ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักที่ตามหา

    ลำดับตอนที่ #20 : ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหวั่นไหว

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 61


    *******คืนนี้เป็นอีกคืนที่ยาวนาน ฉันก็มานั่งทอดกายลงบนโซฟามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวผ่านกระจกใสของโรงแรม วันนี้ดวงดาวดูสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ฉันเม้มริมฝีปากบางที่ยังคงหลงเหลือรอยช้ำและความเจ็บจากสิ่งที่เขามอบให้ ยิ่งนึกถึงหัวใจก็เต้นแรงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ เขาจะรู้หรือเปล่าว่านี่เป็นจูบแรกของฉันแต่เขาเห็นฉันเป็นอะไร ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นที่เขาควงแต่ละคนที่ชอบเขาก็เพราะหน้าตา ชื่อเสียง และเงินทอง เขาดูถูกฉัน เขาใจร้ายกับฉันมาก แต่อีกใจหนึ่งก็เฝ้าถามตัวเองความรู้สึกที่มันซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองฉันสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาจูบฉัน เวลาที่เขาจ้องตา ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เราสบตากัน ทำไมฉันถึงได้ปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับรอยจูบที่เขามอบให้  นี่ฉันกำลังเป็นอะไรไป ไม่นะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาทั้งนั้น ฉันจะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนถึงวันที่เขากลับ แล้วฉันกับเขาก็จะไม่ได้พบกันอีก ฉันเฝ้าคิดตอกย้ำตัวเองอยู่อย่างนั้น

                เช้าวันนี้อากาศดูไม่สดใสเหมือนวันที่ผ่านมา ฉันไม่อยากลุกออกจากเตียงไม่อยากเจอหน้าเขา ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอกัน ฉันนอนทอดกายอยู่บนเตียงไม่ยอมลงไปกินอาหารเช้ากับเขาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ใช่ภารกิจในตอนเช้าทุกวันของฉันก็คือต้องไปกินอาหารเช้ากับเขาเพราะเขาเป็นคนสั่งและตั้งกฎนี้เอาไว้ แต่วันนี้ฉันกินอะไรไม่ลงจริงๆก็เลยไม่ยอมลงไปดื้อๆ

    “ก๊อกๆๆๆๆๆๆ”  เสียงเคาะประตูดังรัวมาจากหน้าห้องจนทำให้ฉันต้องลุกไปหยิบเสื้อคลุมเพื่อเดินไปเปิดประตูว่าใครมา  ฉันแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อยก็รู้ว่าคนที่มาเคาะประตูรัวนั้นไม่ใช่ใครก็เป็นคนที่ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด เมื่อรู้ว่าเป็นเขาฉันรีบดึงประตูเพื่อที่จะปิดแต่เหมือนจิ่งหยูวจะรู้ว่าฉันจะทำอะไร เขารีบใช้มือดึงประตูเอาไว้ก่อนที่ฉันจะปิดมันซะอีก

    “ทำไมไม่ลงไปกินข้าวเช้ากับผม”  เขาถามเสียงเข้ม

    “ก็ฉันไม่หิว” ฉันตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    “หิวหรือไม่หิวคุณก็ต้องลงไปกินข้าว คุณลืมกฏที่ผมตั้งไว้แล้วใช่ไหม”

    “ฉันจะทำตามกฏกับคนที่ปฏิบัติตามกฏกับฉันเท่านั้น ไม่ใช่คนที่แหกกฏอย่างคุณ” ฉันเริ่มออกอาการดื้อดึงอีกครั้ง  อีกมือก็พยามยามที่จะดึงประตูให้ปิด แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหวเขาดึงประตูออกแล้วดันร่างของตัวเองเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูจนสนิท

    “นี่นายจะทำอะไร เข้ามาในห้องฉันทำไม” ฉันรีบเดินถอยหลังกรูดเมื่อเห็นเขาค่อยๆเดินตรงมาที่ฉัน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ยังคงเดินตรงมาที่ฉันแต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะถอยไปทางไหนเพราะตอนนี้หลังของฉันมันติดผนังห้องแล้ว จิ่งหยูวใช้มือสองข้างดันผนังห้องเพื่อกั้นฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก

    “ทำไมคุณดื้อจัง ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจผมจะลงโทษคุณในแบบที่คุณไม่ชอบแน่ๆ” ไม่พูดเปล่าเขาโน้มตัวลงมาจนใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากหน้าของฉันไม่กี่เซ็น

