คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 แหวนวงที่สอง
ตอนที่ 3 แหวนวงที่สอง
ประตูห้องนอนสีขาวห้องหนึ่งถูกเปิดออก ร่างของตะวันค่อยๆ ก้าวออกมาจากนอนอย่าช้าๆ พร้อมๆ กับสังเกตุความเคลื่อนไหวภายนอกห้องของเธอไปด้วย หลังจากพยายามจะหนีไปจากห้องของตุลาการแต่ไม่สำเร็จ ตะวันเลยได้แต่วิ่งหนีคนบ้าอย่างตุลาการเข้ามาแอบอยู่ในห้อง แล้วตะวันก็โชคดีมากที่ห้องที่เธอวิ่งเข้ามานั้น เต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัวของเธอเองที่ตะวันจำได้แม่นว่า ของพวกนี้มันเป็นของที่อยู่ที่หอเก่าของเธอนั้นเอง
‘ถึงขนาดไปขนข้าวของของเรามาจนหมด หมอนี่คงไม่บ้าธรรมดาซะแล้ว’
เพราะความโกธรทำให้ตะวันขังตัวเองอยู่ในห้องและปฏิญาณว่าจะไม่ออกไปเจอหน้าตุลาการเด็ดขาด แต่เมื่อเวลาผ่านเสียงท้องร้องที่มันคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ตะวันยอมแพ้ ต้องเดินออกมาหาอะไรกินในที่สุด
ภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่เฟอร์นิเจอร์สีขาวที่ตกแต่งภายในทำให้ตะวันนึกเคืองกับทุกสิ่ง ‘ทั้งๆ ที่นิสัยตรงกันข้ามกับสีนี้แท้ๆ แต่ดันแต่งห้องด้วยสีขาว เชอะ!’ หลังจากที่ตะวันแน่ใจแล้วว่าภายในห้องไม่มีคนอยู่ เธอจึงเดินผ่านห้องรับรองไปยังครัวเล็กๆ ที่อยู่อีกด้าน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกอย่างล้วนมีแต่สีขาว ยิ่งตะวันเห็นแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะอาเจียน ‘ตัวเองเป็นมารร้ายชัดๆ อย่างนายมันต้องสีดำ!’
ตะวันเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่อยู่หลังเคาเตอร์บาร์ก่อนจะหยิบแอลเปิ้ลสีแดงออกมาจากตู้สองลูก ‘กินไอ้นี้ก็ได้’
หลังจากกินแอลเปิ้ลไปได้สองลูกความหิวที่กวนใจตะวันอยู่ก็หายไปสิ้น ตะวันเดินออกมาจากครัวและเริ่มสำรวจของทุกอย่างภายในห้องทันที
‘สีขาว! อะไรๆ ก็สีขาว’
เฟอร์นิเจอร์หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาว ห้องก็ขาว แม้แต่แกรนด์เปีนโนที่วางอยู่ตรงริมสุดของห้องก็สีขาว
กิ๊งก่อง! กิ๊งก่อง!
อยู่ๆ เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็เกิดดังขึ้นตะวันถึงกับสะดุ้งสุดตัวเพราะว่ามั่วแต่สำรวจห้องเพลินเลยตกใจ ตะวันมองไปที่ประตูห้องอย่างลังเลเธอไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร และที่สำคัญ’ที่นี้ไม่ใช่ห้องฉันซะหน่อย!’
