ตอนที่ 28 : เหมือนดั่งฝัน | บทที่สาม : รักคุณเข้าแล้ว
“จะไปร้องเพลงแล้วหรือพี่เหมือน”
“ใช่ เราล่ะ เตรียมหนังสือครบหรือยัง จะได้ไปบ้านเมธพร้อมกัน”
จันทร์วาดพยักหน้าพร้อมกับปิดกระเป๋าแล้วเดินไปกอดแขนเหมือนฝันที่ยืนรออยู่ ทั้งคู่ช่วยกันปิดประตูบ้านก่อนพากันเดินออกไปหน้าซอยเพื่อขึ้นรถสามล้อที่เรียกเอาไว้
“คุณชายพี่พีไม่มาหรือ” จันทร์วาดถาม
“เขาจะมาหรือไม่มาก็เป็นเรื่องของเขา” เหมือนฝันว่า “แล้วเราไปเรียกคุณชายแบบสนิทสนมแบบนั้นได้อย่างไร ใครได้ยินเข้าจะหาว่าเราไม่เจียม”
“คุณชายให้จันทร์เรียกนี่”
“จันทร์” เหมือนฝันเอ่ยเสียงดุ ทำเอาคนเด็กกว่าหงอลง เห็นดังนั้นเหมือนฝันก็แอบถอนหายใจเล็กๆ แล้วโอบจันทร์วาดเข้ามาหาตัว “ประเดี๋ยวถ้าร้องเพลงเสร็จไว พี่จะซื้อข้าวเกรียบปากหม้อกับลูกชุบมาให้ดีไหม”
“ดีซี จันทร์รักพี่เหมือนที่สุดเลย”
จันทร์วาดบอกแล้วกอดเอวคนเป็นพี่ เหมือนฝันส่ายหน้ายิ้มๆ แกะแชนเล็กของน้องชายออกแล้วเอ่ยบอกให้ขึ้นรถสามล้อไป
“ลุงครับ ส่งผมที่โรงแรมโอเรียนเต็ลแล้วช่วยไปส่งน้องผมด้วยนะครับ ประเดี๋ยวผมให้ค่าจ้างเพิ่มเป็นสองเท่า” คนขับสามล้อพยักหน้าตกลงเมื่อเหมือนฝันบอกว่าจะให้ค่าจ้างเพิ่ม
“จันทร์ไปด้วยไม่ได้หรือ ไปรอข้างนอกก็ได้”
“ไม่ได้ คนจ้างเขาจะว่าเอาได้ พี่บอกไว้ว่าจะไปคนเดียว” จันทร์วาดหน้ามุ่ยลงทันที ก่อนยิ้มออกเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของเหมือนฝัน “ไว้คราต่อไป พี่จะพาไปด้วย ตกลงนะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” จันทร์วาดยิ้มเต็มแก้มจนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มคนเป็นน้อง แม้ตอนนี้จันทร์วาดที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวกระจ้อยจะโตขึ้น ตัวสูงพอๆ กับเขา แต่จริงๆ แล้วในสายตาเขาน้องชายก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กที่ตามติดเขาแจไม่เปลี่ยน
มือขาวลูบผมนิ่มของน้องชาย เอ่ยขอโทษอยู่ในใจ เขาไม่อยากให้จันทร์วาดไปที่หรูหราแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพราะเขากลัว กลัวว่าจันทร์วาดจะได้พบกับคนที่ไม่ควรพบ
สถานที่หรูหราสำหรับคนระดับสูงมีเงิน ไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ช่างง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก ไม่รู้ว่าตอนไหนที่จันทร์วาดจะบังเอิญเจอกับผู้ชายคนนั้น
เหมือนฝันรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป เพียงแต่อยากให้จันทร์วาดและตัวเขาพร้อมกว่านี้ที่จะบอกทุกอย่างกับน้องชายที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หรืออย่างน้อยก็รอวันที่เขาเกลียดผู้ชายคนนั้นน้อยลงกว่านี้
*****
เหมือนฝันมองรถสามล้อที่ปั่นออกไปโดยมีน้องชายเขาโดยสารอยู่บนนั้น เมื่อรถสามล้อลับตา ขาเรียวก็ก้าวเข้าสู่โรงแรมชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนคุ้นเคยยืนกอดอกพิงตัวอยู่ด้านหน้าของโรงแรม
“สวัสดีเธอ” คุณชายพีรภัทรโบกมือทักทาย เหมือนฝันทำเพียงก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วเดินไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ “เดี๋ยวซีเธอ ใจคอจะไม่ทักกันเลยหรือ”
“ผมทักกลับแล้วครับ แบบนี้” เหมือนฝันทำท่าก้มหัวเมื่อครู่ให้ดูอีกครั้ง
“ฉันนึกว่าเธอปวดคอเสียอีก”
เหมือนฝันไม่สนใจอีกฝ่าย เบี่ยงตัวหลบแล้วเดินไปห้องอาหารตามคำบอกของประชาสัมพันธ์ แต่ไม่วายพีรภัทรยังคงเดินตามมาอยู่ดี
