ตอนที่ 12 : ตอนที่ 12
-12-
‘ดูแลน้องเล็กให้ดี’
นั่นคือคำพูดประโยคแรกและประโยคเดียวที่คุณชายใหญ่กล่าวกับรพีโดยตรง ก่อนจะขึ้นรถจากไปพร้อมผู้ติดตามทั้งหมดในวันที่พวกเขาได้พบหน้าเป็นครั้งแรก แม้เวลานี้จะผ่านมานานหลายวันแล้ว แต่รพีก็ยังจดจำสายตาตักเตือนของคนคนนั้นได้ดี กระทั่งตัวเขาที่พบเจอผู้คนมามากมายหลากหลายก็ยังต้องยอมรับว่าคุณชายใหญ่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำจริงๆ ขนาดอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ทำอะไรยังสร้างบรรยากาศกดดันได้อย่างง่ายดาย
“พี่พี....พี่พีครับ” น้ำเสียงห่วงใยกับสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนที่วางทาบลงบนเปลือกตาไม่ได้ทำให้รพีหลุดออกจากภวังค์ ซ้ำยังดูเหมือนจะใจลอยมากจนเผลอกอบกุมมือเรียวของใครอีกคนเอาไว้แน่น รอจนลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าที่โน้มลงมาหาอย่างชัดเจนเขาถึงได้ตกใจจนรีบผุดลุกขึ้นนั่ง
“คุณชายเล็ก มาตอนไหนกันครับ”
“เล็กเพิ่งลงมาจากห้องนอนเมื่อครู่ครับ” คุณชายเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าดูเป็นกังวลขณะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกกอบกุมวางแนบลงบนหน้าผากของรพี “พี่พีไม่สบายหรือครับ ปกติเล็กไม่เคยเห็นพี่พีนอนตื่นสายเลยสักครั้ง”
“อา... ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่นอนเพลินจนลืมเวลาไปหน่อย”
อันที่จริงควรจะบอกว่าเหม่อคิดนั่นคิดนี่จนลืมเวลามากกว่า เพราะเขาตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าคุณชายจะตื่นไวกว่าปกติในวันนี้
“เช่นนั้นต้องขอโทษด้วยนะครับที่เล็กเข้ามากวน... เล็กเป็นห่วงพี่พีมากเกินไปหน่อย” คำกล่าวตรงไปตรงมาที่ฟังดูน่าเขินอายไม่น้อยดังออกจากปากคุณชายเล็กที่พูดออกมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยสักนิด กลับกลายเป็นรพีเองที่ต้องหลบสายตาเพราะทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นมือตัวเองที่กอบกุมมือคุณชายอยู่ เขายิ่งหน้าแข็งค้าง ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยหรือไม่ปล่อยดีจนได้แต่นั่งนิ่งอยู่นานนับนาที
หม่อมราชวงศ์คีรินทร์หัวเราะขบขัน ดวงตาพราวระยับน่ามองดั่งเช่นทุกครั้งที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของคนที่ชอบ กว่าจะยอมหยุดกลั่นแกล้งรพีโดยไม่ได้ตั้งใจก็หลังจากนึกขึ้นได้ว่าใกล้จะถึงเวลาที่พวกเขาต้องทานอาหารเช้ากันแล้ว
“วันนี้เราออกไปทานอาหารข้างนอกกันดีไหมครับ จะอย่างไรเล็กก็ไม่ได้ไปเรียนอยู่แล้วด้วย” คนพูดวางมือรพีลงบนเตียงแล้วดึงมือตัวเองออกมาช้าๆ อย่างนุ่มนวล “อีกอย่างพี่พีจะได้พักบ้าง ไม่ต้องทำอาหารให้เล็กทานหนึ่งวัน”
“แล้วแต่คุณชายเล็กเลยครับ”
