ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตุลาการหัวใจ /สำนักพิมพ์กรีนมายด์

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 แหวนวงที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 53


    ตอนที่ 3 แหวนวงที่สอง

     

              ประตูห้องนอนสีขาวห้องหนึ่งถูกเปิดออก ร่างของตะวันค่อยๆ ก้าวออกมาจากนอนอย่าช้าๆ พร้อมๆ กับสังเกตุความเคลื่อนไหวภายนอกห้องของเธอไปด้วย  หลังจากพยายามจะหนีไปจากห้องของตุลาการแต่ไม่สำเร็จ ตะวันเลยได้แต่วิ่งหนีคนบ้าอย่างตุลาการเข้ามาแอบอยู่ในห้อง แล้วตะวันก็โชคดีมากที่ห้องที่เธอวิ่งเข้ามานั้น เต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัวของเธอเองที่ตะวันจำได้แม่นว่า ของพวกนี้มันเป็นของที่อยู่ที่หอเก่าของเธอนั้นเอง

    ถึงขนาดไปขนข้าวของของเรามาจนหมด หมอนี่คงไม่บ้าธรรมดาซะแล้ว

    เพราะความโกธรทำให้ตะวันขังตัวเองอยู่ในห้องและปฏิญาณว่าจะไม่ออกไปเจอหน้าตุลาการเด็ดขาด แต่เมื่อเวลาผ่านเสียงท้องร้องที่มันคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ตะวันยอมแพ้ ต้องเดินออกมาหาอะไรกินในที่สุด

    ภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่เฟอร์นิเจอร์สีขาวที่ตกแต่งภายในทำให้ตะวันนึกเคืองกับทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่นิสัยตรงกันข้ามกับสีนี้แท้ๆ แต่ดันแต่งห้องด้วยสีขาว เชอะ!’ หลังจากที่ตะวันแน่ใจแล้วว่าภายในห้องไม่มีคนอยู่ เธอจึงเดินผ่านห้องรับรองไปยังครัวเล็กๆ ที่อยู่อีกด้าน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกอย่างล้วนมีแต่สีขาว ยิ่งตะวันเห็นแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะอาเจียน ตัวเองเป็นมารร้ายชัดๆ อย่างนายมันต้องสีดำ!’

    ตะวันเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่อยู่หลังเคาเตอร์บาร์ก่อนจะหยิบแอลเปิ้ลสีแดงออกมาจากตู้สองลูก กินไอ้นี้ก็ได้

    หลังจากกินแอลเปิ้ลไปได้สองลูกความหิวที่กวนใจตะวันอยู่ก็หายไปสิ้น ตะวันเดินออกมาจากครัวและเริ่มสำรวจของทุกอย่างภายในห้องทันที

    สีขาว! อะไรๆ ก็สีขาว

    เฟอร์นิเจอร์หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาว ห้องก็ขาว แม้แต่แกรนด์เปีนโนที่วางอยู่ตรงริมสุดของห้องก็สีขาว

    กิ๊งก่อง! กิ๊งก่อง!

    อยู่ๆ เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็เกิดดังขึ้นตะวันถึงกับสะดุ้งสุดตัวเพราะว่ามั่วแต่สำรวจห้องเพลินเลยตกใจ ตะวันมองไปที่ประตูห้องอย่างลังเลเธอไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร และที่สำคัญที่นี้ไม่ใช่ห้องฉันซะหน่อย!’ 

    ปังๆๆๆ  กิ๊งก่อง!ๆๆๆ  ปังๆๆๆ

    ทั้งเสียงกริ่งที่ระดมกดและเสียงทุบประตูที่ดังต่อเนืองมาหลายนาทีทำให้ตะวันเริ่มจะทนไม่ไหว ในที่สุดตะวันก็ยอมลุกจากโซฟาสีขาวที่เธอนั่งอยู่มายืนหน้าหงิกอยู่ที่ประตูที่ส่งเสียดังแทน

    ช่วยไม่ได้! นายอยากไม่อยู่แล้วฉันก็รำคาญจะแย่อยู่แล้ว ตะวันตัดสินใจกระชากประตูเปิดออก และทันทีที่ประตูเปิดหญิงสาวรูปร่างน่าตาสะสวยคนหนึ่งก็เบียดตัวผ่านตะวันเข้ามาในห้องทันที

