ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic way of life shinee

    ลำดับตอนที่ #3 : sf way of life 3 jinki เหตุเกิดเพราะ

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 56




    "ถึงคราวที่เธอ ต้องตอบแทนฉันแล้วหละลีจินกิ ฉันปล่อยให้เธอละเลิงอยู่กับมันไม่นานหลอก" รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม

    ����� แสงแดดยามเลิกเรียน สายลมโชยพัดผ่าน ไม่ได้เห็นนานเท่าไหร่แล้วนะ ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง บรรยากาศที่ทุกคนเลิกเรียนพร้อมกัน ต่างคนต่างกลับบ้าน หรือไปเที่ยวดูหนังกับเพื่อนกับแฟน "เฮ้อ" จินกิ ถอนหายใจ วัยอย่างพวกเค้าและน้องควรจะเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรอ โดยเฉพาะน้องเล็กควรจะได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพวกเราเลือกที่จะมาตามฝันเอง

    "จินกิ ไปก่อนนะบายๆ" เพื่อนๆที่เรียนห้องเดียวกันเอ๋ยทักทาย

    "บายๆ นายอง มินกี" เอ๋ยตอบด้วยรอยยิ้มสดใส

    ������ รถคันสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลรั้วมหาวิทยาลัย จินกิมองรถคันนั้นแล้วก้าวเดินไปหาอย่างคุ้นเคย รถที่พวกเค้าใช้เป็นประจำทุกครั้งที่มีคอนเสิตร์ งานทางโทรทัศน์ ไปเป็นที่ประจำตัวของดาราเกือบทุกคน

    "อนยู ผู้จัดการของนายฝากมาบอกว่ามีท่านผู้บริหารท่านนึงอยากพบนาย เค้าต้องการให้ฉันพานายไปหาท่านที่บริษัท เค้าไม่ว่างมารับด้วยตนเอง" พี่ผู้จัดการที่มารับผมกล่าว

    "ครับ" ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ต้องไป ในใจเริ่มคิดมากว่าจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก

    ����� ในขณะที่กำลังเดินทางไปบริษัท เสียงคุยโทรศัพท์ของคนตัวเล็กกับรุ่นน้องในวง รอยยิ้มที่เปอะบนใบหน้าของลีดเดอร์ตัวเล็ก ใครเห้นก็มีความสุขทั้งนั้น รอยยิ้มที่ทำให้ใครหลายคนมีกำลังใจ รอยยิ้มตายิ้ม

    "พี่อนยูพี่เลิกเรียนแล้วจะกลับมากินข้าวทันไหมจะได้รอ" คีย์พูด

    "พี่คงกลับหอช้าหน่อยนะ พอดีที่บริษัทเค้าเรียกพี่เค้าไปคุย ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเหมือนกัน"
    อนยูตอบ

    "นี่แทมินกับมินโฮหนะเล่นเกมส์เสียงเบาๆหน่อย ฉันคุยโทรศัทพ์กับพี่ใหญ่อยู่" คีย์หันไปเอ้ด

    "555 คีย์พี่ฝากบอกเจ้าตัวยุ่งทั้งสองด้วยนะว่าอย่าสนกันให้มาก" อนยูแซว

    "ผมป่าวซนซะหน่อย"ทั้งสองเสียงประสานพร้อมกันแล้วหันไปเริ่มเล่นเกมส์ตาใหม่

    "555ไอพวกนั้นได้ยินด้วย"

    "ก็ผมเปิดspeaker phoneอะพี่" คีย์บอก

    ������ เมื่ออนยูสั่งคีย์เสร็จ ทั้งสองก็วางสายจากกัน รถแล่นมาถึงตัวบริษัท

    "พี่ครับพาผมเข้าลิฟด้านหลังทำไม" อนยูสงสัย

    "ก็ทางไปชั้นลับของผู้บริหารใหญ่ๆไง เรื่องนี้อย่าเอาไปบอกใครเฉียวหน้าว่า ลิฟต์ตัวนี้ขึ้นได้หนะ เฉพาะนายเท่านั้น"

    ������ ที่พี่เค้าพูดแบบนี้ก้เพราะว่าส่วนใหญ่จะให้ผู้บริหารระดับสูงบางคนขึ้นเท่านั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เด็กฝึกหัด หรือศิลปินในสังกัดจะได้ขึ้น



    "ผมพาผมพาอนยูมาแล้วครับ"

    ������ พี่เค้าพาผมเข้าไปในห้องทำงาน ที่มีท่านผู้บริหารคนนึงนั่งหันหลังอยู่

    "ขอบใจนายออกไปได้แล้ว แล้วก้อย่าให้ใครมารบกวนเวลาส่วนตัวที่ฉันจะคุย กับจินกิเค้า" ท่านผู้นั้นพูด