“ไม่ต้องตามใจเล็กทุกอย่างก็ได้ครับ ถ้าพี่พีไม่อยากไป อยากพักอยู่ที่ห้องมากกว่า เราจะสั่งอาหารมาทานก็ได้นะ”
“ออกไปข้างนอกก็ได้ครับ ยังไงคุณชายเล็กก็อยากไปอยู่แล้วด้วย”
อีกอย่างคือเขาเป็นลูกน้อง จริงๆ ไม่ควรมีสิทธิ์มีเสียงในเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะคุณชายใจดีเกินไปถึงได้ใส่ใจกันมากขนาดนี้ แล้วจะให้ขัดใจไม่ทำตามที่ต้องการได้ยังไงกัน
“ถ้าอย่างนั้นพี่พีอาบน้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวเล็กจะออกไปรอด้านนอก”
รพีพยักหน้ารับแต่ไม่ได้ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำในทันที เขาตามออกไปส่งคุณชายถึงหน้าประตู มองจนแผ่นหลังของใครอีกคนหายไปจากสายตาถึงได้รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ต่อให้คุณชายไม่ถือ เขาก็ยังตำหนิตัวเองที่ละเลยหน้าที่ ตื่นสายจนต้องให้เจ้านายตื่นก่อนอยู่ดี
ด้วยเหตุนั้นเองที่ทำให้รพีรีบออกไปหาเจ้านายโดยใช้เวลาทำธุระส่วนตัวทั้งหมดเพียงสิบนาทีเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ลืมตาขึ้นมาก็เห็นคุณชายนั่งอยู่บนเตียงจึงตกใจจนไม่ได้สังเกตอะไร พอมีเวลาในตอนนี้รพีถึงได้สังเกตเห็นว่าวันนี้คุณชายดูแปลกตากว่าทุกครั้ง
ปกติคุณชายเล็กมักจะแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้ามีราคาและดูเป็นการเป็นงาน อาจเพราะท่าทางและบรรยากาศภายนอกทำให้ใส่อะไรก็ดูดีและสวยงามไปหมด แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเข้มกับกางเกงขาสั้นสีขาว ถึงใส่ออกมาแล้วจะดูดีขนาดไหน หากก็ยังแปลกตามากจนรพีเผลอมองอยู่นาน
“ดูไม่เข้ากับเล็กหรือครับ”
“ไม่เลยครับ เข้ามากต่างหาก” รพีรีบตอบโดยไม่เสียเวลาคิดเพราะกลัวเจ้านายจะเข้าใจผิด “ที่ผมมองเพราะไม่ค่อยเห็นคุณชายเล็กแต่งตัวแบบนี้ ดูดีไม่ต่างจากชุดอื่นๆ ที่เคยใส่เลย”
คนฟังหัวเราะเสียงสดใส ไม่ได้คิดว่าพี่พีของตัวเองจะพูดตามมารยาทเลยสักนิด ด้วยรู้ว่าใครอีกคนไม่มีวันโกหกเขาอยู่แล้ว
“พี่พีน่ารักจริงๆ... หากเป็นคนอื่นคงจะถามว่าเล็กวางแผนเอาไว้หมดแล้วใช่ไหมมากกว่ามาสนใจการแต่งตัวของเล็ก”
แต่งตัวราวกับต้องการออกไปข้างนอกอยู่แล้ว แต่กลับถามเหมือนจะให้เลือกว่าอยากหรือไม่อยากไป เห็นแบบนี้ใครก็ต้องสงสัยหรือผิดสังเกตทั้งนั้น
“ผมตามใจคุณชายเล็กครับ” รพีตอบพร้อมรอยยิ้มจาง เห็นได้ชัดจากทั้งคำพูดและการกระทำว่าเขาเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่ว่า แต่ไม่คิดจะพูดถึงมัน
…ขอเพียงเป็นความต้องการของคุณชายเล็กก็พอ
“พี่พีเป็นแบบนี้แล้วจะให้เล็กห้ามใจตัวเองได้อย่างไรกัน” คนที่ยิ้มแก้มพองอยู่นานเม้มปากเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ พยายามควบคุมสีหน้าให้ดูเหมาะสมตามที่ถูกสั่งสอนมาทั้งชีวิต ถึงกระนั้นกลับไม่อาจห้ามประกายความสุขที่ปรากฏชัดในดวงตาได้เลยแม้แต่น้อย
“คุณชายเล็ก...”
