ตอนที่ 4 : ตอนที่ 1-4 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“ยายจ๋า อยู่ไหนจ๊ะ” นันทิชาเรียกหาผู้เป็นยายทันทีที่ก้าวเข้าไปในตัวบ้าน แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เธอได้รับกลับมา
“ยายขา อยู่ไหนคะ” นันทิชาเรียกผู้เป็นยายอีกครั้ง พร้อมกับสอดส่องสายตาเพื่อหาร่างของผู้เป็นยายไปด้วย
“ยายคะ...” หญิงสาวส่งเสียงเรียกก่อนก้าวเข้าไปในห้องพระเล็กๆ ที่อยู่ชั้นบนซึ่งผู้เป็นยายของเธอชอบมานั่งสมาธิเป็นประจำ ทันทีที่ก้าวผ่านกรอบประตูเข้าไป ดวงตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างขึ้น พร้อมกับส่งเสียงเรียกผู้เป็นยายด้วยความตระหนกตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างท้วมฟุบแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง
“ยายจ๋า ยาย...ยายเป็นอะไรจ๊ะ” นันทิชากระโจนเข้าไปประคองร่างท้วมอันอ่อนปวกเปียกขึ้นมาจากพื้น ใจร่วงหล่นไปที่ตาตุ่มเมื่อเห็นดวงตาของท่านพริ้มหลับ ลมหายใจรวยรินจนน่ากลัวว่าท่านจะหยุดหายใจในไม่ช้านี้
“ยายจ๋าอย่าเป็นอะไรนะจ๊ะ เดี๋ยวน้ำหนึ่งจะพายายไปหาหมอนะ” นันทิชาพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัว ก่อนจะโทร.เรียกรถพยาบาลอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นยาย กลัวเหลือเกินว่าลมหายใจรวยรินของท่านจะขาดหายไปในไม่ช้าถ้ารถพยาบาลมาช้าเกินไป แต่ในที่สุดการรอคอยของเธอก็สิ้นสุดลง เมื่อรถพยาบาลมาถึง
“ยายจ๋าอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะจ๊ะ” นันทิชากุมมือยายแล้วบีบเบาๆ ก่อนจะรีบปล่อยเมื่อบุรุษพยาบาลพาร่างผู้เป็นยายลงไปด้านล่าง ในขณะที่สาวเท้าตามไปติดๆ
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงในเวลาต่อไป แต่นันทิชาก็ยังไม่อาจวางใจได้ เธอมองลอดเข้าไปในกระจกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของประตูของห้องฉุกเฉิน หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำอยู่ภายใต้ทรวงอกด้วยความกลัว กลัวเหลือเกินที่จะสูญเสียผู้เป็นยายตามคนอื่นๆ ไป ญาติผู้ใหญ่ที่มีเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่
“ยายจ๋าอย่าเป็นอะไรนะจ๊ะ” นันทิชาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ผู้เป็นยายปลอดภัย
การรอยคอยที่แสนยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ของนันทิชาสิ้นสุดลง เมื่อประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก เธอปราดเข้าไปหาบุรุษวัยกลางคนที่สวมชุดกาวน์สีขาวสะอาดทันที มือบางทั้งสองเขย่าแขนของคุณหมอแรงๆ อย่างลืมตัว ถามรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน
“ยายของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“เชิญทางนี้ครับ” คุณหมอไม่ตอบในทันที แต่ผายมือให้หญิงสาวก่อนจะเดินนำหน้าไป นันทิชารีบสาวเท้าตามร่างสันทัดของคุณหมอไปทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด
นันทิชาแทบทรุดเมื่อได้ฟังคำตอบจากคุณหมอในสิ่งที่เธออยากรู้จบลง ใบหน้านวลสวยซีดเซียวจนแทบไม่มีสีสันของเลือดนั้นทำให้คุณหมอต้องออกปากถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณ...คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
“คะ...ค่ะๆ” นันทิชาพยักหน้าพร้อมกับตอบออกไปเสียงเบาทั้งที่ใบหน้านวลสวยซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือดแล้วก็ตาม
“แล้วค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด...” เสียงของนันทิชาเบาแสนเบาเมื่อถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ออกไป ในขณะที่คนฟังขยับแว่นตาหนาเตอะของตนเอง ก่อนจะตอบออกมาในที่สุด
"ก็พอสมควรครับ"
"แล้วถ้าผ่าตัดแล้วยายของดิฉันมีโอกาสจะกลับมาเป็นเหมือนคนปกติรึเปล่าคะ" น้ำเสียงของหญิงสาวเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยินเสียงของตนเอง แต่คุณหมอวัยกลางคน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบประสาทและสมองก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน และตอบตามความจริงออกไป
