ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Princess Academy
Princess Academy
บทนำ
เมืองลาสเวิร์ลเป็นเมืองที่ปลอดจากการเก็บภาษีโดยสิ้นเชิงเพราะรายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากงบประมาณของมหานครซิมโฟเนีย และค่าเทอมของโรงเรียนชื่อดังสองแห่งประจำเมือง ทำให้มีประชาชนจำนวนมากที่ไร้ที่อยู่อาศัยต่างพากันย้ายถิ่นฐานมายังแคว้นที่ไร้ผู้ปกครองเช่นนี้
และหนึ่งในพวกที่ย้ายตามมาคงหนีไม่พ้นพวกพ่อค้าวานิชที่ต่างเข้ามาทำธุระกิจงอกงามกันเป็นแถบเพราะสินค้าทุกชนิดไม่ต้องเสียภาษี ยิ่งเป็นที่ถูกใจของพวกค้าอาวุธและไอเท็มเวทมนตร์ที่ปรกติต้องเสียภาษีเป็นสองเท่าของสินค้าชนิดอื่น แห่กันเข้ามาเปิดร้านจนได้อีกชื่อว่า เมืองสินค้าเวทมนตร์ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณของจัตุรัสกลางเมืองมากที่สุดอีกด้วย จัตุรัสเอเวอรอส
เสียงฝีเท้าแออัดคับคั้งและเสียงพูดคุยเอิกเกริกดังลั่นไปทั่วบริเวณถนนแยกจตุรัสเอเวอรอสดูเหมือนจะเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในย่านค้าขายอันวุ่นวายนี้
เบียทริซ ลาซานดอร์นกวาดตามองร่างของผู้มาจับจ่ายใช้สอยทั้งพ่อค้าวานิช และลูกค้าหลายเชื้อชาติ จากนั้นจึงจดบันทึกลงในสมุด เพื่อเป็นข้อมูลในการทำรายงานที่ต้องส่งวันพรุ่งนี้ เธอต้องจดรายละเอียดมากเป็นพิเศษ
เพราะรายงานวิชานี้มันเป็นของอาจารย์ราฟาลัส เกรย์วินด์ เจ้าของฉายาจอมหวงคะแนน กว่าจะได้คะแนนแต่ละครั้ง เขียนกันจนมือหงิกทู้กที อาจารย์ท่านก็เล่นตรวจละเอียดยิบ เขียนผิดแค่คำเดียวหักสองคะแนน เขียนไม่ถูกใจไปเขียนมาใหม่ ลายมือไม่สวยติดลบห้าคะแนน เนื้อหาไม่ละเอียดติดลบเจ็ด และอื่นๆอีกสารพัดที่อาจารย์จะสรรหามาหักได้ จนคะแนนเต็มสิบแทบจะไม่เหลือให้ได้กันเท่าไรนัก เป็นอาจารย์ที่นักเรียนยอมซูฮกให้ว่าโหดขนานแท้
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ เบียทริซ” เสียงหวานใสก้องกังวานเหนือเสียงพูดคุยจอแจดังมาตามลม แล้วร่างของหญิงสาวผมซอยสั้นทะมัดทะแมงก็ก้าวออกมาจากกระแสฝูงชน เส้นผมสีทองสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายระยิบยับ
“ใกล้แล้วล่ะ เหลือแต่รายละเอียดปลีกย่อยแค่นั้นเอง” คนถูกถามตอบเสียงเรียบพลางพลิกสมุดบันทึกในมือ “แล้วเธอทำเสร็จแล้วเหรอ เรอาล”
นัยน์ตาสีเขียวมรกตร่าเริงเป็นนิจศีลของเรอาล ไฮน์เด๊นท์เป็นประกายซุกซนแพรวพราวอย่างนึกสนุก แล้วจึงยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ
“ยังไม่ได้ทำซักกะติ๊ด กะว่าจะไม่ส่งด้วย”
คิ้วเรียวยาวของเบียทริซเลิกขึ้นสูง ริมฝีปากบางเผยอ้าเล็กน้อย “จะดีเหรอ” เธอเอ่ย “ขืนอาจารย์ราฟาลัสรู้มีหวังตายหยังเขียดนา”
“ตายเป็นตายซิ” คนที่โดนหมายหัวว่าจะตายโต้กลับเสียงขุ่น “มีอย่างที่ไหน เด็กปิดเทอมไปแล้วยังเรียกกลับมาทำรายงานอีก แถมขู่ว่าถ้าไม่ยอมมาจะตัดคะแนนให้เรียบด้วย! “
“จริงด้วย!” เสียงสนับสนุนร้อง แล้วเจ้าของร่างเพรียวบางก็กระแทกเท้าเข้ามาร่วมวงสนทนา น่าแปลกที่บรรดาผู้คนต่างแหวกทางให้เธอกันหมด “จารย์ราฟาลัสชักจะนิสัยเหมือนจารย์เดรคเข้าไปทุกทีแล้ว ไอ้นิสัยชอบทรมาณเด็กเนี่ย!”
