ตอนที่ 3 : บทที่ 3 เหตุบังเอิญหรือความตั้งใจ
บทที่ 3 เหตุบังเอิญหรือความตั้งใจ
จากวันที่หมายมั่นปั้นมือว่าการกลับบ้านคราวนี้จะต้องเอาของขวัญไปฝากเหล่าผู้อาวุโสทั้งหกให้ได้ ที่ปรึกษาการวางแผนสาวก็เริ่มปฏิบัติภารกิจทันที ตั้งแต่หว่านล้อมให้ปกรณ์ยอมร่วมมือในแผนการทำเบบี๋ แจ้งกับมารดาว่าจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลาสามเดือนกับเป็นเอก หุ้นส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนทำด้วยกัน โดยเธอเป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผน ส่วนเป็นเอก รัตนไพศาล เป็นผู้บริหาร
จากนั้นก็สืบข่าวบางอย่างจากบรรดาหญิงสาวที่เคยเป็นคู่ขาของชายหนุ่ม รวมถึงศึกษากลเม็ดเคล็ดลับจากหนังสือ how to อีกนับสิบเล่ม ดังคำสุภาษิตในตำนานพิชัยสงครามของซุนวูที่บอกไว้ว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ทำให้ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาปกรณ์ผู้ถูกหว่านล้อม (แกมบังคับ) ให้ร่วมมือต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมีและพอจะคิดออกหาข่าวงานสังคมที่จะทำให้เพื่อนสาวได้พบกับ ‘พ่อพันธุ์ของเบบี๋’ ตามที่เจ้าตัวอ้อนวอนเขาอยู่สองวันเต็มๆ จนในที่สุดก็หาหนทางที่จะทำให้เพื่อนสาวเข้าใกล้กับชายหนุ่มได้สำเร็จ แม้ว่าวิธีนี้ตัวเขาเองจะไม่ชอบใจนักก็ตาม
ตำแหน่ง ‘นายหน้าค้าเนื้อสด’ มันไม่ได้น่าพิสมัยนักกับข่าวค (ร) าวที่จะตามมาในภายหลัง
“นี่หล่อนอยู่ไหน ฉันหิ้วท้องรอจนจะกินผู้ชายแถวนี้ได้เป็นตัวๆ แล้วนะ” เสียงนายหน้าค้าเนื้อสดเฉพาะกิจที่แม้ปากจะบ่นแต่สายตากลับแทะโลมพนักงานยกกระเป๋าของโรงแรมดังมาตามสาย จนพิชชาภรณ์ต้องขยับโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถอยมาได้ไม่นานออกห่าง เพราะคุณภาพของลำโพงโทรศัพท์หรือเสียงของปกรณ์ก็ไม่อาจทราบได้ที่ทำให้มันทำงานได้ดีมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น
“หนูก็กำลังจะไปหาเจ๊นี่ยังไงล่ะคะ จอดรถแล้ว กำลังเดินไปหา เจ๊ให้หนูเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยงได้เลยใช่มั้ยคะ” มือข้างที่ถือพวงกุญแจตุ๊กตามินนีเมาส์สีชมพูหวานยื่นไปกดรีโมตล็อกประตูรถ ส่วนสองขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้เสียเวลา พร้อมกับรายงานปลายสายถึงสถานการณ์ตอนนี้เสร็จสรรพ
มืออีกข้างจัดการเปิดกระเป๋าเพื่อเก็บกุญแจรถ และใช้ไหล่มนหนีบโทรศัพท์กับหูเพื่อฟังปลายสายบ่นกระปอดกระแปดที่เธอมารับเขาไปกินอาหารกลางวันด้วยกันช้า สภาพการเดินไปคุยโทรศัพท์ไปเก็บของใส่กระเป๋าไปจึงเรียกได้ว่าทุลักทุเลพอสมควร และ...
“ว้าย!”
“โอ๊ย!”
เสียงร้องตกใจของคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ดังขึ้น ตามด้วยเสียงของใครอีกคนที่ดังตามมาติดๆ ก่อนที่ร่างโปร่งบางในชุดเสื้อไหมพรมคอเต่าแขนห้าส่วนสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนเอวต่ำสีซีดจะล้มคะมำลงไปด้านหน้า แต่โชคดีที่มีเบาะนุ่มรองรับทำให้เธอไม่เจ็บมากนัก พิชชาภรณ์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเบิกตากว้าง
เบาะนุ่ม!