    การ! ตุลาการคุณอยู่ไหนน่ะ หญิงสาวผู้เข้ามาใหม่เดินสำรวจในห้องพร้อมๆ กับเรียกชื่อเจ้าของห้อง โดยไม่สนใจตะวันที่ยังยืนชะงักค้างอยู่ที่ประตูแม้แต่นิด

    นี่คุณ! หมอนั่นไม่อยู่หรอก ตะวันที่เริ่มหมดความอดทนกับการเดินไปเดินมาของหญิงสาวแปลกหน้าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

    เอ๋? เธอเป็นแม่บ้านคนใหม่เหรอ ตุลาการอยู่ไหน? ผู้มาใหม่หันกลับมาเพราะเสียงทักของตะวัน และเมื่อเธอเห็นตะวันเข้าเธอก็ถามถึงคนที่เธอหาตัวอยู่ทันที

    นี่คุณ! อ่ะ! “ ตะวันที่อยู่ๆ ก็โดนหาว่าเป็นแม่บ้านจ้องหน้าของผู้มาใหม่อย่างหงุดหงิด แต่แล้วเมื่อตะวันมองหน้าของหญิงสาวคนนี้อย่างละเอียดตะวันก็พบว่าเธอคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เอามากๆ

    อ่า...นี่มันเมวดี นางแบบสุดฮอตที่ดังระเบิดอยู่ตอนนี้นี่!’

    การที่อยู่ๆ นางแบบชื่อดังก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทำให้ตะวันช็อคค้างมองหน้าเมวดีอย่างตกตะลึง

    เอ๋? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง เมวดีที่มั่นใจในตัวเองมากๆ รู้สึกเสียความมั่นใจไปเลย เมื่อโดนผู้หญิงหน้าตาน่ารักอย่างตะวันจ้องเขม็ง

    อุ้ย! ขอโทษค่ะ คุณสวยมากฉันเลยลืมตัว ตะวันหน้าแดงก่อนจะรีบแก้ตัวที่เผลอไปจ้องหน้าของเมวดีแบบไร้มารยาท

    อืม...ไม่เป็นไร เมวดีมองตะวันอย่างงงๆ ก่อนจะหมุนตัวไปมามองหาคนที่เธอต้องการพบตัวอีกครั้ง

    เขาไม่อยู่หรอกค่ะ ถ้าอีตานั่นอยู่ฉันไม่ออกจากห้องมาหรอก ชิ! ’ตะวันต่อประโยคสุดท้ายในใจก่อนจะมองเมวดีที่ตอนนี้เริ่มหันมาสำรวจตะวันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง

    เธอ...เป็นแม่บ้านเหรอ? แม่บ้านสมัยนี้หน้าตาน่ารักจัง เมวดีที่มององค์ประกอบทุกอย่างบนร่างกายตะวันเสร็จแล้ว ก็มาหยุดมองหน้าของตะวันอย่างสงสัย

    อ่า...ค่ะ แม่บ้านค่ะ ทั้งๆ ที่ตะวันไม่อยากยอมรับแต่ทว่าเธอก็หาข้อแก้ตัวที่อยู่ๆ ก็มาโผล่ในห้องผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ แถมเธอยังไม่รู้ด้วยว่าเมวดีนางแบบสุดสวยคนนี้เป็นอะไรกับอีตาจอมเผด็จการคนนั่น

    แกร๊ก!

    เสียงประตูที่เปิดออกทำให้หญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนมองหน้ากันอยู่หันไปมองที่ประตูทันที

    ตุลาการ! คุณกลับมาแล้ว เมวดีที่เห็นตุลาการเปิดประตูเข้ามาร้องทักขึ้นอย่างดีใจ ผิดกับสีหน้าของตะวันที่มองไปที่ชายหนุ่มอย่างรังเกียจชิ! หมอนี่มันปีศาจในร่างเทพบุตรชัดๆ

    คุณมาทำอะไรที่นี้? น้ำเสียงของตุลาการแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้เท้าของเมวดีที่กำลังจะก้าวไปหาเขาหยุดชะงัก

    มาหาแฟนตัวเองมันผิดด้วยเหรอค่ะ เมวดีต่อว่าอย่างน้อยใจในขณะที่เดินเข้าไปกอดแขนของตุลาการแน่น ตะวันยืนมองภาพทุกอย่างด้วยอาการพะอืดพะอมแบบสุดๆ ฉากเลิฟซีนแบบในหนังคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ว่าแต่ว่า...แล้วฉันมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย???’

