ตอนที่ 19 : บทที่ 19 [จบ]
-19-
หลังจากติดค้างเสี่ยอำนาจและไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ พิษณุลอบหนีออกไปนอกประเทศ ใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนกับกลุ่มคนทำผิดกฎหมายเป็นเวลาหลายปี ในช่วงเวลานั้นนอกจากจะดื่มสุราเมาเหล้าสร้างความเดือดร้อน ยังเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงการยาเสพติด เผื่อผนวกรวมกับเรื่องที่เคยทำร้ายร่างกายอดีตภรรยาทั้งสองคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาให้ปากคำได้อย่างไร บทลงโทษของพิษณุก็ยิ่งหนักหนามากขึ้นเรื่อยๆ
“เหตุผลที่พิษณุกลับมาที่นี่เป็นเพราะได้ข่าวว่านายอำนาจถูกจับ ประกอบกับที่ตอนอยู่ชายแดนใช้ชีวิตแบบอดๆ อยากๆ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนโดนตามไล่ล่าเนื่องจากไม่มีปัญญาใช้หนี้บ่อน เลยตัดสินใจจะกลับมาพึ่งพาหลานชายทั้งสองคน” ตรีภพอ่านข้อมูลในแท็บเล็ตด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ขณะเดียวกันก็ลอบมองสีหน้าของเจ้านายไปด้วย “เริ่มต้นจากการเดินทางไปยังบ้านเก่า พอรู้ว่าคุณรพีกับคุณดมิสไม่ได้อยู่ที่นั่นเลยโทรไปหลอกถามเจ้าของบ้านว่าทั้งคู่ไปอยู่ที่ไหน แต่เพราะเจ้าของบ้านเองก็ไม่รู้ จำได้เพียงคุณดมิสเรียนที่มหาวิทยาลัยอะไรก็เลยบอกไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พิษณุไปดักรอคุณดมิสอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยครับ”
“เข้าใจแล้วครับ รบกวนคุณตรีภพช่วยย้ำคนอื่นให้เลิกพูดถึงเรื่องนี้ด้วยนะครับ ผมไม่ต้องการให้พี่พีได้ยินชื่อของคนคนนี้อีกนับจากนี้ไป” เมื่อพูดจบหม่อมราชวงศ์คีรินทร์ก็ผุดลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้ตรีภพที่ก้มศีรษะขอตัวออกไปจากห้อง ก่อนจะตรงไปยังห้องออกกำลังที่รพีกำลังใช้งานอยู่
เนื่องจากวันนี้ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัย คีรินทร์จึงตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อให้ทันเวลาที่คนรักจะออกกำลังกาย แต่เพราะเห็นว่าเวลานี้รพีไม่ได้อยู่เคียงข้าง เขาจึงให้ตรีภพเข้ามารายงานเรื่องของพิษณุก่อน แม้จะเสียเวลาไปเล็กน้อย หากเมื่อเทียบกับการที่รพีไม่ต้องมารู้เรื่องของคนคนนั้นอีกก็ถือว่าคุ้มค่า
เพียงแค่มองหน้า เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าคนของตัวเองไม่ได้อยากรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพิษณุเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม
“น้องเล็ก” รพีที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้าทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจ
“พี่พีไม่ต้องหยุดนะครับ เล็กจะมาออกกำลังด้วยเฉยๆ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายตอนเช้าๆ มานานแล้ว”
ปากบอกว่ามาออกกำลังด้วย แต่กลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน สายตาจับจ้องคนรักที่เปลือยท่อนบน ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อไม่วางตาจนคนถูกจ้องรู้สึกแปลกๆ ต้องกดหยุดลู่วิ่งแล้วเดินเข้ามาหา
“น้องเล็กเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เล็กไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ถึงคุณชายจะยืนยันเช่นนั้น แต่รพีกลับไม่ไว้วางใจ ชายหนุ่มเช็ดมือกับผ้าสะอาดที่ยังไม่ได้ใช้ จากนั้นจึงวางมือแนบหน้าผากขาวด้วยความเป็นห่วง
“น้องเล็กหน้าแดงขนาดนี้จะไม่สบายหรือเปล่าครับ พี่ไปเอาเครื่องตรวจไข้ก่อนดีกว่า ใช้มือแบบนี้บอกอะไรไม่ได้เลย”
“เล็กไม่ได้หน้าแดงเพราะไม่สบาย” คุณชายเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าพี่พีซื่อมากเกินไปหรือตัวเขาเองดูเรียบร้อยเกินกว่าจะหน้าแดงเพราะเห็นหุ่นแฟนตัวเองกันแน่ “ที่หน้าแดงเป็นเพราะเล็กเพิ่งเคยเห็นพี่พีถอดเสื้อออกกำลังต่างหาก ยิ่งเห็นเหงื่อบนตัวเล็กก็ยิ่ง...”
