ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7] MATHAYOMมัธยม | MarkBam

    ลำดับตอนที่ #4 : มาร์คแบมมัธยม 2: รั บ น้ อ ง

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 58


    มาร์คแบมมัธยม 2: รั บ น้ อ ง

     

     

     

     

    :; Bambam's Part ;:

     

                เช้าวันที่สองของการไปโรงเรียนใหม่ของผมครับ จริงๆคือแบมไม่ได้เป็นคนที่นี้หรอกนะแต่พึ่งย้ายมาอยู่กับป้าเพราะที่ประเทศไทยมีปัญหานิดหน่อย

     

                ใช่แล้วฮ่ะ แบมเคยอยู่ประเทศไทยแต่ไม่ใช่คนไทยหรอกครับถ้าจำความได้ก็ตอนผม 6-7 ขวบอ่ะครับ ที่ไปอยู่เพราะพ่อทำงานที่นั้นแต่บังเอิญมีปัญหาเลยต้องกลับเกาหลีแล้วมาอาศัยบ้านป้าสักพัก

     

                ต่อให้ผมอยู่บ้านป้ามาจะ 2 อาทิตย์แล้วก็พึ่งรู้เองครับว่ามีรุ่นพี่หน้าตาดีที่โรงเรียนอยู่ใกล้บ้านขนาดนี้แถมยังมาเป็นพี่รหัสตัวเองต่างหาก

     

                "เดินไปโรงเรียนดีๆหล่ะ ถ้าจับได้ว่าแอบหนีไปเล่นเกมแม่จะฟาดให้"

     

                "โห้ย แม่เห็นแบมเป็นคนยังไงเนี้ย ผมไปละนะ" โบกมือลาแม่กับป้าก่อนจะเดินออกมาจากบ้านซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีผู้ชายผมแดงเดินออกมาจากรั่วบ้านหลังใหญ่และกำลังล็อคประตูบ้านอยู่

     

                ผมยกแขนที่มีนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา 7.12 น.พี่รหัสออกจากบ้าน ว๊าววววว

     

                "พี่รหัสส!!"

     

                "...!!"

     

                "บังเอิญจังเน้าะ"

     

                "บังเอิญไร" พี่มาร์คเก็บกุญแจบ้านใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถามผม

     

                "บังเอิญที่ออกจากบ้านพร้อมกันไง"

     

                "กูอยากบังเอิญ ?"

     

                พี่มาร์คไม่พูดอะไรต่อ แค่หยิบหูฟังจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับไอพอดออกมา ก่อนจะยัดหูฟังใส่หูตัวเองทั้งสองข้างแล้วเดินออกไป อีกแล้ว!หูฟังนี้มันมีดีอะไรนักหนาถึงกับต้องฟังทุกครั้งทุกวันเลยรึไง แบมไม่ชอบให้มีคนเมินนะบอกเลย!

     

                ผมวิ่งตามพี่มาร์คที่ตอนนี้อยู่ห่างจากผมประมาณสามสี่เมตรแล้วตัดสินใจหยิบหูฟังอีกข้างของพี่แกออกมาแล้วยัดใส่หูตัวเอง พี่รหัสหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาพร้อมกับขนวดคิ้วที่โคตรจะหนานั้น

     

                "ฟังด้วยดิ" แบมแบมยิ้มแลบลิ้นเหมือนหมาปิดท้ายประโยค

     

                "ถ้าบอกว่า ไม่ ล่ะ"

     

                "เฮียไม่พูดหรอกผมรู้"

     

                "มึงรู้ได้ไง เป็นกูรึไง" พี่มาร์คใช้ขายาวของตัวเองเดินไปข้างหน้าอีกครั้งทำเอาผมแทบเดินตามไม่ทัน "อย่ามาใกล้"

     

                พี่รหัสใช้นิ้วชี้ดันไหล่ของผมให้ออกห่างจากเขาทันทีที่ผมเดินไปเทียบกับเขา แต่ก็ไม่เป็นปัญหาของแบมหรอก ดันออกมาได้ก็ขยับเข้าไปใกล้ได้เหมือนเดิม "ฮยองเป็นโรคติดต่อรึไง"

     

                "เออ"

     

                "ชิส์ ที่ไม่ให้ฟังด้วยเพราะกลัวผมติดโรคอ่ะดิ"

     

                "เหอะ! กูหวงโรค อยากมีแค่คนเดียว"

     

                "ค่าบๆ เออฮยอง..."

     

                "ก่อนจะเรียกกู มึงควรไปนั่งคิดพินิจให้ดีก่อนว่า.. สรรพนามตัวไหนที่มึงควรเรียกกับกูนะ เดี๋ยวเฮีย เดี๋ยวป๋า เดี๋ยวพี่รหัส เดี๋ยวฮยอง ! เลือกมาดีๆ"

     

                "ผมยังไม่เคยเรียกป๋าเลยนะ"

     

                "-...- กูแค่พูดเปรียบมึงจะอะไรนักหนา"

     

                "ก็เรียกทั้งหมดเลยไง"

     

                "บางทีกูก็สับสนไง"

     

                "แล้วฮยองจะอะไรนักหนา พูดมากจริงๆเลยอ่ะ"

     

                "อ่าวไอ้นี้!" คนที่มีศัพท์เป็นพี่รหัสยกกำปั้นขึ้นมาคล้ายจะเขกมะกอกแต่ก็ไม่ทำ แค่แกล้งให้คนน้องหลับตาปี๊กลัวการขู่นี้เท่านั้น พอผมลืมตาขึ้นมาเพราะไม่ได้รับอาการเจ็บปวดแต่อย่างใดก็แลบลิ้นแก้เขินทันที "ตอนมึงกลัวหน้าแม่งฮา"

     

                แล้วมาร์คก็ยิ้มมุมปากแบบขำๆก่อนจะยัดหูฟังใส่อีกครั้ง

     

                การเดินทางไปโรงเรียนของสองคนนี้อาจจะไม่ราบลื่นตลอดทาง มีทะเลาะกันตลกโปกฮาฉบับแบมแบมอยู่เป็นระยะ แต่ที่แน่ๆอิพี่มาร์คก็ยอมแชร์หูฟังให้ข้างนึงตอนที่ใกล้จะถึงโรงเรียน... เพื่อ !?

     

     

    :; Bambam's Past END ;:

     

     

     

                “พี่รหัสครับ.. คือน้องรหัสต้องไปอยู่ที่ไหน”

     

                “ที่ที่มึงควรอยู่”

     

                “เห่ย วันนี้วันรับน้องนะ จะไปรับที่ไหนอ่ะ”

     

                “จะรู้หรอ ไม่ได้เป็นคนจัดการ มินเป็นคนจัดการเอง”

     

                “มิน..?”

     

                “เดี๋ยวก็รู้เหอะ”

     

                มาร์คตอบแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไปโดยที่ไม่ลืมดึงหูฟังตัวเองไปด้วย แต่คนอย่างแบมแบมหน่ะหรอจะยอมให้เรื่องมันค้าง แบมแบมไม่ชอบที่จะต้องรู้อะไรค้างๆคาใจๆอยากรู้คือต้องรู้ให้ได้ เมื่อคิดได้อย่างงั้นก็เดินตามพี่รหัสตัวเองไปอย่างเนียนๆโดยไม่ให้คนที่ถูกตามจับได้

     

                ทางที่มาร์คเดินไปรู้สึกว่าจะตรงมาที่หลังโรงเรียน ในบริเวณนี้มีโรงไม้และอาคารที่คาดว่าไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านมาสักเท่าไหร่

     

                “นี่กล้าเดินมาทางแบบนี้คนเดียวได้ไง”

     

                แบมแบมพูดเบาๆคนเดียวแต่เท้าก็ยังคงเดินตามคนตัวสูงไปเรื่อยๆ เมื่อมาร์คหยุดเดินแบมแบมก็รีบหาที่หลบและครั้งนี้เขาก็หลงอยู่หลังถังขยะ

     

                ทิ้งระยะทางไว้ได้สักพักแบมแบมก็โผล่หัวออกมาพอดีกับที่ร่างสูงนั่นเดินเข้าไปในอาคารปูนที่ไม่ได้ดูใหม่และเก่ามากหรอก เมื่อแบมแบมเดินมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เดินตามมาหายไปแล้ว

     

                หายไปไหนอ่ะ เห็นเดินเข้ามาในนี้หนิ..