“ไม่ถามฉันหน่อยหรือว่ามาทำอะไรที่นี่”
“คุณชายบอกว่าหยุดนี่ครับ ก็คงมาทานข้าวละมัง”
“ฉันมารอเธอน่ะ”
เหมือนฝันชะงัก หยุดเดินก่อนหันกลับมามองคนตัวสูงกว่า ดวงตาสวยหรี่ลงเล็กน้อยเหมือนกำลังจับผิด ขาเรียวค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาพีรภัทร จนอีกคนทำหน้าไม่ถูก
“คุณชายพบหน้าผมเกือบทุกวัน แล้วยังตามมาถึงที่นี่ คุณชายต้องการอะไรกันแน่”
“ก..ก็เรื่องท่านสมบัติน่ะซี หากมาเจอในที่แบบนี้ เธอจะหนีอย่างไร ฉันเป็นห่วง”
พีรภัทรตอบทั้งที่ไม่สบตาคนตัวขาว เรื่องท่านสมบัติก็ส่วนหนึ่ง แต่จะให้บอกได้อย่างไรว่าเขากลัวว่าจะมีชายอื่นมายุ่งกับเหมือนฝัน งามเสียขนาดนั้น ขนาดแค่ยืนคุยตรงนี้ก็มีสายตาจับจ้องมาตั้งมาก
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ท่านสมบัติหายไปนานแล้ว ผมว่าคงไม่-”
“พี่ชายพีคะ”
“อ้าว น้องชล”
เสียงของหญิงสาวเอ่ยทักดึงความสนใจของทั้งคู่ไป ใบหน้าสวยราวกับรูปวาด ผิวขาวเหมือนน้ำนม ตัวเล็กน่าทะนุถนอม อีกทั้งยังรอยยิ้มสวยน่ามอง และดูท่าจะสนิทกับพีรภัทรเอามาก ดูจากที่เดินตรงมาควงแขนคุณชายหมอแบบไม่ลังเลอย่างนั้น
“พี่ชายพีมาทำอะไรที่นี่คะ ชลมาทานข้าวกับเพื่อนๆ เห็นว่าวันนี้มีนักร้องมาร้องเพลงด้วย”
“เอ่อ พี่”
“ผมขอตัวนะครับ”
เหมือนฝันเอ่ยลาแล้วเดินออกมา ไม่ฟังเสียงเรียกของพีรภัทร ไม่อยากขัดจังหวะของคนทั้งคู่ สำหรับเขา คุณชายพีรภัทรและหญิงสาวเมื่อครู่ดูเหมาะสมกันเอามากๆ หน้าตา การแต่งตัว และคงรวมไปถึงฐานะทางสังคม
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เหมือนฝันถึงได้รู้สึกอึดอัดในอกและไม่พอใจที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
*****
งานร้องเพลงในวันนี้ของเหมือนฝันสิ้นสุดแล้ว เขากำลังรอค่าจ้างพลางนึกไปถึงขนมที่ต้องซื้อให้จันทร์วาดและภาพความสนิทสนมของคุณชายพีรภัทรกับหญิงสาวคนนั้น
ตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีสายตาเขามักจะจ้องไปที่โต๊ะของพีรภัทร ที่มีหญิงสาวรายล้อมอยู่สามคน ท่าทางหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานกับผู้หญิงที่พีรภัทรเรียกว่าน้องชล ทำเอาเหมือนฝันเสียสมาธิอยู่หลายครั้ง
และเหมือนฝันก็ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจนัก
“เห็นคุณชายพีรภัทรหรือเปล่า รูปงามชะมัด ตัวก็สูง ผิวนี่ข๊าวขาว” เสียงหญิงสาวบริเวณนั้นพูดขึ้น เหมือนฝันแอบมองก็เห็นผู้หญิงสองสามคนดูจากชุดที่ใส่คงเป็นพนักงานของทีนี่และคงไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ถึงได้จับกลุ่มคุยกัน
“เห็นซี แต่น่าเสียดายนะที่มีคู่หมายแล้ว”
“งั้นหรือ หล่อปานนั้น หน้าที่การงานก็ดี ใครได้ไปคงโชคดีแย่ ใครกันนะคนโชคดีคนนั้น”
“ก็คุณชลลิสาไงเล่า หม่อมหลวงชลลิสาที่สวยๆ นั่งข้างคุณชายนั่นเป็นคู่หมายกัน สวยหล่อเหมาะสมกัน คิดแล้วก็น่าอิจฉาจริงเชียว เห็นว่าคงจะหมั้นกันเร็วๆ นี้ละมัง”
เหมือนฝันนิ่งงัน เผลอกัดปากจนเจ็บ มือขาวกำกระเป๋าสะพายของตนแน่นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่ามือตัวเองกำลังสั่นมากแค่ไหน และหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
สุดท้ายแล้วพีรภัทรก็คงไม่ต่างจากคนอื่น ไม่ต่างจากคนคนนั้น
“เหมือนฝัน วันนี้เธอร้องเพลงเพราะ- เหมือน เธอเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอ บอกฉันมา!”
