะแม่ง”

     

                คนข้างๆฉันที่เป็นคนมาสายบ่นออกมาเบาๆก่อนจะเอนคอไปมาเหมือนนวดคอ

     

                “อดทนหน่อยนะคุณ”

     

                “ฉันรู้น่า”

     

                โห่.. ผู้ชายคนนี้น่าจะหยาบคายใช่เล่น

     

                สักพักก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง คงเป็นพวกท้ายแถวที่มีแต่แม่นางรักสวยรักงามหล่ะมั้ง เพราะตอนมาก็เห็นจับกลุ่มเม้ากันอยู่ ฉันเลยเลือกที่จะอยู่ห่างๆผู้หญิงรักสวยรักงามดีกว่าเพราะคนอย่างฉันชอบทำอะไรลุยๆคบเพื่อนแบบนี้มีหวังไปไหนไม่รอดแน่ๆ

     

                “แก.. ผู้หญิงคนนั้นคุยกับยูคด้วยอ่ะ”

     

                “บังอาจมากเหอะ”

     

                สักพักก็ได้ยินผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเยื้องๆกับฉันซุบซิบกัน ไม่ใช่เสียงดังแต่มันก็เบาพอที่ฉันจะได้ยินเลยหันไปมองสองคนนั้นด้วยหางแต่ ไม่ใช่ว่าจะขู่นะ..คือเข้าใจมั้ยว่ามันหันไปสุดๆไม่ได้ตาดำมันเลยไปอยู่สุดหางตาแทนอ่ะ

               
                 ว่าแต่อะไรใครยูค???

     

                “ข้างหลังครับ! คุยอะไรกันอย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินนะ”

     

                “เบาเสียงด้วยนะครับ” พี่สต๊าฟเสียงคุ้นหูที่อยู่แถวนี้ก็พูดเตือนน้องๆหลังจากที่พี่ว๊ากพูดจบด้วยเสียงนุ่มๆทำเอาคนฟังอยากจะเย็บปากไม่อยากพูดอีก

     

                “ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนเลย ผม..อู๋อี๋ฟ่าน หรือจะเรียกสั้นๆว่า อี้ฟ่าน ก็ได้”

     

                พี่ว๊ากยังคงพูดไปเรื่อยๆทั้งที่ยังให้น้องๆกอดคอกันก้มหน้าลงดินไป โอ้ยยยเริ่มปวดคอแล้วว่ะค่ะ

     

                “และพี่สต๊าฟผู้ช่วยผม คิม แทฮยอง”

     

                คิมแทฮยอง...

     

                “สวัสดีน้องๆครับ พี่คิมแทฮยองหรือวี”

     

                เสียงแบบนี้!!  ชื่อแบบนี้!!

     

                “ห้ะ!! แทฮยอง!

     

                ฉันเงยหน้าพรวดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและต่อหน้าพี่ว๊าก จะไม่ให้ตกใจได้ไงก็นี่มันชื่อของคนที่พึ่งจะได้เป็นเพื่อนกันเมื่อวานแล้วไหง๋กลายเป็นว่ามาเป็นรุ่นพี่เขาซ่ะนี้

     

                แทฮยองกับไอยูมองหน้ากันด้วยความตกใจ การที่ไอยูเงยหน้าขึ้นทำให้ผู้ชายที่กอดคอเขาข้างๆต้องเงยหน้าขึ้นมาเหมือนกัน และรู้สึกว่าคนข้างๆที่พึ่งมาหงุดหงิดและพูดว่า..

     

                “อะไรของเธอห้ะ!

     

                ฉันหันไปตามเสียงนั่นก็คือข้างๆฉันเองก็พบกับผู้ชายผมสีน้ำตาลอมดำหน้าตาหล่อและที่น่าตกใจกว่านั้นเขาคือ... ไอดอล งั้นหรอ

     

                “ย..ยูคยอม!

     

                ขอเป็นลมได้มั้ย นี่ฉันเจอยูคยอม Got7 งั้นหรอ!!

     

                “พวกคุณสองคน!!” พี่ว๊ากนามว่าอี้ฟ่านตะโกนออกมาดังทั่วห้องประชุม ทำให้นักศึกษาที่เงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้นต้องก้มหน้าลงไปหมดยกเว้นไอยูและยูคยอม “ผมยังไม่สั่งให้พูดแล้วทำไมพูดกันแล้วหล่ะครับ”

     

                “...”

     

                “คุณสองคนออกจากห้องประชุมไปวิ่งอ้อมสนามฟุตบอลข้างล่างสองรอบ!!

     

                หลังคำสั่งของพี่ว๊ากก็พอจะได้ยินเสียงจิ๊ปากของคนข้างๆเพื่อบอกว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดเต็มที ให้ตายเถอะ!นี่เขาทำให้ไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบลำบากหรอกหรอ

     

                “พี่ค่ะ!

     

                “ครับ ?”

     

                “ให้ฉันวิ่งคนเดียวเถอะค่ะ เพราะฉันคือคนที่ตะโกนเสี--!!

     

                “เธอบ้ารึป่าว” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคผู้ชายที่ดูท่าทางอารมณ์เสียข้างๆฉันจับไหล่ฉันก่อนจะหน้ามุ้ยอีกครั้ง

     

                ผู้ชายที่เป็นไอดอลนามว่า ยูคยอม ขมวดคิ้วใส่ฉันเหมือนกับว่าการกระทำของฉันตอนนี้มันผิด แต่ไม่ทันที่ยูคยอมจะอธิบายอะไรพี่ว๊ากก็สวนขึ้นมา

     

                “ผมสั่งไปแล้วนะครับว่าให้ทั้งสองคนไปวิ่ง.. หรือจะไปวิ่งกันทั้งหมดนี่ ?”

     

                ไม่รู้ว่านี่ประโยคคำถามหรือประโยคคำสั่ง แต่ก็ช่างเถอะจากสายตาเพื่อนๆที่เหล่มองแล้วฉันไม่ควรจะยื้อเวลาไว้ไม่งั้นเราคงโดนกันหมดแน่ๆ

     

                “ไปวิ่งกันสองคนค่ะ! / วิ่งสองคนครับ!

     

               

     

     

     

    »Talk«

    คือไรท์ขอโทษที่มาช้านะค่ะ T^T

    ทำไมเนื้อเรื่องมันวุ่นวายจัง ง่า  เนื่องจากสมองไรท์อืดมากต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

    ถ้าไม่สนุกก็ขอโทษอีกครั้ง TT^TT
    ทำไมพี่มาร์คไม่ออกเลยว่ะ เสียจุยว่ะ แต่เอาเถอะ ฟินกับพี่วีกับยูคไปก่อน T^T

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×