ผู้มาร่วมวงสนทนาคนใหม่คืออลิติเซีย อีเรบุส เจ้าของฉายาจอมอาละวาดประจำปราสาท เป็นประเภทปากว่ามือถึง อยู่มาแค่ปีเดียวแต่เธอทำให้รุ่นพี่ต้องเสียน้ำตามานับไม่ถ้วน(โดนด่าแสบๆทั้งนั้น)
“ใช่มะ ใช่มะ! ไม่ใช่จู้จี้ขี้บ่นอย่างเดียวนะ คะแนนก็งก หักมันอยู่นั่นแหละ จนจะไม่มีอะไรให้หักแล้ว จะว่าไปก็เหมือนอาจารย์เดรคจริงๆนั่นแหละ “ หัวข้อการสนทนาถูกแปรเปลี่ยนไปทันควัน “นี่ นี่ คิดว่าสองคนนั่นเป็นแฟนกันป่าว “
“นั่นสิ เมื่อเช้ายังเห็นนั่งตรวจข้อสอบอยู่ในห้องเดียวกันด้วย สงสัยสองคนนั้นมีอะไรกุ๊กกิ๊กกันชัวร์เป้ง” อลิติเซีย หรือ แอนนารีบเสริม ก่อนจะหันมาทางหนึ่งสาวที่ปิดปากไม่ยอมพูด “คิดว่าไง เบียทริซ”
เจ้าของชื่อหัวเราะแห้งๆ พลางกลืนน้ำลายเอื๊อก นึกสงสารในชะตากรรมของเพื่อนๆ
“’ง่า.. เราไม่ควรนินทาอาจารย์ไม่ใช่เหรอ “ เสียงแปร่งๆเหมือนอยากร้องไห้
“โอ้ย! นินทาไปเถอะน่า จะไปกลัวทำไม ยังไงอาจารย์ก็ไม่ได้ยินหรอก “ เรอาลเริ่ม
“ช่าย ช่าย ถ้าได้ยินก้อไม่ใช่คนแล้ว ...” แอนนารับ “เอ๊ะ หรือว่าอาจารย์จะไม่ใช่คน แต่เป็นตุ๊กตาหิมะ ! “
เท่านั้นแหละ สองสาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมาเลย สร้างความโมโหคุกรุ่นให้แก่หญิงสาวผมผมดำสลวยข้างหลังเป็นอันมาก ถึงมากที่สุด
“กำลังพูดถึงใครอยู่เหรอ” เค้นเสียงถามลอดไรฟัน
เรอาลที่กลั้นหัวเราะได้ก่อน เป็นฝ่ายตอบโดยไม่หันไปมอง “ก็ยัยอาจารย์ “ แต่ไม่ทันจบประโยค ใบหน้าอมชมพูพลันซีดลงทันควันเพราะเสียงอันแสนคุ้นเคยนั่น
ซวยแล้ว
“อ้าว ทำไมไม่บอกไปล่ะ ว่ากำลังนินทายัยอาจารย์รา “ เสียงชะงักขาดหายไปอีกคน เมื่อหันกลับมาเห็นเพื่อนสาวส่งซิกแนลเป็นการใหญ่.... เอาแต่กระพริบตาแล้วจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย “เป็นไรเรอาล กระพริบตาทำไมอ้ะ เส้นกระตุกเหรอ “
“ใช่” เสียงเย็นยะเยือกดังแหวกอากาศมา เล่นเอาแอนนาเสียวสันหลังวูบ “เส้นชะตาชีวิตของพวกเธอไง อลิติเซีย อีเรบุส! เรอาล ไฮน์เด๊นท์!”
เวรเอ้ย
คำเดียวที่แอนนานึกในใจทัน ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งเวทมนตร์จะพุ่งเข้าใส่ราวกับห่าฝน ด้วยฝีมือของเจ้าของเรื่องนินทาราฟาลัส เกรย์วินด์ เดอะไอซ์ควีน อาจารย์จอมเฮี้ยบวัยยี่สิบเจ็ดปีที่ดูยังไงก็คงไม่เกินยี่สิบต้นๆ เพราะหน้าตาพี่ท่านไม่เคยเปลี่ยน เย็นยังไงก็เย็นยังงั้น จะมีก็แค่เย็นมากหรือเย็นน้อยเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะหนาวถึงขั้วหัวใจเลย...
“หวา หวา ซะ เซคุบุเรีย! “ สิ้นเสียงกังวานก้องของเรอาล บาเรียสีเขียวใสเหมือนกระจกก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ รับการปะทะของเวทมนตร์น้ำแข็งเสียงดังสนั่น เล่นเอาแอนนาที่หลบอยู่หูอื้อไปชั่วขณะ ถึงเธอจะบ้าดีเดือดยังไง แต่เธอก็ไม่มีวันทำร้ายอาจารย์แน่ ที่สำคัญคืออาจารย์คนนั้นเป็นแม่มด โอกาสชนะยิ่งเป็นศูนย์ แล้วเรื่องอะไรจะสู้ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เผ่นดีกว่า
“หึ หึ หึ คิดว่าบาเรียกระจอก กระจอกพรรค์นี้จะป้องกันการโจมตีของฉันได้เหรอ “ น้ำเสียงของอาจารย์ราฟาลัสเย็นเฉียบลงไปทุกที งานนี้ถ้าไม่ตายกันไปข้าง เจ๊แกไม่เลิกแน่ “ลองเวทย์นี้หน่อยเป็นไง ผลึกวารี!”
สายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเวทย์จับตัวกันเป็นแท่งคริสตัลอย่างรวดเร็ว ปลายแหลมคมหยาบๆที่ชี้ยังร่างของสองสาวมีกลิ่นไอความตายลอยมาแต่ไกล
“ป้องกันดิ! ป้องกัน!! “แอนนาร้องลั่น กระชากคอเสื้อเรอาลเขย่าแรงๆ ขณะที่ผลึกสีฟ้าใสพุ่งเข้ามาใกล้ทุกที
“โว้ย หนวกหู คนกำลังคิดอยู่ อย่ามากวนดิฟะ” ทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็นเพราะไอจากร่างกายราชินีน้ำแข็ง แต่เรอาลกลับมีเหงื่อเต็มใบหน้า เวทย์โจมตีรุนแรงขนาดนี้จะป้องกันยังไงถึงจะรอดได้ล่ะ ทำได้อย่างเดียวคือทำใจละกัน อย่างมากก็นอนยาวละฟะ
เปรี้ยงงง!!
“พอแล้วมั้งครับ อาจารย์ราฟาลัส “ เสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างๆหู แล้วร่างบางตามแบบของผู้ชายก็ก้าวเข้ามาขวางไว้ “ผมว่าสองคนนี้คงสำนึกผิดแล้วล่ะ”
แท่งคริสตัลน้ำแข็งแหลมเปี๊ยวถูกกระแทกพลาดเป้าหมาย ปักลงบนกำแพงแทนอย่างหวุดหวิดด้วยฝีมือการใช้เวทย์ศรแสงของใครบางคน ทำให้สองสาวถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกเหลือหลาย หมายเหตุในใจว่าชาตินี้จะไม่นินทาอาจารย์อีกเลย สาธุ
ผู้ที่เข้ามาช่วยชีวิตเป็นชายหนุ่มร่างสูงบาง เส้นผมสีน้ำตาลทองยาวประบ่าไม่เป็นทรงล้อมกรอบดวงหน้าอ่อนวัย นั่นคืออาจารย์เฟย์ คลาสไทน์ ฉายาขวัญใจแม่ยก ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอายุปาเข้าไปสามสิบกว่า ขึ้นไปเสวยสุขบนคานทองแล้ว และอีกไม่นาน จากการคาดเดาของนักเรียน อาจารย์ราฟาลัสคงตามไปเร็วๆนี้
ไม่ทันที่อาจารย์เกือบสาวจะได้เปิดปาก เจ้าตัวแสบสองตัวก็เปิดแนบไปไกลแล้ว เหล่าแต่แม่นักเรียนดีเด่นที่นั่งจดบันทึกอย่างไม่สนใจเรื่องชาวบ้าน เล่นเอาหงุดหงิดนิดๆเหมือนกัน
เค้าตีกันแทบตาย ดันมานั่งจดบันทึก
“อย่าหนีนะ!” คำรามเสียงลั่น แล้วรีบจ้ำอ้าวตามลูกศิษย์สองหน่อไปทันที “จับได้ ฉันเอาตายแน่!”
“อ้าว สองคนนั้นหนีไปซะแล้ว ช่างเถอะ ครูมีธุระกับเธอแน่ะ เบียทริซ “ อาจารย์หน้าอ่อนยังคงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง “อาจารย์ใหญ่มีเรื่องจะขอร้อง “
คิ้วของลูกศิษย์สาวเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยั่น “ขอร้อง? แปลว่าหนูมีสิทธิ์ปฏิเสธงั้นสิ “ ไม่ใช่น้ำเสียงที่สุภาพเท่าไรนัก
ใบหน้าของอาจารย์หนุ่มดูเคร่งเครียดลง “ไม่มีใครบังคับเธอได้หรอก เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ “
อาการเงียบคล้ายจะเป็นการยอมรับกลายๆ ทำให้เฟย์แย้มรอยยิ้มออกมาได้ เขาหวั่นใจนิดๆเหมือนกันที่จู่ๆก็โดนสั่งให้มาเจรจากับหญิงสาววัยรุ่นผู้นี้ อยากจะปฏิเสธด้วยซ้ำ ถ้าอาจารย์ใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ไม่บอกว่าจะหักเงินเดือนที่ไม่ค่อยจะมี(ให้ก็น้อยยังจะหักอีกเรอะ!)
ยึดถือสโลแกน เสียอะไรเสียได้ แต่เสียเงินต้องข้ามศพไปก่อนละเฟ้ยยย!
