คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เรื่องบ้าๆ
ตุลาการหัวใจ
ตอนที่ 1 เรื่องบ้าๆ
“ ให้ตายเถอะซัน พี่ล่ะปวดหัวกับความประพฤติของนายที่สุด! “
หลังจากไปรับน้องที่โรงเรียน ‘ตะวัน’ หรืออาทิตยา รุ่งระวีวงศ์ก็พาเจ้าน้องชายตัวดีที่ก่อเรื่องให้ปวดหัวกลับบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าเอามาคิดจุกจิกได้มั้ย หน้าแก่ไวอย่ามาบ่นผมนะ “ ตัวการที่ก่อเรื่องยังคงทำหน้าระรื่นหยอกล้อพี่สาว แม้ว่าตัวเองจะเพิ่งถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเทศนามาหมาดๆ เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ ด้วยการจับกบไปใส่กระเป๋าเพื่อนทำเอาเขาสลบเหมือดไม่เป็นท่า จนอาจารย์ที่ปรึกษาต้องโทรมารายงานความประพฤติแสบสันให้พ่อแม่รับรู้ นี่นายยังคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเรอะ นายทำเขาเป็นลมนะ แถมไอ้คนที่นายแกล้งก็ผู้หญิงด้วย! “
ตะวันว่า’ซัน’น้องชายคนเดียวของเธอ ที่ดูไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนกับความผิดที่เขาก่อไว้อย่างหนักใจ โชคดีแค่ไหนที่น้องชายของเธอยังไม่ถึงฆาต เพราะคนที่ได้รับโทรศัพท์สายอันตรายจากทางโรงเรียนคือเธอไม่ใช่แม่ ถ้าขืนปล่อยให้แม่รู้เรื่องที่ซันทำมีหวังน้องชายเธอได้เจอปัญหาใหญ่แน่
‘อ่ะ! หรือว่ากลับไปบอกให้แม่จัดการซะเลยดีนะ ความคิดนี่ก็ไม่เลวแหะ... ’
“ พี่ตะวันดูนั้นซิ! รถโคตรหรูเลยอ่ะบ้านไหนขายควายไปซื้อรถวะเนี่ย “ เสียงโวยวายของซันดึงความคิดเย้ายวนในหัวของตะวันออกไปจนหมด ตะวันเงยหน้าขึ้นไปมองน้องชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างเธอ และจัดการสะบัดฝ่ามือเล็กๆ ของเธอใส่ท่อนแขนของคนข้างตัวไปเต็มแรง
เพี๊ยะ!
“อ๊าก! พี่ตีผมทำไมอ่ะ? “
“ ก็หัดพูดจาให้มันเพราะๆ ซิ คราวหน้าจะได้ไม่ถูกตี “
ตะวันมองดูน้องชายของเธอลูบแขนตัวเองพร้อมๆ กับทำหน้าตาน่าสงสารอย่างหมั่นไส้ ‘แค่ตีแขนไปป้าบเดียวก็สำออยซะเวอร์ แบบนี้น่าจะส่งไปให้แม่จัดการน่าจะดีที่สุด เชอะ!’
“ นี่มัน? “ หลังจากละสายตาจากซันมายังปากทางที่จะเข้าหมู่บ้าน ตะวันก็ต้องแปลกใจเมื่อเธอได้เห็นรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ รถตู้สีขาวขนาดใหญ่ที่จอดนิ่งตรงหน้านั้นกำลังบอกกับตะวันว่า แขกจากเมืองหลวงมาเยือนหมู่บ้านชนบทที่สงบสุขของเธออีกแล้ว
ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ที่ติดอยู่ที่ท้ายรถบ่งบอกว่ารถตู้คันนี้เป็นของพวกไฮโซจากเมืองใหญ่ ‘มาดูที่อีกแล้วละซิ’ ตะวันคิดอย่างเคืองๆ พวกไฮโซที่เงินเหลือใช้มักเอามาละลายน้ำซื้อที่โอ้อวดกันเองโดยไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของพวกคนจน
“ อ้าวตะวัน! “ เสียงเรียกชื่อของตะวันดังลั่นก่อนที่คนเรียกนั้นจะเดินปรีเข้ามาหาซันกับตะวันที่ยืนงงอยู่ ผู้ที่เดินมาหาสองพี่น้องคือป้าแม้นที่อาศัยอยู่ในระแวกนี้ และเธอก็เป็นกระจอกข่าวที่รู้ทุกเรื่องในหมู่บ้าน
“ ยายแม้นศรีรถนี่ของใครอ่ะป้า สวยแสลงใจวัยรุ่นมากๆ “ คำถามกับนัยน์ตาลุกว้าวของซันถูกใช้ในขณะที่เจ้าตัวกำลังมองดูรถยนต์ที่จอดอยู่ ตะวันแอบหัวเราะคิกเมื่อน้องชายของเธอทำท่าจะชอบรถตู้ที่แสนจะธรรมด๊า ธรรมดามากจนเวอร์