    "ครับ" พี่ที่พาคนตัวเล็กเดินออกไปแล้ว

    ������ อนยูสะดุ้งเล็กน้อยเพราะทุกครั้งที่อย่างก
    รายเข้ามาในบริษัท ทุกคนจะรู้จักผมในนามว่า อนยู น้อยคนที่จะรู้จักชื่อจริงของเค้า ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว เพื่อนเก่า แล้วก็น้องๆในวง แต่เจ้าพวกนั้นก็ชอบเรียกว่าอนยูมากกว่า แล้วก็ใครอีกคนที่อนยูลืมไปแล้ว แต่หวังว่าคงไม่ใช่

    "คุณมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ" อนยูถามกล้าๆกลัว

    "นี่พ่อหนุ่มน้อยจำฉันไม่ได้หรอ คนที่เธอเคยบอกว่าอยากจะเป็นนักร้องนะ"
    ท่านหมุนเก้าอี้มา


    � � �� ความเงียบเข้าปกคลุมจินกิ ไม่จริงใช่ไหม ทำไมถึงเป็นเค้าคนนั้น ผู้ชายโรคจิต ตอนนี้ภายในใจของจินกิว้าวุ้นไปหมด ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน กลัวเหลือเกิน

    "เธอไม่อยากรู้หรอว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่" ตาลุงเจ้าเล่ห์พูดขึ้น

    "..." เงียบไม่มีคำตอบของจินกิ

    "ถ้างั้นฉันจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันเป็นหุ้นส่วนของที่นี้ และเป็นเจ้านายของเธอ ฉันเป็นส่วนหนึ่งทำให้เธอได้เป็นนักร้องสมใจ" ตาลุงยกยิ้ม

    "ไม่จริง คุณมันก็แค่พวกสิบแปดมงกุฏ หลอกปล้ำเด็กโดยใช้ข้ออ้าง"

    "หึ เธอคงจำสัญญาไม่ได้สินะ ว่าถ้าเธอได้เป็นนักร้องเธอจะทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง" เอาข้ออ้างมาใช้

    "สัญญานั่นถือว่าเป็นโมฆะไปแล้ว เพราะคุณคือพวกล้อลวง เพราะบ้านเราจน ไม่มีปัญญาไปแจ้งตำรวจฟ้องร้องคุณ ผมถึงได้ปล่อยให้มันผ่านไป ผมไม่นึกว่าจะเจอคุณอีก" จินกิพูดอย่างโมโห

    "แค่นี้ใช่มั้ยที่เธอจะพูด ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้ เพราะเธอคงไม่อยากให้หนังรักของเรามันแพร่ไปทุกช่องของทีวีหลอกนะ ลองคิดดีๆสิจินกิว่ามันจะกระทบกับใครบ้าง"�

    "ไอ้คนเจ้าเล่ห์� คุณต้องการอะไร
    ฮึก...ฮือ ผมไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้" น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่ค่อยๆไหลออกมา

    "คืนนี้เราจะมาทบทวนความหลังกันซะหน่อย แล้วเธอก็โทรไปบอกผู้จัดการด้วยว่าวันนี้จะกลับไปนอนที่บ้าน" ตาลุงออกคำสั่ง

    ������ หลังจากที่จินกิโทรไปบอกผู้จัดการแล้วก็โทรไปบอกแม่ให้โกหกผู้จัดการ ซ(ึ่งผู้เป้นแม่ก็ถามว่าทำไม แต่จินกิก็บอกว่ามีธุระนิดหน่อย แม่เลยไม่ถามต่อ

    "คุณจะทำอะไร อื้อ...อืม" จูบที่น่ารังเกียจถูกบดขยี้ไม่เหลือ

    ������ ตาลุงพาจินกิเข้ามาในห้องลับใต้รูปผ่าน ห้้องนี้ถูกแต่งด้วยสไตล์ยูโรป มีเตียงนอนอยู่ในห้อง สภาพทุกอย่างเหมือนห้องนอนผสมบาร์ ตาลุงค่อยปดกางเกงของคนตัวเล็กและจัดการถอดเสื้อของทั้งคู่ออก



    "อ้า...อืม..."ภาพนี้เหมือนฉากที่ฉายซ้ำเมื่อ5ปีก่อน

    "ฮือ...ฮึก"

    "เพี้ย...เลิกร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญ" ฝ่ามือหนาฝาดลงบนใบหน้าของคนตัวเล็กเพื่อให้เงียบ


    ��������� เมื่อหมดสนุกกับบทเร้าร้อน ตาลุงก็ลุกขึ้นมาใสเสื้อผ้า แล้วโยนเสื้อให้ร่างเล็กก่อนจะไล่ออกไป

    "ขอบใจมากนะ ออกไปได้แล้วเดี๋ยวฉันจะให้คนของฉันไปส่งที่หอพัก"

    ������ จินกิรีบออกจากที่นั้นอย่างไม่คิดชีวิต พอมาถึงหอพัก เค้าก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเพื่อล้างคราบความสกปกออก แต่ล้างเท่าไหร่ก็ไม่หมด จนปากถลอก น่าสงสารมาก



