ตอนที่ 7 : The ONE and only YOU #BinMinWeekly
มินฮยอนฝัน
เมื่อคนทั่วไปเข้าสู่นิทราก็ฝันกันทั้งนั้น ความฝันที่แตกต่างกัน ทั้งฝันดีและฝันร้าย ถ้าว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วความฝันเกิดจากสิ่งที่เราคิดขึ้นเอง ความรู้สึก เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในสมองหรือจะเรียกอีกอย่างว่าความเพ้อเจ้อของตัวเราเองนั่นแหละ
มินฮยอนเคยคิดแบบนั้นจนกระทั่งอายุได้17ปีบริบูรณ์
ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ17ปี มินฮยอนได้ฝันถึงเหตุการณ์บางอย่าง
เหตุการณ์ที่ชีวิตเกิดมา17ปี มินฮยอนไม่เคยได้พบเจออย่างแน่นอน
แต่เขากลับคุ้นเคยอย่างประหลาด
มินฮยอนฝันเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สวมใส่ชุดฮันบกโบราณ คนเหล่านั้นต่างคุกเข่าคำนับ บางคนก็ก้มเสียจนศีรษะแทบติดพื้นดิน
‘องค์หญิงเสด็จ!! ก้มหัวพวกเจ้าลงไปซะ!’
‘พอได้แล้วท่านอิม เราเพียงแต่มาเที่ยวตลาดเท่านั้น ทำไมท่านจักต้องทำให้เป็นเรื่องยากนัก หากพ่อค้า แม่ค้าเหล่านั้นมัวก้มหัวแล้วจักขายของให้เราได้อย่างไร’
น้ำเสียงหวานหยดย้อยที่เปล่งออกมา ทำให้มินฮยอนต้องเพ่งมองไปที่ใบหน้าของเจ้าของเสียง
เธอมีใบหน้าคล้ายกับเขาเสียจนน่าตกใจ มินฮยอนยังคงจดจำใบหน้างดงามนั่นได้ดี
ใบหน้าเรียวเล็ก คิ้วและขนตาเรียงตัวกันอย่างสวยงาม ดวงตาสีดำขลับเป็นประกาย จมูกโด่งสวยรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางสีสดเข้ากับผิวขาวราวกับหิมะ
จะลืมได้ยังไงในเมื่อเธอและมินฮยอนมีใบหน้าราวกับเป็นคนเดียวกัน
นับตั้งแต่วันนั้นมินฮยอนก็ฝันเห็นการใช้ชีวิตของเธอผู้นั้นมาตลอด
มินฮยอนไม่รู้จักชื่อเธอผู้นั้นเพราะทหารติดตามส่วนใหญ่เรียกเธอว่าองค์หญิง
และมินฮยอนก็ได้รู้ว่าองค์หญิงหน้าสวยนี่แสนซนถึงเพียงใด เธอแอบปลอมตัวออกไปเที่ยวนอกวังอยู่บ่อยครั้ง เธอไม่ชอบงานของผู้หญิง เช่น การปักลายผ้า เมื่อถึงคราวที่จะต้องเรียนปักลายผ้า เธอจะอ้อนขอให้ซังกุงพระพี่เลี้ยงเป็นคนทำให้ เธอชอบเรียนหนังสือมากกว่างานบ้าน แต่นั่นคือสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้หญิงสมัยนั้น
เธอแอบเรียนหนังสือจนโดนจับได้ และครั้งนั้นเธอโดนโบยไปสามที ทำเอาองค์หญิงแสนซนเงียบลงไปถนัดตา
แต่น่าแปลกในฝันนั้นที่มินฮยอนเห็นว่าเธอโดนโบยที่หลัง เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็พบรอยแดงที่หลังของตนเองในกระจกตอนที่เปลื้องผ้าจะอาบน้ำ
ตอนนั้นมินฮยอนไม่ได้คิดอะไรเพราะยังเด็กมาก
และเขาก็ไม่ได้เล่าความฝันนี้ให้ใครฟัง
มินฮยอนรู้สึกสนุกกับการได้ฝันเห็นเธอในช่วงชีวิตต่างๆ เขารู้สึกเหมือนกับได้ดูละครย้อนยุคเรื่องนึง และมินฮยอนก็รู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านั้นราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง
จนมินฮยอนอายุได้19ปีเขาก็ได้รู้จักชื่อของเธอ
ฮวังมีนยอ
นั่นคือชื่อของเธอ
ให้ตาย แม้แต่ชื่อสกุลยังคล้ายกันเลย
มินฮยอนเองก็เพิ่งรู้ว่าฮวังมีนยอนั้นอายุเท่ากันกับเขา มีนยอในวัย19ปีนั้นสวยสะพรั่ง เป็นสาวเต็มตัว ความงามตอนอายุ17มีเท่าไหร่มินฮยอนอยากจะให้คูณไปอีกสิบเท่า และแน่นอนด้วยวัยบวกกับความสวยของมีนยอ
เธอกำลังมีความรัก
เธอโดนจับหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทรูปงามที่มีนามว่าคังอึยกอน
แต่เธอไม่ได้รักคังอึยกอน
เธอตกหลุมรักหนุ่มชาวบ้านธรรมดาที่มีนามว่า ควอนฮุยบิน
และแน่นอนความรักของเธอไม่เป็นที่สมหวัง
เธอร้องไห้ให้กลับโชคชะตาของตน กล่าวโทษฟ้า โทษดินที่ทำให้รักของเธอและควอนฮุยบินต้องเจออุปสรรค
เพราะฐานันดรที่ต่างกันราวผืนฟ้ากับเศษดิน
และหลังจากนั้นมินฮยอนก็ไม่เห็นเธอในความฝันอีก
//////////////////////////////////////////////////////////////////
เขาว่ากันว่าความฝันเป็นสิ่งที่เราคิดและสร้างขึ้นเองจากจิตใต้สำนึกและในหนึ่งครั้งเราจะฝันหลายๆเรื่องปนกันเสียจนจำไม่ได้ว่าฝันเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ถ้างั้นก็น่าแปลกเพราะมินฮยอนดันจำเรื่องราวในความฝันที่เกี่ยวกับองค์หญิงมีนยอได้อย่างแม่นยำ
และสิ่งแปลกไปอีกอย่างคือในความฝันนั้นมินฮยอนไม่เคยเห็นหน้าของควอนฮุยบินสักครั้ง ทั้งที่องค์หญิงมีนยอนั้นลักลอบไปเจอกับควอนฮุยบินอยู่บ่อยครั้ง
หากแต่เขาจำเสียงได้
ควอนฮุยบินนั้นมีน้ำใหญ่ทุ้ม แหบแต่น่าฟังเสียง เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ร่างกายสมส่วน ผิวดีต่างกับลูกชาวบ้านทั่วไป ควอนฮุยบินเป็นผู้ชายอบอุ่น อ่อนโยน และเขาก็รักองค์หญิงมีนยอมากเช่นกัน
มินฮยอนอยากเห็นใบหน้าของผู้ชายที่องค์หญิงมีนยอตกหลุมรัก
มินฮยอนรู้สึกเศร้าใจที่ไม่ได้เจอเธอในความฝันอีก เขาเฝ้าภาวนาทุกวันว่าขอให้ได้ฝันเห็นเธออีกครั้ง อย่างน้อยก็ขอให้ได้เห็นว่าความรักของเธอและคนรักเป็นไปได้ดี ถึงแม้มันจะยากก็ตามที
มินฮยอนเศร้าได้เพียงไม่นาน จากนั้นเขาก็ต้องเตรียมตัวสอบวัดผลก่อนจบม.ปลาย การสอบของเด็กม.ปลายปี3ที่มีครั้งเดียวในชีวิต มินฮยอนทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือและสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนักทำให้ลืมความฝันนั้นไป
จนในวันสอบวัดผลวันสุดท้าย การสอบของมินฮยอนในวันสุดท้ายผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ติดขัดอะไร หลังสอบเสร็จ มินฮยอนออกไปเลี้ยงฉลองเล็กๆน้อยๆกับเพื่อนในกลุ่มและฉลองที่บรรลุนิติภาวะกันด้วย
ในคืนนั้นมินฮยอนกลับบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยสะสมทำให้เขาฝันเห็นองค์หญิงมีนยออีกครั้ง