"ไม่ครับ แต่ถ้าปล่อยไว้ยายของคุณอาจจะเสียชีวิตได้นะครับ"
"แล้วการผ่าตัดอันตรายรึเปล่าคะ" นันทิชาถามด้วยความกังวล และคุณหมอก็เข้าใจดีถึงความกังวลนั้นของอีกฝ่าย
"ไม่ครับ"
"ถ้าอย่างนั้นคุณหมอดำเนินการผ่าตัดได้เลยค่ะ" นันทิชารีบบอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะเธอไม่ต้องการเสียผู้เป็นยายไปอีกคน
"ครับ"
"เดี๋ยวสักครู่พยายาบาลจะเอาเอกสารมาให้คุณเซ็นนะครับ"
"ค่ะ"
นันทิชาเดินเข้าไปแนบหน้าลงกับกระจกสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งหลังจากเซ็นยินยอมการผ่าตัดจากพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ภาพที่เห็นภายในก็มีเพียงประตูอีกชั้นเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจเมื่อไม่สามารถมองเห็นอะไรอย่างที่ต้องการ เธอผละออกจากกรอบประตู และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาเตียงคนไข้ที่มีร่างของยายของเธอก็ถูกเข็นออกมาโดยผู้ช่วยพยาบาล เธอปราดเข้าไปเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกพยาบาลสาวที่เดินตามออกมาติดๆ ยกมือขึ้นกันไว้ แล้วบอกเรียบๆ
“เดี๋ยวเราจะพายายคุณเข้าห้องผ่าตัดด่วนค่ะ”
“ใช้เวลานานรึเปล่าคะ” นันทิชาถามอย่างกังวล
“อย่างน้อย 3 ชั่วโมงค่ะ” พยาบาลสาวตอบตามตรง ก่อนจะรีบสาวเท้าตามไป
‘สามชั่วโมง’
นันทิชาครางอยู่ในอก ก่อนจะรีบสาวเท้าตามร่างของพยาบาลสาวไปติดๆ
‘คุณยายของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่คุณควรจะรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าการผ่าตัดสมองนั้น คนไข้จะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราต้องรอดูอาการหลังจากคนไข้ฟื้นอีกที ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายวัน เพราะคนไข้อายุมากแล้ว’
นันทิชาถอนหายใจเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหมอ หลังจากการผ่าตัดอันแสนยาวนานสิ้นสุดลง ความกังวลก่อนหน้าลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณหมอก็ได้ยืนยันแล้วว่ายายของเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงมีความกังวลที่ยังไม่เลือนหายไป คือเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการผ่าตัด เธอพอมีเงินเก็บแต่ก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าผ่าตัดเรือนแสนได้
“คุณนันท์ วิรินันท์ค่ะ”
เสียงเรียกของเจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลผ่านไมโครโฟนทำให้ภวังค์ความคิดของนันทิชาหยุดลง เธอระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก่อนไม่นานตรงไปติดต่อเจ้าหน้าที่
ร่างสูงของชายหนุ่มสุดหล่อภายใต้สูทสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่กำลังสาวเท้าเข้าไปภายในแผนกการเงินของโรงพยาบาลอย่างเชื่องช้า มือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ ตามบุคลิก ดวงตาคมกวาดไปรอบๆ โดยไม่ได้จับจ้องจุดใดเป็นพิเศษ แต่เสียงหวานที่ดังเข้ามากระทบโสตประสาทเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องเบือนสายตาจับนิ่งไปที่เคาน์เตอร์แผนกการเงินอย่างสนใจ รูปร่างโค้งละมุนแสนเย้ายวนแสนคุ้นตา ทำให้ริมฝีปากสีสดกระตุกรอยยิ้มบาดใจออกมาแทบจะทันที ฝีเท้าที่ทอดเอื่อยๆ เรื่อยๆ ก่อนหน้าสาวเร็วขึ้นแทบจะทันทีเช่นกัน และหยุดยืนฟังการสนทนาของหญิงสาวต่างวัยทั้งสองด้วยระยะห่างพอสมควรแต่สามารถได้ยินการสนทนาของทั้งคู่อย่างชัดเจน
“ดิฉันขอผ่อนผันได้มั้ยคะ” นันทิชาพยายามต่อรอง
“ยังไงคะ” เจ้าหน้าที่การเงินวัยกลางคนถามเรียบๆ เงยหน้าขึ้นมองคนต่อรองด้วยแววตาเฉยเมยบวกกับรำคาญอย่างไม่ปิดบัง
นันทิชาหน้าร้อนเมื่อเห็นสายตาแบบนั้นจากอีกฝ่าย แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะตอนนี้เธอมีเงินไม่พอที่จะจ่ายค่าผ่าตัดจริงๆ สาวสวยบีบมือแน่นจนมือบางทั้งสองชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะพูดออกไปเสียงเบาหวิวในที่สุด
“ดิฉันขอแบ่งจ่ายเป็นสองงวดได้มั้ยคะ”
