ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักสลับขั้ว นางมารร้ายกับเจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #5 : เธอต้องช่วยฉัน -[]-!!!

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 49



     มันคือเสียง...

    เสียงซุบซิบยังไงล่ะ -__-''

    ซุบซิบ...ซุบซิบ...แล้วก็ซุบซิบ ๆ อ๊ายยยย พวกเธอ ๆ เคยเป็นนกกระจอกกลับชาติมาเกิดหรือไงกันห๊าาา!!!

    --*-- ฉันพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังเดือนปุด ๆ ก่อนที่จะพยายามที่จะทำตัวไม่ได้เป็นจุดเด่นเท่าที่คนบอบบาง(จริงๆ นะ)อย่างฉันจะเอื้ออำนวย พร้อมกับท่องยุบหนอพองหนอไปด้วยในใจ ที่สำคัญในเวลานี้มันก็ใกล้ที่จะเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้าเต็มที่แล้ว มันไม่ใช่เวลาที่จะมายืนวีนแตกไล่ตะเพิดใครซักกะหน่อย

    ฉันสาวเท้าพรวด ๆ อย่างไม่สนใจใคร แต่อีตาเจ้าชายสุดหล่อของฉันดันร้องเรียกไว้ซะนี่

    "อัยย์ เดี๋ยวก่อน"

    ฉันเอี่ยวตัวกลับไปมอง จะมองคนเรียกด้วยสายตาขุ่นเคืองก็คงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากถามว่ามีอะไร ฝูงคน เอ้ย! ไม่ใช่ ฝูงนรกต่างหากล่ะ กำลังวิ่งผ่านตัวฉันไปอย่างกับสายน้ำหลาก เพื่อตรงไปยังเจ้าชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน

    ปึ๊ก!!!

    อ๊ากกกก นี่ฉันกำลังถูกมือปริศนาในฝูงผีนรกนี่ทำร้ายร่างกาย แล้วตามมาด้วย

    ผั๊วะ!

    เพี๊ยะ!

    "อั๊ก" ฉันถูกใครก็ไม่รู้ซัดเข้ามาที่ปลายคางจนหน้างาย เลือดกำเดาเกือบจะกระฉูดออกมาเนื่องจากโดนมือ อาจจะมีตีนด้วยก็ได้นะใครจะไปรู้ รุมทำร้ายในขณะที่ฉันไม่ทันตั้งตัว

    จากนั้นฝูงนรกเดนตายพันปีก็หลุดออกทิ้งให้ฉันยืนอึ้งเอามือกุมคางร้องโอย ๆ อย่างหมั่นใส้อีพวกแฟนคลับอีตาวอนท์ซะเหลือเกิน และที่สำคัญที่สุด

    ไม่มีใครสนใจฉันที่ยืนโด่เด่เป็นหมาหัวเน่าเลยซักคน

    อีตาวอนท์ทำท่าจะพูดอะไรกับฉัน แต่ถูกคนบางคนในบรรดาแฟนคลับที่รุมล้อมกระตุกให้หันมาพูดคุยกับเธอ แถมอีตานี่มันเป็นโรคปฏิเสธคนไม่เป็นซะด้วย

    ฉันมองเห็นสายตาของบรรดาแฟนคลับที่เหลือบมองฉันด้วยแววตาว่างเปล่าผสมขยะแขยง ราวกับฉันเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกพยาธิตามทวารหนัก แล้วส่งเสียงขึ้นจมูกเบาๆ

    ฉันได้ยินนะเฟร้ยยยย!! *0*

    ฉันได้แต่ยืนกำหมัดนิ่งอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ชอบใช้กำลังกับผู้หญิงด้วยกัน (ถ้าไม่จำเป็น) จากนั้นก็หันมาจับศีรษะตัวเองไว้เพราะโดนมืออีพวกนี้เข้าไปจนเริ่มมึนหัว ฉันหมุนตัวกลับอยากจะเอาของไปเก็บที่ห้องเรียน จากนั้นก็คิดจะชิ่งไปนอนพักที่ห้องพยาบาลซะเลยจะได้หนีปัญหาบ้าบอพวกนี้ซะที

