ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #37 : การกลับมาของหัวใจ (ต่อ)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 61


    *****แล้วก็ถึงวันที่จิ่งหยูวต้องเดินทางมาเมืองไทย ฉันเตรียมตัวมารอรับเขาที่สนามบินแต่เช้าแต่ครั้งนี้มีเพียงแฟนคลับบางส่วนที่รู้ว่าเขาจะมาเมืองไทยมาให้การต้อนรับ เพราะครั้งนี้เขามาเมืองไทยเป็นการส่วนตัวเลยไม่มีกำหนดการเดินทางแฟนคลับบางกลุ่มก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะมาทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายเท่าไรนัก ทันทีที่เขาเดินออกมาพ้นประตูช่องทางผู้โดยสาร ใจฉันมันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอเขาอีกครั้ง และวินาทีแรกที่เราเจอกันฉันพยายามรวบสติและความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่พยามทำตัวให้ปกติที่สุด จิ่งหยูวมองหน้าฉันแต่ฉันก็ทำเหมือนว่าฉันกับเขาไม่เคยรู้จักกัน ฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด ฉันและเจ้าหน้าที่ของบริษัทพาเขามาขึ้นรถตู้ที่บริษัทเตรียมไว้รับเขา พร้อมการ์ดที่คอยกันเขาไว้ตลอดทาง เขาหันมาโบกมือให้แฟนคลับก่อนจะหันกลับขึ้นรถโดยมีฉันตามหลังมาด้วย พอขึ้นรถฉันนั่งเบาะเดียวกับเขาแต่ก็ต้องรักษาระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด ส่วนเจ้าหน้าที่อีกสองคนขับรถไปที่โรงแรมล่วงหน้าแล้ว เพราะต้องไปดูความเรียบร้อยก่อนเขาจะเดินทางไปถึง

    “คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาถามฉันทันทีที่เราอยู่กันสองคน แต่ไม่มีคำตอบใดๆจากฉัน ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมมองหน้าเขาท่าทางที่เย็นชาของฉันทำให้จิ่งหยูวต้องขยับเข้ามานั่งติดกับฉัน จนฉันต้องหันไปมองหน้าเขาเพราะฉันขยับถอยหนีเขาไม่ได้ เพราะฉันเองก็นั่งเบียดอีกฝั่งจนชิดแล้ว

    “กรุณาถอยออกไปด้วยค่ะ” ฉันพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแสดงออกถึงความห่างเหินเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกัน แต่อีกฝ่ายกลับตอกย้ำความสัมพันธ์ด้วยการโอบกอดฉันไว้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว จนทำให้ฉันตกใจออกอาการเลิกลั่กหันรีหันขวางเพราะกลัวคนขับรถจะเห็น

    “คุณ” ฉันทำหน้าดุใส่เขา แต่คนถูกดุกลับไม่สะทกสะท้านแถมยังจะพูดขู่ฉันกลับมาอีก

    “เสียงดังเดี๋ยวคนขับรถได้ยินนะ” รอยยิ้มกวนๆบนใบหน้าเขาทำให้ฉันยิ่งโกรธเขาเข้าไปอีก นี่เขาเห็นฉันเป็นอะไรเขามีแฟนอยู่แล้วยังจะมาทำแบบนี้กับฉันอีก แต่คำขู่ของเขาก็ได้ผลเพราะถ้าฉันเสียงดังคนขับรถคงต้องหันมามองจริงๆ ฉันเลยต้องนั่งนิ่งให้เขากอดจนรถมาจอดถึงหน้าโรงแรม ฉันจึงได้โอกาสผละออกจากเขาและเดินลงจากรถพาเขาขึ้นไปบนห้องพัก พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ช่วยขนกระเป๋าของเขาขึ้นไปไว้ในห้องส่วนเจ้าหน้าที่ของบริษัทอีกสองคนที่มากับฉันไม่ได้ขึ้นไปทีห้องด้วยพวกเขาขอรออยู่ที่ล็อบบี้ หลังจากขนกระเป๋าไปวางไว้ในห้องเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าก็เดินออกจากห้อง โดยมีฉันเดินตามหลังเพื่อจะออกไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะเดินออกพ้นประตูก็ถูกเขากอดรวบตัวเอาไว้และดึงฉันเข้าไปในห้องอีกครั้ง

    “ชู้วววว เดี๋ยวมีคนเห็นนะ” จิ่หยูวห้ามฉันไม่ให้เสียงดังและขู่ฉันอีกครั้ง และมันก็ได้ผลทุกครั้งเพราะฉันกลัวเจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปจะได้ยินจริงๆ คนอะไรขู่ได้ขู่เอา

