ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มิติลี้รัก : เฟทาเรีย

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 65


     

    เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน

    ตัวละคร สถานที่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริง

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

    ……….

     

    - CHAPTER 1 -


    เกี๊ยว คัดคนางค์ สาวสวยหน้าหวาน รูปร่างสูงโปร่ง บอบบาง ที่ใครต่อใครมักเข้าใจว่าเธอนั้นต้องเป็นสาวหวาน เรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง  เพราะเกี๊ยวเป็นสาวสวยหน้าหวานที่แทบจะหาความเรียบร้อยไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว และถ้าหากใครต่อใครได้มาเห็นหญิงสาวเหมือนกับที่จอมทัพเห็นในตอนนี้คงต้องส่ายหัวหนักอกหนักใจ เพราะน้องเกี๊ยว พี่เกี๊ยว หรือไอ้เกี๊ยว ขวัญใจของใครต่อใครหลายคนกำลังอยู่ในสภาพชุดนอนที่เก่าเกรอะจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว เส้นผมสวยที่ใครต่อใครต่างชมนักหนานั้นอยู่ในลักษณะฟูฟ่องไม่เป็นทรง ริมฝีปากเรียวสวยอมชมพูแม้ไม่ได้แต่งแต้ม ตอนนี้กำลังอ้ากว้างส่งเสียงหาวได้อย่างไร้มารยาทหญิงเป็นที่สุดในสายตาของจอมทัพ สาบานได้เลยว่าถ้าแม่มาเห็น ไม้เรียวต้องฟาดก้นไอ้เกี๊ยวนับครั้งไม่ถ้วน

    "แมลงวันบินเข้าถ้ำนางหาวหมดแล้วมั้ง ปิดปากซะหน่อยเถอะเกี๊ยว" เสียงนุ่มทุ้มของจอมทัพเอ่ยขึ้นมาอย่างเอือมระอา ให้ตาย หน้าตาออกจะสวย ทำไมมารยาททรามได้ขนาดนี้ 

    "หิวว่ะจอม วันนี้ทำไรกินอ่ะ" นอกจากจะเมินคำพูดของน้องชายสุดที่รัก สาวเจ้ายังเดินเกาหัวแกรกๆ นั่งชันเข่าพาดขากับเก้าอี้แบบไร้มารยาทหญิงอีก สุดยอดไปเลยไอ้เกี๊ยว

    "โจ๊กกุ้ง มีปาท่องโก๋ด้วย" จอมทัพฟาดขาพี่สาวไปเสียหนึ่งที เกี๊ยวได้แต่มองค้อนเคืองๆ นี่พี่นะ ตีซะแรงเชียวไอ้เด็กเวร

    "สภาพแบบนี้ ฝันอีกล่ะสิ" ชามโจ๊กร้อนๆ ถูกวางตรงหน้า เกี๊ยวพยักหน้าตอบกลับไปแบบเซ็งๆ ทุกครั้งที่ฝัน เธอไม่เคยปิดบังคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับจอมทัพ และจอมทัพเองก็รับฟังพี่สาวด้วยความเต็มใจเสมอมา

    "อืม เพิ่มเติมคือมีตัวละครใหม่มาด้วยอ่ะ" ตักโจ๊กเข้าปากไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าให้กับรสชาติอย่างพอใจ จอมทัพนี่เป็นอภิชาตน้องชาย เรียนก็เก่ง ทำกับข้าวก็อร่อย หล่ออีกต่างหาก

    "ก็กินเหล้าเยอะไปก็เลยเมาแล้วเอาไปฝันเพี้ยนๆ น่ะสิ" อ้อ แถมปากหมาด้วยอีกหนึ่ง

    "เพี้ยนเพิ้นอะไร กินนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ทำให้เมาว้อย" ว่าพลางเตะก้นน้องชายไปหนึ่งที ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย จอมทัพได้แต่ส่ายหน้าระอา