     

                ในตัวอาคารไม่มีใครอยุ่ ออกจะเงียบเชียบยิ่งกว่าป่าช้าที่ไทยด้วยซ้ำ..คงเป็นเพราะตึกนี้อยู่หลังโรงเรียนด้วยจึงทำให้มันดูวังเวง และอีกอย่างอาคารนี้คงร้างเพราะดูจากใยแมงมุมที่มีอยู่ตามมุมเสา อาคารนี้ไม่ได้ให้การดูแลมาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

     

                อาคารก็ดูดีไม่มีชำรุจหนิ ทำไมไม่ให้การดูแลมันนะ

     

                แบมแบมเดินมาสุดขอบของอาคารแต่ก็ไม่มีวี่แววของพี่รหัสของเขา เกิดอาการท้อนิดหน่อยกะจะเดินออกจากอาคารก็ต้องชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากบนหัว เดาได้ไม่ยากว่าแหล่งกำเนิดเสียงอยู่อีกชั้นนึงของอาคาร

     

                รวบรวมความกล้าได้ก็เร่งฝีเท้าเดินขึ้นไปชั้นสองของอาคารทันที เมื่อขั้นมาก็ได้ยินเสียงดนตรีชัดเจนยิ่งขึ้น เดินตามทางที่ตัวเองได้ยินจนมาหยุดที่หน้าประตูเลื่อนที่ติดฟิมล์ดำไว้ ดูจากภายนอกแล้วห้องนี้น่าจะใหญ่พอสมควร

     

                แบมแบมรวบรวมความกล้าอีกครั้งในการที่จะเปิดประตูนี้ เขาเดาได้ว่าต้องมีคนอยู่ในนี้แน่ๆ แต่ถ้าไม่มีเขาก็ขอเป็นคนดีอาสาเข้ามาปิดเพลงให้ก็แล้วกัน

     

                คนตัวเล็กเลื่อนประตูออกเผยให้เห็นโซฟาและเตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เย็น เฟอร์นิเจอร์อีกมากมาย รวมๆแล้วดูดีเกินกว่าจะเป็นห้องที่นักเรียนอยู่

     

     

                นี่มันห้องอะไรกัน.. บ้านพักครูรึไง

     

     

                “เห้ยไอ้น้อง”

     

                แบมแบมสดุ้งทันทีที่มีมือหนามาแตะบ่าเขาพร้อมกับเสียงทุ้มอยู่ข้างหลัง คนตัวเล็กรีบหันไปทันควันก็เจอกับคนตัวสูงตาตี่มีเงิง -..-

     

                “ขอโทษฮ่ะจารย์ ผมไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องแล้วได้ยินเสียงเพลงเปิดซ่ะดังด้วย ผมว่าจะมาปิดให้ฮ่ะ ไม่ได้จะมาก้าวก่ายหรือทำอะไรไม่ดีในห้องนี้เลยนะฮ่ะ”

     

                คนตัวเล็กหลับตาปี๊พร้อมกับร่ายประโยคในใจออกซ่ะหมด ทำเอาคนที่กำลังฟังอยู่ยิ้มขำเล็กน้อย

     

                “ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

     

                แบมแบมลืมตาขึ้นมาก็เห็นผู้ชายคนเดิมกั้นหัวเราะไว้พร้อมกับมองหน้าเขา อ่าว..นี่อาจารย์ไม่ด่าเขาเลยหรอ

     

                “ยังไงผมก็ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยฮ่ะ”

     

                “ห้ะ ? อาจารย์!? มาร์ค!!กูหน้าแก่หรอว่ะ”

     

                มาร์ค??

     

                และแล้วก็มีผู้ชายอีกคนเดินออกมาจากในห้องน้ำ ตอนนี้เขาไม่มีเสื้อแจ๊คเก็ตของโรงเรียน มีเพียงแค่เสื้อนักเรียนสีขาวกับเน็คไทเท่านั้น

     

                นี่มันพี่รหัสนี่หว่า!

     

                คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่รหัสเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่รุ่นพี่ของเขากำลังคุยก้วยคือน้องรหัสที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเดินตามเขามาที่ตึกนี่ก็ยิ้มมุมปากประมาณว่า กูว่าละมึงต้องมา

     

                “ตามนั้น”

     

                มาร์คพูดแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านน้องรหัสตัวเองไปที่โซฟาขนาดกลางแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น แบมแบมพูดอะไรไม่ออกเพราะท่าทางของมาร์คเหมือนกับว่าตั้งใจให้เขารู้ว่ามาร์คอยู่ที่นี้

     

                “นี่ไอ้น้อง ฉันอยู่ม.6ไม่ใช่อาจารย์ หน้าฉันออกจะเหมือนเด็กม.4 แล้วนี้ไอ้น้องมาที่นี่ได้ไงรู้จักใครงั้นหรอ?”

     

                “ผมก็แค่ตามพี่รหัสมา..”

     

                “พี่รหัส ? กู?”

     

                “ไม่ใช่ ผมอยู่ปี1พี่อยู่ปี3 ถ้าสายรหัสเดียวกันพี่มีศัพท์เป็นลุงรหัสนะครับ”

     

                “-...- ฉันผิดเองแหละ นี่อย่าบอกว่าน้องรหัสไอ้มาร์ค”

     

                “...” แบมแบมไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น

     

                ไอ้เด็กนี้แม่ม.. ยิ้มหาพ่อง

     

                “เงียบทำไม”

     

                “อ่าว.. ก็พี่บอกผมว่า อย่าบอกว่าเป็นน้องรหัสไอ้มาร์ค แล้วผมดันเป็นน้องรหัสไอ้มาร์คของพี่หน่ะสิผมก็เลยไม่บอกพี่”

     

                “กวนตีน”

     

                ถ้ามีคนมาขอสามพยางค์ให้กับไอ้เด็กเวรนี้ อิมแจบอม ขอบอกเลยว่าไม่ต้องถึงสามพยางค์หรอกเอาสองพยางค์เน้นๆชัดๆไปเลยว่า กวน ตีน

     

                “หึ..” มาร์คหัวเราะในลำคอ เหมือนเขาจะสนใจอยู่กับแค่โทรศัพท์ตัวเองแต่จริงๆหูเขาก็ฟังบทสนทนานั่นอยู่

     

                 “แล้วพี่รู้รึป่าวฮ่ะว่าเขารับน้องที่ไหน”

     

                “นี่น้องไม่รู้รึไง ก็โรงประชุมไง”

     

                “อ๋า ตรงข้างๆโรงอาหารป้ะ”

     

                “เออดิว่ะ”

     

                “พี่มาร์คไม่ไปอ่อ เป็นพี่รหัสก็ต้องร่วมหนิ” คนตัวเล็กหันไปหาคนที่นั่งอยู่โซฟาและกำลังกดเลื่อนมือถือ สักพักเขาก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู  เอ๊ะ!ได้ยินที่แบมพูดป้ะว่ะ

     

                “เอิ่มๆ” มาร์คตอบปลายสายไปแต่เหมือนบทสนทนายังไม่จบเท่านั้น มาร์คลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินผ่ากลางสองคนนั้นที่ยืนสนทนาที่เดิมมานานพอสมควรแล้วก่อนจะเดินตรงมาที่ประตู ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูออกแล้วเดินไปมาร์คหันหน้ามาทางสองคนนั้นก่อนจะโฟกัสสายตาไปที่คนตัวเล็ก “จะไปมั้ยโรงประชุม”

     

                มาร์คเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อพูดกับคนตรงหน้า แบมแบมพยักหน้ารับอย่างดีใจก่อนจะค่อมหัวให้รุ่นพี่ที่ตัวเองพึ่งกล่าวหาไปว่าคืออาจารย์แล้วเดินเร็วมาหามาร์คที่ประตูทันที

     

                “อ่า! กำลังไปจะอะไรนักหนา” ออกมาจากห้องนั้นมาร์คก็ยังไม่ได้วางโทรศัพท์แต่อย่างใด “ลงโทษก็ลงโทษดิ”

     

                ชายหนุ่มลดโทรศัพท์ลงก่อนจะวางสายแล้วยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปโรงประชุม ก็เกือบจะลืมไปแล้วว่ามีคนเดินมากับเขาถ้าเด็กคนนั้นไม่พูด

     

                “ลงโทษไรอ่ะเฮีย”

     

                “ถามไม”

     

                “เอ้า ก็เห็นบอกว่าลงโทษไรสักอย่างผมก็คิดว่าเราต้องโดนทำโทษอ่ะดิ”

     

                “เรา ?”

