ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #26 : ไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 61


    ******หลังจากที่จิ่งหยูวพาฟานฟานไปเที่ยวเสร็จเขาก็ขับรถไปส่งเธอที่โรงแรมที่เธอพักอยู่ กว่าเขาจะกลับเข้าห้องพักก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว จิ่งหยูวมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของฉันแล้วกดกริ่งเรียกฉันจนฉันต้องคว้านาฬิกาที่มือถือขึ้นมาดูถึงรู้ว่าเกือบจะตีหนึ่งแล้ว ฉันลุกขึ้นจากเตียงเดินงัวเงียมาส่องดูจากช่องมองบนประตูก็รู้ว่าเป็นเขา ฉันจึงบอกกับเขาผ่านประตูไม่ยอมเปิดประตูให้เขาเพราะกลัวว่าเขาจะเข้ามาในห้อง

    “คุณมีอะไร นี่มันก็ดึกมากแล้ว ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้แล้วกัน”

    “ผมแค่อยากได้ยาแก้ปวดหัวคุณมีหรือเปล่า”

    “คุณก็ไปขอที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมซิ เดี๋ยวพนักงานเขาหามาให้คุณเอง”

    “คุณนี่มันก็ตีหนึ่งแล้วนะ ผมขี้เกียจเดินลงไปแล้ว นี่คุณจะอะไรนักหนาแค่ยาแก้ปวดหัวสองเม็ดจะต้องให้ผมลงไปถึงชั้นล่างเลยหรือไง นี่ผมปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” ฉันส่องดูเขาอีกครั้งก็เห็นเขายืนกุมขมับอยู่แสดงถึงอาการปวดหัวมากฉันจึงยอมเปิดประตูแล้วเดินไปหยิบยามาให้เขา แต่ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้จอมวายร้ายอย่างเขา จิ่งหยูวฉวยโอกาสเข้ามาในห้องของฉันตอนฉันเดินไปหยิบยาให้เขา

    “เอ้าคุณนี่ยา” พอฉันเดินกลับมาก็ต้องตกในเมื่อเห็นเขาเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องฉันแถมปิดประตูห้องจนสนิท

    “นี่ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องฉัน” ฉันรีบต่อว่าเขาทันที

    “คุณจะให้ผมยืนรออยู่หน้าห้องทั้งๆที่ผมปวดหัวมากขนาดนี้ จะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอคุณ”

    “แต่ที่คุณกำลังทำอยู่เนี่ยเขาเรียกว่าเสียมารยาทรู้หรือเปล่า” ฉันยังคงต่อว่าเขาอีกเมื่อเห็นเขายังนั่งหน้าตาเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของฉัน

    “ผมก็แค่จะมานั่งรอยาจากคุณ”

    “เอ้านี่ยา คุณออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” ฉันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา และรีบยื่นยาให้เขาเพื่อเขาจะได้ออกไปจากห้องของฉันเสียที จิ่งหยูวทำท่ารับยาจากมือฉันอย่างว่าง่าย แต่คนเสียมารยาทไม่ได้ว่าง่ายอย่างที่ฉันคิดเขาคว้ามือฉันและรั้งตัวฉันจนเซถลาลงมานั่งบนตักเขา พร้อมวงแขนที่กอดรัดฉันไว้จนแน่น ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก จิ่งหยูวมองตาอยู่อย่างนั้นฉันมันทำให้ฉันเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของเขากลิ่นเหล้าจางๆ  บ่งบอกว่าวันนี้เขาคงดื่มมาบ้างเพราะพาแฟนสาวไปเที่ยวตระเวนมาทั้งคืน เรามองตากันสักพักเขาก็เริ่มที่จะรุกรานฉันอีกครั้งด้วยการค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เจือปนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จิ่งหยูวจูบฉันแผ่วเบาจนฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่เขามอบให้ เขาคลายอ้อมเขนที่กอดฉันไว้เมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นแมวน้อยที่ว่าง่าย และเริ่มใช้มือรุกล้ำสัมผัสไปตามผิวเนื้ออ่อนบางที่อยู่ภายใต้ชุดนอนสีชมพูตัวโปรด ฉันพยายามรวบรวมสติอันน้อยนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้างขัดขืนไม่ยอมให้เขาทำอะไรได้ดั่งใจ แต่สำหรับเขาการขัดขืนเหมือนเป็นการยั่วยุให้เขายิ่งรุกล้ำฉันมากขึ้น และมันก็ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าการเอาตัวรอดจากเขาด้วยการขัดขืนไม่เคยเป็นผลอะไร ฉันจึงต้องเปลี่ยนความคิดมาเป็นการพูดขอร้องและอ้อนวอน และนี่คงเป็นวิธีสุดท้ายที่ฉันคงต้องลองเสี่ยง