พีรภัทรถามอย่างร้อนลน เมื่อเขาเห็นว่าอีกคนร้องเพลงจบก็รีบขอตัวจากกลุ่มเพื่อนของชลลอสาตรงมาหาเหมือนฝันก็พบคนตัวขาวดูท่าทางไม่ดี กัดปากตัวเองจนช้ำ ไหนจะตาแดงๆ นั่นอีก เขาไม่ชอบใครเหมือนฝันเป็นแบบนั้นเลย ท่าทางที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ เขาไม่ชอบ ยอมให้อีกคนตีหน้านิ่งใส่ยังดีกว่าเสียอีก
“คุณชาย”
“ว่าอย่างไร ใครทำอะไรเธอ”
คุณชายนั่นแหละทำ
“ผมขอตัวไปรับค่าจ้างก่อน”
“จริงซี ค่าจ้าง เมื่อครู่ฉันเจอคนจ้างเธอน่ะ ฉันเลยอาสาเอาค่าจ้างมาให้เพราะจะมาหาเธอพอดี” พีรภัทรว่าพลางยื่นซองสีขาวให้
เหมือนฝันเก็บซองขาวเข้ากระเป๋าในทันทีไม่มีการตรวจสอบจำนวนเงินที่ทำเหมือนทุกครั้งจนติดเป็นนิสัย เขายังไม่อยากคุยกับคุณชายหมอตอนนี้ ไม่แม้แต่อยากจะมองหน้า
“ผมขอตัว”
“ตั้งแต่รู้จักกัน เธอพูดคำว่าขอตัวบ่อยกว่าอะไรทั้งหมด” พีรภัทรบอกก่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่คำถามของเขายังไม่ได้รับคำตอบ “เธอยังไม่ตอบฉันเลยว่าใครทำอะไรเธอ”
“ผมตอบไปแล้ว หลีกทางให้ผมด้วย”
“เธอตอบไปตอนไหน” คุณชายตัวสูงมองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ยอมสบตาเขา คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปเพื่อหวังนวดให้ผ่อนคลาย
แต่เหมือนฝันก็หันหน้าหลบ ทำให้มือของพีรภัทรค้างอยู่กลางอากาศเช่นนั้น
“ขอโทษ เธออารมณ์ไม่ดีหรือ”
“เปล่านี่ครับ”
เหมือนฝันตอบโดยไม่มองหน้าพีรภัทร ก่อนเดินออกมาเพราะไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายในตอนนี้ แต่พีรภัทรก็ยังตามเขามาอย่างไม่ลดละ
พีรภัทรมองแผ่นหลังของเหมือนฝันที่เดินนำหน้าแล้วนึกไม่สบายใจ อยากคุยให้รู้เรื่องแต่อีกฝ่ายก้าวฉับไม่สนใจสิ่งใด มุ่งหน้าเดินออกจากโรงแรมท่าเดียว แต่แล้วเหมือนฝันก็หยุดนิ่ง ยืนอยู่กับที่ราวกับโดนแช่แข็ง พีรภัทรเห็นดังนั้นจึงรีบก้าวเข้าไปหา กำลังจะเอ่ยถามแต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าดวงตาสวยของเหมือนฝันกำลังสั่นไหวและมีน้ำใสคลออยู่
เหมือนฝันจ้องไปยังที่ที่หนึ่งอย่างไม่วางตา เมื่อพีรภัทรมองตามอีกคนไปก็พบครอบครัววริศสกุลกำลังเดินเข้ามาในโรงแรมโดยมีคุณชายอาทิตย์เดินนำ
คนตัวขาวกำมือเข้าหากันจนเจ็บ รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกขึ้นมา
“เหมือนฝัน” พีรภัทรเอ่ยเรียกเมื่อจู่ๆ เห็นอีกคนหายใจแรงผิดปกติ
“ผม…ไม่เป็นอะไร”
เหมือนฝันพูดจบแล้วเดินก้มหน้าราวกับไม่อยากให้ใครเห็น เขาเผลอกลั้นหายใจในตอนที่เดินสวนกับบ้านวริศสกุล ขอแค่เพียงอาคิราไม่ทักเขาก็พอ แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก
“เหมือนฝัน!” หม่อมหลวงอาคิราเอ่ยทักทายเขาด้วยความสดใสเหมือนเคย
“…” เหมือนฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่หันกลับไปตามเสียงเรียก เพราะไม่ว่าอย่างไรอาคิราก็คงเดินมาหาเขาอยู่ดี
“สวัสดีครับพี่ชายพี” อาคิรายกมือไหว้คนอายุมากกว่าเมื่อเห็นว่าพีรภัทรไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ของตนเสร็จแล้ว ก่อนหันมาคุยกับเหมือนฝันต่อ “เธอร้องเพลงเสร็จแล้วหรือ เสียดายจัง ฉันมาไม่ทัน”
“ครับ”
“ขนมเมื่อวาน ขอบคุณมากนะ อร่อยมากๆ ฉันชอบ” อาคิราพูดทั้งรอยยิ้มเต็มแก้ม “ถ้าฉันจะจ้างเธอทำมาส่งวันศุกร์นี้ค่ำๆ จะได้หรือไม่ เธอสะดวกไหม”
“ได้ครับ อีกตั้งสัปดาห์ผมสะดวก คุณอาคิราต้องการขนมอะไรบ้างครับ” เหมือนฝันตอบรับและเอ่ยถามทั้งที่ไม่มองอาคิรา ใบหน้ากล้ำกลืนฝืนทนราวกับอยากออกไปจากตรงนี้นั้นอาคิรารู้ดี
เหมือนฝันไม่อยากทนหายใจใกล้กับผู้ชายคนนั้นแม้แต่นิด
“ขนมชั้นใบเตย ขนมหยกมณีแล้วก็ช่อม่วง ทำมาเยอะๆ เลยนะ จริงซี…ฉันไม่รู้ว่ามันทำยากไหม เธอทำได้ทั้งหมดหรือเปล่า” อาคิราเอ่ยเสียงหงอยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าขนมอาจจะทำยาก เขาไม่เคยเข้าครัวจึงไม่รู้วิธีทำ เคยได้ยินแค่คุณแม่บอกว่าขนมช่อม่วงนั้นจับจีบยากเอาการ
“ผมทำได้ครับ”
“จริงหรือ เธอเก่งจัง เช่นนั้นวันศุกร์นี้นะ”
