ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : sf way of life 3 jinki เหตุเกิดเพราะ
"ถึงคราวที่เธอ ต้องตอบแทนฉันแล้วหละลีจินกิ ฉันปล่อยให้เธอละเลิงอยู่กับมันไม่นานหลอก" รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม
����� แสงแดดยามเลิกเรียน สายลมโชยพัดผ่าน ไม่ได้เห็นนานเท่าไหร่แล้วนะ ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง บรรยากาศที่ทุกคนเลิกเรียนพร้อมกัน ต่างคนต่างกลับบ้าน หรือไปเที่ยวดูหนังกับเพื่อนกับแฟน "เฮ้อ" จินกิ ถอนหายใจ วัยอย่างพวกเค้าและน้องควรจะเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรอ โดยเฉพาะน้องเล็กควรจะได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพวกเราเลือกที่จะมาตามฝันเอง
"จินกิ ไปก่อนนะบายๆ" เพื่อนๆที่เรียนห้องเดียวกันเอ๋ยทักทาย
"บายๆ นายอง มินกี" เอ๋ยตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
������ รถคันสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลรั้วมหาวิทยาลัย จินกิมองรถคันนั้นแล้วก้าวเดินไปหาอย่างคุ้นเคย รถที่พวกเค้าใช้เป็นประจำทุกครั้งที่มีคอนเสิตร์ งานทางโทรทัศน์ ไปเป็นที่ประจำตัวของดาราเกือบทุกคน
"อนยู ผู้จัดการของนายฝากมาบอกว่ามีท่านผู้บริหารท่านนึงอยากพบนาย เค้าต้องการให้ฉันพานายไปหาท่านที่บริษัท เค้าไม่ว่างมารับด้วยตนเอง" พี่ผู้จัดการที่มารับผมกล่าว
"ครับ" ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ต้องไป ในใจเริ่มคิดมากว่าจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก
����� ในขณะที่กำลังเดินทางไปบริษัท เสียงคุยโทรศัพท์ของคนตัวเล็กกับรุ่นน้องในวง รอยยิ้มที่เปอะบนใบหน้าของลีดเดอร์ตัวเล็ก ใครเห้นก็มีความสุขทั้งนั้น รอยยิ้มที่ทำให้ใครหลายคนมีกำลังใจ รอยยิ้มตายิ้ม
"พี่อนยูพี่เลิกเรียนแล้วจะกลับมากินข้าวทันไหมจะได้รอ" คีย์พูด
"พี่คงกลับหอช้าหน่อยนะ พอดีที่บริษัทเค้าเรียกพี่เค้าไปคุย ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเหมือนกัน"
อนยูตอบ
"นี่แทมินกับมินโฮหนะเล่นเกมส์เสียงเบาๆหน่อย ฉันคุยโทรศัทพ์กับพี่ใหญ่อยู่" คีย์หันไปเอ้ด
"555 คีย์พี่ฝากบอกเจ้าตัวยุ่งทั้งสองด้วยนะว่าอย่าสนกันให้มาก" อนยูแซว
"ผมป่าวซนซะหน่อย"ทั้งสองเสียงประสานพร้อมกันแล้วหันไปเริ่มเล่นเกมส์ตาใหม่
"555ไอพวกนั้นได้ยินด้วย"
"ก็ผมเปิดspeaker phoneอะพี่" คีย์บอก
������ เมื่ออนยูสั่งคีย์เสร็จ ทั้งสองก็วางสายจากกัน รถแล่นมาถึงตัวบริษัท
"พี่ครับพาผมเข้าลิฟด้านหลังทำไม" อนยูสงสัย
"ก็ทางไปชั้นลับของผู้บริหารใหญ่ๆไง เรื่องนี้อย่าเอาไปบอกใครเฉียวหน้าว่า ลิฟต์ตัวนี้ขึ้นได้หนะ เฉพาะนายเท่านั้น"
�
������ ที่พี่เค้าพูดแบบนี้ก้เพราะว่าส่วนใหญ่จะให้ผู้บริหารระดับสูงบางคนขึ้นเท่านั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เด็กฝึกหัด หรือศิลปินในสังกัดจะได้ขึ้น
"ผมพาผมพาอนยูมาแล้วครับ"
������ พี่เค้าพาผมเข้าไปในห้องทำงาน ที่มีท่านผู้บริหารคนนึงนั่งหันหลังอยู่
"ขอบใจนายออกไปได้แล้ว แล้วก้อย่าให้ใครมารบกวนเวลาส่วนตัวที่ฉันจะคุย กับจินกิเค้า" ท่านผู้นั้นพูด
"ครับ" พี่ที่พาคนตัวเล็กเดินออกไปแล้ว
