ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #29 : ทบทวน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 61


    *****ฉันเดินขึ้นไปนั่งเล่นที่สวนบนดาดฟ้าของโรงแรม วันนี้ท้องฟ้ามีแต่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมด ฉันนั่งปล่อยใจมองดูดวงดาวเหล่านั้นแล้วอดนึกถึงเรื่องของตัวเองไม่ได้ สำหรับเขาฉันคงเป็นเพียงแค่ผู้หญิงทั่วๆไปที่เขาไม่ได้คิดจริงจังอะไร ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากผู้ชายอย่างเขาฉันแค่รอเวลาให้ถึงวันที่หน้าที่ของสิ้นสุดลงแล้วฉันกับเขาจะไม่ได้เจอกันอีก เพียงแค่คิดถึงเขาความรู้สึกเจ็บปวดก็เข้ามาเกาะกินในหัวใจทำไมฉันต้องรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจทุกครั้งเมื่อเห็นเขากับแฟนของเขา หรือว่าฉันจะรักเขาเข้าแล้วจริงๆ ฉันนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่ในใจคนเดียว จนไม่ได้สังเกตเห็นจิ่งหยูวกำลังยืนมองฉันอยู่ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามานั่งลงข้างๆฉัน และมันก็ทำให้ฉันตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นเขา ฉันทำท่าจะลุกหนีเขาแต่กลับถูกเขาคว้ามือเอาไว้ก่อน จนทำให้ฉันต้องหยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

    “เดี๋ยวก่อนซิคุณ นั่งดูดาวเป็นเพื่อนผมก่อนวันนี้ท้องฟ้าสวยกว่าทุกวันมีแต่ดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด” ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่ได้ตอบอะไร จนเขาต้องยืนขึ้นแล้วค่อยๆประคองให้ฉันนั่งลงข้างๆเขา พร้อมกับโอบกอดฉันไว้ เรานั่งมองดวงดาวด้วยกันอยู่อย่างนั้น แปลกที่ครั้งนี้ฉันไม่ขัดขืนหรือฝืนใจที่ต้องอยู่กับเขาแต่กลับรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา เรานั่งมองดูดาวกันพักใหญ่ก่อนจะเดินกลับลงมาที่ห้องพัก เขาเดินมา  ส่งฉันที่ห้องแล้วยืนรอฉันรูดคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้อง แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเพื่อเข้าไปในห้อง  วงแขนแข็งแรงก็รวบเอวฉันไว้จากด้านหลังจนทำให้ฉันต้องหันกลับมาด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่เซ็น เรายืนมองตากันอยู่อย่างนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนกำลังร่ายหมดสะกดฉันให้ตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าของจิ่งหยูวค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ทุกที ฉันต้องรวบรวมสติทั้งหมดให้หลุดจากมนต์สะกดของเขาเพราะเขาคงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ฉันก้มหน้าเพื่อหลบเมื่อรู้สึกว่าปากหยักใกล้เข้าจนเกือบจะประกบปากฉันแล้ว จิ่งหยูวแอบอมยิ้มเมื่อเห็นฉันไม่ให้เขาทำได้ดั่งใจ

    “ผมจะไม่บังคับคุณถ้าคุณไม่เต็มใจ” เขาเบี่ยงหน้ามากระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ

    “แต่ผมขอคุณแค่นี้นะ” พูดจบเขาก็หอมแก้มฉันฟ๊อดใหญ่โดยที่ฉันไม่ได้ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็เดินกลับห้องไปปล่อยให้ฉันยืนยิ้มจับแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินเขาห้องไปเช่นกัน

                ฉันล้มตัวนอนบนเตียงแล้วความคิดเริ่มวนมาที่จุดเดิมน่าแปลกที่ความรู้สึกวันนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่ถึงเขาจะบังคับฉันแต่ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธใจตัวเองได้ว่าฉันก็ปล่อยใจไปกับเขาเหมือนกัน และยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฉันมีใจให้กับเขา ฉันไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าฉันกับเขาจะลงเอยกันยังไง แต่สิ่งที่ฉันรับรู้ได้คือฉันคงต้องเป็นฝ่ายที่เสียใจ และคงต้องทำใจให้รับกับมันให้ได้

    “ตื๊ด ตื๊ดดดดด” เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้ฉันหยุดความคิดทั้งหมดแล้วหันมาสนใจกับโทรศัพท์ก่อนจะกดรับสาย

    “ค่ะพี่คชา มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

    “พี่แค่โทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้คุณจิ่งหยูวต้องไปให้สัมภาษณ์เพื่อลงคอลัมน์ในนิตยสารลูกข่ายของคุณชลธารนะ แล้วให้ จิ่งหยูวเตรียมตอบคำถามของฤทัยด้วยเพราะเขาต้องถามแน่นอน บริษัทให้คุณจิ่งหยูวตอบไปว่าให้รอฟังจากแถลงข่าวเดี๋ยวบริษัทเราจะจัดแถลงข่าวก่อนคุณจิ่งหยูวจะเดินทางกลับจีนอาทิตย์หน้านี้” คำพูดสุดท้ายของพี่คชาทำให้ฉันนิ่งเงียบไปพักใหญ่ใช่อาทิตย์หน้าเขาจะเดินทางกลับจีนแล้ว สุดท้ายฉันก็ต้องทำใจให้ยอมรับกับความเสียใจจริงๆ