“…” เหมือนฝันพยักหน้ารับเบาๆ มองอาคิราที่ยิ้มอย่างดีใจ จะชอบใจอะไรถึงเพียงนั้น “เช่นนั้น ผม-”
“เดี๋ยวซี” อาคิราถือวิสาสะจับมือขาวของเหมือนฝัน มองผ่านไหล่อีกคนก็พบคุณพ่อของตนกำลังจ้องมาที่เหมือนฝันไม่วางตาและคุณแม่ก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้วเช่นกัน “เธอจะไม่ไปไหว้คุณพ่อ-”
“ผมรีบน่ะครับ” เหมือนฝันเอ่ยพร้อมดึงมือออก “ขอตัว”
พูดจบก็เดินออกไป ไม่สนแม้แต่พีรภัทรที่มองตามตาละห้อย อาคิรายิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางหางลู่หูตกของคนโตกว่า
“ไม่ตามไปหรือครับพี่ชายพี”
“เขาเหมือนไม่อยากให้พี่ตามไป”
“ใครจะทราบล่ะครับ เหมือนฝันอาจจะกำลังต้องการคนปลอบโยนอยู่ก็ได้” อาคิราพึมพำกับตัวเองพลางมองไปที่คุณชายอาทิตย์ที่ยังคงมองตามหลังเหมือนฝันไป แม้แผ่นหลังสมส่วนจะหายลับไปแล้วก็ตาม
“จะไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแท้ๆ ยังมาโกรธกันเสียอีก”
“จริงซี เห็นพี่ชายดนัยว่าสัปดาห์นี้ยุ่งมากเลยนี่ครับ”
“ใช่ครับ งานยุ่ง ช่วงนี้คนไข้ก็มาก เพิ่งมีหมอลาพักร้อนไปหนึ่งคน อีกคนก็เพิ่งประสบอุบัติเหตุ หมอน้อย พี่อาจจะต้องเข้าเวรยี่สิบสี่ชั่วโมง คงนอนที่โรงพยาบาลหลายวันเชียว” พีรภัทรบ่นยาวจนอาคิราอดสงสารไม่ได้ “จริงๆ วันนี้พี่จะมาขอกำลังใจเสียหน่อย แต่กำลังใจดันขายาวก้าวหนีกันไวเสียเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรนะครับ” อาคิราว่าพลางลูบหลังคนอายุมากกว่าอย่างปลอบใจ
“ไม่ต้องเลยเรา ไปให้กำลังใจไอ้คุณชายดนัยจะดีกว่า รายนั้นบ่นจนขี้หูพี่เต้น”
“ให้ไปเยอะแล้วครับ กำลังใจน่ะ” อาคิราก้มหน้าด้วยความเขินเมื่อโดนสายตาล้อเลียนจากพีรภัทร
“อ่า ใช่ น้องชลอยู่ข้างในน่ะครับ ถ้าเข้าไปแล้วก็ไปทักทายเสียหน่อยซี”
“พี่ชลกลับมาจากฝรั่งเศสแล้วหรือครับ ไม่บอกกันเลย เช่นนั้นอ้นไปก่อนนะครับพี่ชายพี เอาไว้เจอกันครับ”
“ครับ ทานข้าวให้อร่อยนะครับ คุยเรื่องแต่งงานให้ราบรื่น”
“พี่ชายพี!”
อาคิราบอกลาพีรภัทรก่อนเดินกลับเข้าไปโรงแรมก็พบคุณชายอาทิตย์ พ่อของตนยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“เข้าไปข้างในกันเถิดครับคุณพ่อ”
“เดี๋ยวก่อน.. เมื่อครู่ ผู้ชายคนนั้นที่ลูกทัก-”
“ครับ เหมือนฝัน พี่เหมือนฝัน”
*****
ผ่านมาหลายวันแล้วนับจากวันที่เหมือนฝันได้พบคุณชายพีรภัทรครั้งล่าสุดที่โรงแรมคราวก่อน น่าจะราวๆ ห้าถึงหกวันได้ เขาไม่ได้ตั้งใจนับวันที่ไม่ได้พบกัน เพียงแค่นับจากวันที่อาคิราสั่งขนมและเขาต้องไปส่งอาคิรามันตรงกันเท่านั้น
ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องนึกถึงคนที่หายหน้าไปเกือบสัปดาห์โดยไม่บอกกล่าว คิดอยากจะมาก็มาได้ทุกวัน แต่พอจะหายหน้า หายตาก็ไม่มีบอก มีลาว่าจะหายไปไหน เขาไม่คิดถึงคนอย่างนั้นให้เสียเวลาหรอก
เหมือนฝันไม่ได้คิดถึงคุณชายพีรภัทรสักนิด
“พี่เหมือน”
“พี่เปล่า”
“เปล่าอะไรหรือ” จันทร์วาดเอียงคออย่างสงสัยเมื่อเห็นท่าทางแปลกของพี่ชาย “จันทร์จะบอกว่า พี่เหมือนจับจีบช่อม่วงเละแล้วน่ะ”
เหมือนฝันก้มมองตามคำบอกของจันทร์วาดก็พบขนมช่อม่วงที่เขากำลังจับจีบนั้นเละไม่เป็นทรงแล้วถอนหายใจ เค้าทำพลาดมาหลายชิ้นทั้งที่ปกติไม่เคย จิตใจล่องลอยไปไหนกันนะเหมือนฝัน
“ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวชิ้นเละๆ ฉันกินเอง” เมธีที่มาช่วยทำขนมในวันนี้เอ่ยบอกทั้งที่กำลังง่วนกับการผัดไส้ช่อม่วง “ว่าแต่เธอเหม่ออะไร คิดถึงคุณชายพีรภัทรรึ”
เหมือนฝันตวัดตามองเพื่อนผิวเข้มที่พูดไม่เข้าหู ก่อนมือขาวจะคว้าเอาลูกมะนาวสำหรับไว้ทำกับข้าวปาเข้าเต็มหัวเมธีอย่างจังจนอีกฝ่ายร้องลั่น
ปั่ก!
“โอ๊ย! เหมือนฝัน! โอย หัวฉัน ปาแม่นนักนะเธอ” เมธีร้องโอดครวญละมือจากกระทะมากุมหัวตน
“พี่เมธ!” จันทร์วาดตะโกนลั่นพลางชี้มือไปที่เมธี
“โอย จันทร์ขา หัวพี่ต้องปูดแน่ พี่เจ็บ-”
“พี่เมธประเดี๋ยวไส้ช่อม่วงไหม้! ละมือได้อย่างไร ถ้าไหม้เสียดายของแย่ ผัดเร็วซี มันจะไหม้นะ!”