������ อนยูสะดุ้งเล็กน้อยเพราะทุกครั้งที่อย่างกรายเข้ามาในบริษัท ทุกคนจะรู้จักผมในนามว่า อนยู น้อยคนที่จะรู้จักชื่อจริงของเค้า ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว เพื่อนเก่า แล้วก็น้องๆในวง แต่เจ้าพวกนั้นก็ชอบเรียกว่าอนยูมากกว่า แล้วก็ใครอีกคนที่อนยูลืมไปแล้ว แต่หวังว่าคงไม่ใช่
"คุณมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ" อนยูถามกล้าๆกลัว
"นี่พ่อหนุ่มน้อยจำฉันไม่ได้หรอ คนที่เธอเคยบอกว่าอยากจะเป็นนักร้องนะ" ท่านหมุนเก้าอี้มา
� � �� ความเงียบเข้าปกคลุมจินกิ ไม่จริงใช่ไหม ทำไมถึงเป็นเค้าคนนั้น ผู้ชายโรคจิต ตอนนี้ภายในใจของจินกิว้าวุ้นไปหมด ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน กลัวเหลือเกิน
"เธอไม่อยากรู้หรอว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่" ตาลุงเจ้าเล่ห์พูดขึ้น
"..." เงียบไม่มีคำตอบของจินกิ
"ถ้างั้นฉันจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันเป็นหุ้นส่วนของที่นี้ และเป็นเจ้านายของเธอ ฉันเป็นส่วนหนึ่งทำให้เธอได้เป็นนักร้องสมใจ" ตาลุงยกยิ้ม
"ไม่จริง คุณมันก็แค่พวกสิบแปดมงกุฏ หลอกปล้ำเด็กโดยใช้ข้ออ้าง"
"หึ เธอคงจำสัญญาไม่ได้สินะ ว่าถ้าเธอได้เป็นนักร้องเธอจะทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง" เอาข้ออ้างมาใช้
"สัญญานั่นถือว่าเป็นโมฆะไปแล้ว เพราะคุณคือพวกล้อลวง เพราะบ้านเราจน ไม่มีปัญญาไปแจ้งตำรวจฟ้องร้องคุณ ผมถึงได้ปล่อยให้มันผ่านไป ผมไม่นึกว่าจะเจอคุณอีก" จินกิพูดอย่างโมโห
"แค่นี้ใช่มั้ยที่เธอจะพูด ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้ เพราะเธอคงไม่อยากให้หนังรักของเรามันแพร่ไปทุกช่องของทีวีหลอกนะ ลองคิดดีๆสิจินกิว่ามันจะกระทบกับใครบ้าง"�
"ไอ้คนเจ้าเล่ห์� คุณต้องการอะไร ฮึก...ฮือ ผมไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้" น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่ค่อยๆไหลออกมา
"คืนนี้เราจะมาทบทวนความหลังกันซะหน่อย แล้วเธอก็โทรไปบอกผู้จัดการด้วยว่าวันนี้จะกลับไปนอนที่บ้าน" ตาลุงออกคำสั่ง
������ หลังจากที่จินกิโทรไปบอกผู้จัดการแล้วก็โทรไปบอกแม่ให้โกหกผู้จัดการ ซ(ึ่งผู้เป้นแม่ก็ถามว่าทำไม แต่จินกิก็บอกว่ามีธุระนิดหน่อย แม่เลยไม่ถามต่อ
"คุณจะทำอะไร อื้อ...อืม" จูบที่น่ารังเกียจถูกบดขยี้ไม่เหลือ
������ ตาลุงพาจินกิเข้ามาในห้องลับใต้รูปผ่าน ห้้องนี้ถูกแต่งด้วยสไตล์ยูโรป มีเตียงนอนอยู่ในห้อง สภาพทุกอย่างเหมือนห้องนอนผสมบาร์ ตาลุงค่อยปดกางเกงของคนตัวเล็กและจัดการถอดเสื้อของทั้งคู่ออก
"อ้า...อืม..."ภาพนี้เหมือนฉากที่ฉายซ้ำเมื่อ5ปีก่อน
"ฮือ...ฮึก"
"เพี้ย...เลิกร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญ" ฝ่ามือหนาฝาดลงบนใบหน้าของคนตัวเล็กเพื่อให้เงียบ
��������� เมื่อหมดสนุกกับบทเร้าร้อน ตาลุงก็ลุกขึ้นมาใสเสื้อผ้า แล้วโยนเสื้อให้ร่างเล็กก่อนจะไล่ออกไป
"ขอบใจมากนะ ออกไปได้แล้วเดี๋ยวฉันจะให้คนของฉันไปส่งที่หอพัก"
������ จินกิรีบออกจากที่นั้นอย่างไม่คิดชีวิต พอมาถึงหอพัก เค้าก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเพื่อล้างคราบความสกปกออก แต่ล้างเท่าไหร่ก็ไม่หมด จนปากถลอก น่าสงสารมาก
"จะทำยังไงดี ไม่อยากให้น้องๆโดนๆไปด้วย อนาคตของเราเพิ่งเริ่มเองจะจบเพราะผมหรอ"จินกิพึมพัมออกมา