“น้องเล็ก!” รพีที่ไม่อาจทนฟังคนเรียบร้อยน่ารักพูดจาตรงไปตรงมาปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้แน่น หารู้ไม่ว่าการกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดน้อยลง คราวนี้จึงถูกคนที่ตัวเล็กกว่าไม่มากคว้ากอดเอวแล้วแนบหน้าลงกับอกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“เล็กไม่เหม็นครับ ไม่รังเกียจด้วย”
“พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“เล็กรู้ทันครับ”
พอได้ฟังคำพูดของคนรัก รพีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วโอบกอดร่างอีกคนเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ไหนว่าจะออกกำลังไง”
“ไม่ออกแล้วได้ไหมครับ”
ทั้งที่กำลังงอแงอยู่แท้ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดคุณชายเล็กจึงยังดูสุภาพเรียบร้อยอยู่เหมือนเดิม รพีคิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วดันตัวอีกคนออกห่างเพื่อให้มองเห็นใบหน้านั้นได้ถนัดกว่าเดิม
“เปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
“เปลี่ยนใจดีกว่าครับ ได้มาเห็นพี่พีในสภาพแบบนี้ถือว่าคุ้มแล้ว” คำพูดน่าอายยังคงดังออกมาจากปากของคนขี้แกล้งอย่างต่อเนื่อง “ถ้ารู้ว่าเวลาออกกำลังพี่พีจะถอดเสื้อ เล็กคงมานั่งมองตั้งนานแล้ว”
“น้องเล็ก...” รพีเรียกคนรักเสียงอ่อย ถ้าไม่ติดว่าเป็นคุณชายเล็ก เขาคงดีดหน้าผากขาวๆ ตรงหน้าไปแล้ว “ถ้าคุณชายปฐวีมาได้ยินน้องเล็กพูดแบบนี้เข้าคงสั่งให้คนเอาพี่ไปฆ่าแน่ๆ”
“พี่ชายใหญ่ไม่ได้โหดร้ายและน่ากลัวขนาดนั้นนะครับ” คุณชายเล็กหัวเราะอารมณ์ดี ยินยอมให้พี่พีของตัวเองจูงมือพาเดินลงไปยังชั้นล่างแต่โดยดี
พวกเขานั่งลงบนโซฟารับแขก รพีอ้าแขนออกกว้างรับร่างของคนที่ติดสัมผัสเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความเต็มใจ จะอย่างไรตอนนี้เขาก็ใส่เสื้อ แถมเหงื่อยังแห้งไปหมดแล้ว ต่อให้กอดใครอีกคนเอาไว้แบบนี้ก็คงไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ต้องไปอาบน้ำกันทั้งคู่อยู่ดี
“ท้องฟ้ายังไม่สว่างเลย” ชายหนุ่มมองออกไปนอกกระจก ท้องฟ้าในช่วงเวลาเช้ามืดเช่นนี้ดูไม่ต่างจากตอนกลางคืนเท่าไรนัก แต่อีกไม่นานดวงอาทิตย์ก็คงปรากฏขึ้นมา สาดแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ “เวลา...ผ่านไปไวจริงๆ”
“เล็กก็คิดแบบนั้นครับ”
“น้องเล็ก... อันที่จริงพี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“…พี่คิดว่าจะเรียนต่อครับ”
คุณชายเล็กผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วมองรพีด้วยดวงตาเบิกกว้าง ทว่าเพียงไม่นานก็คล้ายจะมีประกายระยิบระยับเข้ามาแทนที่
“ดีเลยสิครับ”
“น้องเล็ก...เห็นด้วยเหรอครับ” รพีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ เขาคิดถึงเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่ยังไม่กล้าพูดออกไป เพราะในใจยังเต็มไปด้วยความลังเล
“เล็กจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรกันครับ พี่พีไม่ต้องเครียดนะ ถ้าอยากทำอะไรก็ทำได้เลย ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเล็กหรอก” ว่าจบคุณชายเล็กก็เผยรอยยิ้มสว่างไสวแล้วถามต่อด้วยความสนใจ “พี่พีคิดไว้หรือยังครับว่าอยากเรียนอะไร”
“เรื่องคณะพี่เองก็ยังไม่แน่ใจครับ แต่คิดเอาไว้แล้วว่าจะเลือกมหาวิทยาลัยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียน”
เพราะในอดีตมองเห็นเพียงการเล่นกีฬา เมื่อไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกต่อไปเขาจึงเลิกนึกถึงเรื่องการเรียนต่อไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งประสบกับวิกฤติการเงินยิ่งแล้วใหญ่ สุดท้ายถึงได้ให้ดมิสเรียนต่อเพียงคนเดียว ตัวเองจะได้ทำงานได้เต็มเวลา แต่เพราะตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และรพีก็คิดว่าเขาข้ามผ่านความเจ็บปวดในอดีตมาได้ด้วยกำลังใจจากคนคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญสำหรับเขาในตอนนี้จึงเป็นอนาคตข้างหน้า