    “ตกลงจะลงไปกินข้าวด้วยกันไหม” เขายังถามคำถามเดิม แต่คราวนี้เป็นฉันที่เป็นฝ่ายนิ่งเฉยได้แต่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น  ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือเข้าไว้ แต่เสือตัวนี้ดูจะไม่กลัวฉันเอาซะเลย การกระทำของฉันเหมือนเป็นการท้าทายให้อีกฝ่ายยิ่งลุกล้ำเข้ามาใกล้เข้าไปอีก นี่ฉันลืมตัวไปหรือเปล่าว่าตัวเองยังอยู่ใน   ชุดนอน มิหนำซ้ำฉันกับเขายังอยู่ในห้องกันแค่สองคน เขาใช้มือสองข้างรั้งเอวและดึงตัวฉันเข้าไปหาเขา จนตัวของเราแนบชิดกัน

    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” ฉันเริ่มดิ้นรนเมื่อรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ พร้อมใช้มือสองข้างดันแผงอกกว้างของเขาเอาไว้ 

    “นี่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าบนชั้นนี้มีแค่เราสองคนที่พักอยู่” คำพูดของเขาทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ เออใช่ชั้นบนนี้ไม่มีใครนอกจากฉันกับเขา เพราะบริษัทปิดชั้นบนไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

    “ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงคุณจะลงไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”  แต่ครั้งนี้เขาไม่พูดเปล่าวงแขนแข็งแรงเริ่มกระชับตัวฉันเข้าไปเบียดกับตัวเขาจนฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแผงหน้าอกเป็นมัดๆที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวบางที่เขาสวมใส่ หน้าเรียวค่อยๆก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มเต้นดังระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก จากความกล้าแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวซะแล้ว และก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปกว่านี้ฉันต้องตัดสินใจหยุดการกระทำของเขาด้วยการตอบคำถามที่หวังว่าจะทำให้เขาพอใจ

    “ก็ได้ฉันจะลงไปกินข้าวกับคุณ แต่ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วฉันจะตามลงไป” คำตอบของฉันสร้างความพอใจจนเห็นรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าจอมเผด็จการอย่างเขา

    “ก็แค่เนี้ย ผมจะไปรอคุณที่ห้องอาหารและอย่าให้ผมรอนานเพราะผมอาจโมโหหิวจนทำอะไรไม่ยั้งคิดอีก” นี่เป็นคำขู่ของเขาใช่ไหม แต่มันก็เป็นคำขู่ที่ได้ผลหลังจากที่เขายอมปล่อยฉันแล้วเดินออกจากห้อง ฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปที่ห้องอาหารทันที

    เมื่อถึงโต๊ะอาหาร ฉันเดินไปขยับเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาเพื่อจะนั่งลงกินอาหารเช้ากับเขา แต่ยังไม่ทันที่จะนั่งลงเสียงเข้มก็สั่งขึ้นมาอีก

    “ใครให้คุณนั่งตรงนั้น” เล่นเอาฉันยืนงง ก็ปรกติฉันก็นั่งตรงนี้นี่นา

    “แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหน ก็ปรกติฉันก็นั่งตรงนี้”

    “ตั้งแต่วันนี้ผมจะให้คุณนั่งข้างๆผม” คำสั่งของเขายิ่งทำให้ฉันแปลกใจมากขึ้นไปอีก เจ้าของคำสั่งไม่สั่งเปล่ายังใช้สายตามองมาที่ฉันแกมบังคับจนทำให้ฉันต้องยอมทำตามเขาแต่โดยดี เรานั่งกินข้าวด้วยกันแต่ตอนนี้สำหรับฉันอย่าเรียกว่ากินเลยเรียกว่าเขี่ยดีกว่า ตรงกันข้ามกับเขาที่กินข้าวได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาดูเป็นปรกติทุกอย่างผิดกับฉันที่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา นี่เขาทำให้สูญเสียความกล้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    “วันนี้อยากไปเที่ยวทะเล ผมอยากไปหัวหิน” นี่หูฉันไม่ฟาดใช่ไหมเขาอยากจะไปหัวหิน

    “ก็แล้วแต่คุณ ฉันเคยห้ามคุณได้ด้วยเหรอ” ฉันตอบเขาแบบประชดประชัน

    “รู้ก็ดีแล้ว” แต่เขากลับตอบฉันมาหน้าตาเฉย เล่นเอาฉันนี่อึ้งไปเลยทีเดียว นี่ฉันต้องอดทนกับเขาอีกนานแค่ไหน   ฉันรู้ดีว่าจะถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ได้บริษัทคงไม่ยอมให้ฉันถอนตัวง่ายๆ และอีกอย่างเขาเองที่เป็นคนต้องการให้ฉันมาดูแล ยังไงซะบริษัทก็ต้องเชื่อเขามากกว่าฉัน ยังไงฉันก็หนีเขาไม่รอดอยู่ดี ฉันคงต้องจำใจดูแลเขาต่อไปจนกว่าเขาจะเดินทางกลับจีน เมื่อถึงวันนั้นฉันก็จะเป็นอิสระซะที

    “อดทนไว้ฤทัย อดทนไว้”  ฉันนึกในใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×