ตอนที่ 12 : ตอนที่ 3 คืนที่พลาดพลั้ง 100%
“มีความสุขไหม สวีตตี้” แม้ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองนัก ทำไมต้องตั้งคำถามเช่นนั้นเมื่อปฏิกิริยาของร่างกายเธอเป็นคำตอบอันยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
แพรวาเหลือกระทั่งเรี่ยวแรงจะเบือนหน้าหนีจุมพิตที่กดลงมาหนักๆตรงหน้าผาก “ปล่อย!”
แม้จะกัดฟันรวบรวมเรี่ยวแรงดิ้นหนีจากเรือนกายแกร่ง แต่แก่นกายที่ยังแทรกซึมในกายเธอกลับพองฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แพรวาจึงทำได้แค่เพียงผงกศีรษะจ้องมองเขาราวกับจะฉีกทึ้งเนื้อหนังออกเป็นชิ้นๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะร่วนนั้น
“มันช้าไปแล้วที่จะทำท่ารังเกียจ แล้วควรจะแนะนำตัวเองให้ผมได้รู้จักดีกว่า ไม่อย่างนั้นมีรอบสองแน่ๆ” ไม่พูดเปล่าแต่ฝ่ามือหนายังเลื่อนไปกดบั้นเอวคอดลงในจังหวะเดียวกันกับแอ่นสะโพกสอบขึ้น
ทั้งข่มขู่ บังคับ ขืนใจ เอาเปรียบเธอทุกอย่างแล้วยังทำหน้าตาอิ่มเอมเปรมสุข ไอ้มาเฟียชั่ว!
ถึงแม้ว่าจะทำได้แค่เพียงคิดในใจแต่แววตาและสีหน้าที่มองเขานั้นยังถือดีไม่มีวันสิ้นสุด “แปลว่ายังมีแรงเหลือ งั้น...”
“แพร แพรวา” กระแทกเสียงตอบอย่างเสียมิได้ หลายชั่วโมงที่ผ่านมาบอกให้เธอได้รู้แล้วว่าไม่ควรจะถือดีกับเขาให้มาก หากไม่อยากให้เรื่องราวเช่นเมื่อครู่เกิดขึ้นซ้ำสอง “ปล่อยฉันไปสิ คุณได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว”
แม้คำพูดและแววตาจะเข้มแข็งสักเพียงใด แต่น้ำเสียงที่พูดออกไปนั้นสั่นเครือเกินกว่าจะควบคุม รู้สึกได้ว่าหัวตาร้อนผ่าว น้ำใสๆเอ่อล้นเต็มสองตา
ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่กำลังควบคุมความรู้สึกตัวเองอย่างหนัก มาเฟียหนุ่มผู้ไม่เคยตกหลุมพรางท่าทางเศร้าสร้อยของผู้หญิงก็ไม่อาจทนเห็นน้ำตาของเธออีกเป็นครั้งที่สอง เขาพลิกตัวนอนตะแคง สอดฝ่ามือเข้าไปเคล้นคลึงจุดศูนย์รวมความรู้สึกกลางกายสาว ก่อนจะล่าถอยออกมาจนสุด
“ไอ้...”
“เงียบ” ดุดันและวางอำนาจ ในขณะที่ดึงเธอเข้าไปตะกองกอดอยู่แนบอก วินาทีนี้ต่างหากที่ทำให้เขารู้ซึ้งว่านรกในใจนั้นมันทรมานเช่นไร
น้ำตาร้อนๆเปรอะเปื้อนอยู่กลางแผงอก เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพราะถูกรัดล้อมเอาไว้ทั้งตัว อ้อมแขนและท่อนขาแข็งแรงกกกอดเธอไว้อย่างแนบสนิทไม่ต่างจากหมอนข้าง
“ถ้าได้ยินเสียงและขยับตัวอีกนิดเดียวล่ะก็ อย่าหาว่าใจร้าย” เรื่องบังคับข่มขู่ อาเชอร์ถนัดนักล่ะ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อยากสบสายตาฝ่ายตรงกันข้าม รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้และน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายกำลังประณามเขาว่าเป็นไอ้มาเฟียชั่ว เอารัดเอาเปรียบคนที่มีกำลังด้อยกว่า
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือร้องไห้เงียบๆอยู่กับแผงอกกว้างของคนที่มอบความอัปยศให้เธอ มีประโยชน์อะไรที่จะช่วงชิงเอาความภูมิใจของเธอไปแล้วขู่บังคับให้อยู่ในอ้อมกอดเช่นนี้ ยิ่งดิ้นอ้อมแขนยิ่งรัดแน่นขึ้น ยิ่งร้องไห้เขายิ่งทำเสียงในลำคออย่างรำคาญใจ
หากไม่ปรามเธอให้อยู่ในความสงบ เขาต้องพ่ายแพ้ใจอ่อนลุกขึ้นมาปลอบโยนเธอเป็นแน่ “บอกว่าให้เงียบ หรือจะลองดี...”
“ก็คนหายใจไม่ออกจะให้อยู่นิ่งได้ยังไง” โต้กลับด้วยน้ำเสียงอู้อี้ที่บ่งบอกว่าเธอกำลังร้องไห้ หากเขาไม่คลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยแพรวาคงต้องขาดใจตายด้วยความอึดอัด
เมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่... แน่นอนว่าเธอร้องไห้จนหลับและเขาก็คลายอ้อมแขนออกให้เธอได้พักผ่อนด้วยท่าทางที่สบายกว่าเดิม จนสามารถนอนตะแคงเพ่งพิศใบหน้างดงาม ซึ่งปลายจมูกยังเป็นสีระเรื่อเช่นคนที่ผ่านการร้องไห้มาไม่นาน
อาเชอร์ผ่อนลมหายใจหนักๆออกมา เบือนหน้าหนีจากคนที่ทำให้เกิดความสงสารขึ้นมาจับหัวใจ แม้จะมีความสุขจนเหลือล้น ความใจนักหนาที่ได้เป็นชายคนแรกของเธอ แต่การได้เธอมาครองนั้นไม่ได้ทำให้เขาหมดความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเกือบสองเดือน
ทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อเธอนั้นจะเลิศเลอ แสนวิเศษ แต่นั่นตรงข้ามกับความรู้สึกของเธอนักแล้วเขาจะต้องทำเช่นไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง
...เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วใช้วิธีที่ถนัด จองจำให้เธออยู่ข้างกายอย่างนั้นหรือ?
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

.
.
.
.
(อ่านมาหลายตอนแล้ว คำผิดเยอะไปหน่อยนะคะ )
ส่วนเรื่องคำผิดต้องขออภัยนะคะ
พอดีไฟล์นี้เป็นไฟล์ดิบที่ยังไม่ส่งอีดิตตฉบ.ค่า เดี๋ยวตอนต่อไปจะรีบปรับปรุงนะคะ ขอโทษอีกครั้งค่า