อีกไม่นานคุณชายเล็กจะเรียนจบและต้องเข้าไปทำงานกับพี่ชายตัวเองในบริษัทที่มีชื่อเสียง รพีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องให้เขาติดตามไปด้วยอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ได้ทำงานในฐานะพนักงานก็คงเป็นหนึ่งในผู้ติดตาม แต่เพราะเขาอยากมีประโยชน์ต่อคุณชายมากกว่านั้น อยากจะช่วยเหลือคนรักได้ในทุกเรื่อง สิ่งแรกที่ต้องทำจึงเป็นการพยายามเอาวุฒิการศึกษากับความรู้ที่จำเป็นมาให้ได้ก่อน อย่างน้อยจะได้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แล้วก็จะได้ไม่มีใครดูถูกคุณชายที่เลือกคนอย่างเขามาเป็นคู่ชีวิต
“เรื่องไปเรียน หากพี่พีอยากไปเล็กก็ไม่ติดขัดอะไรนะครับ”
“พี่มั่นใจว่าอ่านหนังสือเองได้ครับ อีกอย่างคือพี่ไม่อยากทิ้งงานทางนี้ จะอย่างไรพี่ก็ยังมีสถานะเป็นลูกจ้างของน้องเล็กอยู่ และโดยส่วนตัวก็อยากทำงานมากกว่าอยู่แล้วด้วย”
เพราะเข้าใจดีว่ารพีเป็นคนแบบไหน หม่อมราชวงศ์คีรินทร์จึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่คิดก้าวก่ายการตัดสินใจ เพียงเน้นย้ำให้มั่นใจว่าตัวเขาอยู่ตรงนี้เสมอเท่านั้น
“ถ้ามีอะไรให้เล็กช่วย พี่พีบอกได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่เคยมีความรักมาก่อน การใช้ชีวิตในฐานะคนรักของพวกเขาจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากปกติมากนัก เพียงแค่ค่อยๆ เรียนรู้ทุกอย่างไปด้วยกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คอยอยู่เคียงข้างให้คำปรึกษาในเวลาที่ต้องการ แค่นั้นก็มีความสุขมากแล้ว
“ไหนๆ พี่พีก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว...” คุณชายเล็กเงียบเสียงไปพักหนึ่งคล้ายต้องการใคร่ครวญว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ กระทั่งได้คำตอบเป็นอย่างเดิม เขาจึงหันไปมองรพีด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นกังวล “หลังจากเรียนจบเล็กคิดว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านครับ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“เล็กอยากให้พี่พีไปอยู่ด้วยกัน” ไม่รอให้รพีคิดอะไรไปเอง คุณชายก็อธิบายความต้องการต่ออย่างรวดเร็ว “หากไม่สะดวกใจจะอยู่ในฐานะคนรักของเล็ก พี่พีจะคิดเสียว่าไปทำงานก็ได้ และถ้าหากไม่อยากแยกกับดมิส เล็กกับพี่ชายใหญ่ก็ยินดีจะให้เขามาอยู่ด้วยกัน... อันที่จริงในเขตบ้านเล็กมีบ้านอยู่หลายหลัง พี่พีกับดมิสจะไปอยู่ที่บ้านหลังอื่นก็ได้ครับ เล็กแค่ไม่อยากให้เราแยกจากกัน”
พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลที่ปะปนไปกับความคาดหวังของคุณชาย รพีก็ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มออกมา มองดูจากความเป็นจริงในเวลานี้ ทั้งเขาและดมิสไม่มีทางปฏิเสธความต้องการใดๆ ของคุณชายได้แน่นอน ไม่ใช่เพียงเพราะตอนนี้สถานะเปลี่ยนแปลงไป แต่เป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำเพื่อพวกเขาสองพี่น้องมีมากมายเหลือเกิน ต่อให้ไม่ต้องกลับไปถามน้องชาย รพีก็รู้ดีว่าคำตอบคืออะไร
“พี่จะกลับไปคุยกับดิมให้นะครับ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
แต่ไหนแต่ไรมาสองพี่น้องก็ไม่ใช่คนที่ขี้เกรงใจจนเกินเหตุอยู่แล้ว จริงอยู่่ที่รพีรู้สถานะของตัวเองดีว่าอะไรควรไม่ควร และหลายครั้งเขาก็อดทักท้วงคนรักไม่ได้ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะตัวเองคำนึงถึงความสูงศักดิ์ของใครอีกคนเสมอ แต่เมื่อไรก็ตามที่เป็นเรื่องที่รู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างเต็มใจ เขาก็ไม่เคยคิดจะเล่นตัวอะไรให้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานะระหว่างเขากับคุณชายไม่ใช่เพียงเจ้านายกับลูกน้องอีกต่อไป
อีกอย่าง... หากจะได้ไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ทั้งเขาและดมิสไม่มีทางทำตัวเหมือนเป็นเจ้านายอีกคนของบ้าน และยิ่งไม่มีทางอยู่เฉยๆ ทำตัวเป็นแขกแน่นอน
“จริงเหรอครับ” คีรินทร์ถามย้ำด้วยความตื่นเต้น แค่ได้ยินเท่านี้ก็รู้แล้วว่าคำตอบคืออะไร เมื่อคนรักพยักหน้ายืนยันซ้ำอีกครั้ง เขาจึงยกยิ้มกว้างแล้วโถมเข้าไปกอดอีกคนเอาไว้จนหงายหลังลงไปนอนอยู่บนโซฟาทั้งคู่ “เล็กดีใจมากๆ เลย”
รพีกดจูบลงบนหน้าผากของคนที่นอนทับเขาอยู่อย่างอดใจไม่ไหว เพียงแค่ได้เห็นดวงตาคู่สวยในระยะประชิด ภาพความงดงามของทะเลก็ปรากฏชัดในความทรงจำอีกครั้ง
จำได้แล้ว...