    "อัยย์เธอเป็นไงบ้าง"

    ฉันปัดมือของใครบางคนที่เอามือมาจับหัวฉันออก พอเงยหน้าขึ้นไปถึงได้รู้

    "วายุ นายมาโรงเรียนเช้าได้ไงน่ะ"

    "เช้า?" อีตานี่เดินตามฉันมา แต่หน้าเข้มๆ กลายเป็นเครื่องหมายคำถามไปเรียบร้อยแล้ว "เธอท่าจะบ้า รู้ตัวหรือเปล่าว่ามาเข้าเข้าแถวไม่ทันตอนเช้าน่ะ"

    -_-'' จริงดิ... ไม่เห็นรู้สึกเลย สงสัยวันนี้คงเคารพธงชาติเร็วเป็นประวัติการณ์แหงแซะ ระหว่างที่ฉันกำลังบ่นพึมพำ อีตานี่ก็ยังเดินตามฉันมา

    "วายุ นายจะเดินตามฉันมาทำไม"

    "อ้าว ฉันเป็นห่วงเธอน่ะสิ"

    -_-+ "โกหกหน้าด้าน ๆ " ฉันตอกกลับในขณะไม่ยอมหยุดฝีเท้า อีตานี่ก็เลยทำท่าฉุนขึ้นจมูก

    "โกหกตรงไหน ...เอ๊ะ ฟ้าคร้าบบบ"

    โกหกตรงนี้ไงล่ะ = =' แค่มองเห็นฟ้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนในห้องของฉันอีกสองสามคน อีตานี่จากที่เดินตามหลังฉันมาก็วิ่งผ่านหน้าฉันเพื่อตรงไปยังนางฟ้าที่ชื่อว่าฟ้าในทันที เฮ้อ ...อีตานี่มันเชื่อได้ที่ไหนกันล่ะ...

    ฟ้าส่งเสียงทักทายวายุก่อนจะมองเห็นฉันซะอีก จากนั้นเธอก็หันมาส่งยิ้มให้ฉันบ้าง >__< ฉันได้แต่ยิ้มตอบ ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่า เพื่อนร่วมห้องที่ยืนอยู่กับฟ้าทำท่าทางรังเกียจฉัน เฮ้อ...จะว่าไงดีล่ะคะ ฉันมันเป็นคนที่ป๊อบในทางที่ไม่ถูกไม่ควรซะด้วยสิ -_____-'' แบบว่า ชื่อเสียงมันดังกระฉ่อนในทางที่ไม่ดีอ่ะค่ะ ขนาดเพื่อนในห้องยังไม่มีใครคบฉันเลยนอกจากฟ้า

    แต่ทำไมกับอีตาวายุที่ได้ฉายาซาตานแห่งแคร์เรียกลับมีคนชื่นชอบกันน้า (โดยเฉพาะผู้หญิง) แหม จิ๊จ๊ะดิ๊ด๊ากันจริงๆ ให้ตายเหอะ --*--

    ฉันได้แต่หันหน้าหนีไม่สบตาใครทั้งสิ้นนอกจากฟ้า จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โต๊ะประจำของตัวเอง ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้โต๊ะ

    มันคือกระดาษ...ที่ยับยู่ยี่ ความสงสัยว่าฉันไม่ได้เป็นคนซกมกขึ้นขนาดเก็บขยะเอาไว้ใต้โต๊ะหรอกนะ มันต้องมีใครซักคนที่เอามาใส่นั่นแหละ แล้วฉันก็ตัดสินใจคลี่กระดาษแผ่นนี้ออก แล้วไล่สายตาอ่านทีละบรรทัด

    ในกระดาษมีใจความถึงฉันที่ตกเป็นจำเลย เรื่องของเมื่อวาน เรื่องที่อีตาวายุกับฉันจูบกันที่ห้องพยาบาล -[]-'' แถมในกระดาษยังมีข้อความแต่งเติมเสริมแต่งอีกเต็มไปหมด นั่นทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงหน้าด้านในสายตาของใครหลาย ๆ คนไปแล้วในปริยาย แต่ฉันว่ามันไม่น่าจะหยุดอยู่แค่นี้น่ะสิ มันอาจจะเผยแพร่ไปทั้งโรงเรียนเลยก็ได้ !!!!