ปังๆๆๆ กิ๊งก่อง!ๆๆๆ ปังๆๆๆ
ทั้งเสียงกริ่งที่ระดมกดและเสียงทุบประตูที่ดังต่อเนืองมาหลายนาทีทำให้ตะวันเริ่มจะทนไม่ไหว ในที่สุดตะวันก็ยอมลุกจากโซฟาสีขาวที่เธอนั่งอยู่มายืนหน้าหงิกอยู่ที่ประตูที่ส่งเสียดังแทน
“ ช่วยไม่ได้! นายอยากไม่อยู่แล้วฉันก็รำคาญจะแย่อยู่แล้ว “ ตะวันตัดสินใจกระชากประตูเปิดออก และทันทีที่ประตูเปิดหญิงสาวรูปร่างน่าตาสะสวยคนหนึ่งก็เบียดตัวผ่านตะวันเข้ามาในห้องทันที
“ การ! ตุลาการคุณอยู่ไหนน่ะ “ หญิงสาวผู้เข้ามาใหม่เดินสำรวจในห้องพร้อมๆ กับเรียกชื่อเจ้าของห้อง โดยไม่สนใจตะวันที่ยังยืนชะงักค้างอยู่ที่ประตูแม้แต่นิด
“ นี่คุณ! หมอนั่นไม่อยู่หรอก “ ตะวันที่เริ่มหมดความอดทนกับการเดินไปเดินมาของหญิงสาวแปลกหน้าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ เอ๋? เธอเป็นแม่บ้านคนใหม่เหรอ ตุลาการอยู่ไหน? “ ผู้มาใหม่หันกลับมาเพราะเสียงทักของตะวัน และเมื่อเธอเห็นตะวันเข้าเธอก็ถามถึงคนที่เธอหาตัวอยู่ทันที
“ นี่คุณ! อ่ะ! “ ตะวันที่อยู่ๆ ก็โดนหาว่าเป็นแม่บ้านจ้องหน้าของผู้มาใหม่อย่างหงุดหงิด แต่แล้วเมื่อตะวันมองหน้าของหญิงสาวคนนี้อย่างละเอียดตะวันก็พบว่าเธอคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เอามากๆ
‘อ่า...นี่มันเมวดี นางแบบสุดฮอตที่ดังระเบิดอยู่ตอนนี้นี่!’
การที่อยู่ๆ นางแบบชื่อดังก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทำให้ตะวันช็อคค้างมองหน้าเมวดีอย่างตกตะลึง
“ เอ๋? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง “ เมวดีที่มั่นใจในตัวเองมากๆ รู้สึกเสียความมั่นใจไปเลย เมื่อโดนผู้หญิงหน้าตาน่ารักอย่างตะวันจ้องเขม็ง
“ อุ้ย! ขอโทษค่ะ คุณสวยมากฉันเลยลืมตัว “ ตะวันหน้าแดงก่อนจะรีบแก้ตัวที่เผลอไปจ้องหน้าของเมวดีแบบไร้มารยาท
“ อืม...ไม่เป็นไร “ เมวดีมองตะวันอย่างงงๆ ก่อนจะหมุนตัวไปมามองหาคนที่เธอต้องการพบตัวอีกครั้ง
“ เขาไม่อยู่หรอกค่ะ “ ‘ถ้าอีตานั่นอยู่ฉันไม่ออกจากห้องมาหรอก ชิ! ’ตะวันต่อประโยคสุดท้ายในใจก่อนจะมองเมวดีที่ตอนนี้เริ่มหันมาสำรวจตะวันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
“ เธอ...เป็นแม่บ้านเหรอ? แม่บ้านสมัยนี้หน้าตาน่ารักจัง “ เมวดีที่มององค์ประกอบทุกอย่างบนร่างกายตะวันเสร็จแล้ว ก็มาหยุดมองหน้าของตะวันอย่างสงสัย
“ อ่า...ค่ะ แม่บ้านค่ะ “ ทั้งๆ ที่ตะวันไม่อยากยอมรับแต่ทว่าเธอก็หาข้อแก้ตัวที่อยู่ๆ ก็มาโผล่ในห้องผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ แถมเธอยังไม่รู้ด้วยว่าเมวดีนางแบบสุดสวยคนนี้เป็นอะไรกับอีตาจอมเผด็จการคนนั่น
แกร๊ก!
เสียงประตูที่เปิดออกทำให้หญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนมองหน้ากันอยู่หันไปมองที่ประตูทันที
“ ตุลาการ! คุณกลับมาแล้ว “ เมวดีที่เห็นตุลาการเปิดประตูเข้ามาร้องทักขึ้นอย่างดีใจ ผิดกับสีหน้าของตะวันที่มองไปที่ชายหนุ่มอย่างรังเกียจ’ ชิ! หมอนี่มันปีศาจในร่างเทพบุตรชัดๆ’
“ คุณมาทำอะไรที่นี้? “ น้ำเสียงของตุลาการแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้เท้าของเมวดีที่กำลังจะก้าวไปหาเขาหยุดชะงัก
“ มาหาแฟนตัวเองมันผิดด้วยเหรอค่ะ “ เมวดีต่อว่าอย่างน้อยใจในขณะที่เดินเข้าไปกอดแขนของตุลาการแน่น ตะวันยืนมองภาพทุกอย่างด้วยอาการพะอืดพะอมแบบสุดๆ ‘ฉากเลิฟซีนแบบในหนังคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ว่าแต่ว่า...แล้วฉันมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย???’