“ ฮ่าๆ มันก็แค่รถตู้ละน้า นายส่งพี่ขึ้นรถตู้ไปกรุงเทพบ่อยๆ ทำมาตื่นเต้น “ ตะวันหัวเราะชอบใจที่เห็นน้องชายหลงใหลรถตู้ แต่แล้วเมื่อซันหันมาจ้องหน้าเธอ ตะวันก็ต้องสะอึกไป เพราะว่าซันที่หันมาส่งสายตาถามว่า ’เธอโง่รึเปล่า?’ กำลังชี้มือไปยังพื้นด้านข้างซึ่งห่างจากที่ที่รถตู้จอดอยู่เล็กน้อย
“ อุ้ย! “ เมื่อตะวันมองตามมือของซันไปเจอเข้ากับรถยนต์อีกคันที่จอดอยู่ เธอก็ถึงกับพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
“ ไอ้คันเนี่ยแลมโบกินีครับพี่ ถ้าแค่รถตู้ละก็ผมไม่มองให้เสียเวลาหรอก เห็นออกบ่อย “ ซันค้อนพี่สาวตัวเองขวับๆ ที่เธอดูถูกมาตราฐานสายตาของเขาอย่างร้ายกาจ ตะวันหน้าแตกยับเยินเพราะเผอิญมองไม่เห็นรถอีกคันที่จอดหลบอยู่ หญิงสาวจ้องมองรถหรูที่เธอเพิ่งเห็นอย่างขัดใจ แต่ทว่าตะวันเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมมันเช่นเดียวกับที่ซันทำไม่มีผิด
รถสปอร์ตคันสีขาวที่จอดหลบอยู่ข้างรถตู้ บอกได้คำเดียวว่ามันสวยและเท่ห์แบบสุดๆ ตะวันสามารถบอกได้เลยว่ารถคันนี้ราคาไม่ต่ำกว่าล้านแน่ๆ และตอนนี้ตะวันก็คิดว่ามันเหมาะสมแล้วที่ซันจะมองมันจนน้ำลายใหล ‘แต่ชาตินี้ก็คงได้แต่มองนั้นแหละนะซัน แพงแบบนี้คนบ้าเท่านั้นแหละที่ซื้อ’’
“ รถพวกนี้? “ หลังจากชื่นชมรถมามากพอตะวันก็หันไปถามป้าแม้นถึงเจ้าของรถที่มาจอดทิ้งเอาไว้
“ ก็พวกมาดูที่นั้นล่ะ ได้ข่าวเหมือนกันว่าตามิ่งเขาจะขายที่แล้วย้ายไปอยู่กับลูกในกรุงเทพ “ ป้าแม้นตอบออกมาพร้อมๆ กับมองรถหรูด้วยสายตาชื่นชมไม่แพ้สายตาของซันน้องชายของตะวันแม้แต่น้อย
‘ที่ตามิ่งก็แถวบ้านเรานี่นา ตายล่ะ! หวังว่าขากลับคงไม่ไปเจอพวกนั้นนะ’ ตะวันมองน้องชายตัวดีของเธออย่างกังวล ไอ้เจ้าตัวแสบที่ไม่รู้ว่าถูกมองก็กำลังจ้องรถหรูเพลินราวกับกำลังเก็บทุกรายละเอียดอยู่
“ อิจฉาอ่ะให้พ่อซื้อให้ผมบ้างดิพี่ตะวัน “ ซันพูดออกมาอย่างเพ้อๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่รถสปอร์ตสีขาวที่จอดอยู่ข้างๆ รถตู้
“ ซื้อให้โง่เหรอซัน คันนึงหลายล้านนะ ไปเถอะกลับบ้าน “ ตะวันเดินไปคว้ามือของน้องชายที่กำลังจะเอื้อมไปแตะรถสปอร์ตเอาไว้ จากนั้นตะวันก็ลากน้องชายกลับบ้านทันทีเพราะกลัวว่าเจ้าตัวร้ายจะหาเรื่องมาทำให้เธอได้ปวดหัวอีก
“ โธ่เอ๊ย! ทำไมวันนี้ดวงไม่ดีเลยแห่ะ “
เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางตะวันก็ได้รู้แล้วว่าความหวังของเธอคงไม่มีทางสำฤทธิ์ผล ทางกลับบ้านของซันกับตะวันมีแค่เส้นทางที่จะต้องข้ามสะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามคลองเส้นใหญ่ และเมื่อซันกับตะวันเดินมาถึง พวกเขาก็เจอเข้ากับกลุ่มคนกรุงที่กำลังจะเดินขึ้นสะพานมาจากอีกฝั่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสะพานพอดิบพอดี
“ ไอ้พวกนี้ซินะ “ น้ำเสียงของซันฟังดูน่ากลัวอย่างประหลาด และเมื่อตะวันเงยหน้าขึ้นไปมองน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรเลยด้วย