    แต่ที่ฉันอยากรู้มากกว่านี้ว่าใครมันเป็นคนปล่อยข่าว!!!!!

    ฉันได้แต่กำกระดาษแผ่นนั้นด้วยมือที่สั่นระริก แต่ก็ได้แต่ทำท่าไม่ใจ เมื่ออาจารย์ประจำวิชาได้เดินเข้ามาให้ห้อง จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นของฉันทั้งหลายก็กระโจนกลับมานั่งที่เดิม
     

     ฉันรู้สึกว่าเวลาเรียนในวันนี้มันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน หัวสมองของฉันกำลังรับไม่ไหว เกิดอาการคลื่นใส้อยากจะอาเจียน ฟ้าที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ฉันคงสังเกตเห็นเพราะเธอขออนุญาตอาจารย์แล้วเดินไปส่งฉันที่ห้องพยาบาล
     
     "อัยย์ อย่าผืนนะ มันไม่ดีรู้มั้ย"

     ฟ้าบอกด้วยเสียงเรียบ ๆ ในขณะที่เราสองคนเดินผ่านห้องเรียนเยอะแยะเพื่อไปยังห้องพยาบาล

     "ก็..." ฉันยักไหล่ "ทำไงได้ล่ะฟ้า ฉันมันไม่ใช่คนอ่อนแอซักหน่อย"

     "แต่ว่า..." ฉันโบกมือเมื่อฟ้ากำลังอ้าปากท้วง

     "เธอเองก็อย่ามามัวเสียเวลาเรียนเลย กลับไปเถอะ ฉันเดินไปห้องพยาบาลเองได้ นะฟ้านะ"

     ฉันส่งเสียงขอร้อง ฟ้าก็เลยขมวดคิ้วอย่างลังเลว่าจะเอาไงดี ฉันไม่รู้เหมือนกันนะว่าฟ้าจะรู้เรื่องในใบปลิวหรือเปล่า แต่ถึงยังไงฟ้าก็คงไม่เชื่อเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นหรอก ฉันคุยกับฟ้าอยู่สองสามคำบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฟ้าเองก็อิดออดกว่าจะยอมกลับเข้าไปห้องเรียน

     ฉันก้าวขาไปตามทางเดินที่มีแต่ฉันเพียงคนเดียวซึ่งทุกทีจะมีคนเดินผ่านไปมาเต็มไปหมด และแล้วก็มาถึงห้องพยาบาล

    " 'จารย์ขา" ฉันลากเสียงเปิดประตูพรวดเข้าไป อาจารย์ที่กำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่ท่าทางแปลกใจเมื่อเห็นฉัน

    "ว่าไงล่ะเรา"

    "ปวดหัว...ค่ะ" ฉันตอบ เกือบจะไม่มีหางเสียงกับอาจารย์แล้วมั้ยล่ะ

    "อืม...งั้นก็กินยาแล้วไปโรงพยาบาลซะนะ" อาจารย์บอกพลางเดินไปหายาที่อยู่ในตู้ จากนั้นร่างสูง ๆ ก็เดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งมาให้ฉันอย่างเบามือ ฉันรับแก้วน้ำมาแล้วมองหน้าอาจารย์

    อาจารย์ก็เลยมองหน้าฉันกลับแล้วฉีกยิ้ม

    "ว่าไงล่ะเรา"

    "อาจารย์ใจดีจังนะคะ มิน่าล่ะ ใคร ๆ ถึงได้ชอบ"

    อาจารย์ทำท่าจะสะดุดขาตัวเอง "มันเป็นหน้าที่"

