ตอนที่ 30 : บทที่ 12 หัวใจเริ่มใกล้กัน (35%)
บทที่ 12 หัวใจเริ่มใกล้กัน
“ไม่อึดอัดใช่มั้ย”
เสียงทุ้มกระซิบเหนือกระหม่อมบาง ลมหายใจอุ่นร้อนทำให้หัวใจคนพูดและคนฟังเต้นผิดจังหวะ ปรางรวีพยักหน้ารับเบาๆ แก้มนวลร้อนเห่อเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ไม่กี่นาทีก่อนบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องโถงของวิลล่า คิดถึงจุดนี้ปรางรวีก็แทบจะอยากจะแทรกตัวหนีไปจากสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ นิสัยโผงผางทำอะไรก่อนคิดนี่แก้ไม่หายจริงๆ
“อยากเปลี่ยนใจมั้ย” ธีรเทพยังคงถามต่อแต่คนใต้ร่างกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ปรางรวีหลับตาแน่นจนคนมองนึกอยากจะเอาหัวโขกพื้นเมื่อสาวเจ้ายังคงยืนยันเจตนาคงเดิมทั้งๆ ที่เขาแกล้งแหย่เล่นไปอย่างนั้นเอง
แขนเรียวเล็กวาดขึ้นโอบกอดคนตัวใหญ่ไว้มั่น ลมหายใจแผ่วเบารินรดซอกคอหนาขณะที่ขาอีกข้างป่ายขึ้นมาบนท่อนขาแกร่งในอากัปกิริยาให้รู้ว่าไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน ธีรเทพถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับตามหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่าง
โซฟาตัวใหญ่ที่ยามปกติหากเขานอนเพียงลำพังมันสามารถรองรับเขาได้อย่างสบายๆ แต่เมื่อมีคนตัวเล็กมาร่วมนอนด้วยมันกลับดูเล็กไปถนัดตา นอกจากจะเล็กแล้วยังแคบอีกต่างหาก แต่กระนั้นหญิงสาวตัวปัญหาก็ยืนยันว่าจะนอนตรงนี้กับเขา ทั้งที่เขาบอกไปแล้วว่าแค่แกล้งชวนเธอเล่นไปเท่านั้น
‘...แต่น้องปรางเอาจริง ขยับไปเลยค่ะ’
บทสนทนาเมื่อหลายนาทีก่อนดังขึ้นมาในห้วงคำนึง มือเล็กในยามนั้นส่งสัญญาณให้เขาขยับออกโดยการผลักร่างของเขาให้เลื่อนออกมาชิดขอบด้านอก ก่อนจะพาร่างของตนเองก้าวเข้าไปนอนแทนที่ด้านใน
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ไปแน่เขาก็ถามขึ้นอีก
‘แน่ใจนะ’ หวังเต็มเปี่ยมให้เธอเปลี่ยนใจแต่เหมือนเขาจะใส่ความหวาดหวั่นในน้ำเสียงมากไปนิด คำตอบที่ได้รับคือใบหน้าสวยขยับขึ้นลงช้าๆ และนั่นก็ทำให้เขาต้องยอมนอนลงเคียงข้างเธอ แม้จะดูไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้างแต่จะให้ถอยหนีก็เสียชื่อปลาไหลตัวพ่อที่สะสมมาหมด ดังนั้นจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ทว่าความคับแคบของพื้นที่ก็ยังทำให้เขาต้องถามย้ำว่าเธออึดอัดหรือไม่ เมื่อเธอยังยืนยันทั้งที่ถามไปหลายรอบธีรเทพก็ได้แต่พยายามข่มใจนอนหลับตามหญิงสาว โชคดีที่อุณหภูมิของเมืองปากช่องช่วงต้นปีแบบนี้ค่อนข้างเย็นทำให้การที่ต้องนอนเบียดกันบนโซฟาแคบๆ ไม่อึดอัดมากเกินไปนัก คิดเสียว่ามีลูกแมวมานอนด้วยสักตัวก็แล้วกัน ธีรเทพพยายามคิดก่อนที่ความง่วงจะทำให้เขาเข้าสู่นิทรารมย์