    "จะทำยังไงดี ไม่อยากให้น้องๆโดนๆไปด้วย อนาคตของเราเพิ่งเริ่มเองจะจบเพราะผมหรอ"จินกิพึมพัมออกมา

    ������ เรื่องราวในวันนั้นผ่านไปราวกลับฝันร้ายและช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเค้า ปัญหาเรื่องแอนตี้แฟนที่จ้องจะทำร้ายพวกเราโดยมุ่งเป้าหมายไปที่น้องเล็กแทมิน และอีกหลายเรื่อง�� แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าแอนตี้แฟนคือ การที่คนๆนั้นยื่นมือเค้ามาช่วย แต่สิ่งแลกเปลี่ยนคือการที่ผมต้องเอาร่างกายไปรับแขกของเค้า แล้ววั้นนั้นก็มาถึงแขกคนสำคัญ

    ปิ๊บปิ๊บ เสียงข้อความของจินกิดังขึ้น

    (วันนี้นายมีถ่ายรายการที่สถานนี พอดีแขกที่ฉันว่าก็ทำงานอยู่ที่นั้น พอเลิกงานแล้วจะมีคนพาเธอไปหาเค้า ดูแลเค้าให้ดีหละจินกิ อย่าทำให้เค้าไม่พอใจและฉันเสียผลประโยชน์หละ จำไว้ แล้วถ้าคิดหนี นายก็รู้ว่าจะต้องโดนไรบ้าง) ข้อความที่ส่งมาย้ำสองสามรอบ ทำเอาจินกิแทบบ้า


    ++++++++++++++++++++++++++

    "พี่อนยูเลิกงานแล้วพี่จะไปไหน ผู้จัดการให้กลับหอเลยนะ" น้องๆพูดกับจินกิ

    "พี่จะไปทำธุระหนะ กลับกันไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่กลับเอง" จินกิโกหกน้องๆ

    ������ รถเก่งสีบลอนจอดรออยู่ปากทางออกสถานนี จินกิเดินเลี่ยงๆออกมาจากน้องๆโดยไม่ให้ผิดสังเกตุ สถานที่ๆเค้าไปคือคอนโดหรูใจกลางเมืองไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานี คนที่เค้าต้องพบคือผู้หญิงคนนึง มองผ่ายนอกดูเหมือนคนใจดี ทุกคคนจะรู้จักเค้าดีในนามบรรณาธิการข่าวที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครที่ถูกเค้าเขียนข่าวถ้าไปในด้านดีก็จะรุ่งมากๆ แต่ถ้าในด้านลบก้เหมือนหมดอนาคตให้จมดินไปเลย วินาทีนี้คงต้องทำให้เค้าถูกใจ

    "นี่เธอคืออนยูใช่มั้ย" หญิงสาวถามขึ้น

    "ครับ" จินกิตอบ

    "ถ้าเธออยากอยู่ในวงการนี้นานๆก้ทำให้ฉันมีความสุขซะนะ ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอในทีวีแล้วฉันอยากได้มาเป็นของตัวเอง ออวันนี้เริ่มจากเธอต้องมานวดให้ฉันก่อน" หญิงสาวสั่ง จินกิไม่กล้าปฏิเสธ

    ������ จินกิรู้สึกว่า แขกคนนี้ช่างน่ากลัวอย่างกลับโรคจิต บางครั้งเธอก็ให้เอาน้ำตาเทียนล้นที่ตัวเธอบ้าง แล้วก็ให้ผมตีเธอบ้าง นอกจากเรื่องอย่างว่ากับเรื่องพวกนี้แล้วก็มีเรื่องงานบ้างที่ตาลุงสั่งให้ไปทำ ช่วงนั้นแขกแต่ละคนที่ตาลุงแกสั่งก็น่ากลัวอย่างกับโรคจิตหลายราย บางครั้งร่ายกายของผมก็รับไม่ไหว ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนเวทีการแสดงบ้าง มันควบคุมขาไม่ได้

    ������ ช่วงหลังมานี้ตาลุงไม่ค่อยเรียกใช้จินกิเท่าไหร่ เพราะมีเด้กฝึกหัดใหม่ไปเป็นเหยื่อแทน จินกิเคยเดินสวนกับน้องคนนั้น หลายครั้งที่เห็นแววตาหมองเศร้า หรือครั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือตอนที่เค้าไปเห็นว่าน้องถูกคนใจร้ายทำร้ายร่างกาย แต่กลับเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้ เพราะห่วงอนาคตของตัวเองและวง�


    "จะทนไม่ไหวแล้วเว้ย จะเอายังไงว่ะ" จินกิตะโกนลั่น เค้าไม่อยากเป็นแบบนี้ เค้าแค่อยากเป็นนักร้องจากความสามารถจริงที่ไม่ได้มาด้วยการเอาตัวเข้าแรกแบบนี้ วงของเราประสบความสำเร็จมากขึ้น กับร่างกายและหัวใจของจินกิที่อ่อนแอลง
    �����



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×