แว่นกันแดดสีดำกรอบขาวเลื่อนลงมาอยู่ที่ปลายจมูกโด่งรั้นเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลดูน่าค้นหาที่ค่อยๆ เบิกกว้างพอๆ กับริมฝีปากสีสดที่อ้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเบาะนุ่มที่ตัวเองล้มทับอยู่นั้นเป็นใคร
ร่างสูงในชุดสูทสีเข้มตวัดสายตาขุ่นเขียวมามองอีกฝ่ายแทบจะทันทีพร้อมกับความตั้งใจที่จะต่อว่าเสียให้เข็ดหลาบ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากบริภาษอย่างที่ตั้งใจก็ต้องหยุดชะงักไปกับดวงหน้าขาวเนียน ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโต เรื่อยลงมาถึงจมูกโด่งที่ถูกคั่นด้วยแว่นกันแดดสีเข้ม
“คุณบุรินทร์!”
เสียงหวานพึมพำเมื่อตระหนักได้ว่าเธอชน...และกำลังนั่งบนตักของใครอยู่ ร่างบางกระเถิบตัวออกห่างทันทีที่หายตกใจ พร้อมกับเอ่ยขอโทษเสียงสั่น
“ขะ...ขอ...ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มนุ่มนวลตอบกลับตามประสาคนเจ้าชู้เจอหญิงสาวถูกใจ สายตากรุ้มกริ่มถูกส่งมาให้อย่างเปิดเผยทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจเธออยู่แท้ๆ
แก้มเนียนซับเลือดจนเกิดริ้วระเรื่อเมื่ออ่านแววตาของเขาออก และก่อนที่เธอจะอายหน้าแดงก่ำมากไปกว่าที่เป็นอยู่ สิงขรและอนุชิตก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุพอดี เลขานุการหนุ่มพยุงเจ้านายและหญิงสาวขึ้นพร้อมกับสำรวจความเสียหาย ตั้งใจที่จะเอาเรื่องกับคนตัวเล็กเต็มที่ แต่บุรินทร์ยกมือห้ามไว้
พิชชาภรณ์ก้มลงคว้าโทรศัพท์ที่เธอทำตกขึ้นมากำไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยขอโทษเขาอีกครั้ง
“หนูขอโทษนะคะ” คำแทนตัวที่ชินปากบอกเขาออกไปแล้วก็รีบตะครุบเอาไว้แน่น เนื่องด้วยอายุขนาดเธอนั้นเลยคำว่าหนูมาพอสมควรแล้ว แต่นั่นกลับเรียกรอยยิ้มจากมุมปากสวยเกินสตรีของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณขอโทษผมไปแล้วเมื่อครู่” เสียงทุ้มนั้นอ่อนโยนจนคนฟังหน้าร้อน
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษอีกครั้งจริงๆ ค่ะ” เมื่อเขาย้อนมาเธอก็ได้แต่ก้มหน้างุดและเอ่ยขอตัว ทำให้ไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าดวงตาคมคู่นั้นมองตามหลังเธอนานแค่ไหนก่อนจะละสายตาจากไป
“นายสนใจเธอหรือครับ”
สิงขรเอ่ยถามเมื่อบุรินทร์เอาแต่มองตามหลังหญิงสาวคนนั้นจนหายลับไปจากสายตา ร่างสูงหันกลับมามองหน้าน้องชายแล้วยักไหล่ให้เบาๆ ก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือที่เขาคุยงานค้างอยู่เมื่อครู่
ปลายสายที่ยังคงส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องก้มลงมองมันอย่างสงสัยด้วยความไม่คุ้นเคย คิ้วเข้มเลิกสูงก่อนจะยกขึ้นแนบกับใบหู
“ยายเพลง! แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเมื่อกี้ถึงได้มีเสียงโครมครามแบบนั้น ขอโทษกันไปขอโทษกันมา นี่แก...”