“ นี่! ยืนดูอะไรอยู่น่ะ เจ้าของห้องกลับมาแล้ว เอาไว้ค่อยมาทำความสะอาดทีหลังนะ “ เมวดีที่หันมาเจอตะวันยืนทำหน้าบู้ๆ อยู่ก็ออกปากไล่ ตะวันเลยได้แต่ยืนอ้าปากค้างเพราะว่าตอนนี้สถานะคนอาศัยของเธอกลายเป็นแม่บ้านเต็มขั้นไปซะแล้ว
“ เขาบอกคุณเหรอว่าเป็นแม่บ้านน่ะ “ ตุลาการมองหน้าเมวดีก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองตะวันที่ยืนทื่ออยู่กลางห้อง
“ อืม...เขาบอกว่าเขาเป็นแม่บ้านค่ะ “ เมวดีพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะมองมาที่ตะวันที่ยืนทำหน้าหงิก
“ งั้นไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ทำความสะอาดต่อเลยก็แล้วกันนะ “ ตุลาการปลดมือของเมวดีที่เกาะแขนของเขาอยู่ออก ก่อนจะเดิมมาหาตะวันแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆ
“ ในเมื่อให้เป็นคู่หมั้นดีๆ ไม่ชอบ งั้นก็เป็นแม่บ้านไปแล้วกันนะ ว่านอนสอนง่ายหน่อยล่ะเพราะว่าชะตาชีวิตของคนในหมู่บ้านเธออยู่ในมือฉัน “ หลังจากก้มลงไปกระซิบขู่ตะวันเสร็จ ตุลาการก็แกล้งๆ พูดเสียงดังอย่างวางอำนาจ
“ เอาล่ะคุณแม่บ้าน จัดการห้องให้สะอาดทีนะ “ ตุลาการหัวเราะร่าอย่างมีความสุขในขณะที่ผู้หญิงสองคนในห้องมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่าง
‘วันนี้คงมีเรื่องอะไรดีๆ แน่เลย ปกติตุลาการไม่ค่อยหัวเราะนี่นา งั้นวันนี้ก็เป็นวันทำคะแนนของเรา!’ เมวดีคิดอย่างมีความสุข ในขณะที่ตะวันเริ่มทำหน้าบูดอย่างไม่พอใจ
‘โอ้ยตาย! สุดท้ายฉันต้องกลายมาเป็นแม่บ้านของอีตานี่เรอะเนี่ย’
หลังจากทำท่าปัดถูๆ ไปได้สักพัก ตะวันก็อาศัยจังหวะหลบสองคนที่กำลังจู๋จี้กันกลับเข้ามาในห้องได้สำเร็จ หลังจากอาบน้ำจากห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องนอนเรียร้อย ตะวันก็สวมชุดนอนของตัวเองก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงสีขาวที่อยู่กลางห้อง ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ตะวันก็คงหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ไม่ได้ ตะวันจำใจต้องอยู่ที่นี้ไปก่อนในคืนนี้
‘มันต้องมีทางออกซิ!’ ตะวันนอนมองเพดานสีขาวของห้องและคิดหาทางออกให้ตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเปลือกตาของตะวันปิดสนิทไปแล้วแต่เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออก
นาฬิกาปลุกที่ตะวันตั้งเอาไว้ปลุกให้ตะวันตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพราะวันนี้ตะวันต้องไปมหาลัยแล้วและเพราะไม่อยากเจอหน้าใครบางคนตะวันจึงเลือกที่จะตื่นแต่เช้าเพื่อจะหนีเขา หลังจากแต่งตัวเสร็จตะวันก็สูดหายใจเข้าปอดแล้วเปิดประตูผัวะออกไปทันที
แสงไฟจากนอกห้องสว่างอยู่ในขณะที่ตะวันเปิดประตูออกมา และทันทีที่ตะวันก้าวเท้าออกมาจากห้องร่างของชายหนุ่มที่ตะวันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ก็ยืนเด่นอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“ มีเรียนเช้าขนาดนี้เลยเหรอ “ ตุลาการมองตะวันที่ใส่ชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องอย่างสนใจ ชายหนุ่มยิ้มให้ในขณะที่ตะวันยืมมองหน้าเขาแบบอึ้งๆ