    “นี่คุณจะทำอะไร” ฉันหันหน้ากลับไปถามเขาด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากับฉันอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซ็น จนทำให้ความรู้สึกเดิมๆมันก็หวนกลับมาอีกครั้งทั้งๆที่ฉันก็พยายามห้ามใจตัวเองไว้แล้วแต่ทำไมพออยู่ใกล้ๆเขากลับใจอ่อนปวกเปียกแบบนี้ จิ่งหยูวค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ทุกทีเขาใช้ดวงตาคู่นั้นสะกดฉันให้ยืนแน่นิ่งเหมือนต้องมนต์ก่อนจะมอบรสจูบที่แสนเย้ายวนให้กับฉัน ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝันรสจูบที่เขามอบให้มั่นช่างหอมหวานเหมือนลูกอมแม้จะปนความขมอยู่บ้างแต่มันก็สามารถทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับมันได้ จิ่งหยูวค่อยๆถอนจูบจากฉันก่อนที่เขาจะกระซิบข้างๆหูฉันแผ่วเบา

    “ผมคิดถึงคุณจัง”  ทันทีที่ฉันได้สติหลังจากที่ตกอยู่ในมนต์สะกดเขาอยู่นาน ฉันพยามผลักดันเขาให้หลุดจากวงแขนที่โอบกอดฉันไว้เหมือนคีมล๊อค

    “คุณไม่มีสิทธิจะมาทำกับฉันแบบนี้ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว” ฉันมองหน้าเขานิ่ง

    “คุณแน่ใจว่าเราไม่ได้.....เป็นอะไร.....กัน” จิ่งหยูวทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ตอกย้ำความรู้สึกของฉันเหลือเกินจนฉันต้องพูดโต้กลับไปบ้าง

    “ถ้าแฟนคุณรู้คงไม่พอใจที่คนรักของตัวเองมานัวเนียกับผู้หญิงอื่นแบบนี้” จิ่งหยูวเบิกตากว้างก่อนจะตอบกลับมาอีกครั้ง

    “ก็นี่ไงแฟนผม” คำพูดเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ฉันต้องพูดให้เขาเข้าใจอีกครั้ง

    “คุณฉันไม่ได้หูตาบอดนะ คุณให้สัมภาษณ์เป็นข่าวใหญ่ซะขนาดนั้นว่าคุณมีแฟนแล้ว” คำพูดของฉันทำให้เขาหัวเราะออกมาเสียงดังจนฉันมองเขาตาเขียวด้วยความโรธ

    “แล้วผมบอกหรือเปล่าว่าใครเป็นแฟนผม”

    “แต่คำพูดแบบนั้นมันก็ชัดอยู่แล้วว่าคุณยอมรับว่าคุณมีแฟนแล้ว”

    “ใช่ผมยอมรับว่าผมมีแฟนแล้ว และแฟนผมก็คือคุณ”

    “คุณอย่ามาโกหกฉัน ฉันไม่ใช่เด็กๆที่จะมาให้คุณหลอกได้” ฉันเริ่มดิ้นขลุกขลักทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรจิ่งหยูวยิ่งกอดฉันแน่นเข้าไปอีก

    “แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าผมมาเมืองไทยอีกทำไม”

    “ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันฉันจะกลับแล้ว” ฉันดิ้นจนเหนื่อยแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยฉันอยู่ดี

    “ผมกลับมาหาคุณนะ ผมกลับมาหาคุณตามสัญญาแล้วนะ” ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าเขายังจำสัญญาของเขาได้

    “ฉันไม่เชื่อคุณ ฉันจะไม่เชื่อคนโกหกอย่างคุณ ปล่อยฉัน” ฉันดื้อดึงไม่ยอมที่จะหยุดดิ้นจนจิ่งหยูวต้องปรามฉันด้วยการบดจูบลงที่ปากฉันอีกครั้งเพื่อให้ฉันสงบลง แต่ครั้งนี้มันไม่หยุดอยู่แค่นั้นมือของเขาเริ่มลอดผ่านเข้ามาในเสื้อสัมผัสเนื้อบางจนทำให้ตัวฉันสั่นสะท้านนิ้วเรียวค่อยๆแตะปลายตะขอชุดชั้นในเพื่อปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เขามอบให้โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองมาอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาทับทาบร่างกายอันแข็งแกร่งเขาขึ้นมาอยู่บนตัวฉันทุกอย่างถูกถามโถมเข้ามา เรากำลังพังกำแพงของความคิดถึงให้มันพังทลายลง สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้ให้กับเขาปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของจิตใจของเราทั้งสองคน

    “ผมรักคุณฤทัย” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมแรงถาโถมที่โหมซัดเข้ามาทำให้ใจฉันแทบละลาย เหมือนเขากำลังจะบอกกับฉันว่าไม่มีอะไรที่จะมาพรากเราไปจากกันได้อีกต่อไป จนฉันเผลอบอกเขาออกมาเช่นกัน

    “ฉันก็รักคุณ.......”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×