“เห็นจะไม่ได้หรอกนะคะ ทางโรงพยาบาลของเราไม่เคยมีนโยบายแบบนั้น” เจ้าหน้าที่การเงินคนเดิมอธิบายอย่างรำคาญ มองหน้าสวยอย่างหมิ่นๆ จนคนถูกมองหน้าตาร้อนผ่าวไปหมดกับสายตาดูถูกของอีกฝ่าย
“แต่ดิฉันมีเงินไม่พอ” นันทิชาบอกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจว่าจะทำอย่างไรดี
เจ้าหน้าที่การเงินถึงกับถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นของสาวสวย มาอีกรายแล้ว หญิงวัยกลางคนคิดในใจอย่างเบื่อหน่าย ก้มมองเอกสารตรงหน้าอย่างไม่สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องแสนธรรมดาไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
“ถ้าอย่างนั้นทางโรงพยาบาลของเราก็คงต้องฟ้องคุณ และย้ายคนไข้ออกจากโรงพยาบาลเราทันที”
“ไม่ได้นะคะยายของดิฉันยัง...” นันทิชาพยายามเอ่ยขอร้อง
“คุณผู้หญิงคนนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจบดี นันทิชาเบือนหน้าไปมองทางต้นเสียงทันที ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของเสียงทุ้มนั่นชัดเจน
“คุณ...” นันทิชาเรียกหนุ่มหล่อผู้มาใหม่ด้วยความฉงน
“ผมขอเป็นผู้จ่ายแทนเธอทั้งหมดเอง” หนุ่มหล่อยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
“คือ...” นันทิชาทำท่าจะพูด แต่เจ้าหน้าที่การเงินชิงพูดขึ้นเสียก่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว
“ได้ค่ะ”
นันทิชาเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังจัดการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลให้กับเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“เรียบร้อยค่ะ” เจ้าหน้าที่การเงินพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นใบเสร็จส่งให้ ในขณะที่คนฟังเพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วยื่นมาไปรับใบเสร็จมาถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะเบือนสายตาคมกริบไปมองหน้าสวยของคนข้างๆ ที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ยัดมันใส่มือบาง ก่อนจะพูดเรียบๆ
“ไปเถอะ”
นันทิชาขมวดคิ้วจนคิ้วโก่งจนแทบจะผูกเป็นโบว์ด้วยความสงสัยงงงันเต็มที่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปมือบางข้างหนึ่งก็ถูกคว้าเอาไว้โดยมือเรียวใหญ่แข็งแรงเสียก่อน ก่อนจะถูกเจ้าของมือนั้นกระตุกเบาๆ เพื่อให้เดินตามไป โดยที่นันทิชาไม่ได้ทันได้ขัดขืนด้วยซ้ำเพราะยังคงงงงันไม่หาย สมองของนันทิชาทำงานอย่างเชื่องช้าเหลือเกินตอนนี้
“คุณจะพาฉันไปไหน” นันทิชาพูดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากนิ่งเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายจับจูงให้เดินตามไปง่ายๆ โดยไม่ได้ขัดขืน
ร่างสูงเพรียวสมาร์ตเหมือนนักกีฬาหยุดเดิน ก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองคนถามด้วยแววตาเฉยเมยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ แล้วพูดเพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“กินข้าว”
“แล้วคุณพาฉันมาด้วยทำไม” นันทิชาถามอย่างสงสัย น้ำเสียงเริ่มมีแววไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่าย ตอนนี้เธออยากไปดูยายของเธอมากกว่า ไม่ได้อยากไปไหนทั้งนั้นตอนนี้
“ผมอยากกินข้าวกับคุณ” ชายหนุ่มพูดง่ายๆ ในขณะที่คนฟังเริ่มไม่พอใจหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินอย่างนั้น พูดเสียงเขียวอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่ว่าง ฉันจะไปดูยายฉัน!”
“ไม่ต้องดูหรอกที่นี่มีทั้งหมอและพยาบาลที่ชำนาญคอยดูแลอยู่คุณไม่ต้องห่วงหรอก” น้ำเสียงทุ้มยังคงราบเรียบ แต่คนฟังเดือดปุดๆ สะบัดมือบางออกจากการเกาะกุมของมือเรียวใหญ่อย่างฉุนเฉียว แต่มันก็ไม่ยอมหลุด ทำให้นันทิชารู้สึกหงุดหงิดมากเข้า
“เอ๊ะ บอกให้ปล่อย ฉันจะไปดูยายของฉัน!”
ปล. ชอบแนวมาเฟียเท่ๆ จัดไปอย่าให้เสีย คับฟ้าจะมาขโมยของคุณอิอิ อีบุ๊กวางแล้ว อาจจะแพงไปหน่อยแต่หนาแน่นอนจ้า ***ไม่มีตีพิมพ์ ฉะนั้นไม่โหลดจะเสียใจเด้อ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