“ไปกันเถอะครับ มัวแต่พูดคุยอยู่แบบนี้เดี๋ยวแผนที่เล็กวางเอาไว้จะพังไม่เป็นท่า” คนพูดคว้ามือรพีไปกอบกุมไว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่รอให้ได้รับคำตอบใดๆ ก็เดินนำออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปในทันที
รพีที่ทำได้เพียงเดินตามแรงจูงของคุณชายกะพริบตาปริบๆ เมื่อพบว่าพวกเขาไม่ได้จะออกไปข้างนอกเพียงลำพัง เพราะตรีภพกับผู้ติดตามห้าคนยืนต้อนรับอยู่ข้างรถสองคันซึ่งจอดรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเจ้านายเดินเข้าไปใกล้ก็เปิดประตูให้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังตอบข้อสงสัยในใจของรพีโดยไม่ต้องรอให้ถามอีกต่างหาก
“คุณชายปฐวีบอกว่าหนูไร้ทางสู้อาจจะทำเรื่องไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา ดังนั้นในช่วงนี้จึงจำเป็นต้องให้คนมาดูแลคุณชายคีรินทร์เพื่อความปลอดภัยครับ”
“เข้าใจแล้วครับ” รพีตอบรับคำพูดของตรีภพอย่างว่าง่าย เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณชายปฐวีจะต้องไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่ เพราะดูจากการแสดงออกของสองสามีภรรยาคู่นั้นแล้วก็เหมือนหนูไร้ทางสู้จริงๆ หากสิ้นคิดทำอะไรไม่ดีขึ้นมาเนื่องจากหมดหนทางก็ไม่ได้น่าแปลกใจแต่อย่างใด
ตลอดระยะเวลาที่นั่งอยู่บนรถ รพีปล่อยให้คนข้างกายจับมือเอาไว้แบบเนียนๆ โดยไม่ได้เอ่ยขัดหรือพยายามดึงมือกลับคืน เขาลอบหัวเราะด้วยความขบขันเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสดใส ท่าทางราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่แอบทำผิดซึ่งนานๆ จะได้เห็นสักครั้งทำให้รพีรู้สึกคันยุบยิบในใจโดยไม่อาจห้าม
“คุณชายเล็กจะไม่บอกผมจริงๆ เหรอครับว่าเรากำลังจะไปไหนกัน”
“เล็กอยากให้พี่พีไปเห็นเองครับ” คุณชายเล็กหันหน้ามาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง “เดี๋ยวเราแวะทานอาหารกันก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ พี่พีอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“ผม…”
“ไม่ต้องบอกว่าตามใจเล็กนะ เพราะครั้งนี้เล็กจะให้พี่พีเลือก ถนนเส้นหน้ามีร้านอาหารหลากหลายประเภท พี่พีเลือกได้เต็มที่เลย”
รพีแสดงสีหน้าลำบากใจได้เพียงชั่วครู่จึงกล่าวว่าอยากทานอาหารทะเล แน่นอนว่าคำตอบนี้ไม่ได้เกิดจากความต้องการของตัวเอง เพราะเขายกเอาคำตอบของเจ้านายจากเมื่อวานมาใช้ตอนถามอีกฝ่ายว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า คราวนี้ถึงคุณชายเล็กจะรู้ดีขนาดไหนก็เถียงอะไรไม่ได้ จึงยินยอมบอกตรีภพให้แวะร้านอาหารทะเลแต่โดยดี
ขณะที่รพีกำลังขบขันกับท่าทางเสียดายของเจ้านายที่จำเป็นต้องปล่อยมือ หม่อมราชวงศ์คีรินทร์เองก็กำลังดีใจกับความใกล้ชิดสนิทสนมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างพวกเขาเช่นกัน
ไม่รู้พี่พีทราบหรือไม่ว่าในเวลานี้ตัวเองไม่ได้มองมาด้วยสายตาราวกับเขาอยู่สูงเสียดฟ้าเหมือนในช่วงแรกๆ อีกแล้ว ถึงจะยังคงท่าทีสุภาพเคารพนับถือดั่งเช่นคนเจียมตัวที่ไม่เคยหลงลืมตน แต่พอเริ่มรู้ใจตัวเองรวมถึงรู้ความต้องการของเขา พี่พีก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้คุณชายเล็กดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับพี่ชายใหญ่ พี่พีเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขายิ้มได้กว้างมากถึงขนาดนี้
“ผมดูก้างให้แล้วครับ”
คุณชายเล็กก้มลงมองเนื้อปลาชิ้นสวยซึ่งถูกตักมาวางในจานอย่างตั้งใจด้วยแววตาอ่อนโยน นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำอะไรแบบนี้ให้เขา นานมากแล้วที่ต้องดูแลตัวเองเพราะไม่อยากรบกวนพี่ชายใหญ่ที่เหนื่อยกับการทำงานยิ่งกว่าใคร ถึงช่วงแรกจะเป็นเพราะพี่พีต้องทำตามหน้าที่ แต่ในเวลานี้เขากลับมั่นใจว่าคนข้างกายไม่ได้คิดเพียงแค่นั้น
“พี่พีคิดอย่างไรกับการต้องดูแลเล็กหรือครับ... เคยเหนื่อยหรือรู้สึกว่าไม่อยากทำบ้างไหม”
“ผมมีความสุขครับ” รพีตอบกลับโดยไม่หยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียว “ผมมีความสุขมากที่ได้ดูแลคุณชายเล็ก ไม่ว่าอนาคตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ผมก็จะยังเป็นรพีคนเดิมต่อไปตราบเท่าที่คุณชายเล็กต้องการ”