“นายยิ้มแบบนั้นทำไมห๊ะซัน! นี่อย่าหาเรื่องมาให้พี่นะขอร้อง”
“ พี่เปลี่ยนไปเป็นพูดว่า ‘ซันนายช่วยทำอะไรสักอย่างซิ’ แบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ “ ซันยักไหล่ตอบพี่สาวอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าพอพูดจบเขาก็โดนตะวันบิดแขนจนเนื้อแทบจะหลุดอยู่ร่อมร่อ
หลังจากจัดการกับซันเสร็จตะวันก็หันไปมองพวกคนกรุงเทพทั้งหมดที่กำลังจะเดินขึ้นสะพานที่อยู่อีกฝั่ง พวกคนจากเมืองหลวงไม่มีใครสักคนที่จะสังเกตุเห็นว่าอีกฝั่งของสะพานมีซันกับตะวันยืนอยู่ กลุ่มไฮโซที่มากันประมาณหกคนกำลังพูดคุยเรื่องเงินค่าที่ที่แสนถูก ในขณะที่พวกตะวันมองพวกเขาที่ดูถูกชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างไม่พอใจ
“ ราคาแค่นี้จะให้ซื้อทั้งจังหวัดยังได้นะครับคุณหญิงแม่ ผมว่าซื้อเอาไว้แล้วให้ ดิกกี้ มาอยู่ดีมั้ยครับ “ ชายหนุ่มคนแรกเดินขึ้นสะพานที่มีขนาดความกว้างที่คนสองคนสามารถเดินสวนกันแบบเบียดๆ ได้พูดขึ้น ผู้ชายคนนี้ถือว่าหน้าตาดีไม่น้อย แต่ทว่าการพูดจาของเขาก็ทำให้ตะวันไม่ชอบขี้หน้าเขาเรียบร้อยไปแล้วเช่นกัน
“ แหมๆ ลูกมิกซ์ จะทิ้ง ดิกกี้เอาไว้ที่บ้านนอกแบบนี้ได้ยังไง หญิงแม่ไม่ยอมนะคะ “ เสียงดัดๆ ของผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินตามหลังชายหนุ่มคนแรกดังขึ้น ในมือของเธออุ้มหมาพันธ์ชิสุมาด้วยตัวหนึ่ง และในขณะที่พูดเธอก็ลูบหัวมันไปด้วยอย่างรักใคร่
“ ไอ้ตัวนั้นรึเปล่า? ดิกกี้อ่ะ “
เสียงของซันที่ดังขึ้นทำให้ตะวันเงยหน้าขึ้นไปมองน้องชายอย่างข้องใจ
“พี่จะรู้? อ่ะซัน! ซันจะไปไหนน่ะ! “
ตะวันร้องเรียกน้องชายเสียงหลงเมื่อเห็นเขาวิ่งข้ามสะพานตรงไปหากลุ่มไฮโซที่ยืนอยู่ เสียงเรียกของตะวันทำให้กลุ่มไฮโซที่เดินอยู่หันมามองอีกด้านของสะพานแทบจะทันที และในตอนนี้พวกไฮโซทั้งหลายก็เห็นตะวันกับซันเข้าแล้ว
“ หญิงแม่? ทำไมผู้หญิงบ้านนอกคนนี้หน้าตาดีจัง “ ชายหนุ่มที่เดินนำกลุ่มพูดขึ้นเมื่อเขาหันมาเจอเข้ากับตะวันที่ยืนหน้าซีดอยู่ ‘ให้ตายซิน้องบ้า! หมอนี่คิดจะทำพิเรนอะไรอีกเนี่ย’
“ เฮ้! มีตัวอะไรไม่รู้ตามพวกคุณมาแน่ะ! “ เสียงตะโกนโวกเวกและมือที่จงใจชี้ไปทางด้านหลังกลุ่มโฮโซของซัน ทำให้พวกคนกรุงทั้งหลายหน้าเสียพากันหันรีหันขวางอย่างตกใจสุดขีด ด้วยเพราะไม่รู้ว่าซันเห็นอะไรต่างคนต่างก็จินตนาการหวาดระแวงจนแทบจะทรงตัวบนสะพานไม่อยู่ แต่ละคนใช้มือเกาะสะพานรั้งตัวเองเอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่นเพราะกลัวตกน้ำ ในขณะที่คุณหญิงหนึ่งเดียวไร้ทางป้องกันเพราะเธอมีภาระหนักอกที่กำลังอุ้มอยู่
“ ว้ายๆ มีอะไรตามพวกเรามาน่ะลูกมิกซ์ “ คุณหญิงไฮโซร้องถามลูกชายเสียงแหลม ใบหน้าของคุณหญิงดูไม่สู้จะดีหนักเพราะเธอจับราวสะพานได้ไม่มั่นคงพอ ด้วยเพราะมือข้างหนึ่งต้องอุ้มหมา และเธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่าซันกำลังเห็นเธอเป็นเป้าหมายในเกมครั้งนี้ของเขา ซันอาศัยโอกาศตอนที่ทุกคนกำลังชุลมุนแอบเบี่ยงตัวเข้าไปใกล้คุณหญิงโฮโซ ก่อนจะดึงหางหมาที่เธออุ้มอยู่อย่างแรง
เอ๋ง! โฮ่ง!!! ง่ำ!!!!