คนเด็กสุดในที่นี้บ่นแล้วชี้ไปยังกระทะตรงหน้าเมธี ทำเอาเขาไปไม่เป็น แทนที่จะเป็นห่วงเขาที่โดนพี่ชายตนปามะนาวใส่กลับเป็นห่วงของกินเสียอย่างนั้น รอให้เหมือนฝันไปส่งขนมก่อนเถอะ ไอ้เมธีคนนี้จะบีบแก้มจันทร์วาดเสียให้ช้ำ
“หน้าตานายเหมือนกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่” เหมือนฝันบอก
“พี่เมธคิดเรื่องไม่ดีอยู่หรือ น่ากลัว”
“ไม่ใช่เสียหน่อย พี่น้องคู่นี้เนี่ยนะ” เมธีบอกปัด เมื่อเหมือนฝันพูดราวกับรู้ความคิดเขา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “เธอแน่ใจหรือเหมือนว่าไปคนเดียวได้ ให้ฉันไปด้วยก็สิ้นเรื่อง หากไปเจอพวกไอ้ท่านสมบัติระหว่างทางจะทำอย่างไร”
“นายคิดมากไปแล้ว แค่ไปส่งขนมไม่นาน นายอยู่นี่กับจันทร์ดีกว่า ฉันไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวเหมือนครั้งนั้น ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเจอคนแปลกๆ ฉันจะขอยืมโทรศัพท์เขาโทรหานายก็แล้วกัน”
เมธีพยักหน้ารับอย่างจำใจ เขาเป็นห่วงเหมือนฝันแต่ก็เป็นห่วงจันทร์วาดด้วยเช่นกัน ภาพที่เด็กตัวผอมสั่นเทาด้วยความกลัวยังติดตาเขา และเมธีก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
“แล้วก็…” เหมือนฝันลุกขึ้น เดินตรงไปหาเมธีแย่งตะหลิวในมืออีกฝ่ายมาถือไว้ ยิ้มให้เพื่อนผิวเข้มนิ่งๆ ก่อนพูดให้ได้ยินกันเพียงสองคน “อย่าถึงเนื้อถึงตัวจันทร์ให้มาก เอาแต่พอดี น้องฉัน ฉันหวง เข้าใจหรือไม่”
“ครับผม คุณพี่เหมือน” เมธียิ้มแหย ตอบอย่างสุภาพ มือใหญ่ทั้งสองข้างก็กุมเข้าหากันนอบน้อม
“ก็ดี ไปช่วยจันทร์ปั้นไส้ช่อม่วงได้แล้ววัวแก่”
เมธีเดินไปหาจันทร์วาดตามคำบอกของเหมือนฝัน ก่อนโดนเด็กตัวเล็กเอ่ยถามว่าคุยอะไรกัน เขาได้แต่บอกปัดว่าไม่มีอะไร แล้วแอบปาดเหงื่อเล็กน้อย แอบชอบน้องของเพื่อนนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
*****
วังวริศสกุล , พระนคร
เหมือนฝันยืนอยู่หน้าวังวริศสกุลได้พักใหญ่ เขาเกิดความลังเลขึ้นมาว่าควรฝากขนมกับคนรับใช้หรือควรเข้าไปเอง ถ้าหากเขาเข้าไปเองก็อาจจะได้พบกับผู้ชายคนนั้น ซึ่งเขาไม่อยากพบแม้แต่นิด
“มาทำอะไรรึพ่อหนุ่ม” เสียงชายมีอายุใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำทรงกระบอกเดินตรงเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้านั้นยืนอยู่หน้าวังได้สักพัก ดูเหมือนมีธุระแต่กลับไม่เรียกคนรับใช้ที่เดินผ่านไปมาหรือแม้แต่เขาที่ยืนเฝ้าอยู่แถวประตูวัง
“ผมนำขนมมาส่งให้คุณอาคิราน่ะครับ หากผมจะฝาก-”
“อ้อ พ่อหนุ่มรึ เข้ามาก่อนซี คุณหนูบอกกระผมไว้แล้ว หากมีคนนำขนมมาส่งให้พาเข้าไปข้างใน”
ชายมีอายุบอกพร้อมกับเดินมาเปิดประตูให้เหมือนฝัน เขาก้มหัวแล้วเอ่ยขอบคุณ ก่อนเดินตามเข้าไป เขามองวังใหญ่โตที่แสนงดงามตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาที่นี่และเหมือนฝันก็หวังให้เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน
“อ้าว แม่ชบา พ่อหนุ่มคนนี้เขามาส่งขนมให้คุณหนูน่ะ พาไปหาคุณหนูหน่อยซี ฉันต้องไปเฝ้าประตูแล้ว”
“งั้นหรือ ได้ซี ฉันกำลังจะไปที่ห้องอาหารพอดี มานี่พ่อหนุ่ม ตามฉันมา”
เหมือนฝันเดินตามไปอย่างว่าง่าย เขาอยากรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วและหวังว่าจะไม่เจอเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณชายอาทิตย์
“เธอรึที่ทำขนมชั้นมาให้คุณหนู” หญิงวัยกลางคนชวนคุยระหว่างเดินทางไปห้องอาหาร ในตอนแรกเธอคิดว่าคนทำจะเป็นผู้หญิง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายก็แปลกใจเล็กน้อย หน้าตาก็งดงามเหมือนรูปวาดแล้วยังทำขนมเก่ง
“ครับ”
“ฝีมือดีเชียว คุณหนูชอบใจใหญ่ ชมไม่หยุดปาก” เธอว่าเมื่อนึกไปถึงสัปดาห์ก่อนที่คุณหนูของตนพูดถึงขนมและคนทำไม่หยุด ทั้งยังแบ่งขนมมาให้เธอชิมและเธอก็ยอมรับว่าขนมนั้นอร่อยมากทีเดียว “หน้าตาก็งามเหมือนพวกประกวดหนุ่มงามแห่งสยาม ฝีมือก็ดี มีความสามารถ หาไม่ใช่ง่ายๆ”
เหมือนฝันยิ้มรับตามมารยาทแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ หญิงวัยกลางคนยังคงชวนเขาคุยอยู่เรื่อยๆ คนตัวขาวตอบบ้าง เงียบบ้างจนกระทั่งเดินมาถึงห้องอาหารของวัง