“เธอคงรู้ประวัติของโรงเรียนเราดีซินะ...” เปรยออกมาเป็นการเริ่มต้นประโยค “โรงเรียนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย โดยเฉพาะเจ้าหญิงเชื้อพระวงศ์”
คนถูกถามผงกศีรษะตอบ นัยน์ตาสีเทาขึ้นหรี่ลงเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง เพราะเวลาที่พวกอาจารย์เกริ่นอะไรนานๆแบบนี้ เรื่องที่ขอคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่
โรงเรียนเจ้าหญิงและเจ้าชายถูกสร้างขึ้นเมื่อสองร้อยปีก่อนพร้อมกับเมืองลาสเวิร์ลแห่งนี้ ว่ากันว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมต่อระหว่างเทร่าและซิมโฟเนีย ทำให้มีพลังเวทมนตร์ในธรรมชาติรุนแรง และยังเชื่ออีกว่าเป็นแผ่นดินสุดท้ายที่พักพิงของมหาภูตทั้งสี่ อวินดีเน่ ซิลเฟรย์ ซิลเวีย และซาลามานเดอร์ จึงเป็นที่มาของชื่อเมืองนี้ด้วย
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงของระบอบการปกครองและความขัดแย้งกันในเรื่องของธุรกิจ ทำให้มีเจ้าหญิงน้อยพระองค์ที่ถูกส่งมาเรียนยังโรงเรียนเจ้าหญิง เพราะแต่ละประเทศต่างเชื่อมั่นในความคิดวิธีทางของตนเองมากเกินไป จนแทบจะไม่มีนักเรียนที่เป็นเชื้อพระวงศ์หลงเหลืออยู่เลย ทำให้โรงเรียนที่ใกล้เจ๊งมิเจ๊งแหล่ต้องเปิดรับนักเรียนที่เป็นสามัญชน(รวยๆ)ทั่วไป โดยพยายามตั้งกฏเกณฑ์ในการคัดเลือกให้หินๆเข้าไว้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของบรรดาเจ้าหญิงที่ยังหลงเหลืออยู่ในโรงเรียน และตัวเบียทริซเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนเจ้าหญิงด้วย
“จะพูดอะไรก็รีบพูดเถอะค่ะ หนูมีเวลาไม่มาก” หญิงสาวรีบรวบรัดตัดความ เมื่ออาจารย์เฟย์ทำท่าจะเกริ่นอีกยาวเหยียด
คิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มเลิกขึ้น ถ้านับในบรรดานักเรียนปีหนึ่งทั้งหมดแล้ว เด็กคนนี้แปลกที่สุด หน้าตาไม่สวยเหมือนพวกเพื่อนๆแต่มีเสน่ห์สะดุดใจ เวลามองนานๆแล้วเพลินดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากน่ารักเลยซักนิด(จริงๆนะ)
ยังไงซะ พวกผู้หญิงก็เหมือนกันหมดแหละ ชอบให้ความหวังแล้วทิ้งเราให้เจ็บปวดอยู่เรื่อย
“อาจารย์คะ!” เสียงติดจะคำรามของเบียทริซ เล่นเอาเฟย์สะดุ้งเฮือก รีบหันหน้าไปทางกำแพง กระแอ้มตอบ
“เรื่องแรก อาจารย์ใหญ่ขอโทษที่ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เธอยังต้องมาเรียนเพิ่ม นอกเหนือจากคนอื่นอีก ” เหลือบมองสีหน้าบูดสนิทของอีกฝ่าย “เรื่องสอง โรงเรียนเราจะมีเจ้าหญิงจากทุกประเทศมาเรียนพร้อมกันในรอบห้าสิบปี”
“แล้วไงคะ ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ”
“ปัญหามันต่อจากนั้นต่างหาก” น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลกลับเครียดขึงทันควัน “เราได้รับจดหมายปริศนาว่าจะลอบสังหารเจ้าหญิงทุกพระองค์ให้หมดสิ้น หายนะชัดๆเลย”
“แล้วไง” ยังไม่ค่อยเก็ทเลยแฮะ
“ถ้าเกิดมีเจ้าหญิงมาตายในโรงเรียนล่ะก็...คูรตกงานแน่ เข้าใจมั้ย ถ้าเจ้าหญิงคนไหนเกิดมาม่องเท้งอยู่ในเขตโรงเรียนเราก่อนจบปีหนึ่งล่ะก็ “ เอามือปาดคอเร็วๆ ”โรงเรียนโดนยุบแน่ แล้วครูก็ตกงาน เงินเดือนก็ไม่ได้ด้วย”
“หมายความว่า... จะขอความช่วยเหลือจากหนูงั้นเหรอคะ” สรุปด้วยเสียงราบเรียบ มุมปากแค่นยิ้มขึ้นเล็กน้อย “แล้วถ้าหนูปฏิเสธล่ะ”
อาจารย์หนุ่มวัยสามสิบยักไหล่ “ทำไงได้ ครูจะไปบังคับเธอได้ไงล่ะ” เขาเอ่ยปลงๆ “แต่เรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเธออยู่แล้ว ยัวร์เกรซ”
ริมฝีปากบางได้รูปเหยียดเป็นเส้นบางๆ มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนเฟย์ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก เขาเดินทางมามาก เคยเห็นคนมาก็เยอะก็จริง แต่ยังไม่เห็นใครเปลี่ยนอารมณ์เร็วเท่านี้เลย
ยังกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือยังไงยังงั้น!
ตอนนี้เหลือแค่รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ...