    “ขอให้แม่เห็นสภาพตอนนี้เถอะ แม่ต้องบอกว่าเกี๊ยวเมากลับบ้านมาแน่ๆ” จอมทัพตักโจ๊กมาอีกหนึ่งถ้วย ก่อนนั่งลงตรงข้ามกับพี่สาว 

    “แล้วแม่จะกลับกี่โมงอ่ะ”

    “บ่าย แม่บอกเจอเพื่อนเก่า ก็เลยขออยู่คุยกันก่อน” จอมทัพมองสภาพเกี๊ยวตอนนี้อย่างพิจารณา เกี๊ยวมักเล่าให้ฟังเสมอว่าในความฝัน มีผู้คนมากมายแต่งตัวสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย เป็นเมืองในฝันที่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับน่าค้นหา หลายครั้งที่เกี๊ยวเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วยความเพลิดเพลิน จนเมื่อไม่นานมานี้ความฝันของเกี๊ยวก็มีเรื่องราวเพิ่มเติมขึ้นมา

    “แล้วยังไง ในฝันมีตัวร้ายเพิ่มมารึเปล่า” 

    “ก็ ไม่ได้เป็นตัวร้ายหรอก เหมือนจะเป็นกษัตริย์ด้วยนะ” เกี๊ยวตักโจ๊กคำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้น้องชายหนึ่งครั้งเหมือนเช่นทุกครั้ง “แกดูชอบฟังความฝันฉันจังนะ” 

    “มันก็สนุกดี” จอมทัพยักไหล่ให้พี่ชายด้วยเสียหนึ่งที ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ชอบฟังความฝันที่เหมือนนิทานของเกี๊ยว

    “แต่แปลกที่มันไม่เหมือนความฝันเลยว่ะจอม ฉันรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นมาแล้วอ่ะ” เมื่อเห็นน้องชายตั้งใจฟัง เกี๊ยวจึงตั้งหน้าตั้งตาเล่าต่ออย่างจริงจังตั้งแต่ต้นจนจบ

    “เป็นกษัตริย์ที่ดีนะ ถ้าเป็นละครหลังข่าวคงโดนลากไปขังลืมหรือไม่ก็ประหารชีวิตไปแล้วมั้ง” จอมทัพเอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกหลังฟังจบ ซึ่งเกี๊ยวก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่

    “ก็ใช่น่ะสิ ดูเป็นคนดีนะ ทั้งคิงทั้งควีนเลย เสียดายสะดุ้งตื่นก่อน ไม่งั้นจะได้รู้เรื่องต่อว่าเค้าหนีไปยังไง” 

    “แต่ไม่ฝันจะดีกว่านะ” เกี๊ยวหันมามองน้องชายอย่างสงสัย “เกี๊ยวอาจจะไม่รู้ตัวว่าหลังๆ ที่เกี๊ยวหลับแล้วฝันไปแบบนี้ เกี๊ยวนอนหลับนานขึ้นนะ จอมกับแม่ไปปลุกเกี๊ยวยังไม่ตื่นเลย” น้ำเสียงจริงจังของจอมทัพทำให้เกี๊ยวต้องกลับมาคิดหนัก ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่น้องชายพูดมา

    “ถึงจอมกับแม่จะชอบฟังเรื่องความฝันของเกี๊ยวแค่ไหน แต่พวกเราก็เป็นห่วงเกี๊ยวนะ” น้ำเสียงแห่งความเป็นห่วงนั้นทำให้เกี๊ยวอดยิ้มออกมาไม่ได้ ก็บอกแล้วว่าไอ้จอมที่มันอภิชาตน้องชาย

    “ขืนเอาแต่ฝันแบบนั้นบ่อยๆ โปรเจคที่ต้องทำปีนี้เกิดไม่ผ่านขึ้นมาจะแย่เอา แม่ไม่มีค่าหน่วยกิตจ่ายให้เทอมหน้าหรอก” พูดจบไอ้น้องตัวแสบก็เดินเก็บถ้วยออกไปนิ่งๆ ปล่อยให้เกี๊ยวนั่งกะพริบตาปริบๆ

    ไอ้จอมนี่มันไอ้จอมจริงๆ หน้าหล่อก็จริง แต่ปากเสียชะมัด

     

    ..........