ความหมายของเขาคือต่อให้สถานะในอนาคตไม่ใช่เพียงเจ้านายกับลูกน้อง สิ่งที่เคยทำให้ก็จะยังทำให้ต่อไป ไม่มีทางแปรเปลี่ยนเพียงเพราะสถานะขยับขึ้นหรือลดน้อยถอยลง
หากมีคนอื่นมาพูดแบบนี้เข้า คีรินทร์คงนึกในใจว่าคำพูดใครก็กล่าวได้ ทว่าเมื่อพี่พีคือคนที่พูดมันออกมา เขากลับเชื่อโดยไร้ข้อแม้ เพราะรู้ดีว่าหากไม่มั่นใจ คนคนนี้จะไม่มีวันพูดหรือสัญญาอะไรเด็ดขาด
“ขอบคุณนะครับ”
ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พี่พีก็ยังย้ำให้เขามั่นใจว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิดโดยไม่ต้องพยายามเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากพวกเขาใช้เวลาที่ร้านอาหารกันได้สักพักก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อ รพีไม่คิดจะหลับอยู่แล้วเพราะเขาเพิ่งตื่นและไม่ใช่คนง่วงง่าย แต่กับคุณชายที่เวลาอยู่ด้วยกันไม่ได้รักษามารยาทอะไรนัก ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มตาปรือ รพีที่สังเกตอาการของเจ้านายตลอดเวลาลอบมองตรีภพอย่างลังเล เมื่อเห็นทางนั้นไม่ได้สนใจด้านหลัง เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตามองตรงไปข้างหน้า เขาจึงขยับเข้าใกล้คุณชายเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มไปให้เป็นการขออนุญาต
คุณชายเล็กยังไม่ทันได้สอบถามก็เห็นพี่พีของตัวเองแตะมือลงบนบ่า เห็นดังนั้นเขาจึงพิงศีรษะลงไปทันทีโดยไม่เสียเวลาหยุดคิด ความง่วงงุนที่เกิดจากการนอนดึกเนื่องจากต้องเคลียร์งานจางหายไปในพริบตา ต่อให้ท่านอนแบบนี้สบายขนาดไหนก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดไปโดยเด็ดขาด
เทียบกับการนอนที่จะนอนตอนไหนก็ได้ คีรินทร์ขอเลือกพิงไหล่คนที่ชอบแล้วซึมซับความสุขในช่วงเวลานี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า
“นอนเถอะครับ ถ้าถึงแล้วผมจะปลุก” รพีพึมพำเบาๆ ขณะก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกคุณชายดึงไปบีบเล่น
“ไม่ได้หรอกครับ ขืนหลับไปเล็กคงอดเห็นสีหน้าของพี่พีตอนไปถึงที่นั่นแน่”
“จะแกล้งกันเหรอครับ พูดให้อยากรู้แต่ไม่ยอมบอกแบบนี้”
“เล็กไม่ได้แกล้งนะครับ แค่อยากให้พี่พีตื่นเต้นเท่านั้น” กล่าวจบคนพูดก็อมยิ้มอยู่กับตัวเองเงียบๆ “เล็กมั่นใจว่าพี่พีจะต้องชอบแน่ๆ เรื่องนี้น้องชายของพี่พียืนยันด้วยตัวเองเลยนะ”
“ดิมเหรอครับ” รพีเลิกคิ้วประหลาดใจ “ไปคุยกันตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”
“เล็กโทรไปสอบถามเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนครับ พี่พีไม่ต้องถามมากกว่านี้แล้วนะ ตอนนี้เล็กยังบอกไม่ได้”
คนฟังหัวเราะขบขัน แต่ก็ยังยินยอมพยักหน้ารับง่ายๆ
“ครับ ไม่ถามแล้วก็ได้”
บรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน แม้หลังจากนั้นไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย แต่แค่รู้อยู่แก่ใจว่ามีใครนั่งอยู่ด้านข้างก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพยายามเลยสักนิด
ตรีภพที่นั่งอยู่ด้านหน้ารอบมองเจ้านายกับคนสำคัญแล้วอมยิ้ม สายตามองสบกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีความหมาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูคุณชายปฐวีแน่นอน มั่นใจได้เลยว่าหากพี่ชายขี้หวงคนนั้นรู้ว่าน้องชายสุดที่รักยิ้มกว้างขนาดไหนตอนอยู่กับคนที่ชอบ ทางนั้นต้องขมวดคิ้วหน้าตึงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากใช้เวลาอยู่บนรถพักใหญ่ ในที่สุดรพีก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสองข้างทาง เขาเบนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาถูกดึงดูดเอาไว้ด้วยภาพหาดทรายสีขาวยาวเหยียดและผืนน้ำกว้างสุดลูกลูกตาที่ตัดกับผืนฟ้าครามเบื้องบน
รพีนิ่งค้างไปจนแทบไม่รู้สึกตัวตอนคนที่พิงไหล่ผละกายออกแล้วลอบมองสีหน้าของเขาพร้อมรอยยิ้ม รอจนภาพวิวเหล่านั้นถูกบดบังโดยต้นไม้เป็นทางยาวเนื่องจากรถแล่นเข้าสู่ตัวรีสอร์ท เขาถึงได้หันกลับไปมองเจ้านายอีกรอบ
“เล็กไม่คิดเลยว่าการได้เห็นทะเลจะทำให้พี่พีตัวแข็งเป็นหุ่น นึกว่าจะดีใจมากกว่านี้เสียอีก” คนพูดอมยิ้มแซวพลางมองสีหน้ามึนงงของรพีด้วยความขบขัน
“คุณชายเล็ก...”