“คุณหนูขา คนทำขนมนำขนมมาส่งแล้วค่ะ”
“มาแล้วหรือเหมือนฝัน”
อาคิรายิ้มร่าเมื่อได้ยินคำบอกของสาวใช้เก่าแก่ รีบลุกจากเก้าอี้มาหาเขาด้วยรอยยิ้มแห่งดีใจต่างจากเหมือนฝัน
เขาไม่คิดว่าทุกคนจะอยู่พร้อมหน้าทั้งอาคิรา คุณหญิงอุษาและคุณชายอาทิตย์
“พี่ชบาช่วยไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของอ้นบนห้องนอนให้หน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะคุณหนู”
“เธอมาได้จังหวะเชียว เรากำลังจะทานมื้อเย็น มาทานด้วยกันสิเหมือนฝัน” อาคิราบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะโดนคนเป็นแม่ดุ
“ตาอ้น มานั่งที่”
อาคิราหงอลง แต่ยังไม่ยอมทำตามคำบอกของคุณหญิงอุษา ถือวิสาสะดันตัวเหมือนฝันให้นั่งลงที่เก้าอี้ แต่คนตัวขาวก็ยื้อตัวเอาไว้ก่อนสะบัดแขนออก
“ผมแค่มาส่งขนม ผมเป็นคนนอก ไม่เหมาะสมหรอกครับ”
“ก็รู้ตัวดีนี่” คุณหญิงอุษาว่าพลางมองไปที่คุณชายอาทิตย์ที่กำลังจ้องตากับเหมือนฝันอย่างไม่ลดละ
“เหมือนฝัน… เหมือนฝันจริงๆ หรือลูก”
คุณชายอาทิตย์ลุกจากที่นั่ง ก้าวไปหาเหมือนฝัน ในแต่ละก้าวหนักอึ้งราวกับโดนหินถ่วง เขาไม่ได้พบเหมือนฝันมากี่ปีแล้ว ลูกชายของเขาโตขึ้นมากจริงๆ ทั้งยังหน้าตางดงามเหมือนกับภาขวัญไม่มีผิด มือสั่นเทาค่อยๆ ยื่นไปหาเหมือนฝันก่อนโดนอีกคนตอกกลับด้วยคำพูดห่างเหินและเย็นชาจนหัวใจคนเป็นพ่อรู้สึกเจ็บปวด
“อย่ามาโดนตัวผม อย่า… แม้แต่จะคิด”
เกิดความเงียบหลังจากเหมือนฝันพูดจบ แม้แต่คุณหญิงอุษาก็นิ่งงัน เงยหน้ามองเหมือนฝัน ดวงตาสวยที่มีแววตาแข็งกร้าว แฝงไปด้วยความโกรธ ความน้อยใจ หรือแม้แต่ความเกลียดที่มีต่อพ่อของตัวเอง
เด็กคนนั้น คงเจ็บปวดมากสินะ
“เหมือนฝัน… นี่พ่ออย่างไรเล่า พ่อเอง” คุณชายอาทิตย์เอ่ยบอกน้ำเสียงสั่นๆ
“คุณชายคงเข้าใจผิดไป เพราะตั้งแต่เจ็ดขวบ ผมก็ไม่เคยมีพ่ออีกเลย”
น้ำเสียงที่เอ่ยประชดประชันทั้งยังมีความน้อยใจอยู่ในประโยค ทำเอาอาคิราทนไม่ไหวต้องเบือนหน้าหนีเมื่อคิดได้ว่าเหมือนฝันต้องรับรู้ทุกอย่างตั้งแต่เจ็ดขวบ พี่ชายของเขาต้องเก่งขนาดไหนกัน
“พ..พ่อขอโทษนะเหมือน พ่อไม่มีทางเลือก พ่อขอโทษ” เหมือนฝันร้องเหอะในลำคอเมื่อเห็นผู้ชายตรงนั้นที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของตน ไม่สิ เคยเป็น แสดงสีหน้าเสียใจ รู้สึกผิด เขาก็ยิ่งเกลียดผู้ชายคนนี้
“ไม่มีทางเลือกงั้นหรือ คุณชายมีทางเลือกครับ เพียงแต่คุณชายเลือกที่จะทำผิดต่อผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกัน เลือกที่จะหลอกและทำแม่ของผมเสียใจ คุณชายทราบหรือไม่ว่าผมรู้สึกอย่างไรที่ต้องเห็นแม่ตัวเองร้องไห้ทุกวัน!”
ภาพในวันวานย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำราวกับเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตอนที่แม่บอกเขาว่าต่อไปเราจะอยู่กันแค่สามคน เขา จันทร์วาดและแม่
ในตอนนั้นเขาไม่เข้าใจและร้องหาพ่อในทุกวัน แม่ทำได้เพียงแค่กอดเขาเอาไว้ เอ่ยบอกว่าไม่เป็นไร มีแม่อยู่ตรงนี้ เขาต้องทนเห็นภาพที่แม่แอบร้องไห้หลังจากกล่อมเขากับจันทร์วาดหลับ เพราะเสียงร้องไห้อันแสนเจ็บปวดทำให้เขาสะดุ้งตื่นเกือบทุกคืน และในทุกเช้าแม่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงยิ้มให้เขาเหมือนเคย เขาจึงไม่คิดถามว่าเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั่งเขาอายุได้แปดขวบย่างเก้าขวบ เขาเห็นพ่อของตัวเองที่ไม่ได้เห็นมานานอยู่กับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง และในอ้อมแขนของพ่อก็กำลังอุ้มเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เหมือนฝันจำได้ว่าเขาไม่พอใจอย่างมาก ตั้งใจเดินเข้าไปหาพ่ออยากถามให้รู้เรื่องแต่ก็โดนแม่รั้งเอาไว้เสียก่อน
ความทรงจำของเหมือนฝันยังชัดเจนในตอนที่แม่เล่าทุกอย่างให้เขาฟังพร้อมกับร้องไห้เอ่ยขอโทษเป็นร้อยครั้ง เสียงร้องไห้ของแม่ปนกับเสียงร้องไห้ของจันทร์วาด และเป็นเขาคนเดียวที่น้ำตาไหลโดยไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมา ตั้งแต่ตอนนั้นความรู้สึกที่มีต่อพ่อก็เปลี่ยนไป
“คุณชายทำได้อย่างไร มีคนรักอยู่แล้วแต่ยังมาหลอกแม่ผม ปกปิดได้อย่างไรตั้งหลายปี คุณชายเห็นแม่ผมเป็นอะไร!”