“ กรี๊ด!!! ดิกกี้!!! “ หมาที่ถูกดึงหางอย่างแรงทำให้มันโกธรและเผลอกันคุณหญิงไฮโซที่อุ้มมันอยู่ ความเจ็บบวกกับหมาที่ดิ้นไปมาในอ้อมกอดทำให้ตัวคุณหญิงคนนั้นเซไปมาบนสะพานในสภาพไม่ดีนัก
“ หญิงแม่! เฮ้ย! หญิงแม่อย่ามาทางนี้ ว๊ากกกก!!! “ ชายหนุ่มที่เดินนำขบวนพยายามจะเข้าไปช่วยคุณหญิงที่น่าจะเป็นแม่ของเขา ท่าทีโงนเงนของคุณหญิงโฮโซจวนจะล้มมิล้มแหล่ และจังหวะการก้าวเท้าของคุณหญิงก็ยิ่งย่ำแย่ขั้นรุนแรงจนชายหนุ่มที่คิดจะเข้าไปช่วยเอง ก็ยังต้องก้าวถอยหลังหลบ
ตูมมมม!!!! ตูมมมม!!! ซ่าสสสส!!!!
เสียงน้ำแตกกระจายดังขึ้นสองครั้งติดๆ กันในเวลาอันสั้น ระลอกน้ำแผ่ออกเป็นวงกว้างกลางคลองใหญ่ และมันก็ได้แสดงให้เห็นว่ามีผู้โชคร้ายหล่นลงไปแล้วสอง
“ อ้าวๆ ร้อนก็ไม่บอก โดนลงไปทำไมละนั้น ฮ่าๆ “ เสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากซันที่ยืนเท้าสะเอวสะใจอยู่กลางกลุ่มไฮโซอีกสี่คนที่เหลืออยู่ ตะวันได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองน้องชายของเธอก่อเรื่องอย่างกลุ้มใจ แต่ทว่าใบหน้าของตะวันกับซันก็เริ่มเปลี่ยนสีเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากการเล่นสนุกกำลังเกิดขึ้น
“ ช่วยด้วย! บุ๋มๆ ชะ ช่วย! ชะ บุ๋มๆ “ เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มแย่แม้แต่ซันก็หัวเราะไม่ออก คุณหญิงไฮโซที่ตกลงไปในน้ำ กำลังสำลักน้ำและใกล้จะจมเต็มที่ ในขณะที่ลูกชายของเธอนั่นก็ว่ายท่าลูกหมาตกน้ำเข้าฝั่งพร้อมกับเจ้าดิกกี้อย่างยากลำบาก
“ โธ่ซัน! หาเรื่องให้พี่อีกแล้ว “ ตะวันที่ยืนดูเหตุการณ์ทุกอย่างกำลังตกใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพของคุณหญิงที่กำลังจะจมน้ำทำให้ตะวันหน้าซีด หญิงสาวล้วงของออกจากกระเป๋าแล้วเตรียมจะโดดลงไปช่วยคุณหญิงผู้โชคร้าย
ตูมมมม!!!! ซ่าสสสส!!!
เสียงน้ำแตกกระจายและระลอกคลื่นขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ตะวันจะได้พุ่งตัวลงน้ำเสียอีก หญิงสาวได้แต่ตะลึงมองภาพเบื้องหน้าอย่างแปลกใจ ในขณะที่นายวายร้ายที่ก่อเรื่องก็มองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
“ ไอ้บ้านั่น!”
“ผู้ชายคนนั่น! “
เสียงของตะวันกับซันดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ในขณะที่สายตาของทั้งตะวันและน้องกำลังมองภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมเสียสละตัว กระโจนลงไปในคลองเพื่อช่วยคน
บ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านเป็นบ้านของตะวันกับครอบครัว ด้วยเพราะต้องรับผิดชอบกับการกระทำของน้องชาย ตะวันเลยอาสาพาพวกเขามาบ้านเพื่อให้คนที่เปียกน้ำเปื้อนโคลนได้ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด
“ นี่คะ... “ ผ้าขนหนูผืนสะอาดถูกยื่นออกไปให้กับคุณหญิงไฮโซที่นั่งบ่นไม่หยุดและลูกชายที่นั่งหน้าหงิกไม่แพ้กันกับผู้เป็นแม่เท่าไหร่ ตะวันแอบมองน้องชายที่นั่งหน้าบูดเพราะขัดใจที่พี่สาวตัวเองดันไปเชิญไอ้พวกคนกรุงงี่เง่ามาบ้าน แต่ที่จริงหมอนี่โชคดีแล้วที่คนที่อยู่บ้านมีแต่แม่ ขืนเจอพ่อมีหวังซันได้โดนเชือดทิ้ง