    นี่! ยืนดูอะไรอยู่น่ะ เจ้าของห้องกลับมาแล้ว เอาไว้ค่อยมาทำความสะอาดทีหลังนะ เมวดีที่หันมาเจอตะวันยืนทำหน้าบู้ๆ อยู่ก็ออกปากไล่ ตะวันเลยได้แต่ยืนอ้าปากค้างเพราะว่าตอนนี้สถานะคนอาศัยของเธอกลายเป็นแม่บ้านเต็มขั้นไปซะแล้ว

    เขาบอกคุณเหรอว่าเป็นแม่บ้านน่ะ ตุลาการมองหน้าเมวดีก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองตะวันที่ยืนทื่ออยู่กลางห้อง

    อืม...เขาบอกว่าเขาเป็นแม่บ้านค่ะ เมวดีพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะมองมาที่ตะวันที่ยืนทำหน้าหงิก

    งั้นไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ทำความสะอาดต่อเลยก็แล้วกันนะ ตุลาการปลดมือของเมวดีที่เกาะแขนของเขาอยู่ออก ก่อนจะเดิมมาหาตะวันแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆ

    ในเมื่อให้เป็นคู่หมั้นดีๆ ไม่ชอบ งั้นก็เป็นแม่บ้านไปแล้วกันนะ ว่านอนสอนง่ายหน่อยล่ะเพราะว่าชะตาชีวิตของคนในหมู่บ้านเธออยู่ในมือฉัน หลังจากก้มลงไปกระซิบขู่ตะวันเสร็จ ตุลาการก็แกล้งๆ พูดเสียงดังอย่างวางอำนาจ

    เอาล่ะคุณแม่บ้าน จัดการห้องให้สะอาดทีนะ ตุลาการหัวเราะร่าอย่างมีความสุขในขณะที่ผู้หญิงสองคนในห้องมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่าง

    วันนี้คงมีเรื่องอะไรดีๆ แน่เลย ปกติตุลาการไม่ค่อยหัวเราะนี่นา งั้นวันนี้ก็เป็นวันทำคะแนนของเรา!’ เมวดีคิดอย่างมีความสุข ในขณะที่ตะวันเริ่มทำหน้าบูดอย่างไม่พอใจ

    โอ้ยตาย! สุดท้ายฉันต้องกลายมาเป็นแม่บ้านของอีตานี่เรอะเนี่ย 

    หลังจากทำท่าปัดถูๆ ไปได้สักพัก ตะวันก็อาศัยจังหวะหลบสองคนที่กำลังจู๋จี้กันกลับเข้ามาในห้องได้สำเร็จ  หลังจากอาบน้ำจากห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องนอนเรียร้อย ตะวันก็สวมชุดนอนของตัวเองก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงสีขาวที่อยู่กลางห้อง ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ตะวันก็คงหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ไม่ได้ ตะวันจำใจต้องอยู่ที่นี้ไปก่อนในคืนนี้

    มันต้องมีทางออกซิ!’ ตะวันนอนมองเพดานสีขาวของห้องและคิดหาทางออกให้ตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเปลือกตาของตะวันปิดสนิทไปแล้วแต่เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออก

     

     นาฬิกาปลุกที่ตะวันตั้งเอาไว้ปลุกให้ตะวันตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพราะวันนี้ตะวันต้องไปมหาลัยแล้วและเพราะไม่อยากเจอหน้าใครบางคนตะวันจึงเลือกที่จะตื่นแต่เช้าเพื่อจะหนีเขา  หลังจากแต่งตัวเสร็จตะวันก็สูดหายใจเข้าปอดแล้วเปิดประตูผัวะออกไปทันที

    แสงไฟจากนอกห้องสว่างอยู่ในขณะที่ตะวันเปิดประตูออกมา และทันทีที่ตะวันก้าวเท้าออกมาจากห้องร่างของชายหนุ่มที่ตะวันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ก็ยืนเด่นอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

    มีเรียนเช้าขนาดนี้เลยเหรอ ตุลาการมองตะวันที่ใส่ชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องอย่างสนใจ ชายหนุ่มยิ้มให้ในขณะที่ตะวันยืมมองหน้าเขาแบบอึ้งๆ