ริมฝีปากเผยอ้าออกจากกัน ก่อนหลุดเสียงออกมาในที่สุด
คำเพียงสามคำ
“ตกลงค่ะ”
<จบตอน>
Princess Academy
บทนำ
เมืองลาสเวิร์ลเป็นเมืองที่ปลอดจากการเก็บภาษีโดยสิ้นเชิงเพราะรายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากงบประมาณของมหานครซิมโฟเนีย และค่าเทอมของโรงเรียนชื่อดังสองแห่งประจำเมือง ทำให้มีประชาชนจำนวนมากที่ไร้ที่อยู่อาศัยต่างพากันย้ายถิ่นฐานมายังแคว้นที่ไร้ผู้ปกครองเช่นนี้
และหนึ่งในพวกที่ย้ายตามมาคงหนีไม่พ้นพวกพ่อค้าวานิชที่ต่างเข้ามาทำธุระกิจงอกงามกันเป็นแถบเพราะสินค้าทุกชนิดไม่ต้องเสียภาษี ยิ่งเป็นที่ถูกใจของพวกค้าอาวุธและไอเท็มเวทมนตร์ที่ปรกติต้องเสียภาษีเป็นสองเท่าของสินค้าชนิดอื่น แห่กันเข้ามาเปิดร้านจนได้อีกชื่อว่า เมืองสินค้าเวทมนตร์ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณของจัตุรัสกลางเมืองมากที่สุดอีกด้วย จัตุรัสเอเวอรอส
เสียงฝีเท้าแออัดคับคั้งและเสียงพูดคุยเอิกเกริกดังลั่นไปทั่วบริเวณถนนแยกจตุรัสเอเวอรอสดูเหมือนจะเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในย่านค้าขายอันวุ่นวายนี้
เบียทริซ ลาซานดอร์นกวาดตามองร่างของผู้มาจับจ่ายใช้สอยทั้งพ่อค้าวานิช และลูกค้าหลายเชื้อชาติ จากนั้นจึงจดบันทึกลงในสมุด เพื่อเป็นข้อมูลในการทำรายงานที่ต้องส่งวันพรุ่งนี้ เธอต้องจดรายละเอียดมากเป็นพิเศษ
เพราะรายงานวิชานี้มันเป็นของอาจารย์ราฟาลัส เกรย์วินด์ เจ้าของฉายาจอมหวงคะแนน กว่าจะได้คะแนนแต่ละครั้ง เขียนกันจนมือหงิกทู้กที อาจารย์ท่านก็เล่นตรวจละเอียดยิบ เขียนผิดแค่คำเดียวหักสองคะแนน เขียนไม่ถูกใจไปเขียนมาใหม่ ลายมือไม่สวยติดลบห้าคะแนน เนื้อหาไม่ละเอียดติดลบเจ็ด และอื่นๆอีกสารพัดที่อาจารย์จะสรรหามาหักได้ จนคะแนนเต็มสิบแทบจะไม่เหลือให้ได้กันเท่าไรนัก เป็นอาจารย์ที่นักเรียนยอมซูฮกให้ว่าโหดขนานแท้
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ เบียทริซ” เสียงหวานใสก้องกังวานเหนือเสียงพูดคุยจอแจดังมาตามลม แล้วร่างของหญิงสาวผมซอยสั้นทะมัดทะแมงก็ก้าวออกมาจากกระแสฝูงชน เส้นผมสีทองสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายระยิบยับ
“ใกล้แล้วล่ะ เหลือแต่รายละเอียดปลีกย่อยแค่นั้นเอง” คนถูกถามตอบเสียงเรียบพลางพลิกสมุดบันทึกในมือ “แล้วเธอทำเสร็จแล้วเหรอ เรอาล”
นัยน์ตาสีเขียวมรกตร่าเริงเป็นนิจศีลของเรอาล ไฮน์เด๊นท์เป็นประกายซุกซนแพรวพราวอย่างนึกสนุก แล้วจึงยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ
“ยังไม่ได้ทำซักกะติ๊ด กะว่าจะไม่ส่งด้วย”
คิ้วเรียวยาวของเบียทริซเลิกขึ้นสูง ริมฝีปากบางเผยอ้าเล็กน้อย “จะดีเหรอ” เธอเอ่ย “ขืนอาจารย์ราฟาลัสรู้มีหวังตายหยังเขียดนา”
“ตายเป็นตายซิ” คนที่โดนหมายหัวว่าจะตายโต้กลับเสียงขุ่น “มีอย่างที่ไหน เด็กปิดเทอมไปแล้วยังเรียกกลับมาทำรายงานอีก แถมขู่ว่าถ้าไม่ยอมมาจะตัดคะแนนให้เรียบด้วย! “
“จริงด้วย!” เสียงสนับสนุนร้อง แล้วเจ้าของร่างเพรียวบางก็กระแทกเท้าเข้ามาร่วมวงสนทนา น่าแปลกที่บรรดาผู้คนต่างแหวกทางให้เธอกันหมด “จารย์ราฟาลัสชักจะนิสัยเหมือนจารย์เดรคเข้าไปทุกทีแล้ว ไอ้นิสัยชอบทรมาณเด็กเนี่ย!”