     

                “อื้ม ก็มากกว่า 1 คือเราไง”

     

                มาร์คได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เราที่เขาพูดไม่ได้ต้องการความหมาย แต่จะสื่อว่ามึงกับกูควรจะพูดคำว่าเราแล้วงั้นรึไง ?

     

                ตลอดทางที่เดินมาโรงประชุมคนตัวเล็กก็ไม่ยอมเงียบปากสักทีมีเพียงแค่เสียงของแบมแบมเท่านั้น มีน้อยมากที่จะได้ยินเสียงมาร์ค ที่คำที่มาร์คพูดออกมาใช่ว่าจะยืดยาวเหมือนที่แบมแบมพูดหรอกนะ

     

                การเดินมาที่โรงประชุมไม่ได้รีบร้อนนัก คนเป็นน้องที่เห็นพี่รหัสตัวเองเดินสบายๆก็ไม่คิดอะไรก็ทำตัวชิวๆตามไปด้วย แต่พอเปิดประตูโรงประชุมออกก็เห็นเพียงแค่รุ่นพี่และรุ่นเพื่อนแบมแบมในห้องที่เขาเรียนอยู่นั่นก็คือมีแต่เด็กห้อง 2 นั่นแหละ

     

                “มาได้แล้วหรอไอ้ตัวดี”

     

                หญิงสาวผมสีชมพูถือไมค์ชี้หน้ามาร์คต้วนอย่างคาดโทษ ส่วนแบมแบมก็ทำได้เพียงแค่มองพฤติกรรมของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้เพื่อนๆของเขาที่ชื่อว่า ยูคยอมแล้วก็ยองแจมาอยู่ที่นี้เรียบร้อยแล้ว เพื่อนของพี่รหัสเขาก็เหมือนกัน

     

                “นายมาช้า 15 นาทีซึ่งมันนานมาก แล้วน้องคนนั้นหน่ะ! ทำไมพึ่งมา”

     

                ผู้หญิงผมสีชมพูเปลี่ยนเป้าหมายมาชี้ที่แบมแบมแทน คนตัวเล็กใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองเพื่อความแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังชี้เขาอยู่จริงๆ แต่สถาณการณ์เงียบสงัดแบบนี้ไม่ได้ทำให้แบมแบมรู้สึกกดดันหรือกลัวเท่าไหร่

               

                “อ๋า.. ผมหรอฮ่ะ ?”

     

                “เธอนั่นแหละ”

     

                “พอดีหลงทางหน่ะฮ่ะ เนี๊ย!พี่เขาพาผมมา”

     

                แบมแบมชี้ไปที่ผู้ชายข้างๆเขาเพื่อบอกว่าคนนี้แหละที่มาส่งเขาที่นี้ การตอบคำถามแบบนี้มันช่วยทั้งแบมแบมและมาร์คไปในตัวด้วย

     

                “พี่คิดว่าเมื่อวานน้องคงเดินอ้อมโรงเรียนแล้วรู้ทุกที่ของโรงเรียนแล้ว จะหลงได้ยังไง”

     

                “อันนั้นพี่คิดนี่ครับ ความเป็นจริงคือผมหลง”

     

                “ฉันจะเชื่อเธอได้ไง”

     

                “เชื่อผมเถอะครับ เพราะพี่จะมารู้ตัวผมดีกว่าผมเองได้ยังไง” คำตอบของแบมแบมทำเอาคนไม่เชื่อถึงกับเงิบ คนทั้งโรงประชุมที่มีแต่เพื่อนร่วมห้องและพี่รหัสของแต่ล่ะคนส่งเสียงอู้วกัน แต่คนข้างแบมแบมไม่ได้ส่งเสียงโห่ร้องแต่กลับปรบมือเบาๆสองสามที

     

                ไอ้เด็กนี้กวนตีนแม้กระทั้งหัวหน้าห้องกูได้ เมพขิงๆ ถ้าเป็นพวกกูนี่โดนอัดกลับแล้ว ...นักเรียนปี 2 ห้อง 2 ต่างก็คิดในใจอย่างงั้น เพราะผู้หญิงผมสีชมพูที่ถือไมค์พูดอยู่นั้นคือหัวหน้าสุดโหดของพวกเขา

     

                “ง..งั้น! น้อง!!มาเข้าแถว ส่วนมาร์ค!นายมานี้ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

     

                แบมแบมมองหน้ามาร์คที่ตอนนี้ก็ยังคงเป็นหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้จะโดนผู้หญิงผมชมพูเรียกเหมือนจะไปด่าก็ตาม คนตัวเล็กพยายามไม่ใส่ใจนักเดินตรงไปหาเพื่อนเขาอย่างยูคยอมก่อนจะแท็กมือกันเป็นการทักทานและไม่ลืมที่จะแปะมือกับยองแจ

     

                ไมค์ได้เปลี่ยนสถานที่จากมือของพี่ผู้หญิงผมชมพูมาอยู่บนมือของจูเนียร์แทนแล้ว ส่วนพี่ผมชมพูก็เดินไปลากตัวพี่รหัสเขาไปที่อับคนจริงๆไม่ถึงกับอับหรอกถ้าจะมองหาก็เห็นอ่ะเก็ตป้ะ

     

                “สวัสดีครับน้องๆ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาในการรับน้องวันนี้ล่ะกันเน้าะ”

     

                “...”

     

                “ก็ได้รู้จักไปแล้วนะว่าพี่ผมชมพูชื่อ มิน ส่วนตัวพี่นั่นไซร้ชื่อ จูเนียร์สุดหล่อพ่อรวย นะครับ”

     

                “ป๋าใจเย็นๆนะ แล้วบอกผมมาว่าใครเป็นคนชมว่าป๋าหล่อ” อยู่ๆยูคยอมก็โผลงถามขึ้นท่ามกลางความเงียบของน้องม.4เรียกเสียงฮาและเสียงซุบซิบได้อย่างดีเนื่องจากสรรพนามพวกนั้นมันดูสนิทกันเหลือเกิน

     

                “เอ่อ.. ไอ้รุ่นน้องเหี้ยร่างยักษ์นั่นช่วยหุบปากมึงด้วยนะครับ”

     

                จูเนียร์มองไปที่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองก่อนจะทำหน้าตาสุภาพแต่คำพูดไม่สุภาพเท่าไหร่(ไม่เท่าไหร่ล่ะเนี้ย นี่มันโคตรไม่สุภาพ) ยูคยอมหันไปมองหน้าแบมแบมก่อนที่ทั้งสองจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

     

                “ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้ว่าใครคือพี่รหัสแล้วใช่มั้ยครับ เพราะเวลา 5 ชั่วโมงของเมื่อวานนี้เราได้เต็มอิ่มไปกับการตามหาตัวพี่น้องรหัสแล้ว อ่าๆไหนใครหาไม่เจอ”

     

                รุ่นพี่ที่ถือไมค์อยู่หยุดพูดแล้วสำรวจว่ามีคนยกมือหรือทำหน้าตาไม่มั่นใจหรือไม่เพราะว่าถ้าหากใครยังหาพี่รหัสไม่เจอคงต้องมีทำโทษกันหน่อย

     

                แต่ปีนี้ไม่มีการทำโทษเรื่องการตามหาพี่น้องรหัสเพราะไม่มีใครยกมือหรือทำท่าทางหน้าสงสัยเป็นกังวลแต่อย่างใด งั้นก็ได้ฤกษ์งามแล้วที่จะได้เข้าสู่ช่วงกิจกรรม

     

                “กิจกรรมแรกนะครับ ผมจะนับ 1-10 ทุกคนต้องไปหาพี่รหัสตัวเองแล้วสวมป้ายชื่อที่อยู่กับพี่รหัสให้เรียบร้อยนะครับ”

     

                “ครับ!!/ค่ะ!!

     

                “เริ่มครับ”

     

                จูเนียร์เริ่มนับตั้งแต่หนึ่งถึงสิบช้าๆและณ.เวลานี้นักเรียนทุกคนต่างก็วิ่งหาพี่รหัสตัวเองโดยกระจายตัวอยู่รอบๆโรงประชุม คนที่จับพี่รหัสได้ก็รับกระชากป้ายชื่อที่พี่แกถืออยู่มาสวมให้ตัวเองและพี่รหัสตัวเองด้วย บางคู่พี่รหัสก็ตื่นเต้นจะเป็นจะตายน้องรหัสยังไม่ได้แตะตัวตัวเองก็กระชากมาจับป้ายชื่อยัดใส่คอทันที

     

                “เห้ย พี่มาร์คไปไหนว่ะ..”