    ใช่! เขาก็เรียนกันแต่เช้าแบบนี้แหละ ตะวันตอบกลับพร้อมๆ กับทำเป็นไม่สนใจและเดินผ่านตุลาการไปเฉยๆ

    อืม...ฉันจบจากเมืองนอก เลยไม่รู้ว่าที่นี่เขาเริ่มเรียนกันตั้งแต่ตีสี่ ตุลาการพูดยิ้มๆ ในขณะที่ตะวันอายจนหน้าแดงเถือกขายหน้าชะมัด!’  ตะวันก้าวฉับๆ ไปที่ตู้ใส่รองเท้าและเธอก็ได้เห็นกล่องกระดาษสีขาวใบเล็กวางอยู่บนนั้น

    กุญแจห้อง อย่าทำหายซะละ ตุลาการยิ้มให้ตะวันในขณะที่เธอเปิดกล่องกระดาษสีขาวออกดู กุญแจห้องหนึ่งดอกวางอยู่ในกล่องตามที่ตุลาการบอก ตะวันยื่นมือไปหยิบกุญแจห้องมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ

    ฉันจะย้ายออก! ตะวันหันกลับมาพูดกลับตุลาการอีกครั้งก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป

    ตุลาการมองตามแผ่นหลังของร่างเล็กไปจนกระทั้งประตูปิดสนิท ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจกับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมของตัวเอง

     

    เดิมทีมหาลัยกับหอที่ตะวันเช่าอยู่ก็ไม่ไกลกันมาก แล้วยิ่งตะวันย้ายมาอยู่คอนโดของตุลาการระยะทางจากคอนโดถึงมหาลัยยิ่งใกล้เข้าไปอีก ตะวันที่ออกจากคอนโดมาตั้งแต่ตีสี่ กำลังนั่งเซ็งอยู่บนม้านั่งในมหาลัยเพราะว่าตอนนี้ ในมหาลัยของเธอแทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ

    โทรศัพท์มือถือของตะวันถูกหมุนไปมาบนมือเล็กๆ ของหญิงสาว โทรศัพท์เครื่องนี้ถูกปิดเครื่องเอาไว้ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ตะวันมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกดเปิดเครื่องขึ้น

    อืม...ข้อความเพียบเลยแหะ หลังจากเปิดเครื่องแมสเสจจำนวนมากก็วิ่งเข้าเครื่องจนตะวันต้องปล่อยให้แมสเสจทั้งหลายวิ่งเข้ามาให้หมดซะก่อน

    ตู้ดดดดด!!!!  ตู้ดดดดดด!!!

    ยังไม่ทันที่แมสเสจจะวิ่งเข้าเครื่องจนหมดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของตะวันก็ดังขึ้น ตะวันตกใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังได้ เพราะตอนนี้เวลานี้มันเพิ่งจะตีห้าเอง

    ตะวันมองหมายเลขและชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หมายเลขเรียกเข้าเบอร์นี้ทำให้ตะวันรู้สึกผิดมากมาย

    ดีค่ะ... ในที่สุดตะวันก็กดรับสาย

    ( ตื่นเช้าดีนะ ) เสียงปลายสายตอบกับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับตะวันที่ได้ยินเสียงแบบนี้ของเขาแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด

    ที่ปิดเครื่อง....

    (อยู่ที่ไหนล่ะ ผมไปหาได้มั้ย? ) เสียงปลายสายดังแทรกขึ้นก่อนที่ตะวันจะพูดจบ

    คือ...นี่มันเพิ่งจะตีห้าเองนะ ตะวันตอบกลับเสียงอ่อยๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว มีแต่เราที่บ้าออกมามหาลัยตอนตอนตีสี่ เฮ้อ!’