“ลงจากรถกันก่อนเถอะครับ เล็กอยากพาพี่พีไปดูทะเลชัดๆ”
รพียังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องลงจากรถตามหลังคุณชายไปแบบงงๆ สายตากวาดมองรีสอร์ทได้ไม่เท่าไรก็ถูกจับมือให้เดินไปพร้อมกันทันที ตัวเขาในเวลานี้ดูราวกับคนที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สำหรับคนทั่วไปอาจไม่เข้าใจว่าทำไมรพีถึงได้มีอาการเช่นนี้ แต่คนต้นเรื่องที่ตัดสินใจพารพีมาที่นี่กะทันหันนั้นไร้ซึ่งความแปลกใจโดยสิ้นเชิง
รีสอร์ทที่จองเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อนถูกเหมาพื้นที่ทั้งโซนเพื่อให้รพีได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างเป็นส่วนตัว ลำพังเพียงห้องพักที่ห้อมล้อมสระว่ายน้ำเป็นรูปตัวยู หันออกไปทางทะเลซึ่งมีทางให้เดินลงไปบนหาดด้านล่างได้ก็ดูหรูหรามากพออยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นห้องขนาดไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมายก็ตาม หากเมื่อผนวกรวมเข้ากับบรรยากาศและการตกแต่งโดยรอบ สถานที่แห่งนี้ก็ยิ่งดูราวกับเป็นอาณาจักรขนาดย่อม ทวีความหรูหราสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า
ถ้าไม่ใช่เพราะรพียังไม่หายมึนงง เห็นทีเขาคงต้องแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าการมาเที่ยวครั้งนี้เกิดจากการที่คุณชายอยากจะเอาใจใครบางคน
ผู้ติดตามคนอื่นๆ ไม่ได้เดินตามหลังเจ้านายไปเพราะถูกสั่งห้ามทางสายตา พวกเขาแยกย้ายกันไปหยิบข้าวของจัดเก็บเข้าที่พัก รวมถึงของของรพีที่คุณชายแอบสั่งให้จัดเตรียมเอาไว้ด้วย มีเพียงตรีภพกับผู้ติดตามอีกคนเท่านั้นที่มองตามหลังคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ เพื่อคอยรักษาความปลอดภัย
“พี่พีหายตกใจหรือยังครับ” คุณชายเล็กหยุดเท้าหลังจากพวกเขาเดินลงบันไดไปยืนอยู่กลางหาดทรายเรียบร้อยแล้ว สายตาที่จ้องมองรพีเต็มไปด้วยความขบขันปะปนไปกับความอารมณ์ดีที่ฉายชัดผ่านดวงตางดงาม
“ผมถามได้ไหมครับว่าดิมบอกอะไรคุณชายเล็ก”
“เล็กถามว่าพี่พีอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษครับ” คนพูดดึงมือรพีให้ทรุดตัวลงนั่งบนหาดทรายข้างๆ กัน “พอรู้ว่าอาทิตย์นี้จะได้หยุดยาวห้าวัน เล็กเลยคิดว่าจะพาพี่พีไปเที่ยวสักที่ พอไปปรึกษาน้องชายของพี่พีเขาจึงบอกว่าครั้งสุดท้ายที่พี่พีได้เห็นทะเลคือตอนอายุห้าขวบ ถึงหลังจากนั้นมาจะไม่ได้พูดถึงอีกเลย แต่เขาก็รู้ว่าพี่พีอยากจะเห็นทะเลอีกครั้งมาโดยตลอด”
รพีจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของคุณชายด้วยดวงตาวูบไหว เพิ่งเข้าใจในเวลานี้ว่าเหตุใดตัวเองจึงพ่ายแพ้ต่อดวงตาคู่นั้นนัก
ที่แท้ก็เพราะคนตรงหน้ามีดวงตาสีเดียวกันกับท้องทะเล
...ท้องทะเลที่เขาชื่นชอบและคิดว่าสวยงามเป็นที่สุด
“ความทรงจำในอดีตที่ผมมีร่วมกับครอบครัวเลือนรางมานานมากแล้ว สิ่งเดียวที่ผมจดจำได้นอกจากใบหน้าของพ่อกับแม่คือท้องทะเลที่พวกท่านเคยพาไปในตอนที่ยังเป็นเด็ก” รพีเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเองช้าๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการระลึกถึง “แต่ถึงจะจำได้ยังไงผมก็หลงลืมความรู้สึกในเวลานั้นไปแล้วอยู่ดี ที่พอจะนึกออกมีเพียงเรื่องที่พวกเราทั้งสี่คนมีความสุขกันมากตอนที่ไปเที่ยวทะเล”
“…”
“เพราะเอาแต่ทำงานหนักผมเลยแทบไม่ได้นึกถึงความสุขของตัวเองอีกเลย เพิ่งจะรู้ตัวว่าอยากมาที่นี่ขนาดไหนก็ตอนนี้” คนพูดจับมือคุณชายเล็กแนบริมฝีปาก ประทับจูบที่เต็มไปด้วยความเคารพเทิดทูน และหลอมรวมไปกับสิ่งที่มากกว่านั้นลงบนหลังมือเรียวอย่างนุ่มนวล
แม้ไม่มีคำพูดขอบคุณดังออกจากปาก หากแววตาและการกระทำทุกอย่างล้วนแสดงออกให้เห็นว่าเขาขอบคุณมากเพียงใด