“ ใช่! เขาก็เรียนกันแต่เช้าแบบนี้แหละ “ ตะวันตอบกลับพร้อมๆ กับทำเป็นไม่สนใจและเดินผ่านตุลาการไปเฉยๆ
“ อืม...ฉันจบจากเมืองนอก เลยไม่รู้ว่าที่นี่เขาเริ่มเรียนกันตั้งแต่ตีสี่ “ ตุลาการพูดยิ้มๆ ในขณะที่ตะวันอายจนหน้าแดงเถือก’ขายหน้าชะมัด!’ ตะวันก้าวฉับๆ ไปที่ตู้ใส่รองเท้าและเธอก็ได้เห็นกล่องกระดาษสีขาวใบเล็กวางอยู่บนนั้น
“ กุญแจห้อง อย่าทำหายซะละ “ ตุลาการยิ้มให้ตะวันในขณะที่เธอเปิดกล่องกระดาษสีขาวออกดู กุญแจห้องหนึ่งดอกวางอยู่ในกล่องตามที่ตุลาการบอก ตะวันยื่นมือไปหยิบกุญแจห้องมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ
“ ฉันจะย้ายออก! “ ตะวันหันกลับมาพูดกลับตุลาการอีกครั้งก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป
ตุลาการมองตามแผ่นหลังของร่างเล็กไปจนกระทั้งประตูปิดสนิท ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจกับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมของตัวเอง
เดิมทีมหาลัยกับหอที่ตะวันเช่าอยู่ก็ไม่ไกลกันมาก แล้วยิ่งตะวันย้ายมาอยู่คอนโดของตุลาการระยะทางจากคอนโดถึงมหาลัยยิ่งใกล้เข้าไปอีก ตะวันที่ออกจากคอนโดมาตั้งแต่ตีสี่ กำลังนั่งเซ็งอยู่บนม้านั่งในมหาลัยเพราะว่าตอนนี้ ในมหาลัยของเธอแทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ
โทรศัพท์มือถือของตะวันถูกหมุนไปมาบนมือเล็กๆ ของหญิงสาว โทรศัพท์เครื่องนี้ถูกปิดเครื่องเอาไว้ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ตะวันมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกดเปิดเครื่องขึ้น
“ อืม...ข้อความเพียบเลยแหะ “ หลังจากเปิดเครื่องแมสเสจจำนวนมากก็วิ่งเข้าเครื่องจนตะวันต้องปล่อยให้แมสเสจทั้งหลายวิ่งเข้ามาให้หมดซะก่อน
ตู้ดดดดด!!!! ตู้ดดดดดด!!!
ยังไม่ทันที่แมสเสจจะวิ่งเข้าเครื่องจนหมดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของตะวันก็ดังขึ้น ตะวันตกใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังได้ เพราะตอนนี้เวลานี้มันเพิ่งจะตีห้าเอง
ตะวันมองหมายเลขและชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หมายเลขเรียกเข้าเบอร์นี้ทำให้ตะวันรู้สึกผิดมากมาย
“ ดีค่ะ...” ในที่สุดตะวันก็กดรับสาย
( ตื่นเช้าดีนะ ) เสียงปลายสายตอบกับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับตะวันที่ได้ยินเสียงแบบนี้ของเขาแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ ที่ปิดเครื่อง.... “
(อยู่ที่ไหนล่ะ ผมไปหาได้มั้ย? ) เสียงปลายสายดังแทรกขึ้นก่อนที่ตะวันจะพูดจบ
“ คือ...นี่มันเพิ่งจะตีห้าเองนะ “ ตะวันตอบกลับเสียงอ่อยๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว ‘มีแต่เราที่บ้าออกมามหาลัยตอนตอนตีสี่ เฮ้อ!’