������ เรื่องราวในวันนั้นผ่านไปราวกลับฝันร้ายและช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเค้า ปัญหาเรื่องแอนตี้แฟนที่จ้องจะทำร้ายพวกเราโดยมุ่งเป้าหมายไปที่น้องเล็กแทมิน และอีกหลายเรื่อง�� แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าแอนตี้แฟนคือ การที่คนๆนั้นยื่นมือเค้ามาช่วย แต่สิ่งแลกเปลี่ยนคือการที่ผมต้องเอาร่างกายไปรับแขกของเค้า แล้ววั้นนั้นก็มาถึงแขกคนสำคัญ
ปิ๊บปิ๊บ เสียงข้อความของจินกิดังขึ้น
(วันนี้นายมีถ่ายรายการที่สถานนี พอดีแขกที่ฉันว่าก็ทำงานอยู่ที่นั้น พอเลิกงานแล้วจะมีคนพาเธอไปหาเค้า ดูแลเค้าให้ดีหละจินกิ อย่าทำให้เค้าไม่พอใจและฉันเสียผลประโยชน์หละ จำไว้ แล้วถ้าคิดหนี นายก็รู้ว่าจะต้องโดนไรบ้าง) ข้อความที่ส่งมาย้ำสองสามรอบ ทำเอาจินกิแทบบ้า
�
++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++
"พี่อนยูเลิกงานแล้วพี่จะไปไหน ผู้จัดการให้กลับหอเลยนะ" น้องๆพูดกับจินกิ
"พี่จะไปทำธุระหนะ กลับกันไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่กลับเอง" จินกิโกหกน้องๆ
������ รถเก่งสีบลอนจอดรออยู่ปากทางออกสถานนี จินกิเดินเลี่ยงๆออกมาจากน้องๆโดยไม่ให้ผิดสังเกตุ สถานที่ๆเค้าไปคือคอนโดหรูใจกลางเมืองไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานี คนที่เค้าต้องพบคือผู้หญิงคนนึง มองผ่ายนอกดูเหมือนคนใจดี ทุกคคนจะรู้จักเค้าดีในนามบรรณาธิการข่าวที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครที่ถูกเค้าเขียนข่าวถ้าไปในด้านดีก็จะรุ่งมากๆ แต่ถ้าในด้านลบก้เหมือนหมดอนาคตให้จมดินไปเลย วินาทีนี้คงต้องทำให้เค้าถูกใจ
"นี่เธอคืออนยูใช่มั้ย" หญิงสาวถามขึ้น
"ครับ" จินกิตอบ
"ถ้าเธออยากอยู่ในวงการนี้นานๆก้ทำให้ฉันมีความสุขซะนะ ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอในทีวีแล้วฉันอยากได้มาเป็นของตัวเอง ออวันนี้เริ่มจากเธอต้องมานวดให้ฉันก่อน" หญิงสาวสั่ง จินกิไม่กล้าปฏิเสธ
������ จินกิรู้สึกว่า แขกคนนี้ช่างน่ากลัวอย่างกลับโรคจิต บางครั้งเธอก็ให้เอาน้ำตาเทียนล้นที่ตัวเธอบ้าง แล้วก็ให้ผมตีเธอบ้าง นอกจากเรื่องอย่างว่ากับเรื่องพวกนี้แล้วก็มีเรื่องงานบ้างที่ตาลุงสั่งให้ไปทำ ช่วงนั้นแขกแต่ละคนที่ตาลุงแกสั่งก็น่ากลัวอย่างกับโรคจิตหลายราย บางครั้งร่ายกายของผมก็รับไม่ไหว ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนเวทีการแสดงบ้าง มันควบคุมขาไม่ได้
������ ช่วงหลังมานี้ตาลุงไม่ค่อยเรียกใช้จินกิเท่าไหร่ เพราะมีเด้กฝึกหัดใหม่ไปเป็นเหยื่อแทน จินกิเคยเดินสวนกับน้องคนนั้น หลายครั้งที่เห็นแววตาหมองเศร้า หรือครั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือตอนที่เค้าไปเห็นว่าน้องถูกคนใจร้ายทำร้ายร่างกาย แต่กลับเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้ เพราะห่วงอนาคตของตัวเองและวง�
"จะทนไม่ไหวแล้วเว้ย จะเอายังไงว่ะ" จินกิตะโกนลั่น เค้าไม่อยากเป็นแบบนี้ เค้าแค่อยากเป็นนักร้องจากความสามารถจริงที่ไม่ได้มาด้วยการเอาตัวเข้าแรกแบบนี้ วงของเราประสบความสำเร็จมากขึ้น กับร่างกายและหัวใจของจินกิที่อ่อนแอลง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น