โดยที่หารู้ไม่ว่าคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกแมวนั้นอมยิ้มขำ ตอนแรกเธอก็คิดโทษว่าตัวเองตัดสินใจผิด ทำตัวเหมือนผู้หญิงใจง่าย แต่น้ำเสียงหวั่นไหวยามที่ธีรเทพเอ่ยถามทำให้เธอรู้ว่าเขาเองก็หวาดหวั่นใจไม่แพ้กัน และคนที่มีอาการแบบนี้คงไม่กล้าที่จะทำอะไรเธอเป็นแน่
เมื่อกล้าชวนเรื่องอะไรที่ปรางรวีจะปฏิเสธให้ถูกมองว่าเธอไม่กล้าเล่นกับไฟ โดยเฉพาะไฟที่รู้ว่าเย็นเหยียบและทำอะไรเธอไม่ได้แบบนี้ ความไว้ใจ เชื่อใจ และมั่นใจในการกระทำของเขาทำให้ปรางรวีผ่อนคลายความกังวลหลงเหลือไว้เพียงความง่วงงุนที่อีกไม่กี่ชั่วโมงทิวากรก็จะเคลื่อนขึ้นจับขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ดังนั้นแล้วนอนเอาแรงไว้จะดีเสียกว่า เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะพักผ่อน จากนั้นก็ต้องกลับไปเผชิญความจริงของชีวิตอีกครั้ง
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านสีทึบเข้ามากระทบเปลือกตาของคนที่กำลังหลับสบายบนโซฟากลางห้อง ธีรเทพขยับกายหนีแสงนั้นด้วยความง่วงยังคงเกาะกุมทุกอณูเนื้อ กลิ่นแชมพูหอมสะอาดจากหมอนข้างนุ่มนิ่มบวกกับอากาศด้านนอกที่กำลังเย็นสบายยิ่งทำให้เขาไม่อยากตื่นจากความฝันที่กำลังไปได้สวย มือใหญ่รวบหมอนข้างรัดเข้ากับอกแกร่งแน่นขึ้น ขายาวยกขึ้นพาดทับพร้อมกับซุกไซ้เรือนผมของร่างเล็กในอ้อมแขนจนหมอนข้างนุ่มนิ่มต้องขยับตัวไปมาเมื่อรู้สึกหายใจไม่ออก
“อือ...”
เสียงครางข้างหูทำให้ธีรเทพรู้สึกตัว ดวงตาข้างหนึ่งเปิดมองหาที่มาและกลุ่มผมนุ่มราวแพรไหมที่อยู่ห่างจากคางบุ๋มเพียงแค่ลมหายใจกั้นก็ทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวร่างสูงผงะถอยหลังตกจากโซฟาไปในทันที
“โอ้ย! น้องปราง…ซี้ด อ่ะ”
อารามตกใจทำให้เผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง แผลตรงมุมปากที่ถูกชกมาเมื่อวานขยายกว้าง เจ็บแสบจนต้องซี้ดปากเสียงดัง
ซึ่งเสียงและการเคลื่อนไหวนั้นเองทำให้คนตัวเล็กที่นอนหลับสบายอยู่เคียงข้างสะดุ้งตื่นตามมาอีกคน “พี่เทพเป็นอะไรคะ ทำไมลงไปนั่งอยู่ตรงนั้น เจ็บแผลเหรอคะ”
คนเพิ่งตื่นขยับลุกขึ้นมานั่งมองตาแป๋ว โดยที่ไม่สนใจสักนิดว่าสภาพของตนเองจะทำให้คนมองรู้สึกเช่นไร
ธีรเทพที่นั่งอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟาตัวยาวหน้าเหวออย่างบอกไม่ถูก มือข้างหนึ่งกุมแผลที่มุมปากมั่น มืออีกข้างลูบหลังที่กระแทกพื้นปรอยๆ ส่วนใจนั้นเขาอยากจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเล็กนัก เพราะแม้ว่าเสื้อผ้าที่ปรางรวีสวมอยู่มันจะรัดกุมและไม่เป็นอันตรายกับเธอ แต่สีหน้า ท่าทาง ผมยาวสลวยที่ยุ่งนิดๆ แบบฉบับคนเพิ่งตื่นนอนกลับมีอิทธิพลกับเขาอย่างประหลาด และบางส่วนในร่างกายตอนเช้าก็ขยับขยายขึ้นมาตามลำดับ