“ ไอ้พวกบ้านนอก! แกต้องรับผิดชอบที่แกทำให้ฉันกับลูกต้องมาตกอยู่ในสภาพทุเรศๆ แบบนี้ “ เสียงกราดเกรี้ยวของคุณหญิงดังขึ้นในขณะที่เธอคว้าผ้าขนหนูไปเช็ดโคลนสีดำที่ติดอยู่ที่หน้าออก
“ ฉันจะให้เธอไปเป็นคนใช้บ้านฉันลบล้างความผิด “ สายตากรุ้มกริ่มถูกส่งมาจากชายหนุ่มลูกของคุณหญิงไฮโซเมื่อตอนที่ตะวันส่งผ้าขนหนูให้ ‘ฝันไปเถอะ!’ ตะวันมองหมอนั่นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปยื่นผ้าขนหนูให้กับใครอีกคนที่นั่งอยู่
“ ขอโทษด้วยนะคะ “ ตะวันส่งผ้าขนหนูให้กับผู้ชายอีกคนที่ตัวเปียกไม่แพ้คนอื่นๆ ที่จริงเขาไม่ได้ตกลงไปในน้ำด้วย แต่เขาคือคนที่โดดลงไปช่วยคุณหญิงไฮโซนั่นเอง ตะวันรู้สึกขอบคุณเขาจากใจเพราะเขาช่วยไม่ให้เธอกับน้องต้องลำบาก หากว่าคุณหญิงไฮโซเกิดจมน้ำขึ้นมาจริงๆ เกรงว่างานนี้ครอบครัวของเธอคงต้องเดือดร้อนมากแน่ๆ
ที่สำคัญที่คุณหญิงกับลูกไม่เอาเรื่องนั่นก็เพราะผู้ชายคนนี้พูดอะไรบ้างอย่างกับพวกเขา ตอนที่คุณหญิงไฮโซขึ้นมาจากน้ำเธอก็โวยวายให้ตะวันกับน้องต้องชดใช้เป็นการใหญ่ แต่พอผู้ชายคนนี้เรียกพวกเขาไปคุยทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที ตะวันไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาทั้งสามคุยกัน แต่ทว่าเธอพอจะเดาได้จากท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณหญิง อย่างน้อยเรื่องที่ทำให้คุณหญิงจอมวายวายสงบลงได้ นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เธออยากจะขอบคุณเขาเอามากๆ
“ ขอบคุณมากนะคะ “ ผ้าสีขาวถูกยื่นมาให้ชายหนุ่มพร้อมๆ กับคำขอบคุณอย่างจริงใจของตะวัน ชายหนุ่มรับผ้าขนหนูจากมือของหญิงสาวไปโดยไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็เริ่มเช็ดใบหน้าและเนื้อตัวของเขาที่เปียกชุ่มไปทั้งตัว
ตะวันรู้ว่าชายคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มาดูที่ ใบหน้าของผู้ชายคนนี้หล่อเหลาและดูดีกว่าลูกชายของคุณหญิงจอมโวยอยู่มาก คิ้วเข้มรับกับจมูกโด่ง นัยน์ตาสีนิลของเขาก็เปล่งประกายคมกล้าอย่างน่าหลงใหล หลายครั้งที่ตะวันจ้องมองนัยน์คู่สวยของเขา และเธอก็พบว่าเขาเองก็มองเธออยู่ สำหรับตะวันเธอรู้สึกชอบผู้ชายคนนี้มากกว่าคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะท่าทีที่ดูสงบของเขา หรือไม่ก็หน้าตาหล่อเหลานั้นได้ดึงดูดความสนใจของตะวันไปโดยไม่รู้ตัว
“ ต้องขอโทษด้วยที่ลูกชายดิฉันเสียมารยาทไปนะคะ “ แม่ก้อยแม่ของตะวันกับซันยกน้ำออกมารับแขก ก่อนจะเอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
“ ทานน้ำก่อนนะคะ “ แม่ก้อยยื่นน้ำให้กับแขกทั้งหมดด้วยมือของตัวเอง ทุกคนรับน้ำจากมือแม่ของตะวันพร้อมกับยิ้มให้กับน้ำใจไมตรี ยกเว้นแต่...
“ เชอะ! ของสกปรกแบบนี้ใครจะกินลง ไป๊! กลับกันได้แล้ว! “
....................................