     

    ช่วงสายของวัน เกี๊ยวกับจอมทัพเข้าไปมหาวิทยาลัยเพื่อนัดคุยกับเพื่อนในสาขา เกี่ยวกับภารกิจที่ต้องทำในปีสุดท้าย แม้จะยังเป็นช่วงเวลาของการปิดเทอม แต่กิจกรรมบางอย่างไม่ได้หยุดตามไปด้วย ด้วยการเป็นนิสิตปีสุดท้ายจึงต้องปลดภาระบางอย่างเพื่อให้นิสิตรุ่นถัดไปรับช่วงต่อ 

    จบการพูดคุย เกี๊ยวและจอมทัพที่มีพรรคพวกมาสมทบเพิ่มอีกสามคน แอมเบอร์ ฟองคลื่น และลูน่า สามเพื่อนสนิทที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่วันแรกของการเป็นเฟรชชี่วัยใส ทั้งห้าคนไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก ต่างพักอาศัยอยู่ที่บ้านส่วนตัวทั้งหมด จึงนัดเจอกันได้บ่อยครั้ง ออกไปเที่ยวด้วยกันก็หลายหน และทั้งสามคนก็เป็นคนอีกกลุ่มที่รู้เรื่องความฝันของเกี๊ยวเช่นกัน

    “สุดยอดเลยเกี๊ยว มีตัวละครมาเพิ่ม แถมสกิลเวททำนายแบบแกร่งกล้า โคตรเจ๋ง” แอมเบอร์ แฟนคลับตัวยงอีกหนึ่งคนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งเมื่อเกี๊ยวเอ่ยปากเล่า ความจริงแล้วหมอนี่เป็นเด็กเนิร์ด ไม่ใช่แค่เป็นเด็กเล่นเกมอย่างจริงจังเท่านั้น แต่นิยายประเภทไซไฟแฟนตาซี หมอนี่ไม่เคยพลาด นอกจากจะเป็นผู้ฟังที่น่ารัก เกี๊ยวคิดว่าแอมเบอร์น่าจะเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานด้วย เพราะลายมือที่จดลงในสมุดแบบเขี่ยๆ อยู่นั้นเป็นเรื่องความฝันของเธอล้วนๆ

    “ไอ้นี่ มึงจดซะละเอียดเหมือนจดเลกเชอร์เลย ไม่ใช่ว่าแอบเอาไปเขียนนิยายแฟนตาซีนะ” คลื่นที่นั่งตั้งใจฟังอยู่ข้างๆ ก็สังเกตเช่นกัน 

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก กูไม่ซีเรียส แต่ถ้าเขียนแล้วได้เงินก็ แบ่งๆ กูมั่ง ช่วงนี้คอแห้ง” แอมเบอร์ยักคิ้วให้คลื่นหนึ่งที

    “แล้วเกี๊ยวรู้สึกยังไงบ้าง ตอนที่ฝันเห็นคิงกับควีน” ลูน่าหันมาถามเกี๊ยวอย่างจริงจัง อันที่จริงในบรรดาเพื่อนกลุ่มนี้ นอกจากจอมทัพผู้น้องแล้ว คนที่จริงจังเป็นอันดับต้นๆ ก็คงเป็นลูน่านี่แหล่ะ

    เกี๊ยวนั่งนึกอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะส่ายหน้า ลูน่ามองหน้าเกี๊ยวอย่างตั้งใจเหมือนจะมองให้ทะลุออกไปอีกด้าน ทำเอาเกี๊ยวระแวงอยู่หน่อยๆ

    “เบาหน่อยลูน่า มองเขม็งแบบนั้นไอ้เกี๊ยวมันจะกลัวเธอนะ” คลื่นเอ่ยขึ้นมาหลังจากนั่งมองอยู่ซักพัก ลูน่าที่รู้สึกตัวจึงเอ่ยขอโทษเพื่อนสาวเบาๆ 