‘บ้าจริงมาตื่นอะไรตอนนี้ว่ะ’
ธีรเทพบ่นร่างกายตัวเองในใจ และรีบยกมือข้างที่ลูบหลังขึ้นปัดป้องเมื่อปรางรวียื่นมือเข้ามาหมายจะสำรวจความเสียหายของมุมปากที่เขียวช้ำ
“พี่...พี่ไม่เป็นอะไร พี่ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
บอกแค่นั้นก็รีบลุกขึ้นเดินหนี เป้าหมายคือห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก ปรางรวีมองตามร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ แต่ความสงสัยของเธอก็มีได้ไม่ถึงสองวินาทีเพราะดวงตาเจ้ากรรมกลับเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างภายใต้กางเกงเนื้อหนาของคนตัวใหญ่เข้าพอดี ใบหน้านวลแดงก่ำเมื่อคิดถึงเจ้าสิ่งนั้นก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อคิดถึงท่าทางของคนตัวใหญ่เมื่อครู่
“น่ารักชะมัด”
เกือบสิบเอ็ดโมงปรางรวีและธีรเทพก็เช็กเอ้าต์ออกจากที่พัก เพราะตั๋วเดินทางของรถทัวร์ปรับอากาศที่จองไว้นั้นจะออกจากท่ารถตอนเที่ยงครึ่ง
“น้องปรางเสียดายห้องนอนที่วิลล่าชะมัดเลย”
อยู่ๆ คนตัวเล็กก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ธีรเทพที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวนอกรถและเสียงเพลงจากสมาร์ตโฟนของหญิงสาวหันมามองคนข้างตัวด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะ”
“ก็เราจ่ายค่าวิลล่าคืนละตั้งหลายพัน แต่ไม่ได้นอนเตียงนุ่มๆ เลยสักคืน พูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดหลังจัง” เสียงใสตอบพร้อมกับบิดตัวไปมาประกอบคำพูด ธีรเทพยิ้มขำเพราะเขาเพิ่งทราบสาเหตุที่เธอยอมตอบตกลงนอนที่โซฟากับเขาก็เมื่อตอนทานอาหารเที่ยงด้วยกันนี้เอง
“ก็ใครใช้ให้เราคิดอะไรแผลงๆ เล่า”
“ก็หน้าพี่เทพตอนนั้นมาน่าแกล้งนี่น่า มีอย่างที่ไหนชวนเขานอนเองแท้ๆ พอเขาตอบตกลงกลับทำหน้าเหวอใส่ ผู้ชายแท้ป่ะเนี่ย” คำตอบจากปากจิ้มลิ้มถูกตอบแทนด้วยลูกมะกอกที่เขกลงบนศีรษะอย่างไม่จริงจังนัก
“เซี้ยวนักนะ”
“พี่เทพน่ะ มาแกล้งน้องปรางอยู่ได้” ปรางรวีแกล้งหน้างอ แต่ไม่ถึงนาทีก็ต้องยิ้มแก้มปริเมื่อคนตัวใหญ่พูดขึ้น
“เอาน่า ไว้คราวหน้าจะพามาเที่ยวอีก และครั้งนี้จะให้นอนจนหนำใจเลยดีไหม”
“จริงนะคะ” ปรางรวีตาโตด้วยความตื่นเต้นเพราะถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่เมื่อไม่มีคนเที่ยวด้วยมันจะไปสนุกอะไร ยิ่งบิดาและพี่ชายทั้งสองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกวันหยุดเธอต้องเตรียมใจเอาไว้เลยว่าพวกเขาไม่มีทางได้หยุดยาวเหมือนครอบครัวอื่น
