ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #33 : เชื่อมั่นในคำสัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 61


    *****หลังจากกินข้าวกลางวันกับคุณลุงคุณป้าเสร็จเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ ก่อนกลับคุณลุงกับคุณป้าอวยพรจิ่งหยูวกับฉันอย่างกับคู่รักเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูกเลยส่วนอีกคนนี่ซิออกอาการพอใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำอวยพรของคุณลุงคุณป้า ระหว่างทางขับรถกลับกรุงเทพเขาไม่ยอมพูดอะไรกับฉันเลยสงสัยเขายังคงโกรธฉันเรื่องที่พี่คชาโทรมาหาฉันอยู่ ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อน

    “คุณหิวน้ำหรือเปล่า” เป็นคำพูดง้อที่เชยที่สุด ก็ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเขานี่ แต่คนถูกง้อก็ยังทำเป็นเฉยไม่สนใจคำพูดของฉันสักนิดแถมยังเร่งเสียงวิทยุกลบเสียงฉันอีก ง้อยากจริงนะพ่อคุณ (ฉันนึกในใจ) แต่ฉันก็ยังไม่หมดความพยายามเพียงเท่านี้

    “กินลูกอมไหมคุณ” ไม่มีเสียงตอบใดๆจากเขา สงสัยจะโกรธจริงๆ ฉันจึงใช้ไม้สุดท้ายแกะลูกอมออกจากซองแล้วยื่นทำท่าจะป้อนใส่ปากเขา ได้ผลจิ่งหยูวหันมามองแล้วใช้ปากงับลูกอมจากมือฉันพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่เป็นสัญญาณแสดงให้รู้ว่าเขาพอใจก่อนจะหันไปขับรถต่อ (มาดไม่มีว่อกแว่กเลยเล่นตัวชะมัด) เราใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงกรุงเทพ เขาขับรถเข้าไปจอดที่ชั้นจอดแล้วจึงเดินมาลิฟท์เพื่อขึ้นห้องพัก ขนาดอยู่บนลิฟท์กันสองคนเขายังไม่ยอมพูดกับฉันสักคำเดียว จนประตูลิฟท์เปิดเขาก็เดินนำหน้าฉันไปเพื่อจะเข้าห้องพักหน้าตาเฉยไม่สนใจฉันเลยสักนิด ปล่อยให้ฉันเดินตามอยู่อย่างนั้น ฉันจึงตัดสินใจถามเขาตรงๆ เพราะขี้เกียจจะง้อเขาแล้ว

    “คุณยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ” สิ้นเสียงของฉันเขาหยุดเดินแล้วหันมามองที่ฉันก่อนจะเดินกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

    “คุณอยากให้ผมหายโกรธคุณใช่ไหม” จิ่งหยูวมองหน้าฉันสายเจ้าเล่ห์คู่นั้นเหมือนกำลังต้องการอะไรบางอย่าง     ฉันได้แต่พยักหน้าตอบรับทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการที่จะให้ทำให้เขาหายโกรธนั้นมันคืออะไร  แต่ตอนนี้เริ่มใจคอไม่ค่อยดีซะแล้ว ก็คนที่ยื่นข้อเสนอตอนนี้ก้มหน้าลงมาใกล้ฉันจนจนหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่กี่เซ็น

    “แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไร” ฉันเอ่ยปากถามทั้งๆที่เรากำลังจ้องตากันอยู่อย่างนั้น บอกตรงๆ ตอนนี้ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะลุ้นว่าเขาจะให้ฉันทำอะไร เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เข้ามาอีกจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่มากระทบแก้มใสของฉัน และนั่นมันก็ทำให้ฉันต้องหลับตาปี๋นึกว่าเขาจะจูบฉันจริงๆ แต่เขาเพียงแค่กระซิบข้างหูฉันเบาๆ

    “เอาเป็นว่าผมติดเอาไว้ก่อนแล้วกันนึกได้แล้วผมจะบอก” พูดจบจิ่งหยูวก็เดินหันกลังกลับเข้าห้องไปปล่อยให้ฉันยื่นตาค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่ทำอะไรอย่างที่ฉันคิดไว้

                หลังจากแยกกับจิ่งหยูวฉันก็เข้าห้องมาพักผ่อนและเตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย แต่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาจนฉันต้องเดินไปหยิบมากดรับสาย