    “คุณปล่อยฉันเถอะ คุณกำลังทำให้ฉันดูไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคุณ” ฉันเริ่มพูดอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปนเปไปกับเสียงสะอื้นและน้ำตาที่มันกำลังไหลรินออกมา และมันก็ได้ผลจิ่งหยูวหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วจ้องมองหน้าฉันที่ตอนนี้มันเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาค่อย ๆใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มของฉันเบาๆ และก้มลงจูบซ้ำไปที่แก้มสองข้างของฉันอีกครั้ง เพื่อเป็นการปลอบประโลม

    “ผมขอโทษ” และนั่นก็เป็นคำพูดแรกที่ออกจากปากของเขา เขาเริ่มคลายอ้อมกอดจากฉันและลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี  ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องฉันรีบลุกขึ้นไปปิดล๊อคประตูเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาอีก

                ฉันพยายามข่มตานอนแต่ทุกครั้งที่หลับตาภาพเหตุการณ์ระหว่างฉันกับเขามันก็ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ตอนนี้ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันสบสนไปหมด

    “ทำไมฉันถึงปล่อยใจไปกับเขาได้มากมายขนาดนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ฉันเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองอีกครั้ง แม้ในใจจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ฉันก็ยังพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าฉันไม่ได้ชอบเขา ฉันไม่ได้มีใจให้เขา เขาก็แค่อยากจะเอาชนะฉันเท่านั้นมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว และตอนนี้แฟนของเขาก็มาทวงสิทธิ์ของเธอ ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาจะไม่ได้เข้าใกล้ฉันได้ แบบนี้อีกฉันสัญญากับตัวเอง

                วันนี้ฉันตื่นนอนเช้ากว่าปกติเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้ฉันแทบจะไม่ได้นอนเลย ฉันลงจากห้องพักมาเดินเล่นที่สวนสาธารณของโรงแรมบอกตามตรงในใจตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเจอกับเขาเลยไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังเมื่อต้องเจอกัน ฉันเดินล่นปล่อยใจคิดอะไรไปสักพักก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียง      เรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ ฉันจึงหยิบขึ้นมากดรับเพราะสายที่โทรเข้ามาคือพี่ชีวิน

    “สวัสดีคะพี่ชีวิน พี่ชีวินมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

    “ฤทัยว่างหรือเปล่าพี่อยากเจอฤทัยพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงของพี่ชีวินดูเศร้าๆบ่งบอกว่าเขามีอะไรในใจ

    “ได้ซิค่ะ” ฉันรีบตอบรับพี่ชีวินเพราะรู้ว่าพี่ชีวินต้องมีเรื่องอะไรอยู่ในใจที่ต้องการจะคุยกับฉัน

    “งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปรับที่โรงแรมนะครับ”

    “ค่ะ” ฉันตอบพี่ชีวินก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมเพื่อฝากข้อความทิ้งไว้ให้กับจิ่งหยูว เดี๋ยวเขาจะมาหาว่าฉันละทิ้งหน้าที่ไปไหนมาไหนก็ไม่บอให้เขารู้ ก่อนจะออกไปกับพี่ชีวิน พี่ชีวินขับรถพาฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารประจำของพวกเรา

    “เออ พี่เห็นข่าวฤทัยกับจิ่งหยูว” และสิ่งที่ฉันคาดเดาไว้ก็ถูกต้องเรื่องที่ทำให้พี่ชีวินไม่สบายใจจนต้องมารับฉันถึงโรงแรม ก็เป็นเรื่องข่าวของฉันกับจิ่งหยูว

    “เอ่อ พี่ชีวินค่ะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันค่ะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น” คำตอบของฉันทำหมีรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ชิน เขาดูสบายใจขึ้นที่ได้รู้คำตอบจากปากฉัน

    “พี่ก็ว่าว่ามันต้องเป็นแค่ข่าวลือ แล้วฤทัยต้องดูแลจิ่งหยูวอีกนานหรือเปล่า”

    “ก็จนกว่าเขาจะเดินทางกลับจีนแหละค่ะ” ฉันนั่งคุยและกินอาหารกับพี่คชาสักพัก เลยนึกขึ้นได้ว่าฉันออกมานานมากแล้วจึงบอกพี่คชาให้มาส่งฉันที่โรงแรม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×