    (แค่ตอบมาว่าอยากเจอผม ไม่ว่ากี่โมงผมก็จะไปหานะ )  ปลายสายที่ตอบกลับเล่นเอาตะวันถึงกับกำโทรศัพท์ในมือแน่น พร้อมๆ กับความรู้สึกผิดที่จู่โจมกระหนำ...ผู้ชายคนนี้ดีกับเธอเสมอ

    อยู่มหาลัยค่ะ คือแบบว่า...คือ... ตะวันตั้งใจจะอธิบายว่าทำไมเธอถึงต้องมามหาลัยแต่เช้าตรู่ แต่ตะวันก็ยังหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้เลยได้แต่พูดอึกๆ อักๆ

    (รอก่อนนะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ) ปลายสายตอบกลับมาก่อนที่สายโทรศัพท์จะถูกตัดไป

    หลังจากที่วางสายไปตะวันก็นั่งอ่านแมสเสจที่เข้ามาในเครื่องทีละข้อความไปเรื่อยๆ ครึ่งหนึ่งของข้อความที่ส่งมาเป็นของเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้อง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นข้อความของคนที่กำลังเดินทางมาหาเธอในตอนนี้ ทุกข้อความของเขาล้วนเป็นรูปภาพน่ารักๆ เป็นช่อดอกไม้ ให้กำลังใจ และแสดงถึงความเป็นห่วง

    คิดถึงมากนะตะวันอ่านข้อความสุดท้ายในเครื่องก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ

    ที่หน้าประตูทางเข้ามหาลัยรถบีเอ็มสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาด้านในลานจอดรถ ประตูรถถูกเปิดออกในขณะที่รถจอดสนิท ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงมา ในมือของเขาถือกล่องกำมะหยีสีแดงเล็กๆ เอาไว้และเขาก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่คิดจะทำ

    ในที่สุดชายหนุ่มก็เดิมไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งดูโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ ชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เขารักนั้นมีความสุขดี

    เวฟ หรือ กัปตัน วิริยะสกุล จ้องมองตะวันผู้หญิงที่เขารักด้วยสายตาอ่อนโยน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ตะวันกลับไปที่บ้านของเธอ เขาก็ขาดการติดต่อกับเธอไปซะเฉยๆ เขาเป็นห่วงว่าเธอจะเกิดเรื่องแต่เขาก็ติดต่อเธอไม่ได้ แม้จะถามข่าวจากเพื่อนๆ ของตะวัน แต่เขาก็ไม่ได้คำตอบจากใครสักคน

    กล่องกำมะหยีสีแดงในมือของเวฟถูกกำเอาไว้แน่น ชายหนุ่มตั้งใจที่จะพูดเรื่องนี้กับตะวันหลายครั้งแต่ไม่กล้า ตอนนี้เขาและตะวันต่างเรียนอยู่ปีสี่ซึ่งเป็นปีสุดท้ายแล้วในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ อีกไม่นานทั้งเขาและตะวันคงต้องห่างกันไปเพราะหน้าที่และภาระของแต่ละคน หลังจากที่เขาได้รู้ว่าการที่ตะวันหายไปจากเขาแล้วเขาทรมานมากแค่ไหน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะพูดกับตะวันวันนี้ เขาอยากให้เธออยู่กับเขาตลอดไป

    เวฟ! “ ตะวันที่นั่งยิ้มอยู่กับโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มเพราะรู้สึกว่ากำลังมีสายตาของใครบางคนจ้องอยู่ ตะวันยิ้มออกมาเมื่อคนที่เธอรอมาถึงแล้ว

    คิดถึงจัง หายไปแบบนี้ไม่ดีนะ เวฟนั่งลงตรงข้ามกับตะวันพร้อมกับจับมือของหญิงสาวมาตีเบาๆ เป็นการลงโทษ

    โกธรมั้ย? “ ตะวันถามขึ้นเบาๆ พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด

    จะว่าไม่โกธรเลยคงไม่ได้ แต่ว่าผมคิดถึงคุณมากกว่า ตะวันอย่าหายไปอีกนะครับ เวฟพูดด้วยสีหน้าจริงจังและมันก็ทำให้ตะวันหน้าแดงเขินไปกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด

    ตะวันจะไม่....

    ตู้ดดดดด  ตู้ดดดดด!!!

    อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของตะวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะมองหน้าเวฟอย่างขอโทษ

    รับเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก เวฟพูดยิ้มๆ ในขณะที่ตะวันพยักหน้ารับและมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างข้องใจ นี่เบอร์ของใครกันเนี่ย?’