    “ค่ะ” ฉันตอบพี่คชาสั้นๆก่อนจะวางสาย อาทิตย์หน้าบริษัทก็จะแถลงข่าวเรื่องฉันกับจิ่งหยูวแล้วเขาก็จะเดินทางกลับจีน ทุกอย่างก็จะจบลงฉันกับเขาก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก เพียงแค่คิดฉันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่ฉันก็คอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงวันที่เขาเดินทางกลับ แต่พอวันนั้นใกล้จะมาถึงจริงๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บปวดได้ขนาดนี้

    *****วันนี้ฉันเป็นฝ่ายที่ตื่นมากรดกริ่งหน้าห้องของจิ่งหยูวแต่เช้า เพื่อจะบอกเรื่องงานที่พี่คชาโทรมา เมื่อคืนจิ่งหยูวเดินมาเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง เขายืนทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นฉัน

    “มีอะไรหรือเปล่าคุณมากดกริ่งเรียกผมแต่เช้า  หรือว่าคิดถึงผม”

    “จะบ้าเหรอใครคิดถึงคุณ ฉันจะมาเตือนเรื่องงานต่างหาก เมื่อคืนพี่คชาโทรมาเตือนว่าวันนี้ตอนเย็นคุณมีให้สัมภาษณ์กับนิตยสารลูกข่ายของคุณชลธาร คุณอย่าหลงตัวเองไปนักเลย” ฉันรีบพูดแย้งเขาทันทีที่ได้ยินเขาพูดจา  หลงตัวเองแบบนั้น

    “ไป เราลงไปกินข้าวเช้ากัน” พูดจบเขาก็คว้ามือฉันจูงเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปกินข้าวเช้ากับเขา

    “ปล่อยฉัน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าก็จะเป็นข่าวอีก” ฉันพยายามแกะมือกาวของเขา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมง่ายๆ ยังคงจับมือฉันไว้อยู่อย่างนั้น ระหว่างเดินไปที่ห้องอาหารพนักงานที่มาให้บริการในห้องอาหารสองสามคนต่างมองมาที่เราแล้วพากันซุบซิบเมื่อเห็นจิ่งหยูวจับมือฉันเดินมาด้วยกัน ยังดีที่ห้องอาหารนี้เป็นห้องส่วนตัวแยกมาจากห้องอาหารของโรงแรมคนที่อยู่ในห้องส่วนใหญ่จึงเป็นแค่พนักงานของโรงแรมไม่มีคนทั่วไปมาใช้บริหาร ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นข่าวใหญ่จริงๆแน่ เรานั่งกินอาหารกันเหมือนเคยแต่วันนี้ดูเขาจะเอาอกเอาใจฉันมากกว่าทุกวันตักอาหารใส่จานให้ฉันกินด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่งหยูวเป็นฝ่ายดูแลฉันเพราะทุกครั้งฉันจะเป็นคนดูแลเขาซะมากกว่าก็มันเป็นหน้าที่ของฉันนี่นา

    “คุณอาทิตย์หน้าบริษัทจะจัดแถลงข่าวเรื่องคุณกับฉันก่อนคุณจะบินกลับจีน” ฉันบอกกับจิ่งหยูวตามที่ได้รับแจ้งมาจากพี่คชา แต่คำพูดของฉันทำให้สีหน้าของเขาเป็นเคร่งขรึมและวางช้อนลกจากการกินอาหารทันที

    “บริษัทจะให้คุณพูดว่า.....เป็นเรื่องเข้าใจผิดคุณกับฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน...เท่านั้น” ฉันพูดติดๆขัดก็เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะพูดแบบนั้น แต่คนที่รับฟังกับนั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไรได้แต่นั่งมองหน้าฉันอยู่เป็นนาน ก่อนจะเอ่ยถามฉัน

    “แล้วคุณว่ายังไง”

    “แล้วคุณจะให้ฉันว่ายังไงก็เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น” ฉันฝืนพูดออกมาทั้งๆที่ในใจมันเจ็บปวดเหลือเกิน

    “คุณว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เราไม่มีอะไรกัน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณจะให้ผมพูดแบบนั้นใช่ไหม” ตอนนี้ฉันเป็นฝ่ายที่นั่งก้มหน้าเงียบไม่ยอมตอบคำถามของเขา จนทำให้อีกฝ่ายที่รอฟังคำตอบนั่งคิ้วขมวดอยู่สักพักก่อนที่เขาจะลุกขึ้นขยับเก้าอี้และเดินหน้ามุ่ยออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉันนั่งนิ่งอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×