แต่ฝันครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา
มินฮยอนเห็นองค์หญิงมีนยอและควอนฮุยบินกำลังวิงหนีจากเหล่าทหารที่เคยติดตามอารักขาเธอและที่แขนขวาของควอนฮุยบินมีเลือดออก
‘องค์หญิง รีบหนีไปเถิด หากมีข้าไปด้วยจักเป็นภาระเสียเปล่า’
‘ไม่!! เจ้าพูดอันใดออกมาควอนฮุยบิน!! เราต้องหนีไปด้วยกันสิ เจ้ามิรักข้าแล้วอย่างนั้นรึ’
มินฮยอนเข้าใจสถานการณ์ในทันที
องค์หญิงมีนยอและควอนฮุยบินกำลังพากันหนี
ทั้งสองวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เลือดที่แขนขวาของชายหนุ่มก็ไหลออกมาไม่หยุด องค์หญิงมีนยอก็ทำได้เพียงวิ่งหนีพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
จนกระทั่งทั้งสองวิ่งมาเจอกับหน้าผาสูงชันที่ไม่อาจหนีต่อไปได้
‘องค์หญิง!! กลับมาสู่อ้อมอกข้าเสียเถิด อย่าทำให้มันเลวร้ายไปกว่านี้เลย’
เสียงที่ก้องกังวานไปทั่วผาทำให้ทั้งสองหันตามเสียงและก็พบกับคังอึยกอนคู่หมั้นหมายขององค์หญิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างผ่อนคลาย นั่นยิ่งทำให้ทั้งสองกอดกันแน่นยิ่งขึ้น
และในตอนนั้นมินฮยอนก็ได้เห็นใบหน้าของควอนฮุยบินอย่างชัดเจน
แม้จะฝันอยู่แต่มินฮยอนก็รู้สึกได้ว่าตนเองกำลังร้องไห้
‘ท่านอึยกอน ปล่อยข้าไปเถิด ข้ามิได้รักท่าน ฮึก ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจ’
คังอึยกอนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกับยกคันธนูที่มีลูกศรพร้อมยิงขึ้นมาก่อนจะเอ่ย
‘เช่นนั้นรึ? ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ท่านคงจักต้องอยู่อย่างทรมานกับข้าไปจนตายเชียวแหละ’
พูดจบลูกศรจากคันธนูขององค์รัชทายาทคังอึยกอนก็พุ่งไปที่ควอนฮุยบินอย่างหมายจะเอาชีวิต หากแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า
องค์หญิงมีนยอจะมารับลูกธนูแทนควอนฮุยบิน
ทั้งองค์รัชทายาทและเหล่าทหารต่างตะโกนเรียกองค์หญิงอย่างตกใจ
ลูกธนูปักลงที่อกข้างซ้ายอย่างแม่นยำ องค์หญิงมีนยอสิ้นใจในทันที
หากแต่สวรรค์ยังพอเห็นใจองค์หญิงผู้อาภัพอยู่บ้าง
อย่างน้อยเธอก็ได้ตายในอ้อมอกของชายผู้เป็นที่รัก
ควอนฮุยบินบรรจงจูบลงบนหน้าผากสวย กอดหญิงที่รักแนบอก ร้องไห้คร่ำครวญจนเสียงก้องทั่วผา
ควอนฮุยบินอุ้มองค์หญิงที่รักขึ้นแนบอกก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าผาโดยไม่ฟังเสียงห้ามของเหล่าทหารและคังอึยกอนที่สั่งให้ปล่อยร่างขององค์หญิง
แม้ลูกธนูหลายดอกจะพุ่งปักลงที่หลังก็ไม่อาจห้ามชายหนุ่มได้อีกต่อไป
‘ข้าขอโทษนะมีนยอ อึก หากชาติหน้ามีจริง ขอให้…ท่านและข้าได้รักกันโดยไม่มีอุปสรรค ข้ารักเจ้า อึก องค์หญิงของข้า’
ลูกธนูดอกสุดท้ายปักเข้าที่กลางหลังชายหนุ่ม ก่อนจะพาร่างของเขาและหญิงสาวโบยบินสู่ความมืดมิด
จบแล้วความรักต่างฐานันดร
เฮือก!