“พ่อกับภาขวัญรักกันมาก่อน! พ่อโดนจับคลุมถุงชนกับคุณหญิงอุษา พ่อไม่ได้รักเธอ”
เหมือนฝันกับอาคิรามองคนเป็นพ่ออย่างไม่เชื่อสายตา อาคิราพอรู้มาบ้างว่าการคลุมถุงชนนั้นเป็นเรื่องปกติของคนระดับสูง เขาเองก็โดนคลุมถุงชนกับดนัย แต่ต่างตรงที่เขากับดนัยรักกัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าคุณพ่อจะพูดแบบนั้นออกมาต่อหน้าคุณแม่
“นี่น่ะหรือครับที่คุณชายบอกว่าไม่มีทางเลือก ทำไมตอนนั้นคุณชายถึงไม่ปฏิเสธไป หากปฏิเสธไม่ได้ ทำไมไม่เลิกยุ่งกับแม่ผม ทำไมต้องปล่อยให้แม่รู้ความจริงเอง ทำไมต้องปล่อยให้แม่มีจันทร์ ทำไมต้องทำให้แม่ผมลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว ทำไม…ต้องทำให้น้องของผมไม่มีพ่อไปด้วยอีกคน อึก”
เหมือนฝันเม้มปากกลั้นเสียงสั่นๆ ของตน เมื่อนึกถึงจันทร์วาดในวัยเด็กเคยถามว่าทำไมตนถึงไม่มีพ่อ แต่ทั้งเขาและแม่ก็ไม่มีคำตอบให้ น้องชายของเขาไม่เคยงอแงอยากรู้ อีกคนบอกว่าที่ถาม เพราะเพื่อนถามมาอีกทีเท่านั้น ตนแค่มีแม่กับเขาก็พอใจแล้ว
“พ่อขอโทษ…”
ภาพแม่ที่เอ่ยขอโทษในวันนั้นซ้อนทับกับผู้ชายตรงหน้าเขาในตอนนี้ แต่ความรู้สึกกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เขามองคุณหญิงอุษาที่นิ่งเงียบเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เธอไม่ได้พูดอะไร หน้าตาเฉยเมยราวกับไม่สนใจอะไรกับคำพูดจากสามี แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจไม่เคยโกหก
เขาไม่รู้เรื่องราวในครอบครัวของอาคิรา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่สร้างบาดแผลในใจให้ผู้หญิงสองคนจนผลกระทบตกไปถึงคนอื่น ผู้ชายแบบนั้นไม่สมควรได้รับการอภัย
“คนอย่างคุณชาย… ไม่สมควรได้รับการอภัยเสียด้วยซ้ำ” เหมือนฝันจ้องหน้าคุณชายอาทิตย์โดยไม่หลบตา
“เหมือน พ่อกับแม่เรารักกันจริงๆ นะลูก พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว ลูกพาจันทร์วาดมาหาพ่อบ้างได้ไหม ภาขวัญล่ะ แม่สบายดีหรือเปล่า”
เหมือนฝันมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า กล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าภรรยาและลูกของตัวเองได้อย่างไร ช่างหน้าไม่อายเสียจริง
“รักงั้นหรือครับ คุณชายรักแม่ผมงั้นหรือ หากรัก แล้วทำไมไม่ทราบว่าแม่ของผมเสียไปได้สี่ปีแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ!”
คุณชายอาทิตย์ทรุดลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของเหมือนฝัน รวมทั้งอาคิราและคุณหญิงอุษาต่างก็ตกใจในคำพูดนั้น
“ทั้งที่แม่อยู่ใกล้คุณชายแค่นี้ แม่ไม่เคยหนีคุณชายไปไหนไกล…” เหมือนฝันมองคนที่นั่งคุกเข่าร้องไห้กับพื้นแล้วนึกเสียใจ แม่ไม่น่ามารักคนแบบนี้ “แต่ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราหรอกนะครับ ผมกับจันทร์สบายดี”
พูดจบก็เดินออกไปโดยไม่บอกลาใครทั้งสิ้น ขาเรียวก้าวฉับอย่างรีบร้อน อยากออกไปจากที่นี่จนแทบขาดใจ เมื่อเดินพ้นห้องอาหารมาได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนคนที่ตามออกมาคว้าแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน
“พี่เหมือน! พี่พูดจริงหรือเรื่อง…คุณแม่ภาขวัญ” อาคิราเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ต่างจากทุกครั้ง
“ครับ”
เหมือนฝันตอบแค่นั้นแล้วก็เงียบ เขาไม่ได้สะบัดมือของอาคิราออก อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือแต่เปลี่ยนมาจับข้อมือเขาด้วยสองมือ มองหน้าเขาด้วยความอ้อนวอน
“อย่าเกลียดอ้นได้ไหมพี่เหมือน อ้นขอร้อง”
คนตัวขาวนิ่งงัน เมื่ออาคิราจับมือเขาแนบแก้มตนแล้วสะอื้นเงียบๆ เหมือนฝันเอื้อมมือไปลูบผมของอาคิราเบาๆ ก่อนดึงมือออกเอ่ยบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอด
“ผมไม่ได้เกลียดคุณ…ไม่เคยเกลียด”
เขาไม่เคยเกลียดอาคิราเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดอะไรผิด เขาเกลียดคนที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยาก คนที่ทำให้คนอื่นมีแผลในใจ เขาไม่ได้เกลียดอาคิราเพราะอย่างไร อาคิราก็เป็นน้องชายของเขาเหมือนกัน