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจบลง ตะวันก็ได้อยู่อย่าสงบสุขที่บ้านไร่อาทิตย์มาอีกพักใหญ่ หลังจากที่วันปิดเทมอของหญิงสาวสิ้นสุด ตะวันก็เริ่มเตรียมตัวเก็บของเพื่อจะกลับเข้ากรุงเทพอีกหน เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี4 อยู่ และเธอก็ใกล้จะเรียนจบในอีกไม่นานแล้ว
“ คุณ! คุณ! พวกคุณทั้งสองต้องช่วยพวกเรานะ ที่หน้าหมู่บ้านน่ะรีบไปดูเถอะ “ ชาวบ้านมากมายที่พากันมาอ้ออยู่หน้าบ้านในตอนเช้า ทำให้ทุกคนในบ้านของตะวันพากันมองหน้ากันไปมาอย่างข้องใจ
“ เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ “ แม่ของตะวันชะโงกหน้าออกไปถามชาวบ้านคนหนึ่งจากบนระเบียง ในขณะที่ตะวันรีบวิ่งออกไปตามพ่อ ซึ่งตอนนี้กำลังทำงานอยู่ในไร่ส้มซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวตะวัน
หลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์จากปากของชาวบ้านที่มาบอกข่าว ตะวัน ซัน พ่อและแม่ก็เดินออกจากไร่อาทิตย์มายังหน้าหมู่บ้าน เพื่อมาดูสิ่งที่ทำให้ทุกคนพากันแตกตื่น
“ เกิดอะไรขึ้นน่ะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน “ พ่อของตะวันตรงเข้าไปถามกำนันกับผู้ใหญ่บ้านที่ยืนคุยกันด้วยท่าทางเครียดๆ
“ อ่าคุณติน คืองี้ครับ ป้ายนี้เพิ่งมาตั้งเมื่อเช้าครับ ตอนแรกพวกเราก็ไม่เชื่อแต่ตอนนี้...เฮ้อ “ กำนันตอบคำถามของพ่อตะวันจากนั้นก็ชี้ให้พ่อของตะวันดูป้ายขนาดใหญ่ที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนที่มุ่งดูป้ายอยู่ต่างพากันถยอยหลบไปด้านข้าง เมื่อพวกเขาเห็นว่าพ่อของตะวันมาถึงแล้ว
“ ห้ามมิให้ใครก็ตามระเมิดที่ดินส่วนบุคคล ที่ดินโดยรอบตามเลขที่โฉนด บลาๆๆ ได้ถูกซื้อขายให้แก่ บลาๆ ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้พื้นที่ที่ตอกหมุดแดงทั้งหมดคือพื้นที่เขตห้ามเข้า ผู้ใดฝ่าฝืนทางเราจะดำเนินคดีกับคุณในฐานะล่วงละเมินทรัพย์สินของผู้อื่น “ ตะวันอ่านป้ายประกาศเบาๆ แล้วก็เริ่มนึกเกลียดพวกคนรวยบ้าอำนาจขึ้นมาทันที ‘แบบนี้มันเกินไปแล้วน่ะ ฮึ่ม!’
“ แล้วไอ้เขตที่เขาประกาศมันแค่ไหนน่ะผู้ใหญ่บ้าน “ พ่อของตะวันพูดขึ้นด้วยท่าทางเครียดๆ เมื่ออ่านประกาศจบ
“ รอบเขตที่ดินของคุณตินนั้นแหละ “ คำตอบของผู้ใหญ่บ้านทำให้ตะวัน แม่ และซันถึงกับอ้าปากค้าง
“ หา! ทำไมเป็นงี้ล่ะ “ ซันโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ ซึ่งตะวันเองก็ไม่ต่างจากน้องชายนัก อยู่ๆ ทำไมที่ดินโดยรอบของพ่อถึงได้ถูกซื้อไปทั้งหมดแบบนี้ แล้วต่อจากนี้ธอจะเดินเข้าออกบ้านตัวเองได้ยังไง ถ้าเกิดในป้ายประกาศเป็นความจริง เท่ากับว่าเธอต้องอยู่ในบ้านไปจนตายหรือไม่ก็ออกมาแล้วเข้าบ้านไม่ได้อีกเลย และก็ไม่ใช่แค่ครอบครัวเธอด้วย คนที่อาศัยเช่าที่ดินของบ้านเธอทำกินเลี้ยงชีวิตอีก พวกเขาจะทำยังไงกันล่ะ
“ ตรวจสอบแน่แล้วเหรอว่าที่ทั้งหมดถูกซื้อไปแล้วจริงๆ “ แม่ก้อยพูดขึ้นบ้างและกำนันก็รีบชี้ต้นตอคำตอบให้แม่ของตะวันดูทันที ชาวบ้านแปดคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ บ่งบอกว่าพวกเขาเกือบจะโดนรุมประชาทัณฑ์ เพราะขายที่ให้พวกคนกรุงเทพไปแล้วจริงๆ
“ จะทำไงดีล่ะพ่อ พวกเขาจะฆ่าพวกเรารึไงเนี่ย คนที่อยู่ในเขตของเรามีตั้งหลายครอบครัวนะ “ แม่ของตะวันหันไปพูดกับพ่อด้วยสีหน้าหวั่นวิตก
“ ลองไปคุยกับเขาก่อนดีมั้ย เผื่อจะขอซื้อที่คืนได้บ้างเอาแค่เล็กๆ เป็นถนนให้พวกเราเข้าออกก็ยังดี “ แม่เสนอขึ้นอีกครั้งและพ่อของตะวันก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปปรึกษากับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
ครืนนนน บรืนนนนนน!!!! บรืนนนนนน!!!!
เสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นเป็นของรถยนต์สองคันที่กำลังขับตรงเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนหันไปมองที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว ในขณะที่ซันกับตะวันก็จ้องรถคันหนึ่งที่ขับมาตามถนนตาไม่กระพริบ เพราะว่ารถคันนี้ก็คือรถสปอร์ตสีขาวที่ซันกับตะวันเคยเห็นเมื่ออาทิตย์ก่อน ในวันที่ซันก่อเรื่อง
รถยนต์สองคัน คันหนึ่งสีดำและอีกคันสีขาวจอดสนิทห่างจากที่ชาวบ้านและครอบครัวของตะวันยืนอยู่ไม่ไกลนัก หลังจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายสงบลง ประตูของรถยนต์ทั้งสองคันก็ถูกเปิดออก
“ อ่ะ! “ ตะวันร้องออกมาอย่างตกใจเพราะว่าหนึ่งในกลุ่มคนที่ลงมาจากรถ มีใครคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้ารวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเปิดประตูและก้าวลงมาจากรถสปอร์ตคันงาม ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมกับครั้งแรกที่ตะวันได้เห็น และผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่มากับกลุ่มไฮโซเมื่ออาทิตย์ก่อน
“ เขามาทำอะไรที่นี่กันนะ? “ ตะวันจ้องหน้าผู้ที่ปรากฏตัวใหม่อย่างแปลกใจ ตะวันนึกดีใจที่เธอได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีกครั้ง นั้นก็เพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่กระโดดน้ำลงไปช่วยคนแทนตะวันเมื่อคราวก่อน
“ พวกคุณคือ? “ กำนันและผู้ใหญบ้านเดินออกไปรับหน้าคนกรุงเทพที่มาใหม่พร้อมๆ กับถามคำถามที่คนที่นี่ทั้งหมดรู้อยู่แก่ใจแล้ว
“ ผมคือเจ้าของที่ดินคนใหม่ “ ชายหนุ่มที่ตะวันเคยชื่นชมในความมีน้ำใจของเขาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ทว่าคำตอบของเขาทำเอาตะวันสะอึกจนพูดไม่ออก“ เป็นเขา! ได้ไงกัน....”
“ อืมๆ งั้นดีเลย พวกเรากำลังอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย คือพวกเรามีเรื่องจะขอ... “
“ ผมไม่สนใจข้อเสนออะไรทั้งนั้น ผมมาที่นี้เพื่อซื้อที่ดินแปลงสุดท้ายที่ผมยังไม่ได้ “ ชายหนุ่มตอบโดยไม่สนใจคำพูดของผู้ใหญ่บ้านที่กำลังพูดกับเขา ผู้มาใหม่เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าพ่อของตะวันก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณ ซึ่งลูกน้องของเขาก็เปิดกระเป๋าเอกสารที่พกมาด้วย ก่อนจะยื่นเอกสารที่ดึงออกมาส่งให้พ่อของตะวันตามคำสั่งเจ้านายทันที
“ ผมอยากได้ที่ของคุณทั้งหมด “ น้ำเสียงเฉยชาแต่ทว่ามีพลังมหาสารในการสร้างความโกธรแค้นให้กับผู้คนที่ยืนอยู่ ตะวันมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่เธอเคยชื่นชมด้วยสายตาเย็นชาทันที
“ ขอโทษด้วยผมขายที่พวกนี้ให้คุณไม่ได้ “ พ่อของตะวันส่งโฉนดที่ดินถ่ายเอกสารคืนให้แก่ชายหนุ่ม ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นราวกับตกใจที่ได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้
“ น่าเสียดายนะครับ ไม่ว่าคุณจะขึ้นราคาเท่าไหร่ผมก็ยินดีจะจ่าย “ ชายหนุ่มตอบพ่อของตะวันพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ทวงท่าของเขาเย็นชาและแฝงไปด้วยความหยิ่งทนง ตะวันที่ยืนมองดูการสนทนาของทั้งคนเริ่มเดือดดาลกับพฤติกรรมของผู้มาใหม่ ‘เงิน! คิดว่ามีเงินแล้วเป็นพระเจ้ารึไงห๊ะ!’
“ ผมคงต้องบอกอีกครั้งว่าผมไม่ขาย พื้นดินพวกนั่นผมได้ให้ชาวบ้านเช่าไปหมดแล้ว “ พ่อของตะวันบอกอย่างใจเย็นและยังคงใช้สายตาพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าต่อไป
“ งั้นก็ตามใจครับ แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไรก็โทรหาผู้จัดการของผมได้นะครับ “ ชายหนุ่มยิ้มอีกครั้งแม้จะถูกพ่อของตะวันปฏิเสธ เขาไม่ได้รู้สึกแพ้หรือเสียหน้าที่เงินของเขาซื้อไม่ได้แต่ตรงกันข้าม เขากำลังสนุก
“ อย่าเพิ่งไป ผมยังมีอีกเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ “ พ่อของตะวันเรียกชายหนุ่มเอาไว้ในขณะที่เขาและพรรคพวกกำลังจะกลับไปที่รถ
“ มีอะไรหรือครับ หรือว่าเปลี่ยนใจแล้ว “ คำถามพร้อมรอยยิ้มเสแสร้งของชายหนุ่มทำให้ตะวันอยากเดินไปซัดหมัดใส่หน้าเข้าเต็มแก่ ‘คนอะไรน่าหมั้นไส้ชะมัด!’