     

                ก่อนหน้านี้มองหาก็เห็นอยู่แถวๆมุมห้องประชุมพอเดินมาก็หายไปซ่ะงั้น ไปตายไหนล่ะเนี้ยถ้าช้าเดี๋ยวก็ถูกทำโทษนะ แบมไม่เอาด้วยหรอกอุตสาห์จากมาสายได้แล้ว

     

                “หก..”

     

                จูเนียร์ยังคงนับไปเรื่อยๆดูเหมือนจะเพิ่มจังหวะในการนับเร็วขึ้นเมื่อน้องรหัสของตัวเองวิ่งไปกระชากป้ายชื่อมาห้อยคอตัวเองเรียบร้อยแล้ว

     

                 “เจ็ด”

     

                “แปด”

     

                จะสิบแล้ว!!ดูเหมือนคนอื่นจะหาพี่รหัสตัวเองเจอหมดแล้ว แล้วแบมหล่ะ!แล้วแบมหล่ะ!

     

                “เก้า....” ห้องประชุมที่ดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าใกล้จะสิบแล้ว คนที่หาพี่รหัสตัวเองเจอก็ยืนนิ่งเชียร์คนอื่นอย่างสบายใจ แต่คนที่หายังไม่เจอหน่ะหรอก็วิ่งไปมาวุ่นวายมาก แต่แบมแบมคนนี้ขออยู่เฉยๆดีกว่า พอจะรู้ชะตาชีวิตของตัวเองข้างหน้าแล้วว่าต้องโดนแน่ๆ

     

                “สิบ!

     

                สิ้นเสียงของพี่จูเนียร์ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสวนหัวเขาก่อนจะลากลงไปที่คอ แบมแบมสดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปที่ด้านหลังตัวเองก็เห็นพี่รหัสทำหน้าตานิ่งแต่กวนตีนห้องป้ายชื่อที่คอเหมือนกับเขา “ผมนึกว่าจะโดนลงโทษซ่ะอีก ฮู้ววววว”

     

                “...”

     

                มาร์คไม่พูดอะไรเพียงแค่มองหน้าน้องรหัสตัวเองนิ่งๆเท่านั้นก่อนจะหันไปสนใจคนที่จับไมค์พูด ตอนนี้ได้เปลี่ยนจากพี่จูเนียร์เป็นพี่ผู้หญิงผมสีชมพูที่ชื่อว่า มิน แทนเรียบร้อย

     

                “เชื่อเถอะว่ามีคนหาพี่และน้องรหัสของตัวเองไม่เจอ ใครหาไม่เจอขอให้ออกมาตรงหน้าฉันด้วยค่ะ”

     

                และมันก็มีจริงๆ มีอยู่ประมาณ 6 คน พอเดินออกไปก็ชี้หน้ากันแล้วตะโกนลั่นเลย อ้าวพี่!ไมไม่เห็นพี่ว่ะ’ ‘ไปหลบอยู่มุมไหนมาไอ้ซัซ ซวยเลยมั้ยล่ะมึงแล้วก็บ่นอีกสารพัดจะบ่น ไม่รอนานรุ่นพี่ผมชมพูดก็บอกเกมที่จะใช้ลงโทษ เกมนั่นเรียกเสียงกรี๊ดจากสาววายทันทีเพราะคู่ที่ออกไปมีคู่นึงที่เป็นชายชาย เกมนี้คือเกม..กัดป๊อกกี้!! หลายคนคงเข้าใจแล้วนะว่ามันเล่นยังไง

               

                อ้าวเห้ย!นั่นพี่แจ็คสันกับยองแจนี่หว่า!!

     

                “ฮยองๆ นั่นเฮียแจ๊คนี่”

     

                “ไม่ได้ตาบอด” มาร์คตอบออกมานิ่งๆทั้งที่สายตายังจ้องอยู่กับเกมลงโทษ คนที่หาคู่เจอแล้วก็คงถือคติตราบใดที่ไม่ใช่ฉันโดยแต่ละคนก็เชียร์แบบลืมไปเลยว่าอยู่หลายคน บางคนก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม เชื่อสิว่าคนที่โดนทำโทษต้องคิดในใจว่า มึงมาลองเป็นกูมั้ย!’ ทุกคนแหง๋ๆอ่ะ

     

                “เฮียแจ๊คจะจูบยองแจแล้วอ่า”

     

                “...”

     

                แบมแบมเหลือบมองรุ่นพี่ตัวเองที่ไม่พูดอะไรสักอย่างกับการที่เพื่อนตัวเองกำลังกัดป๊อกกี้อย่างชำนาญ แบมแบมรู้สึกไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ที่ไม่มีเพื่อนเม้าท์ เขาอยากจะพูดโดยที่มีคนฟังและร่วมสนุกกับเรื่องที่พูดด้วย ถ้ายูคยอมอยู่ตรงนี้ก็ดีดิ นายนั่นก็พูดมากพอๆกับเขา

     

     

     

     

                เกมการลงโทษได้จบลงโดยคนที่ชนะคือทีมพี่..อะไรนะ พี่แจฮยอกมั้ง พี่แจ๊คแพ้แค่เซนเดียวเท่านั้นนี่ก็ยังไม่หยุดบ่นเลย

     

                “ห่าจิก แค่มิลเดียวแท้ๆ มึงนั่นแหละไอ้เชี่ยยองแจ ใครบอกให้มึงกัด กูบอกว่าให้คาบเฉยๆเดี๋ยวกูกัดเอง”

     

                “ผมขนลุกครับ พี่ไม่ขนลุกบ้างรึไง”

     

                “ขนลุกเชี่ยไร ทำไมไม่หัดฟังกูมั่ง นี่หน้าเปื้อนแป้งเพราะมึงนะ” ใช่..คนที่แพ้จะถูกทำโทษโดยทีมชนะจะเอาแป้งมาทาหน้า จะเยอะเท่าไหร่ก็ได้แต่ต้องทาที่หน้าเท่านั้น ซึ่งแจ๊คสันโดนเยอะพอสมควร พี่แจฮยอกคงมีความแค้นส่วนตัว “อิจฉาหน้ากูก็บอกมาตรงๆก็ได้ไอ้เชี่ยแจฮยอก”

     

                “พี่คิดว่าพี่เปื้อนแป้งคนเดียวหรอครับ ผมก็โดนนะ”

     

                “มึงโดนน้อยกว่านี่หว่า”

     

                “มันก็ล้างออกได้หนิ”

     

                “เอ่อ.. ผมว่าเถียงไปก็เท่านั้นแหละ แค่แป้งนะครับเฮียแจ๊คไม่ใช่ขี้บ่นซ่ะเหมือนโดนขี้มาป้ายหน้างั้นแหละ” ขอบคุณแบมแบมที่ห้ามทัพ แจ๊คสันหยุดเถียงกับยองแจแต่กลับมาเถียงกับเด็กผู้ชายผมฟ้าแทน

     

                “กูเสียภาพลักษณ์หมด โถ่!

     

                “เฮียมีภาพลักษณ์ด้วยหรอ”

     

                “นั่นสิ” ยองแจเสริม

     

                “เออดิว่ะ กูออกจะหล่อ รวย เก่ง เป็นนักบาสด้วยนะสัด รู้จักหวังแจ็คสันน้อยไปล่ะ”

     

                แจ๊คสันเถียงคอเป็นเอ็น อย่าได้มาพูดถึงเขาเสียๆหายๆเด็กขาด เพราะเขาเป็นคนที่ซีเรียสกับถาะพจน์ตัวเองชิบหาย แบมก็ไม่เข้าใจว่าพี่แกมีดีอะไร ตัวก็สั้นๆ *ทำหน้าเอือม*

     

                “ไม่รู้สึกรำคาญตัวเองบ้างรึไง”

     

                มาร์คที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาทำให้ทั้งสามคนที่พูด(เถียง)กันอยู่เงียบและหันไปมองมาร์คอย่างเกรงใจ แจ๊คสันไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของเขาต้องทำตัวเข้มขรึมในขณะที่เวลามันอยู่กับพ่อแม่แม่งเป็นเด็กดีพูดมากชิบหาย

     

                แต่ก็บอกใครไม่ได้หรอกว่ามันมีนิสัยกับครอบครัวยังไง เพราะถ้าบอกไปกลุ่มของเราอาจจะถูกลดความน่าเกรงขามลงไปเยอะแน่ๆ

     

               

     

     