(แค่ตอบมาว่าอยากเจอผม ไม่ว่ากี่โมงผมก็จะไปหานะ ) ปลายสายที่ตอบกลับเล่นเอาตะวันถึงกับกำโทรศัพท์ในมือแน่น พร้อมๆ กับความรู้สึกผิดที่จู่โจมกระหนำ...ผู้ชายคนนี้ดีกับเธอเสมอ
“ อยู่มหาลัยค่ะ คือแบบว่า...คือ... “ ตะวันตั้งใจจะอธิบายว่าทำไมเธอถึงต้องมามหาลัยแต่เช้าตรู่ แต่ตะวันก็ยังหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้เลยได้แต่พูดอึกๆ อักๆ
(รอก่อนนะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ) ปลายสายตอบกลับมาก่อนที่สายโทรศัพท์จะถูกตัดไป
หลังจากที่วางสายไปตะวันก็นั่งอ่านแมสเสจที่เข้ามาในเครื่องทีละข้อความไปเรื่อยๆ ครึ่งหนึ่งของข้อความที่ส่งมาเป็นของเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้อง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นข้อความของคนที่กำลังเดินทางมาหาเธอในตอนนี้ ทุกข้อความของ’เขา’ ล้วนเป็นรูปภาพน่ารักๆ เป็นช่อดอกไม้ ให้กำลังใจ และแสดงถึงความเป็นห่วง
‘คิดถึงมากนะ’ ตะวันอ่านข้อความสุดท้ายในเครื่องก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ที่หน้าประตูทางเข้ามหาลัยรถบีเอ็มสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาด้านในลานจอดรถ ประตูรถถูกเปิดออกในขณะที่รถจอดสนิท ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงมา ในมือของเขาถือกล่องกำมะหยีสีแดงเล็กๆ เอาไว้และเขาก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่คิดจะทำ
ในที่สุดชายหนุ่มก็เดิมไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งดูโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ ชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เขารักนั้นมีความสุขดี
เวฟ หรือ กัปตัน วิริยะสกุล จ้องมองตะวันผู้หญิงที่เขารักด้วยสายตาอ่อนโยน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ตะวันกลับไปที่บ้านของเธอ เขาก็ขาดการติดต่อกับเธอไปซะเฉยๆ เขาเป็นห่วงว่าเธอจะเกิดเรื่องแต่เขาก็ติดต่อเธอไม่ได้ แม้จะถามข่าวจากเพื่อนๆ ของตะวัน แต่เขาก็ไม่ได้คำตอบจากใครสักคน
กล่องกำมะหยีสีแดงในมือของเวฟถูกกำเอาไว้แน่น ชายหนุ่มตั้งใจที่จะพูดเรื่องนี้กับตะวันหลายครั้งแต่ไม่กล้า ตอนนี้เขาและตะวันต่างเรียนอยู่ปีสี่ซึ่งเป็นปีสุดท้ายแล้วในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ อีกไม่นานทั้งเขาและตะวันคงต้องห่างกันไปเพราะหน้าที่และภาระของแต่ละคน หลังจากที่เขาได้รู้ว่าการที่ตะวันหายไปจากเขาแล้วเขาทรมานมากแค่ไหน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะพูดกับตะวันวันนี้ เขาอยากให้เธออยู่กับเขาตลอดไป
“ เวฟ! “ ตะวันที่นั่งยิ้มอยู่กับโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มเพราะรู้สึกว่ากำลังมีสายตาของใครบางคนจ้องอยู่ ตะวันยิ้มออกมาเมื่อคนที่เธอรอมาถึงแล้ว
“ คิดถึงจัง หายไปแบบนี้ไม่ดีนะ “ เวฟนั่งลงตรงข้ามกับตะวันพร้อมกับจับมือของหญิงสาวมาตีเบาๆ เป็นการลงโทษ
“ โกธรมั้ย? “ ตะวันถามขึ้นเบาๆ พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด
“ จะว่าไม่โกธรเลยคงไม่ได้ แต่ว่าผมคิดถึงคุณมากกว่า ตะวันอย่าหายไปอีกนะครับ “ เวฟพูดด้วยสีหน้าจริงจังและมันก็ทำให้ตะวันหน้าแดงเขินไปกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด
“ ตะวันจะไม่....”
ตู้ดดดดด ตู้ดดดดด!!!
อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของตะวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะมองหน้าเวฟอย่างขอโทษ
“ รับเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก “ เวฟพูดยิ้มๆ ในขณะที่ตะวันพยักหน้ารับและมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างข้องใจ ‘นี่เบอร์ของใครกันเนี่ย?’