“พี่พี...” คุณชายเล็กเม้มปากแน่น แก้มกลายเป็นสีชมพูอ่อนเพราะความเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ไรแต่ไรมามีแต่เขาที่เป็นฝ่ายรุกพยายามเข้าหาพี่พีก่อน พอถูกเล่นกลับบ้างจึงไปไม่เป็นและนึกขอบคุณขึ้นมาที่ในอดีตพี่พีไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้เลยสักครั้ง
หากทำบ่อยๆ เห็นทีคนทางนี้คงไม่อาจรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้อีก
“ไม่ชอบเหรอครับ” รพีถามทั้งที่ไม่ละสายตาไปไหน และยังกอบกุมมือของเจ้านายเอาไว้โดยไม่คิดปล่อย การแสดงออกที่นับวันยิ่งชัดเจนดูราวกับจะก้าวกระโดดในพริบตาเมื่อเจ้าตัวยอมรับความรู้สึกตัวเอง แม้ส่วนหนึ่งจะยังวางตัวอยู่ในฐานะลูกน้อง แต่ก็ไม่ได้ไกลห่างเหมือนกับที่เคยเป็นอีกต่อไป
“ชอบครับ” ท้ายที่สุดหม่อมราชวงศ์คีรินทร์ก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มสดใส “เล็กชอบที่นับวันเรายิ่งใกล้กันมากขึ้นทุกที”
“ผมเองก็รู้สึกแบบนั้น”
ชอบ...ที่นับวันยิ่งใกล้กันมากขึ้นทุกที
กับคนตรงหน้าที่พยายามทำเพื่อเขาทุกอย่างแบบนี้ ไม่ว่าจะหวังผลตอบแทนใดๆ หรือไม่ก็ตาม รพีไม่มีวันทำให้เสียใจเป็นอันขาด เขาถามใจตัวเองแล้วว่าถ้าเป็นคนอื่นทำเพื่อเขาแบบที่คุณชายเล็กทำจะเหมือนกันหรือเปล่า คำตอบนั้นไม่แน่ชัดเพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ที่มั่นใจก็คือคงไม่มีใครคนไหนยินดีจะทำเพื่อเขาทุกอย่าง เข้าใจในทุกสิ่งที่เขาเป็น และพร้อมจะเป็นฝ่ายปกป้องเขาแบบนี้แน่
เรื่องของความรู้สึกบางครั้งก็ไม่ใช่แค่ถูกใจ แต่เป็นถูกที่ ถูกเวลา รวมไปถึงถูกคน ทั้งหมดนั้นหลอมรวมกันทำให้เขายอมรับความรู้สึกของอีกฝ่าย คุณชายเล็กคือหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่เจาะกำแพงในใจของรพีได้ และนับจากนี้ไปก็จะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ามาอยู่ด้านในเช่นกัน
“พี่พีคิดอะไรอยู่หรือครับ ทำไมเหม่อลอยแบบนั้น”
“คิดครับ แต่ผมยังไม่อยากบอกคุณชายเล็ก” คนพูดกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ทำเอาคีรินทร์ตาโตด้วยความคาดไม่ถึง
“พี่พีเอาคืนเล็กหรือครับ”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ”
“พี่พีโกหกไม่เก่ง” คุณชายเล็กยื่นหน้าไปมองรพีที่เบนสายตาหนีพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี “ท่าทางต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่ทำให้เล็กดีใจมากเป็นแน่... เอาแบบนั้นก็ได้ครับ เล็กยอมให้พี่พีเอาคืนก็ได้ แต่อย่าให้รอนานเกินไปจะดีกว่า เห็นแบบนี้เล็กก็อยากรู้อยากเห็นไม่ต่างจากใครเลยนะ”
“รอไม่นานหรอกครับ ผมแค่มีเรื่องที่ต้องทำก่อนจะบอกให้คุณชายทราบ”
คนฟังกะพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะมั่นใจว่าถ้าพี่พีอยากบอกก็จะคงจะบอกเอง เขาเพียงพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เงียบๆ หลังจากนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก็ชักชวนคนข้างกายให้กลับเข้าไปด้านในพร้อมกัน เนื่องจากแดดเริ่มแรงมากขึ้นทุกที
เมื่อสติหวนคืนกลับมาหมดแล้วรพีจึงมีโอกาสได้สังเกตสถานที่ที่เขาจะมาพักอาศัยอย่างละเอียด โซนที่พักตรงนี้ประกอบไปด้วยห้องพักที่มีลักษณะคล้ายบ้านแบบที่มีห้องเดียวเรียงกันเป็นรูปตัวยูรอบสระน้ำข้างละสองหลัง ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนล้วนแล้วแต่มองออกไปเห็นทะเลและวิวโดยรอบได้หมด ซึ่งในเวลานี้ข้าวของของเขาที่ไม่รู้ว่าตรีภพไปแอบเก็บมาตอนไหนวางรวมอยู่กับของของคุณชาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกจัดให้นอนอยู่ในห้องเดียวกัน