    ฉันได้แต่กลืนยาลงคอแล้วตามด้วยน้ำเปล่า เฮ้อ ความจริงแล้วมันก็ดีเหมือนกันนะ นาน ๆ ทีจะได้มาอยู่ในที่สงบสุขแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน แบบนี้ต้องแอบแวบมาบ่อยๆ แล้วล่ะ

    "จริงสิ อัยวรา"

    "คะ?" ฉันหันกลับมาด้วยความสงสัย ฉันหันกลับไปยังอาจารย์ที่ไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้วกอดอก แววตาใต้แว่นของอาจารย์ส่อแววซีเรียสขึ้นมาทันที

    "รู้ข่าวในตอนเช้ามั้ย"

    ฉันแกล้งทำหน้าฉงน ไม่รู้ก็บ้าแล้ว "เรื่องอะไรล่ะคะ"

    "เฮ้อ เธอไม่รู้ก็ดีแล้วล่ะ ไปนอนได้แล้วไป เอ้อ...เอ๊ะ ไม่มีอะไร"

    ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดแปลก ๆ ของอาจารย์ แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักแต่โดยดี จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทางนึงที่มีผ้ากั้นไว้เป็นห้อง ๆ พอเห็นเตียงว่างก็ทิ้งตัวลงนอน แต่ตอนนี้มันกลับไม่อยากจะนอน ทำไมคนอื่น ๆ ถึงได้มาจองล้างจองผลาญกันนักนะ ฉันไม่เห็นอยากจะเป็นอย่างที่คนอื่นพูดกันซักหน่อย นางมงนางมารแคร์เรียอะไรเนี่ย พอคิดไปคิดมาก็ต้องคิดไปถึงอีตาวายุ ทำไมเรื่องของอีตานี่เวลาไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ ถึงจะโหดร้ายโชกเลือดซักปานใดทำไมไม่เห็นมีใครเอามาพูดจาว่าร้ายอะไรเลย

    ว่าแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล

    "เธอร้องไห้หรอไง"

    ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของคนที่คุ้นหู ทำไมฉันกับอีตานี่ถึงได้แยกกันไม่ออกซักทีนะ

    "วายุนายมาอยู่นี่ได้ไง"

    ผู้ชายที่อยู่อีกฝากที่มีม่านกั้นอีกชั้นขยับตัว "เหนื่อยน่ะสิ"

    "เหนื่อย" ฉันขยับตัวบ้าง โดยตะแคงข้างไปยังต้นเสียง

    "อื้ม...ทำยังไงฟ้าก็ไม่เห็นสนใจฉันซักที"

    คำตอบของอีตานี่ทำให้ฉันคิ้วกระตุกกึก ๆ "เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ"

    "มันไม่ใช่แค่นี้นะ" เขาตอบกลับมา "ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่าฟ้าจะใจดีกับคนอื่นเขาไปทั่ว"

    อ้าว ไม่งั้นจะได้ฉายานางฟ้าแห่งแคร์เรียเหรอไงกันล่ะ -________-''

    "เฮ้อ ทำยังไงฟ้าถึงจะปันใจให้ฉันบ้างนะ"

    นายก็เปลี่ยนนิสัยนายซะสิ ไอ้โรคทำร้ายผู้หญิงน่ะ ...แหม ฉันต้องการจะพูดงี้แหละ แต่ถ้าพูดไปมีหวังต้องมีเรื่องกันอีกแหง ๆ

    เราเงียบกันไปนาน เฮ้อ ฉันเริ่มจะง่วงนอนแล้วล่ะ

    แต่ก่อนที่ฉันจะหลับอีตานี่ก็ทะลึ่งลุกขึ้นมานั่งพรวดพราด ก่อนจะดึงผ้าม่านที่กั้นเตียงออก แล้วก็หันหน้ามาจ้องฉัน

    "ฉันตัดสินใจแล้ว"

    ฉันขมวดคิ้ว "อะไรล่ะ"

    "เธอต้องช่วยฉัน"


    -[]-!!!!!!!!!!!


    "ห๊าาาา"




    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×