แทนการตอบรับเสียงของปลายสายคือความเงียบ รอยยิ้มตรงมุมปากกดลึกด้วยความสมใจในบางอย่าง นักธุรกิจหนุ่มเลื่อนนิ้วกดตัดสัญญาณและเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อด้านใน ผิดกับทุกครั้งที่จะยกให้น้องชายจัดการต่ออย่างเคย ทำให้สิงขรอดที่จะมองท่าทีนั้นอย่างสงสัยไม่ได้
“กลับกันเถอะ”
สั่งความเสร็จก็เดินนำออกไปก่อน ทิ้งให้เลขานุการหนุ่มมองตามอย่างงงๆ ถึงแม้จะสงสัยในท่าทีของอีกฝ่าย แต่สิงขรก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ แล้วเดินตามพี่ชายไปขึ้นรถที่อนุชิตนำมาคอยท่าแต่โดยดี
พิชชาภรณ์ที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาในตัวอาคารของโรงแรมซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวเครื่องประดับคอลเล็กชันใหม่ของ ‘ชาร์โก้วิงค์’ บริษัทอัญมณีในเครือของชาร์โก้ หญิงสาวไม่นึกว่าการเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ครั้งแรกจะทำให้เธอใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ ทั้งรูปร่าง หน้าตา และอะไรบางอย่างที่เธอเห็นในดวงตาคู่นั้น มันทำให้เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่น่าหวาดหวั่น แต่ก็น่าค้นหาไปพร้อมๆ กัน
‘แล้วสิ่งที่เธอคิดที่จะทำล่ะ ยายเพลง ไม่ได้นะ! ห้ามหลงเสน่ห์ของเขาเด็ดขาด เธอมีจุดมุ่งหมายต่างจากบรรดาผู้หญิงของเขา’ หญิงสาวบอกตัวเองก่อนจะแอบชะโงกหน้าออกไปมองเขาอีกครั้งจากมุมตึก
ขณะที่ปกรณ์เดินออกมาจากห้องซึ่งจะใช้จัดงานด้วยท่าทีกระวนกระวาย เนื่องจากเพื่อนสาวเล่นกดตัดสายไปดื้อๆ ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ต้องออกมาตามหา แต่ครั้นออกมากลับเจอพิชชาภรณ์ยืนกำโทรศัพท์แนบอกแน่นอยู่หน้าห้องโถงของโรงแรมนี่เอง
“ยายเพลง!” เขาร้องทักเธอด้วยน้ำเสียงอันดังพร้อมกับสะกิดแขนเรียวเบาๆ แต่นั่นกลับทำให้คนถูกสะกิดสะดุ้งโหยงจนเขาอดที่จะสะดุ้งตามไม่ได้
“เป็นอะไรของแก!” ปกรณ์ร้องถามพลางสำรวจเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เขาหิวจนแทบจะจับนายแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่ข้างในกินเป็นอาหารกลางวันได้อยู่แล้ว
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ดึงสติที่ไม่ค่อยปกติเมื่อครู่ให้กลับมาดังเดิมก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนอีกฝ่ายอย่างออดอ้อนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจ๊หิวแล้วใช่ม้า งั้นเดี๋ยวมื้อนี้เพลงเลี้ยงเอง”
“อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วย่ะ เพราะหล่อนมาช้า แล้วเมื่อกี้กดสายฉันทิ้งทำไม” ปกรณ์หันมาถามขณะออกเดินไปยังห้องอาหารของโรงแรม พิชชาภรณ์ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองก็พบว่าหน้าจอมันดับไปแล้ว
“เมื่อกี้มันตกพื้นน่ะค่ะ สายก็เลยหลุดละมั้ง” หญิงสาวบอกเสียงเบาแล้วกดเปิดเครื่องเพื่อสำรวจความเสียหายอันเกิดจากการกระแทกอย่างแรงเมื่อครู่ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่ารายชื่อโทร.ออกนั้นไม่ใช่ของเธอ
“เฮ้ย! นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของหนู”
เสียงร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับอาการหยุดเดินกะทันหันทำให้ร่างสูงที่เดินคล้องแขนอยู่ต้องหยุดตามและเอี้ยวตัวกลับมามองอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า”
“นี่มันไม่ใช่โทรศัพท์ของหนูค่ะเจ๊” หญิงสาวยื่นอุปกรณ์สื่อสารไปตรงหน้าชายหนุ่มก่อนจะบ่นอย่างเสียดาย “เพิ่งถอยมาแท้ๆ คิดว่าไม่มีใครใช้รุ่นนี้แล้วนะ แย่จริง”
แล้วโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดก็ถูกกดเปิดดูรายละเอียดในตัวเครื่องอีกครั้งพร้อมกับบ่นพึมพำจนปกรณ์ต้องเอ่ยปากถาม
“ถ้าไม่ใช่ของแกแล้วมันเป็นของใครล่ะยะ”
คำถามจากปากของเพื่อนชายทำให้เรียวคิ้วสวยขมวดแน่นเมื่อใบหน้าของใครอีกคนที่น่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ลอยเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วดวงตากลมก็ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น
‘คุณบุรินทร์!’
ฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