    “ฤทัยวันพุธนี้บริษัทจะจัดแถลงข่าวก่อนจิ่งหยูวเดินทางกลับนะ เดี๋ยวพี่จะส่งบทสัมภาษณ์ไปให้เพื่อเขาจะได้เตรียมตัวตอบคำถาม รวมถึงฤทัยด้วยนะเพราะต้องโดนสัมภาษณ์แน่นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้คนส่งบทสัมภาษณ์ไปให้จะได้เตรียมตัวกัน” พูดจบพี่คชาก็กดวางสายทันที คำพูดของพี่คชาทำให้ยืนหน้าซีดถอดสีทันทีและมันก็ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าใกล้วันที่เขาจะกลับแล้ว วันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว วันที่เขาต้องไปวันที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก อยู่ดีๆน้ำตาของฉันมันก็เริ่มไหลรินออกมาไม่ขาดสาย มันเจ็บไปที่หัวใจเหมือนมีใครกำลังเอามีดมากรีด แต่นั่นมันก็คือความจริงที่ฉันต้องยอมรับมันให้ได้ถึงแม้มันจะเจ็บปวดมากสักแค่ไหน  ก็ตาม

                เช้าวันนี้ฉันกับจิ่งหยูวมานั่งเล่นกันอยู่ที่ห้องพักผ่อน แต่วันนี้หน้าตาฉันดูเศร้าจนจิ่งหยูวสังเกตุได้ตั้งแต่นั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องอาหารแล้ว เขาจึงเดินเข้ามานั่งใกล้ๆฉัน

    “วันนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่าดูหน้าไม่ค่อยดีเลย”

    “เปล่านี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เออเมื่อคืนพี่คชาโทรมาทางบริษัทจะจัดแถลงข่าววันพุธหน้าเดี๋ยววันนี้จะส่งบทสัทภาษณ์มาให้คุณกับฉัน เพื่อเตรียมตอบคำถาม” ฉันพยายามหลบตาเขาระหว่างที่พูดกันเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตาที่มันกำลังกลั้นไว้ไม่อยู่แต่จิ่งหยูวก็เห็นน้ำตาของฉันจนได้ ฉันพยายามเช็ดน้ำตาเพื่อไม่ให้เขาได้เห็นว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่

    “ผมสัญญาผมจะกลับมา ผมสัญญา” จิ่งหยูวดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่นเหมือนเป็นการตอกย้ำให้ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา ฉันโอบกอดเขากลับพร้อมเสียงสะอื้นและน้ำตาที่มันไหลรินมาไม่ขาดสายเรากอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก จนพี่ชีวินและนารีเดินเข้ามาเห็นพอดี ฉันเหลือบไปเห็นพี่ชีวินกับนารีที่กำลังยืนตะลึงตาค้างมองเราอย่างไม่เชื่อสายตา ฉันจึงรีบผละออกจากจิ่งหยูวและรีบเช็ดน้ำตาทันที ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ชีวินและนารี

    “พี่ชีวินกับนารีมาทำอะไรหรือคะ”

    “พอดีบริษัทให้เอาบทสัมภาษณ์มาให้พี่กับนารีก็เลยอาสาเอามาให้” พี่ชีวินพูดกับฉันและมองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าหมองเพราะภาพที่พี่ชีวินกับนารีเห็นมันก็ฟ้องอยู่แล้วว่าเรื่องฉันกับจิ่งหยูวเป็นเรื่องจริง

    “ฤทัยไม่เป็นอะไรนะ” นารีเดินเข้ากอดฉันด้วยความเป็นห่วง

    “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกไม่ต้องห่วงนะนารี” ฉันกอดนารีกลับปากก็บอกว่าไม่เป็นไรแต่ไอ้เจ้าน้ำตาตัวดีนี่ซิมันไม่เชื่อฟังเอาซะเลยไหลออกมาจนเปียกเสื้อของนารีจนชุ่ม จิ่งหยูวมองฉันกับนารีอยู่สักพักก่อนที่เขาจะขอตัวออกจากห้องไปเพื่อจะให้ฉันได้อยู่ตามลำพังกับพวกเพื่อนๆ 

    “ผมขอตัวออกไปอ่านบทสัมภาษณ์ก่อนแล้วกันนะ” พูดจบจิ่งหยูวก็ขอบทสัมภาษณ์กับพี่ชีวินแล้วเดินออกไปจากห้องไป

    “ตกลงเรื่องของฤทัยกับจิ่งหยูว....เป็นเรื่อง...จริงใช่ไหมครับ” พี่ชีวินถามฉันด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ และแววตาที่ส่องประกายของความผิดหวัง ฉันไม่รู้จะตอบพี่ชีวินยังไงได้แต่ยืนร้องไห้พยักหน้า

    “แล้วฤทัยจะทำยังไงต่อไป” นารีถามฉันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

    “ไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงต่อไป แต่ฉันขอร้องพี่ชีวินกับนารีเรื่องของฤทัยกับจิ่งหยูวขอให้มันเป็นความลับจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ฤทัยขอร้องนะค่ะ” นารีโผเข้ากอดฉันอีกครั้งเพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมานารีไม่เคยเห็นฉันร้องไห้และดูเศร้ามากขนาดนี้ แต่สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็เพียงกอดฉันไว้และเอามือลูบหลังเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลมฉัน เราสามคนยืนคุยกันสักพักพี่ชีวินกับนารีก็ของตัวกลับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×