“ สวัสดีค่ะ...” ตะวันกดรับเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ที่โทรเข้ามาด้วยใบหน้างงๆ
(เป็นไง...ตอนนี้เรียนอะไรอยู่ล่ะ ) น้ำเสียงติดจะขำๆ ของชายหนุ่มดังมาจากทางปลายสาย ตะวันหน้ามุ่ยลงเพราะคิดว่าคนๆ นี้คงโทรผิด หรือไม่ก็เป็นพวกโรคจิตแหงๆ
“ คุณโทรผิดรึเปล่า ตีห้านะคะใครที่ไหนเขาจะมีเรียนกัน! “ ตะวันตอกกลับไปอย่างหงุดหงิด
( เมื่อเช้ามีคนบอกผมว่า...เขาก็เรียนกันแต่เช้าแบบนี้แหละ ) เสียงของชายหนุ่มที่พยายามกลั้นหัวเราะตอบกลับมาทำให้ตะวันได้แต่นิ่งอึ้งไป
“ คุณเป็นใครน่ะ? “ ตะวันถามกลับไปทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองก็รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว
(ผมเป็นใครดีล่ะ อืม...ผมก็คู่หมั้นและก็อนาคตสามีของคุณไง ) เสียงตอบกลับมาของตุลาการทำให้ตะวันลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะทันที ตะวันกดวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่กับเธอ
“ เป็นอะไรรึเปล่าตะวัน สีหน้าไม่ดีเลย “ เวฟถามขึ้นในขณะที่ลุกขึ้นเดินมาหาตะวันที่ยืนกำโทรศัพท์แน่นจนมือสั่น
“ ไม่เป็นไรค่ะ พวกโรคจิตโทรมา...ตะวันแค่รู้สึกไม่ดี “ ตะวันตอบเวฟพร้อมๆ กับก้มหน้าหลบสายตาของเขา ‘อยู่ๆ หมอนั่นก็โทรมา นี่เขาคิดอะไรของเขานะ’ ตะวันคิดอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงโทรศัพท์ของตุลาการที่เธอเพิ่งกดตัดสายทิ้งไปเมื่อกี้
ติ๊ด ติ๊ด!
เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้งตะวันก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง และก็พบว่าข้อความถูกส่งมาจากหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งจะตัดสายทิ้งไป
‘ฉันเป็นพระเจ้า...อย่าลืมข้อนี้ซะละ’
ตะวันอ่านข้อความก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่เวฟอย่างตกใจ
“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรบอกผมได้นะ “ เวฟดึงตัวของตะวันเข้าไปกอดเบาๆ เพื่อปลอบใจเพราะสีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนัก
“ ตะวัน...ตะวันแค่ไม่รู้จะทำยังไงดี “ ตะวันตอบออกไปเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นไปกอดแขนของเวฟที่ประคองตัวเธออยู่
“ ผมอยากเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ ตะวันนะ ในวันที่ตะวันทุกข์ใจหรือมีเรื่องไม่สบายใจ ผมอยากให้ตะวันนึกถึงผมเป็นคนแรก “ เวฟพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาดันตัวของตะวันออกห่างก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยีสีแดงที่เขาถือมาด้วยเปิดออกให้ตะวันได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
“ เวฟ! “ ตะวันร้องเรียกชื่อของชายหนุ่มอย่างตะลึง เมื่อตะวันมองเห็นประกายระยิบระยับของสิ่งที่อยู่ในกล่องกำมะหยี
“ อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะเรียนจบ ผมไม่อยากห่างจากตะวันอีก ผมเลยคิดว่าแบบนี้คงดีกว่า ตะวัน..คุณมาอยู่กับผมนะ “ คำพูดของชายหนุ่มทำให้ตะวันถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก หยาดน้ำอุ่นๆ ไหลรื้ออยู่ที่ริมขอบตาปริบๆ ว่าจะไหล ความตื้นตันใจไหลเข้ามาจนเต็มล้นหัวใจดวงเล็กๆ ของตะวัน
“ ตอนนี้ผมจองคุณแล้วนะ หลังจากพวกเราเรียนจบ แต่งงานกันนะครับตะวัน “ แหวนประดับเพชรที่ส่องประกายถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของตะวัน หญิงสาวยิ้มรับอย่างปลื้มใจถึงแม้อะไรบางอย่างในหัวของเธอจะบอกว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ก่อนที่ตะวันจะเข้าความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองตะวันก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ซะก่อน
ภาพการสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตะวันในครั้งแรกกลับมา หญิงสาวมองมือตัวเองที่สวมแหวนหมั้นของเวฟก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของแหวนด้วยสายตาตื่นตระหนก
เธอหมั้นกับตุลาการไปแล้ว!
ความคิดเห็น