ในตอนที่ยังเป็นเด็ก ครั้งหนึ่งเขาเคยชี้ชวนให้น้องชายมองดูทะเลที่เต็มไปด้วยเกลียวคลื่น ร้องบอกว่านั่นคือสิ่งที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ทั้งยังวิ่งเข้าไปบอกพ่อกับแม่ว่าชื่นชอบที่แห่งนั้นมากเพียงใด
เมื่อโตขึ้นมาเขาได้กลับไปมองดูทะเลอีกครั้ง ทว่าสายตากลับถูกสะกดเอาไว้โดยดวงตางดงามของคนผู้หนึ่ง ในเวลานั้นเขาคิดกับตัวเองในใจ แท้จริงสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าทะเลก็คือดวงตาคู่นั้น
มาถึงตอนนี้เขาได้รับหัวใจจากเจ้าของดวงตาคู่นั้นมาครอบครอง ที่สุดจึงได้รู้ว่าสิ่งที่งดงามมากยิ่งกว่าอะไรในโลกก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของคนตรงหน้า
คุณชายเล็กของเขา...มีค่ามากยิ่งกว่าสิ่งใดก็ตามบนโลกใบนี้
หนึ่งปีต่อมา รพีตัดสินใจสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีคณะเดียวกันกับที่หม่อมราชวงศ์คีรินทร์เคยเรียน แต่เป็นหลักสูตรที่เรียนออนไลน์จากที่บ้านได้ เพียงแค่ต้องสอบให้ผ่านตามที่เคยตัดสินใจไว้
คนรักของเขาซึ่งแท้จริงอายุน้อยกว่าสามปีกลายเป็นอาจารย์สอนพิเศษด้วยความต้องการของเจ้าตัวเอง แม้ตอนนี้จะเริ่มทำงานในฐานะรองประธานบริษัทมาได้สักพัก ทั้งยังเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่จนใครต่อใครรับรู้กันทั่วว่าน้องชายของท่านประธานเก่งกาจเพียงใด หากก็ยังหาเวลาว่างมาติวหนังสือให้รพีได้เสมอ ซ้ำยังเคยเอาเคสสมมติของจริงจากบริษัทมาใช้สอนจนเขาห้ามแทบไม่ทันอีกต่างหาก
หลังจากรู้ว่ารพีต้องการเรียนไปเพื่ออะไร คนที่ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ไปสามวันก็สนองความต้องการของเขาด้วยการสอนงานอย่างจริงจัง และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของหม่อมราชวงศ์ปฐวี คนทางนั้นยังใจดีส่งตรีภพมาสอนงานเขาโดยไม่สนใจวุฒิการศึกษาใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนั้นรพีจึงต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย และปรับเปลี่ยนหน้าที่จากการเป็นพ่อบ้านเต็มเวลา กลายเป็นพ่อบ้านเพียงครึ่งเวลาแทน
…และดูเหมือนว่าเมื่อวานจะเป็นวันสุดท้ายของหน้าที่พ่อบ้านที่ว่าแล้ว
สัญญาจ้างงานระหว่างเขากับคุณชายเล็กจบลงตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดถึงเรื่องต่อสัญญาอะไรขึ้นมาอีก เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงเจ้านายลูกจ้างกันอีกแล้ว แต่เพราะหนึ่งปีมานี้อะไรหลายอย่างยังไม่ลงตัว คุณชายเลยยังไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านอย่างถาวร เขาจึงทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านให้อีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม
ส่วนดมิสที่แท้จริงไม่มีความฝันอะไรเป็นพิเศษ หลังจากเรียนจบได้ตอบรับคำชวนของเพื่อน ลองเข้าไปทำงานเป็นเทรนเนอร์อยู่ในฟิตเนสแห่งหนึ่ง ปรับเปลี่ยนการเล่นยูโดให้กลายเป็นเพียงงานอดิเรก ไม่คิดเดินหน้าต่อไปในทางที่ไม่ใช่ของตัวเองอีก โชคดีที่รพีได้รู้ทีหลังว่าฟิตเนสแห่งนั้นเป็นธุรกิจของนักรบ คนรักของนาวา เพื่อนสนิทของคุณชายเล็ก เขาจึงวางใจขึ้นมากแม้จะไม่รู้ว่าน้องชายมีอะไรน่าเป็นห่วงก็ตาม
“พี เก็บของเสร็จยัง”
“ใกล้เสร็จแล้ว ดิมไปรอที่รถเลยก็ได้” รพีหันไปตอบน้องชายแล้วกลับมาสนใจของในมืออีกครั้ง และแทบจะในวินาทีเดียวกันนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มนุ่มนวลออกมาเงียบๆ ก่อนจะเก็บของที่ว่าเอาไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างทะนุถนอม
วันนี้เป็นวันแรกที่เขากับน้องชายจะย้ายไปอยู่ที่บ้านของสองคุณชาย หลังจากเมื่อวานคุณชายเล็กนำหน้าย้ายไปก่อนเพราะพี่ชายตัวเองเลิกงานไว รพีอยากให้สองพี่น้องใช้เวลาเป็นส่วนตัวด้วยกันบ้างจึงไม่ได้ตามไปด้วย
เมื่อขนของที่จำเป็นออกไปจนหมด ห้องที่อยู่อาศัยมาพักใหญ่ก็ดูจะโล่งลงไปไม่น้อย แม้ว่าข้าวของของพวกเขาทั้งสองคนจะไม่ได้มากมายอะไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะอยู่มานานพอควรจึงคุ้นชิน ต่อให้คุณชายเล็กบอกว่าพวกเขาสองพี่น้องยังมาใช้ห้องนี้ได้ตามสบาย แต่รพีคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก กระทั่งเพนท์เฮ้าส์ของคุณชายเล็กที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเนื่องจากขนของจำเป็นไปเพียงไม่มากยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาบ่อยขนาดไหน
ที่บ้านมีครอบครัวอันแสนสำคัญรออยู่ ใครบ้างจะอยากกลับไปที่อื่น
“ทำหน้าเหมือนจะไปไหนไกลงั้นแหละ ย้ายไปแค่นี้เองไหม” ดมิสที่เห็นพี่ชายลงมาช้าส่ายหน้าหน่ายแล้วเข้าไปรับของมาใส่หลังรถ
“แต่อย่างน้อยเมื่อคืนพี่ก็นอนหลับนะ”
“พี!”
รพีหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธ หลังจากสำรวจจนแน่ใจว่าเอาของมาครบหมดแล้วจึงเดินไปประจำที่นั่งข้างคนขับ ให้เจ้าของรถพาตรงไปยังบ้านหลังใหม่โดยไม่ได้พูดอะไรอีก
บรรยากาศบนรถสงบเงียบผิดสังเกต เห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายต่างตื่นเต้นที่จะได้ย้ายไปยังสถานที่แห่งใหม่ซึ่งไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นที่ที่คุ้นเคยมาก่อน ระยะเวลาเพียงไม่นานที่พวกเขาใช้เดินทางไปยังบ้านหรืออาจต้องบอกว่าคฤหาสน์ของสองคุณชายเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดที่ไม่อาจใช้คำพูดมาอธิบาย ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีความอึดอัดแม้เพียงเศษเสี้ยว
ในทันทีที่รถยนต์คันใหม่อันเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของดมิสตรงเข้าไปในเขตรั้วบ้านกว้างขวาง รพีหันไปยกมือไหว้ยามวัยกลางคนที่คุ้นหน้ากันดีอย่างมีมารยาท หากยังไม่ทันได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกเจ้าของบ้าน สายตาของเขาก็มองเห็นเงาร่างของคนคนนั้นยืนรออยู่ตรงหน้าประตูบ้านใหญ่เข้าเสียก่อน
“น้องเล็ก ทำไมออกมายืนอยู่ตรงนี้ครับ” รพีเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบตรงเข้าไปถามคนรักที่เอาแต่ยิ้มอย่างเป็นกังวล “นี่ยืนอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
“เพิ่งออกมาเมื่อครู่ครับ พี่พีโทรมาหาเล็กช้ากว่าคุณลุงสมพล”
พอรู้ว่ายามที่หน้าประตูโทรแจ้งคุณชายจึงออกมายืนรอ รพีก็ถอนหายใจโล่งอก ไม่ว่าจะผ่านมานานเพียงใดเขาก็ยังเป็นห่วงคนคนนี้ไม่เคยเปลี่ยน จะเรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหนก็ไม่อาจมองข้ามไปได้
“จริงสิ... พี่เอาเจ้านี่มาด้วย” รพีหยิบของที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมาวางบนฝ่ามือ แต่ทันทีที่เห็นมันเข้า คุณชายเล็กกลับนิ่งงันไป ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเผยรอยยิ้มอ่อนใจออกมา
“เล็กบอกให้พี่พีทิ้งไปไม่ใช่หรือครับ”
“จะทิ้งได้ยังไงกันครับ น่ารักจะตาย”
ตุ๊กตารูปเด็กผู้ชายตัวน้อยหน้าตาบูดเบี้ยวที่เกิดจากฝีมือของคุณชายเล็กตอนไปร่วมงานการกุศลเมื่อหลายเดือนก่อนถูกรพีเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าคนทำจะบอกให้เอาไปทิ้งเพราะหน้าตาของมันไม่น่าดูเลยสักนิดก็ตาม รพีจำได้ดีว่าตอนได้รู้ว่าคนอย่างคุณชายก็มีเรื่องที่ไม่ถนัด เขายิ้มกว้างมากขนาดไหน ในงานตอนนั้นที่มีเด็กๆ มาร่วมวงด้วยไม่มีใครยอมรับตุ๊กตาตัวน้อยจากคุณชายเลยสักคน สุดท้ายจึงเป็นเขาที่เต็มใจรับไว้แทนและเก็บรักษาเป็นของสำคัญมาโดยตลอด
“เล็กยอมให้พี่พีเก็บเอาไว้ก็ได้ครับ เห็นว่าชอบมากหรอกนะ” คุณชายเล็กหรี่ตามองตุ๊กตาด้วยความไม่พอใจ หลังจากเห็นว่าพี่พียังประคองมันอยู่ด้วยความอ่อนโยนจึงยื่นมือไปหยิบมาถือไว้ มองได้สักพักก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วจัดการเก็บใส่กระเป๋าเสื้อให้คนรักเหมือนไม่อาจทนมองได้อีกต่อไป