    สวัสดีค่ะ... ตะวันกดรับเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ที่โทรเข้ามาด้วยใบหน้างงๆ

    (เป็นไง...ตอนนี้เรียนอะไรอยู่ล่ะ ) น้ำเสียงติดจะขำๆ ของชายหนุ่มดังมาจากทางปลายสาย ตะวันหน้ามุ่ยลงเพราะคิดว่าคนๆ นี้คงโทรผิด หรือไม่ก็เป็นพวกโรคจิตแหงๆ

    คุณโทรผิดรึเปล่า ตีห้านะคะใครที่ไหนเขาจะมีเรียนกัน! “ ตะวันตอกกลับไปอย่างหงุดหงิด

                ( เมื่อเช้ามีคนบอกผมว่า...เขาก็เรียนกันแต่เช้าแบบนี้แหละ ) เสียงของชายหนุ่มที่พยายามกลั้นหัวเราะตอบกลับมาทำให้ตะวันได้แต่นิ่งอึ้งไป

                คุณเป็นใครน่ะ? “ ตะวันถามกลับไปทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองก็รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว

                (ผมเป็นใครดีล่ะ อืม...ผมก็คู่หมั้นและก็อนาคตสามีของคุณไง ) เสียงตอบกลับมาของตุลาการทำให้ตะวันลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะทันที ตะวันกดวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่กับเธอ

                เป็นอะไรรึเปล่าตะวัน สีหน้าไม่ดีเลย เวฟถามขึ้นในขณะที่ลุกขึ้นเดินมาหาตะวันที่ยืนกำโทรศัพท์แน่นจนมือสั่น

                ไม่เป็นไรค่ะ พวกโรคจิตโทรมา...ตะวันแค่รู้สึกไม่ดี ตะวันตอบเวฟพร้อมๆ กับก้มหน้าหลบสายตาของเขา อยู่ๆ หมอนั่นก็โทรมา นี่เขาคิดอะไรของเขานะ ตะวันคิดอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงโทรศัพท์ของตุลาการที่เธอเพิ่งกดตัดสายทิ้งไปเมื่อกี้

                ติ๊ด ติ๊ด!

                เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้งตะวันก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง และก็พบว่าข้อความถูกส่งมาจากหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งจะตัดสายทิ้งไป

              ฉันเป็นพระเจ้า...อย่าลืมข้อนี้ซะละ

                ตะวันอ่านข้อความก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่เวฟอย่างตกใจ

                ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรบอกผมได้นะ เวฟดึงตัวของตะวันเข้าไปกอดเบาๆ เพื่อปลอบใจเพราะสีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนัก

                ตะวัน...ตะวันแค่ไม่รู้จะทำยังไงดี ตะวันตอบออกไปเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นไปกอดแขนของเวฟที่ประคองตัวเธออยู่

                ผมอยากเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ ตะวันนะ ในวันที่ตะวันทุกข์ใจหรือมีเรื่องไม่สบายใจ ผมอยากให้ตะวันนึกถึงผมเป็นคนแรก เวฟพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาดันตัวของตะวันออกห่างก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยีสีแดงที่เขาถือมาด้วยเปิดออกให้ตะวันได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

                เวฟ! “ ตะวันร้องเรียกชื่อของชายหนุ่มอย่างตะลึง เมื่อตะวันมองเห็นประกายระยิบระยับของสิ่งที่อยู่ในกล่องกำมะหยี

                อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะเรียนจบ ผมไม่อยากห่างจากตะวันอีก ผมเลยคิดว่าแบบนี้คงดีกว่า ตะวัน..คุณมาอยู่กับผมนะ คำพูดของชายหนุ่มทำให้ตะวันถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก หยาดน้ำอุ่นๆ ไหลรื้ออยู่ที่ริมขอบตาปริบๆ ว่าจะไหล ความตื้นตันใจไหลเข้ามาจนเต็มล้นหัวใจดวงเล็กๆ ของตะวัน

                ตอนนี้ผมจองคุณแล้วนะ หลังจากพวกเราเรียนจบ แต่งงานกันนะครับตะวัน แหวนประดับเพชรที่ส่องประกายถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของตะวัน หญิงสาวยิ้มรับอย่างปลื้มใจถึงแม้อะไรบางอย่างในหัวของเธอจะบอกว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ก่อนที่ตะวันจะเข้าความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองตะวันก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ซะก่อน

                ภาพการสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตะวันในครั้งแรกกลับมา หญิงสาวมองมือตัวเองที่สวมแหวนหมั้นของเวฟก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของแหวนด้วยสายตาตื่นตระหนก

                เธอหมั้นกับตุลาการไปแล้ว!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×