ผู้มาร่วมวงสนทนาคนใหม่คืออลิติเซีย อีเรบุส เจ้าของฉายาจอมอาละวาดประจำปราสาท เป็นประเภทปากว่ามือถึง อยู่มาแค่ปีเดียวแต่เธอทำให้รุ่นพี่ต้องเสียน้ำตามานับไม่ถ้วน(โดนด่าแสบๆทั้งนั้น)
“ใช่มะ ใช่มะ! ไม่ใช่จู้จี้ขี้บ่นอย่างเดียวนะ คะแนนก็งก หักมันอยู่นั่นแหละ จนจะไม่มีอะไรให้หักแล้ว จะว่าไปก็เหมือนอาจารย์เดรคจริงๆนั่นแหละ “ หัวข้อการสนทนาถูกแปรเปลี่ยนไปทันควัน “นี่ นี่ คิดว่าสองคนนั่นเป็นแฟนกันป่าว “
“นั่นสิ เมื่อเช้ายังเห็นนั่งตรวจข้อสอบอยู่ในห้องเดียวกันด้วย สงสัยสองคนนั้นมีอะไรกุ๊กกิ๊กกันชัวร์เป้ง” อลิติเซีย หรือ แอนนารีบเสริม ก่อนจะหันมาทางหนึ่งสาวที่ปิดปากไม่ยอมพูด “คิดว่าไง เบียทริซ”
เจ้าของชื่อหัวเราะแห้งๆ พลางกลืนน้ำลายเอื๊อก นึกสงสารในชะตากรรมของเพื่อนๆ
“’ง่า.. เราไม่ควรนินทาอาจารย์ไม่ใช่เหรอ “ เสียงแปร่งๆเหมือนอยากร้องไห้
“โอ้ย! นินทาไปเถอะน่า จะไปกลัวทำไม ยังไงอาจารย์ก็ไม่ได้ยินหรอก “ เรอาลเริ่ม
“ช่าย ช่าย ถ้าได้ยินก้อไม่ใช่คนแล้ว ...” แอนนารับ “เอ๊ะ หรือว่าอาจารย์จะไม่ใช่คน แต่เป็นตุ๊กตาหิมะ ! “
เท่านั้นแหละ สองสาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมาเลย สร้างความโมโหคุกรุ่นให้แก่หญิงสาวผมผมดำสลวยข้างหลังเป็นอันมาก ถึงมากที่สุด
“กำลังพูดถึงใครอยู่เหรอ” เค้นเสียงถามลอดไรฟัน
เรอาลที่กลั้นหัวเราะได้ก่อน เป็นฝ่ายตอบโดยไม่หันไปมอง “ก็ยัยอาจารย์ “ แต่ไม่ทันจบประโยค ใบหน้าอมชมพูพลันซีดลงทันควันเพราะเสียงอันแสนคุ้นเคยนั่น
ซวยแล้ว
“อ้าว ทำไมไม่บอกไปล่ะ ว่ากำลังนินทายัยอาจารย์รา “ เสียงชะงักขาดหายไปอีกคน เมื่อหันกลับมาเห็นเพื่อนสาวส่งซิกแนลเป็นการใหญ่.... เอาแต่กระพริบตาแล้วจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย “เป็นไรเรอาล กระพริบตาทำไมอ้ะ เส้นกระตุกเหรอ “
“ใช่” เสียงเย็นยะเยือกดังแหวกอากาศมา เล่นเอาแอนนาเสียวสันหลังวูบ “เส้นชะตาชีวิตของพวกเธอไง อลิติเซีย อีเรบุส! เรอาล ไฮน์เด๊นท์!”
เวรเอ้ย
คำเดียวที่แอนนานึกในใจทัน ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งเวทมนตร์จะพุ่งเข้าใส่ราวกับห่าฝน ด้วยฝีมือของเจ้าของเรื่องนินทาราฟาลัส เกรย์วินด์ เดอะไอซ์ควีน อาจารย์จอมเฮี้ยบวัยยี่สิบเจ็ดปีที่ดูยังไงก็คงไม่เกินยี่สิบต้นๆ เพราะหน้าตาพี่ท่านไม่เคยเปลี่ยน เย็นยังไงก็เย็นยังงั้น จะมีก็แค่เย็นมากหรือเย็นน้อยเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะหนาวถึงขั้วหัวใจเลย...
“หวา หวา ซะ เซคุบุเรีย! “ สิ้นเสียงกังวานก้องของเรอาล บาเรียสีเขียวใสเหมือนกระจกก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ รับการปะทะของเวทมนตร์น้ำแข็งเสียงดังสนั่น เล่นเอาแอนนาที่หลบอยู่หูอื้อไปชั่วขณะ ถึงเธอจะบ้าดีเดือดยังไง แต่เธอก็ไม่มีวันทำร้ายอาจารย์แน่ ที่สำคัญคืออาจารย์คนนั้นเป็นแม่มด โอกาสชนะยิ่งเป็นศูนย์ แล้วเรื่องอะไรจะสู้ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เผ่นดีกว่า
“หึ หึ หึ คิดว่าบาเรียกระจอก กระจอกพรรค์นี้จะป้องกันการโจมตีของฉันได้เหรอ “ น้ำเสียงของอาจารย์ราฟาลัสเย็นเฉียบลงไปทุกที งานนี้ถ้าไม่ตายกันไปข้าง เจ๊แกไม่เลิกแน่ “ลองเวทย์นี้หน่อยเป็นไง ผลึกวารี!”
สายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเวทย์จับตัวกันเป็นแท่งคริสตัลอย่างรวดเร็ว ปลายแหลมคมหยาบๆที่ชี้ยังร่างของสองสาวมีกลิ่นไอความตายลอยมาแต่ไกล
“ป้องกันดิ! ป้องกัน!! “แอนนาร้องลั่น กระชากคอเสื้อเรอาลเขย่าแรงๆ ขณะที่ผลึกสีฟ้าใสพุ่งเข้ามาใกล้ทุกที
“โว้ย หนวกหู คนกำลังคิดอยู่ อย่ามากวนดิฟะ” ทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็นเพราะไอจากร่างกายราชินีน้ำแข็ง แต่เรอาลกลับมีเหงื่อเต็มใบหน้า เวทย์โจมตีรุนแรงขนาดนี้จะป้องกันยังไงถึงจะรอดได้ล่ะ ทำได้อย่างเดียวคือทำใจละกัน อย่างมากก็นอนยาวละฟะ
เปรี้ยงงง!!
“พอแล้วมั้งครับ อาจารย์ราฟาลัส “ เสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างๆหู แล้วร่างบางตามแบบของผู้ชายก็ก้าวเข้ามาขวางไว้ “ผมว่าสองคนนี้คงสำนึกผิดแล้วล่ะ”
แท่งคริสตัลน้ำแข็งแหลมเปี๊ยวถูกกระแทกพลาดเป้าหมาย ปักลงบนกำแพงแทนอย่างหวุดหวิดด้วยฝีมือการใช้เวทย์ศรแสงของใครบางคน ทำให้สองสาวถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกเหลือหลาย หมายเหตุในใจว่าชาตินี้จะไม่นินทาอาจารย์อีกเลย สาธุ
ผู้ที่เข้ามาช่วยชีวิตเป็นชายหนุ่มร่างสูงบาง เส้นผมสีน้ำตาลทองยาวประบ่าไม่เป็นทรงล้อมกรอบดวงหน้าอ่อนวัย นั่นคืออาจารย์เฟย์ คลาสไทน์ ฉายาขวัญใจแม่ยก ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอายุปาเข้าไปสามสิบกว่า ขึ้นไปเสวยสุขบนคานทองแล้ว และอีกไม่นาน จากการคาดเดาของนักเรียน อาจารย์ราฟาลัสคงตามไปเร็วๆนี้
ไม่ทันที่อาจารย์เกือบสาวจะได้เปิดปาก เจ้าตัวแสบสองตัวก็เปิดแนบไปไกลแล้ว เหล่าแต่แม่นักเรียนดีเด่นที่นั่งจดบันทึกอย่างไม่สนใจเรื่องชาวบ้าน เล่นเอาหงุดหงิดนิดๆเหมือนกัน
เค้าตีกันแทบตาย ดันมานั่งจดบันทึก
“อย่าหนีนะ!” คำรามเสียงลั่น แล้วรีบจ้ำอ้าวตามลูกศิษย์สองหน่อไปทันที “จับได้ ฉันเอาตายแน่!”
“อ้าว สองคนนั้นหนีไปซะแล้ว ช่างเถอะ ครูมีธุระกับเธอแน่ะ เบียทริซ “ อาจารย์หน้าอ่อนยังคงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง “อาจารย์ใหญ่มีเรื่องจะขอร้อง “
คิ้วของลูกศิษย์สาวเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยั่น “ขอร้อง? แปลว่าหนูมีสิทธิ์ปฏิเสธงั้นสิ “ ไม่ใช่น้ำเสียงที่สุภาพเท่าไรนัก
ใบหน้าของอาจารย์หนุ่มดูเคร่งเครียดลง “ไม่มีใครบังคับเธอได้หรอก เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ “
อาการเงียบคล้ายจะเป็นการยอมรับกลายๆ ทำให้เฟย์แย้มรอยยิ้มออกมาได้ เขาหวั่นใจนิดๆเหมือนกันที่จู่ๆก็โดนสั่งให้มาเจรจากับหญิงสาววัยรุ่นผู้นี้ อยากจะปฏิเสธด้วยซ้ำ ถ้าอาจารย์ใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ไม่บอกว่าจะหักเงินเดือนที่ไม่ค่อยจะมี(ให้ก็น้อยยังจะหักอีกเรอะ!)
ยึดถือสโลแกน เสียอะไรเสียได้ แต่เสียเงินต้องข้ามศพไปก่อนละเฟ้ยยย!