“แบบนี้พี่คงต้องขอบคุณสินะ”
“ไม่ต้องมายิ้มแซวเล็กเลย... ไปครับ เข้าไปหาพี่ชายใหญ่กัน เรื่องข้าวของให้คนอื่นจัดการต่อก็พอ”
พอเห็นว่าดมิสส่งกุญแจรถให้พ่อบ้านและเดินมายืนอยู่ด้านข้างรพีแล้ว หม่อมราชวงศ์คีรินทร์ก็จูงมือพาคนรักเดินนำเข้าไปด้านในบ้าน ตรงไปยังห้องรับแขกที่หม่อมราชวงศ์ปฐวีกำลังนั่งคุยงานอยู่กับนักรบ ด้านข้างคือนาวาที่ยังไม่หยุดทำตัวแข็งเกร็งเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนที่หวาดกลัว
“คุณชาย!” นาวาร้องเรียกเสียงดัง หน้าตาเหมือนจะร้องไห้เมื่อหันมาเห็นเพื่อนสนิท ไม่ต้องถามก็รู้ว่ากดดันขนาดไหนที่ต้องนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนี้
“พี่ชายใหญ่ยังคุยงานกับคุณนักรบไม่เสร็จหรือครับ”
“น่าจะใช้เวลาอีกสักพัก น้องเล็กยังจัดของไม่เสร็จไม่ใช่หรือ” หม่อมราชวงศ์ปฐวีหันมาตอบน้องชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากพยักหน้าน้อยๆ รับการทักทายของสองพี่น้องผู้มาใหม่อย่างเฉยชา “ไปจัดของกันก่อนเถอะ กว่าพี่จะคุยงานเสร็จคงถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี”
“ได้ครับ”
“ขอโทษด้วยนะครับคุณชาย” นักรบส่งยิ้มขอโทษขอโพยให้คุณชายเล็ก เพราะเขาคือคนที่เอางานมาคุยกับเพื่อนสนิทในช่วงเวลาพักผ่อนเช่นนี้เอง
“ไม่เป็นไรครับ คุยกันตามสบายได้เลย” ว่าจบคีรินทร์ก็หันไปถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงขบขัน “วาจะไปกับผมหรือจะนั่งอยู่ตรงนี้”
“ผมไปด้วย!”
คนฟังหัวเราะ มองเพื่อนที่วิ่งมาเกาะแขนอย่างอารมณ์ดี หลังจากพยักหน้าให้พี่ชายอีกครั้งจึงเดินนำไปอีกทางโดยไม่ได้อยู่รบกวนต่ออีก
หลังจากใช้เวลาตกลงกันนานหลายอาทิตย์ ในที่สุดสองพี่น้องรพีกับดมิสก็ตกลงกันว่าจะอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ร่วมกันกับคุณชายทั้งสอง แต่พวกเขาจะไม่ยอมใช้ห้องใหญ่เทียบเคียงกับทั้งคู่แน่นอน ห้องขนาดกลางทางปีกขวาของบ้านจึงกลายเป็นคำตอบ และที่น่าตลกก็คือดมิสกล่าวว่าจะจ่ายเงินค่าที่อยู่อาศัยคล้ายเป็นการเช่าห้องอยู่ เพราะตั้งแต่ต้นที่ยอมย้ายมาที่นี่ก็เพราะอยากให้รพีได้อยู่กับคุณชายโดยไม่ต้องห่วงเขาอยู่แล้ว
เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่อยากติดค้างกัน หม่อมราชวงศ์คีรินทร์จึงยอมรับฟังคำขอนั้น และปล่อยให้น้องชายของคนรักทำตามต้องการโดยไม่ขัดอะไร
“คุณชายย้ายมาตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่ได้จัดของอีกเหรอ” นาวาถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนด้วยกัน
“ผมรอพี่พีน่ะ”
เพียงเท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจได้ในทันทีว่าข้าวของของรพีจะถูกจัดเอาไว้ที่ไหน
“พี่ชายของคุณชายยอมด้วยเหรอ”
“ดูไม่พอใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอก”
นิดหน่อยเหรอ...