    “จะว่าไป ช่วงนี้เกี๊ยวไม่ค่อยเล่าเรื่องที่เดินในหมู่บ้านสวยๆ แล้วนะ เหมือนจะฝันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นด้วย เหมือนกับนิยายที่กำลังจะเข้าเนื้อเรื่องเลย” แอมเบอร์พูดพลางพลิกสมุดโน้ตที่จดความฝันของเกี๊ยว

    “นั่นไง คิดเหมือนกันเล้ย แต่ไอ้จอมมันหาว่ากูเมาเลยฝันเพี้ยนๆ” เกี๊ยวได้แต่เหล่มองน้องชายอย่างมั่นไส้ ผิดกับจอมที่ยังนั่งนิ่งยิ้มหน้าหล่อแบบกวนโอ้ยมาให้เธอ มันน่าหงุดหงิดจริงๆ

    “แต่มันก็แค่ความฝันแหล่ะ มึงก็อย่าไปจริงจังกับมันมากเลย เล่าให้แอมเบอร์มันเอาไปเขียนนิยายของมันก็พอแล้ว” เป็นคลื่นที่พูดขึ้นมาปิดท้าย ทั้งหมดจึงหยุดบทสนทนาเกี่ยวกับความฝันของเกี๊ยวไว้เท่านั้น

    “ใกล้วันเกิดเกี๊ยวกับจอมแล้วนี่” แอบเบอร์ทักขึ้นเมื่อเปิดหน้าสมุดที่มีปฏิทินส่วนตัวอยู่ จอมทัพกับเกี๊ยวพยักหน้าพร้อมกัน

    “พ่อกับแม่ชวนเราสองคนไปหาหลวงลุงของลูน่าอยู่นะ เกี๊ยวก็ตื่นเช้าๆ หล่ะ ห้ามเมาด้วย” จอมทัพเอ่ยกับพี่สาวที่กำลังหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ย เกี๊ยวได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก แม้ในใจจะไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ 

    หลวงลุงของลูน่าที่จอมพูดถึงเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่ลูน่า หลวงลุงบวชเรียนตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่น แม้คนในบ้านจะขอไว้เพราะอยากให้สืบต่อกิจการภารกิจของทางบ้าน แต่หลวงลุงก็ตั้งใจบอกว่าอย่างไรก็ต้องบวช เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน 

    หลวงลุงนั้นได้เจอกับเกี๊ยวและจอมครั้งแรกในตอนที่ยังเป็นเด็กแบเบาะ พ่อแม่ของสองพี่น้องนั้นหมั่นพาเจ้าตัวเล็กเข้าวัดทำบุญตั้งแต่เด็กจนโต จนได้เจอกับลูน่าที่ได้มาเยี่ยมหลวงลุงอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่แปลกคือหลวงลุงมักจะจ้องมองเกี๊ยวราวกับจะเพ่งให้ลึกลงไปในจิตใต้สำนึก เหมือนจะมองให้ทะลุลงไปถึงตัวตนข้างใน ทั้งที่รู้ว่าหลวงลุงนั้นเป็นคนดและไม่ใช่คนน่ากลัว แต่เกี๊ยวก็อดขนลุกกับสายตาที่มองมาไม่ได้ จึงไม่แปลกนักที่จะไม่ค่อยอยากไปพบกับหลวงลุงเท่าไหร่นัก

    “เกี๊ยวไม่ต้องระแวงไปหรอก หลวงลุงเห็นว่าปีนี้เกี๊ยวกับจอมอายุ 20 กันแล้ว เลยอยากเจอน่ะ” ลูน่าที่เห็นท่าทีของเพื่อนก็พอจะเดาออกจึงพูดให้เพื่อนคลายกังวล บทสรุปช่วงเที่ยงของวันจึงจบลงที่ทั้งห้าคนจะไปหาหลวงลุงในวันเกิดเกี๊ยว

    ณ ขณะที่ทั้งห้ากำลังนั่งพูดคุยกันต่อ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าอีกฝากฝันหนึ่งของมหาวิทยาลัย แสงสว่างแปลกประหลาดได้ส่องสว่างขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะวูบดับไป 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×