                เกมในถาคเช้าก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนตอนนี้ถึงเวลาเที่ยงวัน ยองแจ ยูคยอม แบมแบมเดินมาที่โรงอาหารแค่สามคน จากที่ชวนพี่รหัสมาแล้วทั้งสามคนก็บอกว่าไปกินกันเถอะมีธุระ เราทั้งสามคนก็เลยต้องลงมากันแค่นี้

     

                “กูว่าเฮียมาร์คแม่งพูดน้อยเกินไปรึป่าว”

     

                “แต่เราว่านะ พี่เขาอาจจะถูกปลูกฝังแบบนั่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว” ยองแจตอบยูคยอมที่ตอนนี้กำลังยัดข้าวราดแกงเข้าปากส่วนแบมแบมก็นั่งกินพร้อมเงียหูฟังไปด้วย ถ้าถึงเวลาออกความคิดเห็นแบมแบมก็ค่อยพูดเท่านั้นแหละ

     

                “ยังไงว่ะ” ยูคยอมยังคงอยากรู้ต่อ

     

                “ก็แบบ.. คนรวยไงพ่ออาจจะต้องการให้มีระเบียบอยู่ในกฎจนมากเกินไป มาร์คฮยองเลยดูเป็นคนเงียบๆแบบเก็บกดอ่ะ”

     

                “ไม่มีทางอ่ะ มึงก็รู้ว่าพี่รหัสกูพูดหวานกับมี๊ซ่ะขนาดนั้นไม่มีทางที่จะเก็บกดกับครอบครัวแน่ๆ” ได้เวลาแบมเสริมแบมก็เสริมครับ

     

                “หรือจะมีเหตุการณ์ฝังใจ ?”

     

                ยูคยอมยังคงพูดไปเคี้ยวข้าวไป จริงๆก็ไม่ใช่พวกเม้าท์ชาวบ้านหรอกนะแต่พอดีพี่เขาทำตัวให้เม้าท์อ่ะ

     

                “ฝังใจไร ?”

     

                อยู่ๆก็มีใครไม่รู้วางจานข้าวลงกลางวงสนทนาก่อนจะเอามือทั้งสองข้างค้ำโต๊ะไว้เพื่อให้ดูเท่และเกรงขาม แต่ถึงอย่างงั้นแบมแบมก็ไม่รู้สึกอะไรอย่างที่คนนั้นตั้งใจทำ

     

                “อ้าว!พี่อาจารย์”

     

                “เรียกรุ่นพี่เถอะ กูบอกว่ากูไม่ใช่อาจารย์”

     

                คนที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่นั่งลงข้างแบมแบมตรงข้ามกับยูคยอมและยองแจ แต่การพูดคุยเหมือนรู้จักกันมาก่อนของแบมแบมและคนที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่ทำให้ยองแจและยูคยอมมองหน้ากันแบบไม่เข้าใจก่อนที่ยูคยอมจะหันไปมองแบมแบมอย่างต้องการคำตอบ

     

                “อย่ามองงั้นดิ กูก็ไม่รู้จักชื่อพี่เขาเหมือนกัน”

     

                แบมแบมตอบตามความจริง ถึงจะเคยเห็นหน้าและเคยพูดกับพี่เขามาแล้วก็เถอะ แต่ชื่อของเขายังไม่รู้จักกันเลยนะ ทำไมคนที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่หน้าด้านมานั่งด้วยแบบไม่ขอเนี้ย

     

                “แจบอม” อยู่เฉยๆผู้ชายที่เดินมาวางจานแล้วนั่งที่โต๊ะของพวกเขาก่อนจะโซ้ยข้าวเข้าปากแล้วพูดชื่อใครไม่รู้

     

                “...”

     

                “ชื่อกูไง งงเหี้ยไรกัน”

     

                เมื่อเช้ายังสุภาพกว่านี้หนิ นี่รุ่นพี่โรงเรียนนี้พูดกูมึงกับน้องในวันแรกที่พบกันทุกคนเลยรึไง - -

     

                “อ๋า.. ผมแบมแบม”

     

                “กูรู้ แล้วมึงคงจะชื่อยูคยอม ส่วนไอ้เด็กเนิร์ดนั่นยองแจช้ะ ?”  แจบอมชี้หน้ายูคยอมก่อนจะไล่ไปที่ยองแจ ทั้งสองคนพยักหน้าแบบงงๆที่รุ่นพี่คนนี้รู้ชื่อพวกเขา

     

                “เออใช่! พี่เขาอยู่ม.ปลายปีสาม”

     

                “กูพี่รหัสไอ้มาร์ค แล้วก็เป็นนักร้องคู่ไอ้เนียร์ ง่ายๆกูสนิทกับพี่รหัสพวกมึง” แจบอมอธิบายให้ฟังก่อนจะปิดท้ายประโยคโดยการยัดข้าวคำโตเข้าปาก ส่วนแบมแบมที่รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นพี่รหัสของพี่รหัสตัวเองก็ยิ้มกว้าง แสดงว่านี้คือลุงรหัสเขาจริงๆอ่ะดิ

     

                “เห้ย!ลุงรหัส”

     

                “..?” เจบีมองหน้าแบมแบมแบบ อะไรของมึงแล้วก็ตักข้าวเข้าปากอีกครั้ง

     

                “ลุงรหัสๆๆๆๆๆๆ”

     

                “อย่าเรียกลุงรหัสเถอะ กูบอกว่าให้เรียกรุ่นพี่”

     

                “โห้ย ลุงรหัสนั้นแหละเวลาเรียกพี่ก็จะได้รู้ไงว่าแบมเรียก เพราะไม่มีใครสามารถเรียกพี่ว่าลุงรหัสได้นอกว่าหลานรหัสไม่ใช่อ่อ”

     

                “เออๆ เรื่องมึงเหอะ”

     

                แจบอมไม่สนใจอะไรไปมากกว่าข้าวตรงหน้าเขา แต่การมานั่งกินข้าวที่โต๊ะของพวกเราก็ยังเป็นที่ข้องใจของยูคยอมและยองแจไม่หาย ยูคยอมกับยองแจตักข้าวเข้าปากช้าๆทีละคำโดยที่สายตาจับจ้องไอ้รุ่นพี่นี่ หมดความอดทนยูคยอมคันปากมากเลยต้องออกปากถามซ่ะที

     

                “แล้วรุ่นพี่ไม่มีเพื่อนคบหรอทำไมมานั่งนี่”

     

                ปู้ดดด!!

     

                แจบอมที่กำลังดื่มน้ำเจอคำถามนี้เข้าไปถึงกับพุ้ง การจุปู้ดน้ำอ่ะยูคยอมไม่ได้ขัดใจอะไรแต่การที่ปู้ดน้ำใส่หน้าเขานี่สิ มันข้องไปหมดทั้งตัว!!

     

                “เห้ยยูค เป็นไรมั้ย.. อ่ะ!เราพกผ้าเช็ดหน้ามาอยู่” ยองแจยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ยูคยอมท่ามกลางความช็อคของทั้งสี่คน แบมช็อกที่ลุงรหัสปู้ดน้ำใส่หน้าเพื่อนเขา ยองแจช็อกที่รุ่นพี่ปู้ดน้ำใส่หน้าเพื่อนเขา ยูคยอมสตั๊นส่วนแจบอมก็ช็อกที่ไอ้เด็กยักษ์นี่ถามคำถามซ่ะเขาดูน่ารังเกียจ

     

                “เห้ยพี่! ถามแค่นี้ถึงกับปู้ดน้ำใส่หน้าเลยหรอว่ะ”

     

                 “นี่ถ้ามึงไม่ถามตอนกูแดกน้ำอยู่คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

     

                “ใช่หรอ.. ไม่แน่พี่อาจจะพ่นน้ำลายใส่ไม่ก็พ่นข้าวใส่ก็ได้ ผมไปจี้จุดพี่งั้นสินะ”

     

                “ดูถูกเกินไปล่ะไอ้น้อง กูมีเพื่อนตั้งแต่เด็กอนุบาลยันพนักงานออฟฟิศ จะไม่มีเพื่อนเชี่ยไรหล่ะ”

     

                 “ก็แทนที่พี่จะไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน แต่กับมานั่งกับพวกผมที่เป็นหลานรหัสเนี้ยนะครับ?” ยองแจเสริมเพราะเขาก็อยากรู้ไม่ต่างจากยูคยอม ส่วนแบมแบมก็อยากรู้ไปไม่น้อยหรอกนั่งเผือกอยู่นี่

     

                “ก็แค่อยากรู้จัก นี่กูรู้จักพวกมึงไม่ได้เลยว่างั้น ?”