มินฮยอนตื่นขึ้นมาพบว่าทั้งพ่อ แม่และพี่สาวกำลังกอดเขาอยู่ มินฮยอนจำได้ว่าตนนั้นร้องไห้จนตัวสั่น เขาร้องไห้อยู่อย่างนั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มินฮยอนรู้แค่เพียงเขาเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจราวกับนั่นคือตัวเขาเอง
หลังจากตั้งสติได้(มินฮยอนร้องไห้จนเป็นลมเสียด้วยซ้ำ ทำเอาที่บ้านวุ่นวายกันใหญ่) เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟัง
พ่อและแม่ปลอบมินฮยอนว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน อย่าเก็บมาใส่ใจ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเครียดจากการสอบมากไปก็ได้
มินฮยอนก็คิดแบบนั้น
ถ้าหากมินฮยอนไม่ฝันเห็นภาพองค์หญิงมีนยอโดนลูกธนูปักอกและควอนฮุยบินทิ้งตัวลงจากหน้าผาทุกคืนแบบนี้
มินฮยอนเครียดมากจนกลัวการนอนหลับ เขาไม่อยากให้ถึงตอนกลางคืน มินฮยอนไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว
ในที่สุดมินฮยอนทนไม่ไหวจนต้องบอกครอบครัวอีกครั้งและตัดสินใจหยุดการเข้ามหาวิทยาลัยไว้ก่อน มินฮยอนคุยกับครอบครัวถึงการเข้าปรึกษาจิตแพทย์อย่างจริงจัง
คนรอบข้างคิดว่าเขาเป็นบ้า
ซึ่งมินฮยอนก็คิดว่าเขาก็คงใกล้บ้าเต็มทีแล้วล่ะ
และมินฮยอนก็พบวิธีที่ทำให้เขาไม่ฝันแบบนั้นอีกก็คืออย่านอนคนเดียว
อาจจะฟังดูตลก(ซึ่งเขาก็คิดว่ามันตลก) มีคืนนึงพี่สาวเขาดูหนังผีมาจนไม่กล้านอนคนเดียวเลยมาขอนอนด้วยและก็น่าแปลกที่พอพี่สาวเขามานอนด้วย มินฮยอนก็ไม่ฝันแบบนั้นอีก
นั่นเป็นครั้งแรกที่มินฮยอนได้นอนเต็มอิ่มหลังจากฝันบ้านั่น
ด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่คิดเองนั้น มินฮยอนก็ทดลองนอนคนเดียวสลับกับนอนกับพี่สาว
และก็เป็นจริงตามที่คิดหากไม่อยากฝันแบบนั้นอีกเขาต้องห้ามนอนคนเดียว
มินฮยอนบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่และพี่สาว
เขาขอนอนกับพี่สาว ฮวังจูฮยอนทำท่าทางคิดเล็กน้อย ก่อนจะยอมใจอ่อนและอนุญาตให้เขานอนด้วย
มินฮยอนไม่เคยลืมความฝันนั่นแต่เพียงมันจางหายไปตามเวลาเท่านั้น
ปีต่อมามินฮยอนสมัครเข้าเรียนอีกครั้ง
มินฮยอนได้พบกับเพื่อนใหม่ที่นิสัยดี เฮฮา พวกเขาชอบเล่นเกม แข่งขัน(ไม่ได้จริงจังอะนะ) เพื่อหาคนเลี้ยงกาแฟหรือเลี้ยงข้าว มินฮยอนเองยังพอมีโชคอยู่บ้างที่รอดมาตลอดแต่คงไม่ใช่ครั้งนี้
“ฉันขอไอซ์อเมริกาโน่แก้วใหญ่”
“ฉันเอาสมูทตี้โยเกิร์ตแก้วใหญ่”
“ฉันด้วย!”