รพีที่เดินอยู่ด้านข้างได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ เขายังจำได้ดีว่าตอนที่คุณชายเล็กเอ่ยถึงเรื่องที่อยากจะนอนห้องเดียวกันกับเขาขึ้นมา ในเวลานั้นคุณชายใหญ่ถึงขั้นทำช้อนหลุดออกจากมือ หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เห็นทีตัวเขาคงจะตายไปแล้วเป็นร้อยรอบ ต่อให้สุดท้ายบอกว่าตามใจ แต่การแสดงออกล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้ยินดีหรือเต็มใจเลยสักนิด
“เดี๋ยวผมไปช่วยดิมจัดของแล้วกัน คุณชายใช้เวลากับพี่พีเต็มที่เลย” นาวาที่รู้ดีว่าเพื่อนสนิทคิดอะไรอยู่พูดขึ้นมาอย่างรู้ใจแล้วโบกมือให้คู่รักน่าอิจฉาเป็นเชิงลา หลายเดือนมานี้พวกเขาได้เจอกันบ่อยๆ ตัวเขาเองจึงสนิทสนมกับดมิสตามไปด้วย ไม่แปลกหากจะควงแขนดึงน้องชายของแฟนเพื่อนให้ตรงไปยังปีกขวาของบ้านด้วยกันได้โดยไม่ลังเล
พอเห็นความร่าเริงของคนตัวเล็กกับสีหน้าเบื่อโลกของดมิสที่พูดอะไรไม่ทัน รพีกับคุณชายเล็กก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นจึงพากันเดินตรงไปยังห้องของตัวเองซึ่งมีข้าวของวางรออยู่ก่อนแล้ว
“ปกติข้าวของของเล็กมีอยู่ทั้งที่เพนท์เฮ้าส์แล้วก็ที่บ้าน ไม่ได้มีอะไรต้องขนย้ายมากนัก จะไปอยู่ที่ไหนก็สะดวก เพราะงั้นที่เราต้องจัดน่าจะเป็นการแบ่งส่วนพื้นที่ใหม่เพื่อเอาของของพี่พีเข้ามาวางด้วยมากกว่า”
เจ้าของห้องวิเคราะห์ไปก็สอดส่องมองรอบด้านไปด้วย ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่เดินตามหลังเข้ามาปิดประตูและกดล็อกไปแล้ว ในช่วงจังหวะที่กำลังจะหันกลับไปมอง ร่างกายก็ถูกรวบกอดเอาไว้จากทางด้านหลังโดยเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรง ไม่อาจดิ้นหนีไปไหนได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ยังไม่นับเรื่องที่เขาไม่คิดจะดิ้นหนีอยู่แล้วอีกนะ...
“รู้ไหมครับว่าหากคนอื่นรู้เรื่องที่เรานอนด้วยกันแบบนี้จะทำให้น้องเล็กเสื่อมเสีย”
“หากการถูกนินทาว่ากล่าวคือเรื่องเสื่อมเสียที่ว่า เช่นนั้นก็คงต้องนับว่ารู้ครับ” คุณชายเล็กตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนจะเอียงศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้ปลายจมูกโด่งกดแนบลงบนลำคอได้ถนัดยิ่งขึ้น “แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเล็ก คนคนเดียวที่เล็กต้องใส่ใจและขออนุญาตคือพี่ชายใหญ่ ดังนั้นความคิดของคนอื่นจึงไม่สำคัญอะไร”
“แล้วพี่ล่ะครับ”
“พี่พีก็สำคัญเหมือนกันครับ... หรือว่าพี่พีไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับเล็ก”
รพีออกแรงรัดแขนรอบเอวคนรักให้แน่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าคุณชายทำท่าจะหันกลับมามองหน้ากันตรงๆ ชายหนุ่มลอบยิ้มขบขัน อดใจไม่ไหวจนต้องกดริมฝีปากลงบนซอกคอขาวแรงๆ หนึ่งครั้ง
“หากไม่อยากพี่คงปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว”
“พี่พีแกล้งเล็กหรือครับ”
“พี่จะกล้าแกล้งน้องเล็กได้ยังไงกันครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ ค่อยๆ ปล่อยร่างคนรักให้เป็นอิสระแล้วจูงมือพาอีกฝ่ายไปนั่งหน้าข้าวของที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง “เรามาช่วยกันจัดห้องดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันมื้อกลางวัน”
คุณชายเล็กลอบมองค้อนใส่คนรัก ปากบอกว่าไม่กล้าแกล้ง แต่การกระทำตรงกันข้ามชัดๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจต่อว่าได้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะเอาเข้าจริงก็ชื่นชอบไม่น้อยที่พี่พีเป็นแบบนี้
กว่าพี่พีจะทำตัวเป็นปกติกับเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆ เลย ยิ่งนับรวมช่วงเวลาที่ต้องตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้องจนกลัวว่าจะไม่อาจพัฒนาต่อไปได้ยิ่งแล้วใหญ่ ด้วยเหตุนั้นไม่ว่าพี่พีจะแสดงออกมากน้อยขนาดไหน จะแกล้งกันมากมายเพียงใด ตัวเขาก็ไม่เคยโกรธหรือไม่ชอบใจเลยสักครั้ง
ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องไม้ใบหนึ่งที่คุ้นตาดีวางอยู่ไม่ไกลนัก คุณชายคีรินทร์หยิบมันมาถือไว้ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความคิดถึงเมื่อเปิดกล่องออกดูแล้วพบว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ในนั้น
การ์ดวันเกิดจากหม่อมเจ้าธราธรไม่ได้พิเศษอะไรกว่าการ์ดทั่วไป แต่เพราะมันคือการ์ดวันเกิดใบสุดท้ายที่ได้รับ เขาจึงเก็บรักษาเป็นอย่างดี วางเอาไว้ข้างหมอนมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน และหยิบมันออกมาอ่านจนจดจำข้อความบนนั้นได้ขึ้นใจ
“พี่จะไปดูดิมสักหน่อย ฝากเจ้านี่เอาไว้กับน้องเล็กก่อนนะครับ”
พลันเสียงนุ่มนวลของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างใบหู ก่อนตุ๊กตาหน้าตาประหลาดจะถูกวางลงบนฝ่ามืออีกครั้ง ไม่รอให้ได้รับคำตอบใดๆ รพีก็หมุนกายเดินออกไปจากห้องแทบจะทันที
คุณชายเล็กทำได้เพียงกะพริบตาปริบๆ การ์ดวันเกิดของบิดาถูกวางลงบนตัก ส่วนสองมือประคองตุ๊กตาที่เขาไม่ชอบหน้าเท่าไรนักเอาไว้อย่างงุนงง หากยังไม่ทันได้คิดว่าอะไรเป็นอะไร แสงสะท้อนจากโลหะสีเงินที่รัดอยู่บนข้อมือของตุ๊กตาตัวน้อยกลับดึงความสนใจไปจนหมดสิ้น
เขาทำได้เพียงดึง ‘แหวน’ วงนั้นออกมาจ้องมองด้วยความมึนงง กระทั่งสติหวนคืนกลับมาอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างจึงบังเกิดขึ้นบนใบหน้า
“พี่พี!”