     

                “ไม่ใช่หรอก แค่ถ้าเป็นผมผมไปนั่งกินกับเพื่อนดีกว่านั่งกินกับน้องหรือหลานรหัสซ่ะอีก” ยูคยอมยังคงถามต่อไป

     

                “จย๊า.. กูผิดเองจ้า”

     

               

     

                ออดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

     

     

                “อ้ะ! ออดดังล่ะบลั๊ยส์!” รุ่นพี่ลุกขึ้นถือจานก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินไปเก็บจาน ทำเอาทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรหรอครับ ??

     

               

     

     

                กิจกรรมรับน้องภาคบ่ายนี้พวกพี่ๆเขาบอกให้ออกมาเจอกันที่สนามฟุตบอลที่มีลู่วิ่งอยู่รอบสนาม นักเรียนห้อง 5/2,6/2 ทยอยเดินมาที่พี่ผู้ชายถือป้ายเขียนว่า ห้องสองก่อนที่จะไปอยู่คู่กับพี่รหัสตัวเองเมื่อเจอตัว

     

                แต่แบมแบมนี่สิไม่เจอตัวพี่รหัส - - มีพลังเทเลพอตรึไงทำไมหายไปไหนมาไหนบ่อยชิบ

     

                “ครบยังค่าบบ!” พี่ผู้ชายตัวสูงผมทองถือโทรโข่งตัวใหญ่ก่อนจะพูดใส่ตัวโทรโข่งเพื่อที่จะให้คนอยู่หลังๆได้ยินเสียงที่เขาจะพูดต่อไปนี้ “หวังว่าป้ายชื่อยังอยู่นะครับ ใส่กันให้เรียบร้อย”

     

                นักเรียนบางคนที่ไม่ได้สวมป้ายชื่อก็รีบนำมาสวมทันที โอ่ยพี่รหัสของแบมเมื่อไหร่จะมา!!

     

                “แบม พี่มาร์คอ่ะๆ”

     

                ยูคยอมใช้ไหล่เขี่ยไล่แบมเบาๆเหมือนสะกิดเพื่อเรียกสติ แล้วเห็นมั้ยล่ะว่าพี่มาร์คไปไหน ก็อยู่ด้วยกันแท้ๆ

     

                “ไม่รู้ดิ นี่เป็นไควงเอ็กโซรึไงถึงได้มีพลังหายตัวไปไหนก็ได้”

     

                แบมแบมกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นแต่นักเรียนยางห้องที่ใช้สนามฟุตบอลเป็นสถานที่รับน้องเหมือนกัน เมื่อกวาดๆสายตาไปแล้ว แบมแบมก็ต้องสดุดกับคนคนนึง

     

                “ยูคๆ”

     

                ยูคยอมที่กำลังมองหาป๋านยองของมันอยู่ก็หันมาหาแบมแบมเพื่อบอกว่ามีไร แบมขี้ไปที่กลุ่มเด็กห้องไหนไม่รู้ที่มีผู้หญิงตัวเล็กถือโทรโข่งอยู่ ดูไกลแล้วมีออร่าชะมัด

     

                “ชี้ใครว่ะ”

     

                “มึงเห็นพี่ที่ถือโทรโข่งป้ะ พี่เขาเป็นใครว่ะ”

     

                “เอ้าไอ้นี้ กูก็เข้าโรงเรียนนี้พร้อมมึงป้ะ คิดว่ากูรู้ชื่อทุกคนทั่วโรงเรียนรึไง”

     

                “ชื่อมินอาหน่ะ” อยู่ๆก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้โผล่หน้ามาแล้วพูดสิ่งที่แบมแบมอยากรู้ “พี่เขาน่ารักใช่มั้ยล้า แต่พี่เขามีแฟนล่ะเสียดายๆ”

     

                เธอพูดต่อทั้งๆที่ไม่มีใครถาม แต่ก็ดีแบมแบมจะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานถามคำถาม พี่เขาก็น่ารักจริงๆแหละ

     

                “อ่อ..” แบมแบมตอบไปแค่นั้น

     

                “มึงปิ๊งพี่เขารึไง”

     

                 “ไม่หรอกมั้ง กูยังเห็นหน้าพี่เขาไม่ชัดเล้ย”

     

                “คุยไร” เสียงคุ้นดังอยู่ข้างหู เมื่อรู้สึกตัวก็หันข้างๆตัวเองทันที หันไปก็เจอกันผู้ชายที่มองหาอยู่นาน นี่เป็นผีรึไงไป-มาไม่ให้สุ้มเสียง

     

                “เห้ยพี่มาร์ค!! นี่ผมมองหาพี่ตั้งนาน ตอนเที่ยงก็ไม่ไปกินข้าวด้วยกันแล้วยังตามหาตัวยากอีก”

     

                 “ผิด?”

               

                “ป่าว แค่จะไปไหนอ่ะบอกแบมด้วย หรือไม่ก็..” แบมแบมล้วงมือตัวเองเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเอาโทรศัพท์เครื่องที่หรูที่สุดในชีวิตตัวเองแล้วยื่นให้คนข้างหน้า “ขอเบอร์หน่อยดิ”

     

                “ห้ะ ? เบอร์ ?”

     

                “ไลน์ก็ได้”

     

                มาร์คหยิบโทรศัพท์ไปแล้วกดยิกๆก่อนจะยื่นคืนเจ้าของโทรศัพท์ด้วยสภาพหน้าตาที่เบื่อหน่าย “ไลน์ก็พอ”

     

                “ครบแล้วนะครับ จากที่ผมใช้สายตาดู เรามาเริ่มกิจกรรมรับน้องกันเลยดีกว่า”

     

                ไม่ทันที่แบมจะขอบคุณพี่รหัสก็มีเสียงแทรกโดยโทรโข่งที่รักนั่น ซึ่งมันเรียกความสนใจของทุกคนได้อย่างดี

     

                “พี่คริสนะครับ จะมารับช่วงต่อจากมินในช่วงบ่ายนี้”

     

                 ผู้ชายตัวสูงผมทองพูดขึ้น ทุกคนในแถวก็พยักหน้าหงึกหงักไป ส่วนพี่คริสก็อธิบายไปเรื่อยๆแล้วก็เข้าสู่เกมแรกในช่วงบ่าย

     

                “เกมนี่จับคู่น้องกับพี่รหัสเหมือนเดิมครับ” ไม่ต้องจับให้ยากเพราะดูเหมือนพี่กับน้องรหัสจะอยู่ด้วยกันหมดแล้ว “ขอเลขที่ 1-15 แถวที่หนึ่งตรงนี้เลยครับ” พี่คริสชี้ไปที่โล่งๆ

     

                “เลขที่ 16-30 ก็แถวสองเน้าะ ห้องน้แงกับพี่มีสามสิบคนงั้นก็ตกแถวล่ะ30คนอ่ะนะยาวเชี่ยๆ”

     

                ตอนนี้มีแถวยาวๆสองแถวอยู่จากตอนแรกที่อยู่ตีคู่กันตอนนี้ก็รวมเป็นหนึ่งแถว โดยที่แบมแบมอยู่แถวที่ 2 ส่วนยูคยอมและยองแจอยู่แถวที่ 1

     

                “เกมนี้นะครับจะเป็นเกมส่งกระดาษด้วยปาก”

     

                คำอธิบายเกมนี้เรียกเสียงฮือฮาหรือว่าโห่ได้เยอะทีเดียว เพราะรู้สึกว่าห้องนี้ผู้ชายจะเยอะกว่าผู้หญิง เกมที่เลวร้ายรองจากกัดป๊อกกี้ก็คงเป็นส่งกระดาษด้วยปากนี่แหละ

     

                “เราจะมีกระดาษทั้งหมด 20 ใบ ใน 1 นาทีแถวไหนทำได้มากที่สุดชนะและก็จะได้ลงโทษฝ่ายแพ้โดยการเขียนหน้าด้วยปากกาเมจิก”

     

                “พร้อมแล้วนะครับ เริ่มได้!!