“ เปล่า ผมแค่อยากจะคุยกับคุณเรื่องประกาศนี่ พวกผมจำเป็นต้องผ่านที่ดินของคุณเพื่อเข้าออก มันเป็นถนนสายเดียวที่จะเข้าหมู่บ้านได้ ถ้าคุณไม่สะดวกให้พวกเราใช้ ผมจะขอซื้อต่อที่ดินตรงนั้นจากคุณก็ได้ “ พ่อของตะวันพูดขึ้นพร้อมๆ กับสังเกตุสีหน้าของชายหนุ่มที่นิ่งไป
“ เสียใจนะครับผมเองก็ขายไม่ได้ “ ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชาและมันก็ทำให้ทุกคนในที่นี้เริ่มเห็นตัวตนจริงๆ ของเขา
“ งั้นคุณจะอนุญาตให้พวกเราใช้ถนนได้มั้ย แค่พื้นที่เล็กๆ เท่านั้น “ พ่อของตะวันลองพูดอีกครั้ง ชาวบ้านต่างมองหน้าชายหนุ่มด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
“ เสียใจนะครับ เรื่องนั้นผมก็คงอนุญาตไม่ได้ ที่ดินเป็นของผมผมมีสิทธิที่จะไม่อนุญาต “
“ ไอ้คนเลว! ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ฉันไม่ขายที่ให้แกหรอก ไอ้คนชั่ว! ออกไปเลยน่ะ “ เสียงโหวกแหวกโวยวายดังขึ้นทันที ชาวบ้านต่างเริ่มไม่พอใจชายหนุ่มและการกระทำของเขา ท่าทีคุกคามของชาวบ้านเป็นผลทำให้ผู้ที่ร่วมเดินทางมากับชายหนุ่มพากันกระจายตัวและยืนล้อมตัวเขาเอาไว้ ตะวันมองครั้งแรกก็รู้แล้วว่าพวกที่มากับเขาล้วนแล้วแต่เป็นบอดี้การ์ด
“ คุณแน่ใจหรือว่าไม่อยากขาย ผมไม่ได้บังคับใครนะครับ ทุกคนล้วนแต่นำโฉนดที่ดินมาหาผมเองทั้งนั้นเพื่อแลกกับเงิน “ ชายหนุ่มระบายยิ้มเย็นชาเต็มใบหน้า รอยยิ้มเสแสร้งทำให้ตะวันที่มองดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับฟิวส์ขาด
พลั่กกก!!!
“ ตะวันลูก! “ เสียงของแม่ก้อยดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม หลังจากที่ตะวันถวายหมัดเข้าเต็มแก้มซ้ายของชายหนุ่ม ผลก็คือชาวบ้านนับสิบคนพากันร้องเฮดังลั่น แม้แต่เหล่าบอดี้การ์ดก็ไม่ทันที่จะรั้งเธอไว้ เพราะว่าไม่มีใครฉุกคิดว่าหญิงสาวร่างบางคนนี้จะวิ่งตรงเข้าไปต้อยหน้าเจ้านายของพวกเขา
“ ออกไปจากที่นี้เลยน่ะ ไอ้คนชั่ว! “ ตะวันตวาดใส่หน้าชายหนุ่มอย่างโกธรจัด ในขณะที่แม่กับซันต้องเข้ามาลากตัวเธอออกไป
ตะวันยังคงจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็งอย่างเอาเรื่อง เธอโกรธที่ตัวเองมองคนผิด ตะวันหลงคิดว่าผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้เป็นคนดีเพราะเขาเคยออกปากช่วยเรื่องของเธอกับน้อง ตะวันรู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาทำอยู่ในวันนี้ เขากำลังบีบบังคับให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่นั้นก็ไม่ได้แย่เท่ากับการที่เขาทรยศความเชื่อใจที่ตะวันมีให้เขา
“ ลูกสาวคุณ
“ คุณทำให้พวกเราไม่มีทางออก ผมอาจต้องฟ้องคุณถ้าคุณกดดันเราแบบนี้ “ พ่อของตะวันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แม้จะเป็นเหมือนการต่อรองที่ได้เปรียบ แต่ทว่าพ่อตินกลับเครียดหนักกับข้อต่อรองครั้งนี้
“ ผมไม่คิดว่าคุณควรจะทำแบบนั้น และผมรู้ว่าคุณ จะ ไม่ ทำ “ชายหนุ่มละสายตาจากใบหน้าหวานของหญิงสาวที่เขากำลังมองอยู่ รอยยิ้มเย็นชาของผู้มาเยือนปรากฏขึ้นที่มุมปาก ดวงตาของชายหนุ่มที่ใช้มองคู่สนทนาอย่างพ่อตินเย็นยะเยียบ จนผู้ที่ถูกมองเองก็ได้ตะลึงไป
“ ผมมีข้อเสนอใหม่ “ เมื่อสายตาของชายหนุ่มมองไปทางตะวันที่กำลังดิ้นรนอยู่กับมือของแม่ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา
“ คุณมีข้อเสนออะไร? “ความตึงเครียดเกิดขึ้นกับพ่อตินทันที เมื่อเขาจับความยินดีที่ปกปิดไม่มิดในน้ำเสียงของชายหนุ่มได้
“ คุณคงจะไม่...”
“ ถ้าอยากให้ชาวบ้านมีถนนใช้อีกครั้ง คุณต้องให้ลูกสาวคุณหมั้นกับผม “
“ หา! อะไรนะ!!! “
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ฉบับแก้ไข 3
เป็นเรื่องเก่าที่แต่งไว้เอามาลงในไอดีใหม่เฉยๆ นะคะ...
ใครที่เคยอ่านแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะคะ...
อนัคซูนามุน กับ เนเฟอร์ตีติ เครือเดียวกันค่ะ...^^
ความคิดเห็น