“เธอคงรู้ประวัติของโรงเรียนเราดีซินะ...” เปรยออกมาเป็นการเริ่มต้นประโยค “โรงเรียนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย โดยเฉพาะเจ้าหญิงเชื้อพระวงศ์”
คนถูกถามผงกศีรษะตอบ นัยน์ตาสีเทาขึ้นหรี่ลงเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง เพราะเวลาที่พวกอาจารย์เกริ่นอะไรนานๆแบบนี้ เรื่องที่ขอคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่
โรงเรียนเจ้าหญิงและเจ้าชายถูกสร้างขึ้นเมื่อสองร้อยปีก่อนพร้อมกับเมืองลาสเวิร์ลแห่งนี้ ว่ากันว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมต่อระหว่างเทร่าและซิมโฟเนีย ทำให้มีพลังเวทมนตร์ในธรรมชาติรุนแรง และยังเชื่ออีกว่าเป็นแผ่นดินสุดท้ายที่พักพิงของมหาภูตทั้งสี่ อวินดีเน่ ซิลเฟรย์ ซิลเวีย และซาลามานเดอร์ จึงเป็นที่มาของชื่อเมืองนี้ด้วย
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงของระบอบการปกครองและความขัดแย้งกันในเรื่องของธุรกิจ ทำให้มีเจ้าหญิงน้อยพระองค์ที่ถูกส่งมาเรียนยังโรงเรียนเจ้าหญิง เพราะแต่ละประเทศต่างเชื่อมั่นในความคิดวิธีทางของตนเองมากเกินไป จนแทบจะไม่มีนักเรียนที่เป็นเชื้อพระวงศ์หลงเหลืออยู่เลย ทำให้โรงเรียนที่ใกล้เจ๊งมิเจ๊งแหล่ต้องเปิดรับนักเรียนที่เป็นสามัญชน(รวยๆ)ทั่วไป โดยพยายามตั้งกฏเกณฑ์ในการคัดเลือกให้หินๆเข้าไว้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของบรรดาเจ้าหญิงที่ยังหลงเหลืออยู่ในโรงเรียน และตัวเบียทริซเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนเจ้าหญิงด้วย
“จะพูดอะไรก็รีบพูดเถอะค่ะ หนูมีเวลาไม่มาก” หญิงสาวรีบรวบรัดตัดความ เมื่ออาจารย์เฟย์ทำท่าจะเกริ่นอีกยาวเหยียด
คิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มเลิกขึ้น ถ้านับในบรรดานักเรียนปีหนึ่งทั้งหมดแล้ว เด็กคนนี้แปลกที่สุด หน้าตาไม่สวยเหมือนพวกเพื่อนๆแต่มีเสน่ห์สะดุดใจ เวลามองนานๆแล้วเพลินดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากน่ารักเลยซักนิด(จริงๆนะ)
ยังไงซะ พวกผู้หญิงก็เหมือนกันหมดแหละ ชอบให้ความหวังแล้วทิ้งเราให้เจ็บปวดอยู่เรื่อย
“อาจารย์คะ!” เสียงติดจะคำรามของเบียทริซ เล่นเอาเฟย์สะดุ้งเฮือก รีบหันหน้าไปทางกำแพง กระแอ้มตอบ
“เรื่องแรก อาจารย์ใหญ่ขอโทษที่ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เธอยังต้องมาเรียนเพิ่ม นอกเหนือจากคนอื่นอีก ” เหลือบมองสีหน้าบูดสนิทของอีกฝ่าย “เรื่องสอง โรงเรียนเราจะมีเจ้าหญิงจากทุกประเทศมาเรียนพร้อมกันในรอบห้าสิบปี”
“แล้วไงคะ ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ”
“ปัญหามันต่อจากนั้นต่างหาก” น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลกลับเครียดขึงทันควัน “เราได้รับจดหมายปริศนาว่าจะลอบสังหารเจ้าหญิงทุกพระองค์ให้หมดสิ้น หายนะชัดๆเลย”
“แล้วไง” ยังไม่ค่อยเก็ทเลยแฮะ
“ถ้าเกิดมีเจ้าหญิงมาตายในโรงเรียนล่ะก็...คูรตกงานแน่ เข้าใจมั้ย ถ้าเจ้าหญิงคนไหนเกิดมาม่องเท้งอยู่ในเขตโรงเรียนเราก่อนจบปีหนึ่งล่ะก็ “ เอามือปาดคอเร็วๆ ”โรงเรียนโดนยุบแน่ แล้วครูก็ตกงาน เงินเดือนก็ไม่ได้ด้วย”
“หมายความว่า... จะขอความช่วยเหลือจากหนูงั้นเหรอคะ” สรุปด้วยเสียงราบเรียบ มุมปากแค่นยิ้มขึ้นเล็กน้อย “แล้วถ้าหนูปฏิเสธล่ะ”
อาจารย์หนุ่มวัยสามสิบยักไหล่ “ทำไงได้ ครูจะไปบังคับเธอได้ไงล่ะ” เขาเอ่ยปลงๆ “แต่เรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเธออยู่แล้ว ยัวร์เกรซ”
ริมฝีปากบางได้รูปเหยียดเป็นเส้นบางๆ มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนเฟย์ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก เขาเดินทางมามาก เคยเห็นคนมาก็เยอะก็จริง แต่ยังไม่เห็นใครเปลี่ยนอารมณ์เร็วเท่านี้เลย
ยังกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือยังไงยังงั้น!
ตอนนี้เหลือแค่รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ...
ริมฝีปากเผยอ้าออกจากกัน ก่อนหลุดเสียงออกมาในที่สุด
คำเพียงสามคำ
“ตกลงค่ะ”
<จบตอน>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น