     

                เสียงเชียร์ที่โคตรจะกดดันส่งไปยังคนด้านหน้าที่เริ่มใช้ปากคาบกระดาษ ดีนะที่แบมอยู่เกือบหลังสุด อีกนานกว่าจะได้งั้นก็ขอส่งเสียงเชียร์ไปก่อนล่ะกัน

     

                “ฮู้วว!! สู้ๆเร็วๆโหน่ยยยยย”

     

                แบมแบมเอามือป้องปากพร้อมตะโกนก่อนจะกระโดดโหยงเหยงเพราะความตื่นเต้น ข้างหน้าของแบมแบมคือรุ่นพี่ผู้ชายส่วนข้างหลังเขาก็คือมาร์ค อยู่ข้างหลังนี่ก็กดดันใช่เล่น ถ้าอยู่เกิดพลาดขึ้นมาโดนลุมสกัมแน่ๆ

     

                “นายเตรียมตัวไว้ ใกล้แล้ว”

     

                รุ่นพี่ข้างหน้าหันมาบอกด้วยอาการตื่นเต้นไม่ต่างจากแบมแบมเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าคนที่โคตรแตกต่างจากเพื่อนนี่คงจะเป็นไอ้พี่ที่อยู่ข้างหลังเขามากกว่า นิ่งมากเลยเนี้ย

     

                “ฮยอง ใกล้แล้วนะเตรียมตัวๆ”

     

                “อือ”

     

                แบมแบมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่มีเวลามายืนมองหน้าพี่แกนานๆพี่ข้างหน้าแบมแบมก็สะกิดให้หันไปสนใจและตอนนี่เขากำลังคาบกระดาษมา แบมแบมไม่รู้จะวางตัวยังไงพี่เขาหันมาแบมก็ยกมือขึ้นไปจับคอพี่เขาอย่างถือวิสาสะเพื่อไม่ให้กระดาษมันขยับไปไหน แบมแบมรีบใช้ริมฝีปากหนีบกระดาษมาก่อนจะหันไปหาพี่รหัสที่ยืนนิ่งมองคนน้องที่ย่อเข่าแล้วกวักมือเรียกหยอยๆ

     

                เห้ย!ทำไมพี่มาร์คไม่รับไปสักทีว่ะ

     

                “เห็นไอ้มาร์ค ข้างหน้าเขามาอีกอยู่นะเว้ย รับสักทีดิ”

     

                พี่ผู้หญิงที่อยู่ท้ายแถวตะโกนเรียกสติพี่มาร์ค สุดท้ายแล้วมาร์คก็จำใจโน้มตัวลงไปคาบกระดาษทั้งๆที่หลับตาปี๋แล้วหันไปให้รุ่นน้องผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเขา

     

                กระดาษแผ่นแรกผ่านไปได้ด้วยดี และตามด้วยแผ่นที่สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด เป็นที่น่าดีใจที่ตั้งแต่แผ่นที่หนึ่งมาจนถึงแผ่นที่สิบเอ็ดยังไม่ได้ร่วงไปสักแผ่น แต่เวลาหน่ะสิเหมือนจะไม่เป็นที่หน้าพอใจนัก

     

                เหลือเวลาอีก 10 วินาที และตอนนี้อีก 3 คนค่อยถึงจุดที่แบมแบมอยู่ซึ่งมันสร้างความกดดันให้เขาและอีกสามคนท้ายแถวไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                “แบมแบม ห้ามทำหล่นนะเข้าใจมั้ย ถ้าหล่นนี่เราอาจจะแพ้นะ”

     

                “โอเคฮ่ะ ไม่น่าจะพลาด” แบมแบมตอบพี่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความมุ่งมั่นก่อนที่พี่ผู้ชายคนนั้นจะหันไปรับกระดาษจากน้องรหัสตัวเอง แล้วก็หันมาหาแบมแบม

     

                แบมแบมตั้งใจรับกระดาษด้วยปากให้ถึงที่สุด แต่รู้สึกว่าความกดดันมันเริ่มก่อตัวขึ้นเยอะโคตรๆเมื่อพี่รหัสตัวเองดูจะแหยงๆและเสียงรอบข้างที่เรียกชื่อเขาดังขึ้นเรื่อยๆ

     

                “มาร์ค!!รับสิ!! แบมแบมสู้ๆ!!

     

                “ยืนทำบื้ออะไรมาร์ค อีก 5 วิแล้วนะเว้ย”

     

                “กูไม่ชอบให้ใครมากดดันนะเว้ย” มาร์คโวยวายทั้งที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะรับกระดาษนั้นมา มาร์คไม่ชอบให้ใครมากดดันจริงๆนั้นแหละ มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกหงุดหงิด

     

                แต่พี่ครับ!!! กูเมื่อยนะเว้ย แบมคนนะไม่ใช่รูปปั้นที่จะมาค้างท่าเดิมนานๆได้

     

                “มาร์ค!!อีกสามวิเอง มึงอยากโดนเขียนหน้าหรอ” พี่ผู้หญิงท้ายแถวตะโกนซ่ะดังทำเอามาร์คจิ๊ปากแล้วรีบโน้มตัวลงไปรับกระดาษจากน้องรหัสตัวเอง

     

                แต่มึงเอ๊ย... มันเป็นจังหวะเดียวกับการที่แบมแบมเผลอเปาลมออกจากปากทำให้กระดาษหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

                และนั่นแหละ คือภาพบาดตาบาดใจยิ่งนัก

     

                ร่างสูงตั้งใจหลับตาแล้วโน้มตัวไปรับกระดาษอย่างเร็วเพื่อที่จะได้จบๆแต่ก็พบว่าสิ่งที่ริมฝีปากของเขาแตะมันไม่ใช่กระดาษหน่ะเสร้!!!!!

     

     

                “เฮือก!!!!

     

     

                “ม..มาร์ค จ..จูบ ....”

     

     

                “โอ้วววโน่ววว”

     

     

     

     

                ใช่!!! มันไปโดนปากของแบมแบมต่างหาก!!!

     

     

     

     

     

                ใครคิดเกมบอกกูมา!!!!

     

     

     

     

     

                “ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หมดเวลา”

     

                แบมแบมเบิกตากว้างไม่ต่างกับมาร์คก่อนที่ทั้งสองจะผละออกจากกันแล้วหันหน้าหนีไปคนล่ะทาง ส่วนเพื่อนๆก็ยังคงซุบซิบกัน แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่นานหรอก พวกเขาก็หันไปสนใจว่าทีมไหนจะชนะ เพราะการที่มีคนเม้าทูเม้าในเกมนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก

     

     

                เห้ยย!!แต่กูว่ามันแปลกนะเว้ย <<มาร์ค

     

     

                “ทีมสองได้ไป 11 ใบ!!

     

                “เฮ้!!!!” เสียงเฮดังขึ้นเมื่อกรรมการบอกจำนวนกระดาษที่ทีมที่สองทำได้ ถึงมันจะไม่เยอะแต่การที่ให้เวลามาแค่ 1 นาทีนี่มันน้อยไป ได้เท่านี้ก็โอเคแล้ว

     

                “ส่วนทีมที่หนึ่ง...”

     

                “...”

     

                 “ทำไมมันมีกระดาษนี่ครึ่งนึงหล่ะ” กรรมการชูกระดาษที่มีแค่ครึ่งนึงเท่านั้น แล้วก็มีนักเรียนในทีมนั่นยกมือขึ้นแล้วพูดว่า

     

                “ก็ได้รับมาเท่านั้นอะครับ มันขาดมาอยู่แล้ว”

     

                “ด้วยความที่พวกนายสะเพร่าแต่ก็พยายามส่งมาถึงนี่ได้ก็เอาไปครึ่งคะแนนล่ะกัน”

     

                “...”

     

                “ทีมหนึ่งได้ 11 ใบกับอีกครึ่งใบ!!!!  ..ทีมที่หนึ่งชนะ!!!

     

                “เยยย้ วู้หู้วววว” เสียงของทีมที่หนึ่งดังสนั่นหวั่นไหว ทำเอาทีมสองเงียบมิดแล้วหันไปบ่นมาร์คกันเกือบทุกคน ส่วนทีมหนึ่งก็ได้ปากกาเมจิกสีดำ-แดงสลับกันคนล่ะแท่ง

     

                “เอาหล่ะ ถึงช่วงลงโทษล่ะ ทีมสองอยู่กับที่ด้วยนะครับ ส่วนทีมหนึ่งสามารถเลือกที่จะลงโทษวาดหน้าใครก็ได้มากกว่าหนึ่งคนแต่ภายใน 10 นาทีนะครับ... เริ่ม!!