หม่อมราชวงศ์คีรินทร์ตะโกนเรียกคนรักดังก้องโดยไม่คิดจะปกปิดความดีใจในน้ำเสียง ร่างกายผุดลุกขึ้นยืนและวิ่งตามหลังรพีไปโดยแทบไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ
เสียงหัวเราะสดใสของคู่รักที่กำลังสวมกอดกันแน่นทำให้ผู้ที่กำลังจัดของอยู่ในห้อง รวมถึงนั่งคุยงานอยู่ด้านล่างต้องเดินมามองให้เห็นกับตา ขณะที่ดมิสเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ นาวากับนักรบอมยิ้มด้วยความขบขัน หม่อมราชวงศ์ปฐวีที่ยืนอยู่บนบันไดเห็นน้องชายกำลังยิ้มกว้างจ้องมองภาพนั้นด้วยความอบอุ่นใจ
ในเวลานั้นเองที่การ์ดวันเกิดจากหม่อมเจ้าธราธรถูกสายลมไม่ทราบที่มาพัดพาจนเผยให้เห็นข้อความด้านใน ประโยคสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อต้องการบอกลูกชายอันเป็นที่รัก
‘ไม่ว่าจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ พ่อหวังให้เล็กกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก’
แม้จะใช้เวลายาวนานกับการตามหา แต่สุดท้ายคุณชายเล็กก็สามารถเงยหน้ามองท้องฟ้า ส่งยิ้งกว้างให้คนบนนั้น และตอบกลับไปได้ด้วยความมั่นใจ
"ตอนนี้เล็กมีความสุขที่สุดเลยครับ... คุณพ่อ”
จบบริบูรณ์
-------
TALK : จบแล้วค่าาา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาอย่างยาวนานนะคะ ทั้งที่เพิ่งเข้ามาเจอกัน แล้วก็ที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรก หรือมาจากเรื่องก่อนๆ ก็ตาม ที่เราเขียนนิยายเรื่องนี้จนจบได้ต้องขอบคุณกำลังใจจากทุกคนจริงๆ ค่ะ จุดเริ่มต้นคืออยากเขียนแนวที่นายเอกดูสูงส่งกว่าพระเอก สุดท้ายก็กลายมาเป็นคุณชายเล็กกับพี่พีคนดีที่ทุกคนได้เห็นในตอนนี้ อะไรที่อยากจะใส่ก็ใส่ลงไปในเรื่องหมดแล้ว ตอนนี้เลยไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ เราหวังว่าจะได้พบเจอทุกคนในผลงานเรื่องต่อๆ ไปอีกนะ ^^
ปล.สำหรับคนที่สนใจรูปเล่ม กดย้อนกลับไปอ่านท้ายตอนก่อนๆเพื่อสั่งซื้อหนังสือได้นะคะ เดี๋ยวเราจะมาแปะลิงก์ในตอนถัดไปให้อีกครั้งตอนที่ E-BOOK มาค่ะ
-------
ช่องทางการติดตาม
FB: Chesshire.
Twitter: @Chesshire04
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อบอุ่นหัวใจมากๆเลยค่ะ
อบอุ่นใจที่สุดเลยยย ในที่สุดก็ได้มาอยู่ด้วยกันอย่าว่าแต่คุณชายเล็กมีความสุขที่สุดเลยพี่พีคงไม่ต่างกัน คุณชายเล็กคือคนที่ใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่ได้คุ้มมากๆ ดีที่เป็นคุณชายเพราะใช้ในทางที่ถูกที่ควรถ้าคนเอาไปใช้ในทางที่ผิดไม่อยากนึกเลยมันจะน่ากลัวแค่ไหน ครอบครัวคุณชายหล่อหลอมให้คุณชายเป็นคนดี เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอและแน่นอนคนอื่นคนนั้นคือรพี >< ทำทุกอย่างเพื่อพี่พีได้เสมอและทุกอย่าง ชอบคาแรกเตอร์คุณชายมากจริงๆ รพีคือคนที่ขี้เกรงใจและเจียมตัวอยู่เสมอแต่ก็ไม่มากและไม่น้อยไปตรงกลางดี แต่ก็เป็นคนที่อบอุ่นที่สุดเลยเชื่อว่าพี่พีจะทำให้คุณชายมีความสุขที่สุดในโลกเหมือนที่คุณพ่อคุณชายอวยพร / สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด >< ขอบคุณคุณเชสที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ชอบคาแรกเตอร์ชอบเนื้อเรื่องก็คือชอบทุกๆอย่างเลย มีความสุขที่ได้อ่านนะคะไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่คือทุกเรื่องเลย ชอบมากๆค่ะ รักกก