*****
เหมือนฝันเดินออกจากวังวริศสกุลอย่างเหม่อลอย เหตุการณ์เมื่อครู่เขาไม่นึกฝันว่าจะต้องเผชิญหน้าไวขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนเขารับแทบไม่ไหว เจ็บในอกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนฝันไม่ได้ร้องไห้มานานตั้งแต่ที่แม่เสียเพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น เขาเก็บเอาไว้ อดทนมาตลอด แม้อยากร้องไห้สักเท่าไหร่เขาจะจัดการตัวเองได้เสมอ แต่ตอนนี้สิ่งที่เก็บเอาไว้นั้นกำลังจะทะลักออกมาและมันหนักเกินจะเก็บไว้คนเดียว ถ้ามีใครสักคนที่ช่วยเขาได้ก็คงดี
จู่ๆ ก็นึกถึงคนที่ไม่ควรนึกถึง คนที่หายหน้า หายตาไปเกือบสัปดาห์ ยิ่งในเวลาแบบนี้ เขาไม่ควรคิดถึงพีรภัทรเลย
เหมือนฝันเงยหน้าขึ้นมามองทางหารถสามล้อเพื่อกลับบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก มองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตน ขอบตาร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำใสในตาเอ่อขึ้น เขากัดปากกลั้นสะอื้น เมื่อเห็นคุณชายพีรภัทรยืนกอดอกพร้อมรถเครื่องคู่ใจที่หน้าวังวริศสกุล
เหมือนฝันปาดน้ำตาหน้าบนใบหน้าออกอย่างไม่ใสใจ ขาเรียวค่อยๆ ก้าวไปหาคุณชายพีรภัทร น้ำใสที่บดบังการมองเห็นทำให้เขาเห็นภาพไม่ชัดนัก แต่เขาก็เห็น เห็นว่าคุณชายพีรภัทรก็ก้าวมาหาเขาเช่นกัน
จนกระทั่งเหมือนฝันอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคุณชายพีรภัทร และเขาสามารถร้องไห้ได้อย่างไม่อาย
ไม่มีคำถามจากคุณชายหมอขี้สงสัยเหมือนทุกครา มีเพียงมือใหญ่ที่ลูบหลังปลอบใจและแขนแกร่งที่กระชับแน่นขึ้นเพื่อให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเหมือนฝัน
“ฉันออกเวรในรอบหลายวันเชียวนา น้องอ้นบอกฉันว่าเธอจะมาส่งขนม ฉันเลยมารอ” พีรภัทรบอกทั้งที่ไม่สนใจว่าเหมือนฝันจะฟังกันอยู่หรือไม่ เขาแค่พูดไปเรื่อยเหมือนทุกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” แค่เพียงคำพูดนั้นก็ทำให้เหมือนร้องไห้หนักกว่าเดิม คนตัวสูงยังคงลูบแผ่นหลังสมส่วนที่ดูเล็กลงเรื่อยๆ ในอ้อมกอดของเขา “ฉันอยู่นี่แล้ว”
ร่างเพรียวในอ้อมกอดพีรภัทรพยักหน้า เขาเชื่อ เขาเชื่อในคำพูดของพีรภัทร เหมือนฝันจะต้องไม่เป็นอะไร
“ฮึก… คุณชาย.. ไม่ถามหรือครับ”
“ไม่ล่ะ แต่หากเธอยากเล่า ฉันจะฟัง”
เหมือนฝันเงียบ มีเพียงเสียงสะอื้นเป็นคำตอบ พีรภัทรไม่ได้กดดันแต่อย่างใด แม้ความสงสัยในความสัมพันธ์ของเหมือนฝันกับบ้านวริศสกุลยังมีอยู่ แต่อาจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่งได้หากไม่ได้รับอนุญาต และครั้งนี้คงหนักเกินกว่าที่เหมือนฝันจะเก็บเอาไว้คนเดียว
“ตอบฉันแค่คำถามเดียวก็พอ”
“…” เหมือนฝันผละตัวออกจากคุณชายพีรภัทร มองหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มให้อย่างอบอุ่น มือใหญ่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวาน ที่แม้ในเวลาที่มีน้ำตา จมูกแดง แก้มแดง ตาบวมขึ้นมาก็ยังงามสำหรับเขา
“เธอจะยอมให้ลูกรักของฉันพาเธอไปส่งที่บ้านได้หรือยัง”
เหมือนฝันมองรถเครื่องคู่ใจของพีรภัทรแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย จับฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายที่ยังคงเช็ดคราบน้ำตาให้เขาไม่หยุด
ลองนั่งรถนำเข้าที่อีกฝ่ายคุยอวดไว้สักครั้งคงไม่เสียหายอะไร
“ครับ”
*****
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณไรท์เขียนดีมากๆเลยค่าา บรรยายได้ดีเห็นภาพสุดๆ
เศร้าจัง สงสารน้องอะ แงงงงงง
ปล. เราว่าคุรไรท์เขียนได้ดีแล้วนะคับ เราชอบมากๆ เลย ที่สำคัญคือคู่ชิปเราดันตรงกันอีก เลยดีใจมากๆ เลยค่ะt-t สู้ๆ นะคะคุรไรท์จะรออ่านไปจนจบเลยยยย
เหมือนก็เปิดใจให้คุณชายพีอยู่นะ ให้มาบ้านทั้งที่รู้ว่าเป็นข้ออ้าง ตามใจอีกตั้งเยอะ ชอบเค้าแล้วใช่มั้ยล่า แต่ปมอ้นกับเหมือนก็คิดไม่ตกเหมือนกัน คือจริงๆแล้วน้องชายเหมือนจริงๆ เป็นอ้นเหรอ แล้วถ้าเป็นแบบน้ันจันทร์เป็นลูกใครอะ กี๊ดดด งงมากกก