     

                เมื่อพี่คริสบอกสัญญาณเริ่มนักเรียนหลายคนเริ่มวิ่งเข้าไปหาจุดหมายยังกะซอมบี้ไล่ฆ่าคน มันเป็นอะไรที่หดหู่สุดๆสำหรับคนที่ถูกกระทำอย่างแบมแบมในตอนนี้

     

                “น้องแบม พี่ขอเขียนหน้าน้องน้า”

     

                “แบม.. เราเขียนหน้านายได้ใช่ป้ะ”

     

                “แบ๊มมมม.. รุ่นน้องที่น่ารัก พี่สาวคนนี้เขียนหน้าน้องนะจร๊ะ ด้วยความรักเลยยยย”

     

                อยู่ๆก็มีพี่ผู้หญิงสองคนกับยองแจวิ่งมาทางเขา ปากก็ขอเขียนหน้าเหมือนรอรับอนุญาต ..แต่ไม่เลย พูดออกมาพอเป็นพิธีแล้วก็ละเลงเลยครับ เอ้าๆตามสบายๆ

     

                “อ่า.. แมวของฉันน่ารักที่สุดเลย ไปก่อนนะ”

     

                เมื่อพี่ผู้หญิงคนนึงเขียนเสร็จก็วิ่งหนีไปไม่รอให้แบมพูดอะไร แล้วก็ตามด้วยยองแจที่ต่อคิวรอเขียนอย่างจดจ่ออยู่ “นายมีหนวดแล้ว เราจะเติมจมูกให้นะ ...อ่ะ!เสร็จล่ะ บายยยย”

     

                “เอ้า.. งั้นพี่ขอเขียนเป็นตัวหนังสือนะที่รัก”

     

                ยองแจหายไปแล้ว เหลือพี่สาวคนสุดท้าย เธอใช้มือเสยผมที่ปิดหน้าผากของแบมแบมขึ้นอย่างถือวิสาสะก่อนจะเขียนตัวหนังสือลงบนหัวเขา ให้ตายเถอะ!!ขอให้ล้างออก!

     

                “แบมแบมของฉัน ไปก่อนนะแบมมม”

     

                “ค..ครับ ขอบคุณ” แบมแบมนั่งลงสนามหญ้าด้วยความเซ็ง ทำไมนะทำไม แทนที่คนที่ได้เขียนหน้าน่าจะเป็นเขาซะมากกว่า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั่นขึ้นทีมเราชนะไปแล้วแน่ๆ!

     

     

                คิดไปก็เท่านั้นแหละ ในเมื่อมันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครผิดหรอก ...มั้ง

     

     

                “ยูคคคค!!

     

                แบมแบมที่นั่งเซ็งได้ไม่นานเหลือบมองไปเห็นเพื่อนของตัวเองที่ยืนเอ๋อแดกมองซ้ายขวาอยู่ เลยเรียกมาคุยสักหน่อย 10 นาทีนี่น่าจะนานอยู่

     

                “เอ้อ ไอ้แบม..กูว่าจะเขียนมึงอยู่”

     

               

                นี่กูเรียกมันมาทำไม ?

     

     

                “ให้กูเขียนมึงบ้างได้ป้ะ ?”

     

                แบมแบมเห็นรอบขีดปากกานิดหน่อยบนหน้ามัน สงสัยคนที่มันไปเขียนคงแย่งปากกามันมาขีดหน้ามันบ้างมั้ง งั้นแบมขอเขียนมันด้วยเลยล่ะกัน

     

                “ห้ะ บ้าหรอ”

     

                “เอามาๆ” แบมแบมแย่งปากกามาจากยูคยอม เป็นปากกาเมจิกสีแดง

     

                 “เห้ย อย่า!!

     

                ไม่ทันแล้วเพื่อน แบมแบมเขียนบนหน้ายูคยอมว่า ยักษ์ เป็นภาษาไทยที่เขาได้เรียนมาตอนที่ไปอยู่นั่นบนแก้มของยูคยอมด้วยตัวไม่ใหญ่มากเท่าไหร่

     

                “น่ารักล่ะ ฮ่าๆๆ”

     

                “นายเขียนอะไร”

     

                 “ไม่บอก”

     

                “งั้นตาฉันเขียนหน้านายแล้ว”

     

                แล้วยูคยอมก็ล็อคแขนแบมแล้วละเลงศิลปะลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของแบมแบมอย่างสนุกสนาน

     

     

     

     

     

     

     

    5 : 12 PM

     

     

                เป็นเวลาที่แบมแบมเดินออกมาหน้าโรงเรียนและโบกแท็กซี่กลับบ้าน วันนี้คงเดินไม่ได้อ่ะ อายคนเนี้ย หน้าเละยิ่งกว่าเอาหัวไปจุมสี แล้วยังเสื้อผ้าที่โคตรเปื้อนนี่อีก โอ้ยยยคงได้สักเองแน่ๆ.. ถ้าสักไม่ออกต้องซื้อเสื้อเพิ่มเลยนะ แม่ด่าแน่ๆ

     

                แบมแบมมองซ้ายมองขวาก็ต้องไปสดุดกับผู้ชายผมแดงที่เดินก้มหน้าใส่หูฟังเดินออกจากประตูหน้าโรงเรียนแล้วเดินไปทางคุ้นตา

     

     

                เห้ย!!มีเพื่อนเดินกลับแล้วว่ะ

     

     

                ความกล้าที่จะเดินกลับบ้านมีเพิ่มขึ้นเพราะมีเพื่อนเดินกลับหน้าเละไม่ต่างจากเขาเหมือนกัน แบมแบมวิ่งตามหลังผู้ชายตัวสูงผมแดงก่อนจะเหยียบเบรกที่ข้างหน้าพี่รหัส

     

                “พี่เดินกลับเป็นเพื่อนแบมนะ”

     

                “...”

     

                “ไม่สิ...เดี๋ยวแบมเดินกลับเป็นเพื่อน”

     

                “...”

     

                ผู้ชายผมแดงเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาแว้บนึงก่อนจะก้มหน้าเดินไปอีกครั้ง แบมแบมมองเห็นหน้าที่ถูกเขียนนั่นแล้วหลุดขำออกมานิดหน่อย นี่ก็ฮาไปอีกไอ้วงกลมรอบดวงตาแล้วยังจะมีรอยขีดเป็นร่องที่จมูกและแก้ม หน้าผากนั่นมันดูน่ารักนะ น่ารักปนฮาอ่ะ

     

                “เห้ยไม่ต้องอายพี่ แบมก็โดน”

     

                ก็เข้าใจว่าที่ก้มหน้าเดินเพราะอายหน้าตัวเองที่โคตรจะเละแบบนี้

     

                “... ฉันจะกลับบ้าน”

               

                “ก็นี่ไง กลับบ้าน”

     

                “ไม่ ..บ้าน ไม่ใช่บ้านพัก”

     

                 ของที่ตักขยะมาเก็บเศษหน้าแบมแบมด้วยครับ ลืมไปเลยว่าพี่แกก็มีบ้านที่อยู่อาศัยกับพ่อแม่ ไม่ใช่มีแค่บ้านพักที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านของป้าเขา

     

                “บ้านพี่ไปทางนี้หรอ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งก็ได้”

     

                “...”

     

                 “ป่ะๆ”

     

                “คุณหนูครับ! ลุงมาแล้วครับ”

     

                แบมแบมหยุดเดินก่อนจะหันไปหาเสียงที่ดังมาจากข้างหลังเขา และดูเหมือนคุณลุงที่ใส่ชุดสูทสีดำนั่นน่าจะเรียกพี่รหัสของเขา

     

                “นายไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ซื่อบื้อชะมัด” มาร์คเงยหน้าขึ้นมามองหน้าแบมแบมก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายแล้วเดินไปขึ้นรถ

     

                แล้วรถเก๋งคันหรูที่คุณลุงคนนั้นขับมาและมีพี่รหัสของเขาอยู่ในรถก็ขับผ่านหน้าเขาไปอย่างงงๆ แอบเห็นผู้ชายหน้าตาดีอีกคนนึงที่นั่งอยู่ข้างๆพี่มาร์คด้วย หน้าคุ้นๆอ่ะ

     

                “พี่แกพูดอะไรว่ะ ..แต่ช่างเถอะ สงสัยต้องเรียกแท็กซี่กลับเองซ่ะล่ะให้ตาย”

     

                คนตัวเล็กล้มเลิกความคิดที่ตะเดินกลับบ้านก่อนจะโบกมือเรียกแท็กซี่ที่ขับมาพอดีแล้วยัดตัวเข้ารถทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

    »Talk«

    ขอโทษที่ช้าค่ะ T^T

    /ร้องไห้แรง




    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×