ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #7 : มองเห็นตัวตนที่ซ่อนอยู่

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 61


    ******พอฉันกับจิ่งหยูวออกจากโรงแรมได้ ฉันก้อจะเรียกรถแท็กซี่ แต่เขาซิกลับอยากนั่งรถเมล์ อะไรจะเสี่ยงขนาดนั้น  เขาคงคิดว่าไม่น่าจะมีใครจำเขาได้มั้ง ใช่เรานั่งรถเมล์กันจริง ๆ ฉันเนี่ยเสี่ยววาบกลัวคนจะจำเขาได้ แต่ก้อไม่ยักจะมีใครสนใจแฮะ ใครจะไปคิดว่าดาราดังจะมานั่งรถเมล์ไปเที่ยวแถวสยาม คิดแล้วก้ออดขำไม่ได้ รถเมล์จอดป้ายหน้าสยามฉันจึงเดินนำเขาลงจากรถ

    “ผมอยากดูหนัง” จิ่งหยูวพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มเรียบ เขาพูดโดยไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ

    “หาาาา..คุณจะดูหนัง คุณจะดูหนังเรื่องอะไร” เขาชี้นิ้วไปทางแผ่นป้ายโฆษณาการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องหนึ่ง

    ฉันจ้องหน้าจิ่งหยูวทำหน้าตกใจอยากดูหนังการ์ตูนเนี่ยนะ ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรเขาก้อจูงมือฉันเข้าโรงหนังไปหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์เพื่อซื้อตั๋ว

    “ซื้อตัวสองใบครับ” เขาพูดกับพนักงานขายตั๋ว ที่กำลังมองหน้าเขาเหมือนจะนึกว่าเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน             พอพนักงานยื่นตั๋วให้ฉันรีบจ่ายเงินและรีบดึงมือเขาเข้าโรงหนังก่อนที่พนักงานคนนั้นจะจำเขาได้

    “เฮ้ออออ...” ฉันถอนหายใจโล่งอกเมื่อเข้ามานั่งในโรงหนังแล้ว

     ฉันเหล่หางตามองเขาแต่เจ้าตัวกลับทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งดูหนังด้วยความตั้งอกตั้งใจเหมือนคนไม่เคยได้ดูหนัง ฉันแอบเห็นรอยยิ้มของเขาที่กำลังดูอย่างสนุกกับหนังเรื่องนั้น ฉันแอบมองรอยยิ้มที่เผยให้เห็นเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้างอยู่พักใหญ่  ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อตอนเช้าเลย เขาเปลี่ยนจากผู้ชายเข้มขรึม กลายเป็นผู้ชายธรรมดาๆที่กำลังนั่งดูหนังการ์ตูนไปแอบอมยิ้มไป เรานั่งดูหนังกันจนจบ แต่คนที่มาด้วยก้อยังไม่หยุดแค่นั้น

    “ผมจะไปทานข้าว”  ฉันก้มมองนาฬิกานี่มันก้อจะสี่ทุ่มแล้ว จึงค่อยหันกลับไปดุคนข้าง ๆ

    “คุณ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ ฉันพาคุณมานี่ก้อเสี่ยงมากพออยู่แล้ว แทนที่คุณจะกลับแต่จะไปกินข้าวต่อเนี่ยนะ”

    แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ฟังคำพูดของฉันกลับเดินหนีฉัน จนฉันต้องรีบเดินตามเขาไป จิ่งหยูวเดินเข้าไปในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งที่อยู่ในห้างสยามพารากอน ที่สำคัญร้านนี้คนเยอะมาก เยอะจนทำให้ฉันออกอาการหวาดระแวงกลัวคนในร้านจะจำเขาได้ ผิดกับจิ่งหยูวที่เดินนิ่งๆ เข้าไปในร้าน พนักงานเชิญเราไปนั่งที่โต๊ะ เขาสั่งอาหารไทยสามสี่อย่าง เรานั่งกินอาหารกันอยู่พักใหญ่ บรรยากาศภายในร้านมีแสงสลัวของโคมไฟที่ประดับประดาอยู่ในร้าน เพลงคลาสสิกที่เปิดเบา ๆ ทำให้ฉันหายกังวลใจไปบ้าง ก้อยังดีที่เขาเลือกร้านแบบนี้เพราะส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติ จะมีคนไทยก้อแค่ส่วนน้อย เมื่อทานอาหารเสร็จฉันก้อเตรียมเปิดกระเป๋าที่จะหยิบเงินจ่ายให้กับพนักงาน แต่เขากลับควักบัตรเครดิตจากกระเป๋ายื่นให้พนักงานเสียก่อน

    “ผมจ่ายเอง”

    “ฉันจ่ายเองแระกัน ฉันเอาบิลไปเบิกกับบริษัทได้” แต่ฉันยังคงยืนยันที่จะจ่ายเงินเอง จนพนักงานไม่รู้จะรับเงินจากใคร

    “ไม่ต้อง เงินแค่นี้ผมจ่ายได้ ถือซะว่าผมเลี้ยงคุณที่พาผมมา” พูดจบเขาก้อยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน  เมื่อพนักงานคิดเงินเรียบร้อยเราจึงเดินออกจากร้าน โดยมีเขาเดินนำหน้าฉันออกไป ส่วนฉันนะเหรอก้อต้องเดินตามเขาไปอย่างนั้น เขาเดินเล่นไปเรื่อย ๆจนหมาหยุดนั่งเล่นที่เก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้สำหรับให้นั่งพัก บรรยากาศที่สยามในวันนี้ถูกประดับด้วยไฟส่องกระพริบดวงเล็กๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตามต้นไม้ และตามตึกอาคาร เพื่อเป็นการต้อนรับ       วันคริสมาสต์ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน

    “จะกลับกันหรือยังคุณนี่มันก้อเกือบเที่ยงคืนแล้วนะ” ฉันมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้วผิดกับตอนหัวค่ำ   และห้างก้อปิดแล้วด้วย แต่ดีนะที่เรามานั่งข้างนอกห้าง ไม่งั้นคงโดนยามไล่ตะเพิดออกมาแน่ ๆ

    จิ่งหยูวไม่พูดอะไร พอฉันเห็นเขายืนขึ้น จึงรีบคว้าแขนเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปไหนอีก ฉันเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรม เมื่อถึงโรงแรมฉันพาเขาเดินอ้อมขึ้นทางประตูหลังของโรงแรมที่เดิมที่เราออกมา แล้วพาเขาส่งเข้าห้องพัก แต่เขากลับเดินเข้าห้องไปเฉยๆ ปิดประตูใส่หน้าฉันเหมือนฉันไม่มีตัวตนซะงั้น จะขอบคุณสักคำก้อไม่มี นี่ฉันอุตส่าห์เสี่ยงพาเขาไปเที่ยวมานะ แต่ในใจก้อรู้สึกโล่งอกที่พาเขากลับมาโรงแรมอย่างปลอดภัยและไม่มีใครจับได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×