หากเป็นเมื่อก่อนรพีคงปฏิเสธเด็ดขาดและบอกว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ต้องย้ายไปนอนบ้านหลังอื่นร่วมกับผู้ติดตามที่เหลือ แต่ในตอนนี้เมื่อใจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความคิดเหล่านั้นจึงวนเวียนอยู่เพียงไม่นานก็จางหาย
“พี่พี...”
รพีที่กำลังจะเอาผ้านวมลงมาปูพื้นจัดเป็นที่นอนสำหรับตัวเองเงยหน้ายิ้มให้คนเรียกแล้วเอ่ยปากโดยไม่ต้องรอให้ถาม รวมถึงไม่ปล่อยให้เจ้านายต้องรู้สึกแย่เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ผมอยากให้เกียรติคุณชายเล็กครับ”
ไม่ว่าความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาก็จะไม่มีวันหลงลืมตัวตน ในเมื่อตอนนี้สถานะที่ชัดเจนมีเพียงเจ้านายกับลูกน้อง รพีก็จะยังให้ความเคารพคุณชายเหมือนเดิม และไม่มีทางทำให้ใครอีกคนต้องเสื่อมเสียเกียรติเด็ดขาด
ต่อให้คนอื่นไม่เห็น แต่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ใครจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ เพราะเขาไม่มีวันเอาเปรียบคุณชายแน่นอน
“เข้าใจแล้วครับ” ฝ่ายคนที่เงียบไปนานท้ายที่สุดเองก็เผยรอยยิ้มสว่างไสวออกมาโดยไม่อาจห้าม หม่อมราชวงศ์คีรินทร์ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าเคียงข้างรพีแล้วแตะมืออีกคนไว้เป็นเชิงบอกให้หยุดการกระทำ “เดี๋ยวเล็กจะบอกให้พนักงานเข้ามาจัดการที่นอนของพี่พีให้ เรื่องนี้ให้เล็กจัดการนะครับ”
รพีพยักหน้าให้เจ้านาย ยินยอมถอยหลังกันคนละก้าวด้วยความเต็มใจ ทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามีแต่จะทวีความอบอุ่นมากขึ้นทุกที ในใจอดคิดไม่ได้ว่าการได้พบเจอกับคนที่คล้ายคลึงเป็นอย่างมาก ทั้งยังเข้าอกเข้าใจกันเป็นที่สุดมันดีอย่างนี้นี่เอง
ในระหว่างที่คุณชายเล็กออกไปสั่งงานข้างนอกรวมถึงขอตัวไปพูดคุยกับพี่ชายใหญ่ที่โทรหาตั้งแต่มาถึง รพีเองก็หยิบโทรศัพท์ออกไปนั่งคุยบริเวณสระว่ายน้ำเช่นกัน
[พีมีอะไรหรือเปล่า ไปถึงหรือยัง]
“รู้ว่าพี่จะไปไหนแบบนี้แสดงว่าคุณชายเล็กบอกเอาไว้แล้วใช่ไหม” รพีพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายที่แฝงไว้ด้วยความขบขัน
ปกติดมิสเป็นคนโกหกไม่เก่ง อย่างน้อยก็ตอนอยู่กับเขาที่รู้จักกันทุกด้าน หากเมื่อวานได้เจอหน้าแล้วเห็นท่าทีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ของน้องชาย รพีก็คงรู้คำตอบไปนานแล้ว แต่เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าถ้ามาเจอหน้าคงหลุดเฉลยให้ฟังหมดเปลือก แทนที่จะกลับห้องเหมือนทุกครั้งจึงโทรมาบอกกะทันหันว่าจะไม่กลับ
[เรื่องนี้ดิมไม่ผิดนะ คุณชายเป็นคนขอเอาไว้ว่าอย่าบอกพี]
“พี่ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย ไม่ต้องร้อนตัวขนาดนั้นก็ได้” เพียงแค่นึกถึงสีหน้าของน้องชายที่น่าจะกลัวเขาโกรธเป็นอย่างมาก รพีก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ โดยไม่อาจห้าม “ดิม อันที่จริงพี่โทรมาเพราะมีเรื่องอยากคุยด้วย”
[เรื่องอะไร เรื่องคุณชายเหรอ]
“จะว่าแบบนั้นก็ได้”
[อยากปรึกษาว่าจะรับรักคุณชายยังไงดีหรือจะโทรมาบอกให้รู้เฉยๆ]
รพีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย บอกไม่ถูกว่าจะประหลาดใจดีหรือไม่กับคำพูดของน้องชาย สุดท้ายจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเผยรอยยิ้มออกมา
“มั่นใจได้ยังไงว่าพี่จะรับรักคุณชายเล็ก”
[ไม่รู้ก็แย่แล้วพี ลองเป็นคนอื่นมาเห็นสายตาที่พีที่ใช้มองคุณชายหรือได้ยินคำพูดคำจาที่อะไรๆ ก็คุณชายของพี ดิมว่าใครก็รู้ทั้งนั้นแหละ มีแค่พีนั่นแหละที่รู้ตัวช้า ชอบเขาไปตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย] ดมิสที่อยู่อีกฝั่งของปลายสายกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ...”