“ชิ! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”
มินฮยอนบ่นอุบอิบก่อนจะเดินมาที่เค้าน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม ในขณะที่กำลังจะอ้าปากเอ่ยเมนูที่ต้องการ ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ขออเมริกาโน่ร้อนครับ”
มินฮยอนหันไปตามเสียงอย่างอารมณ์เสียก่อนจะสะกิดให้ผู้ชายตัวสูงคนนั้นหันมา ไม่เห็นหรือไงว่าเขายืนอยู่ตรงนี้
“นี่คุณ”
“ครับ?”
เมื่อชายคนนั้นหันมา มินฮยอนรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเรื่องราวในความฝันต่างๆก็ไหลเข้ามาในหัวอย่างไม่หยุด ชายตัวสูงเองก็มีท่าทีตกใจเช่นกัน
“ควอนฮุยบิน / องค์หญิง”
ทั้งคู่โผกอดกันอย่างไม่รู้ตัว ราวกับเป็นกลไกของร่างกายเมื่อเจอกับสิ่งที่โหยหา มินฮยอนร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่สนสายตาใคร ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าก็กอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิมแล้วกระซิบที่ข้างหูของมินฮยอนเบาๆ
“สวัสดีครับ ผมไม่ใช่ควอนฮุยบินแต่ผมชื่อควอนฮยอนบิน จำไว้ให้ดีนะครับ เพราะเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ท่านและข้าได้รักกันโดยไม่มีอุปสรรค
FIN
จบ!! สาเหตุที่ให้ฮยอนบินชื่อฮุยบินเพราะเราคิดว่า(คิดเอาเอง)ว่าคนสมัยก่อนไม่น่ามีชื่อยากๆอย่างคำว่าฮยอนอยู่ในชื่อ
หากใช้คำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ
เป็นอีกตอนที่คิดหนักมากว่าจะแต่งดีหรือรออ่านอย่างเดียวเพราะไม่ถนัดเลย แต่จู่ๆพล็อตก็แล่นเข้ามาในหัว+กับคิดถึงคิมซูฮยอนที่อยู่ในกรมด้วยTTและเราก็ชอบเพลงนี้ด้วย(แต่ไม่เคยดูซีรี่ส์ฮับ อย่าถาม แหะๆ)
หากเนื้อเรื่องไม่สมูทและไม่เข้าธีมต้องขออภัยด้วยนะคะ
เหมือนมีหลายคนจะงงและไม่เข้าใจตอนจบของเราเยอะอยู่(5555) คือเราอยากแต่งออกมาให้จบแบบนี้เหมือนไม่เคลียร์แบบปล่อยให้คิดต่อว่าจะเป็นยังไง ส่วนตัวเราไม่อยากแต่งให้จบสมหวังทุกเรื่องเพราะจริงๆแล้วชีวิตคนเรามันจะให้เป็นดั่งหวังไม่ได้ทุกอย่าง(แต่นี่มันฟิคเฟ้ยยยยยยย)
สุดท้าย(แค่ตอนนี้) ขอบคุณทุกคนที่เม้นท์และติดตามมากๆนะคะ อ่านทุกคอมเม้นท์ น้อมรับทุกคำติ-ชมเพื่อพัฒนาฟิคงงๆต่อไป(ห๊ะ?)
ฝากเม้นท์+สกรีมแท็ก #OurStoryบินมิน ด้วยค่ะ
ด้วยรัก from มินฮยอนบินชิปเปอร์ที่มีกัปตันขี้ขิงชื่อฮยอนบินและมินฮยอน
28/02/18
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รู้สึกได้จินตนาการเรื่องราวเองต่อได้ด้วย
ชอบจังหวะการตัดฉากระหว่างอดีตกับความฝันด้วยให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังเลย555555555 ดำเนินเรื่องเร็วนิดหน่อยแต่ไม่งงค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค้าบ อิ___อิ