[อาจจะไม่ได้ชัดเท่าคุณชาย แต่ดิมเดาได้ตั้งแต่เห็นพีเรียกคุณชายด้วยชื่อเล่นแล้ว ต่อให้ปากบอกเคารพเทิดทูนขนาดไหน ความรู้สึกในใจมันก็ห้ามกันไม่ได้หรอก... ไม่ใช่แค่นั้นนะ พีไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าตัวเองไม่เคยคิดจะห้ามใจเลยด้วยซ้ำ มองยังไงก็แพ้ทางคนคนนั้นทุกประตูเลยไม่ใช่หรือไง]
“รู้ดีเกินไปแล้ว”
[แน่นอนสิ]
เมื่อรู้ว่าดมิสไม่ได้รู้สึกแย่หรือมองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิด ท่าทางของรพีก็มีแต่จะยิ่งผ่อนคลายลงเรื่อยๆ พวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายหลายอย่างในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะวนกลับไปยังเรื่องสำคัญ เหตุผลที่ทำให้เขาโทรหาดมิสในตอนนี้อีกครั้ง
“ดิม”
[ว่าไง]
“พี่คิดว่าพี่ชอบคุณชาย”
[อือฮึ]
“ในอนาคต...ดิมจะโอเคใช่ไหมหากพี่ชวนคุณชายมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา”
เพราะคนอย่างเขาไม่ได้ชื่นชอบใครง่ายๆ เมื่อคิดจะก้าวต่อไปแล้วก็จะมองหาหนทางในอนาคตเอาไว้อย่างเต็มรูปแบบ หากในเวลานั้นคุณชายตอบตกลงอยากร่วมทางไปด้วยกัน เขาก็จะเริ่มวางแผนชีวิตที่มีอีกคนคอยเดินเคียงข้าง กลายเป็นครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะเพิ่มสมาชิกเข้ามาอย่างแท้จริง
...แต่ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะดำเนินไปถึงจุดนั้น รพีต้องถามคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้แน่ใจ ถามเพื่อให้ดมิสรู้ว่าเขากำลังคิดจะจริงจังกับคนคนหนึ่ง และหากเป็นแบบนั้นชีวิตของเขาจำเป็นจะต้องเพิ่มคนสำคัญเข้ามาอีกคน ไม่ได้มีเพียงสองพี่น้องอีกต่อไป
รพีไม่ได้คิดถึงหนทางในแง่ลบว่าหากดมิสปฏิเสธจะเป็นอย่างไร เพราะลึกๆ ในใจเขารู้ดี...
[อะไรที่เป็นความสุขของพี ดิมไม่มีทางขัดขวางอยู่แล้ว]
...น้องชายคนนี้เห็นความสุขของรพีสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงงงงงงง น่ารักมากเลยยย รอตอนสารภาพนะฮะ
น่ารักมากเลย เป็นตอนที่อ่านแล้วอุ่นหัวใจมากค่ะ พี่น้องคือรักกันมากถ้าความสุขของอีกคนคืออะไรจะไม่มีใครห้ามมีแต่สนับสนุน คุณชายเล็กเตรียมใจไว้เลยนะคะพี่พีจะพาไปเป็นคนในครอบครัวแล้วนะ ต่างคนต่างรักและชัดเจนมากๆหนทางข้างหน้าไม่รู้จะเจออะไรขอให้เชื่อใจกันนะทั้งสองคน