สิ้นเสียงครางรับในลำคอ ทำให้หน้าที่บานอยู่แล้วก็ยิ่งบานมากขึ้น ดวงตากลมใสฉายความรู้สึกยินดีอย่างไม่ปิดบัง แขนเล็กยกขึ้นกอดคนตัวโตไว้แน่น “พี่เทพน่ารักที่สุดในโลกเลย”
“พอได้แล้ว ไม่อายคนอื่นเขาหรือไง” ธีรเทพพยายามดันแขนเล็กที่ตอนนี้กลายเป็นเท้าตุ๊กแกติดแน่นหนึบให้ออกห่าง พร้อมทำเสียงกึ่งดุแต่คนตัวเล็กหาได้สนใจประโยคนั้นไม่ ทั้งยังตอบกลับเสียงใสอีกต่างหาก
“ไม่อายค่ะ น้องปรางรักพี่เทพ”
จบประโยคบอกรักก็พลันเกิดความเงียบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ยังไม่ถึงสองวินาทีก็เป็นปรางรวีอีกเช่นเคยที่เอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“น้องปรางหมายถึงรักแบบพี่ชายนะคะ”
แขนที่กอดรัดร่างหนาเมื่อครู่ค่อยๆ ลดระดับลงมาอย่างขัดเขินเมื่อรอบกายไม่ได้มีเพียงเขาและเธอ แต่ยังมีผู้โดยสารร่วมรถทัวร์อีกหลายคนที่มองมายิ้มๆ ใบหน้าหวานร้อนเห่ออยากจะซุกตัวหายเข้าไปในเบาะและขอให้โดราเอมอนช่วยกลับไปแก้ไขอดีตเมื่อครู่ เธอสาบานว่าจะไม่หลุดปากพูดประโยคอะไรทำนองนี้อีกแล้ว
ธีรเทพที่อึ้งไม่ต่างกันแต่ได้สติก่อนรีบโยนเสื้อโค๊ดแขนยาวของตัวเองไปคลุมศีรษะคนตัวเล็กราวกับรู้ใจว่าเธออยากจะหายไปจากตรงนี้ พร้อมทั้งโยกศีรษะเล็กใต้เสื้อนั้นเบาๆ ในจังหวะที่ชักมือกลับเพื่อให้เธอคลายกังวลว่าเขาเข้าใจดี ปรางรวียู่หน้าเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ดึงเสื้อเขาออกเผยให้เห็นใบหน้าหวานที่แก้มแดงปลั่งด้วยความเขินสุดขีด ท่าทางย่นคอเหมือนเด็กทำผิดทำให้คนที่มองมาต่างพากันอมยิ้มให้กับความน่ารักของหญิงสาวก่อนจะหันกลับไปสนใจเรื่องของตัวเองต่อ
เมื่อสิ้นสายตาสอดรู้สอดเห็นปรางรวีก็ทุบที่ไหล่หนาเบาๆ เมื่อหาที่ลงไม่ได้คนข้างตัวจึงเป็นที่ระบายความเขินอายไปโดยปริยาย
“มาทุบพี่ทำไมเนี่ย”
“ก็มันเขินนิ” เสียงหวานตอบอุบอิบให้ได้ยินกันสองคน ธีรเทพจึงแกล้งโน้มหน้าเข้าไปใกล้คล้ายไม่ได้ยินสิ่งที่เธอตอบ และพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อยตั้งใจให้ผู้โดยสารเบาะหน้าที่เป็นคู่สามีภรรยาได้ยิน
“อะไรนะ เขินเหรอ เขินอะไรเมื่อกี้ยังไม่เห็นเขินเลย”
“พี่เทพน่ะ...อย่ามาแกล้งน้องปรางสิ” เมื่อรู้ว่าเขาจงใจแกล้งเสียงใสๆ จึงกระเง้ากระงอดแต่มันกลับน่าเอ็นดูในสายตาของคนมอง ธีรเทพหัวเราะเบาๆ และปล่อยให้เธอบิดม้วนแขนเสื้อของเขาไปมาเพื่อระบายความเขินต่อไป
“เรานี่นะ” ว่าพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะรั้งศีรษะคนตัวเล็กลงมาซบไหล่พร้อมคลี่เสื้อของตัวเองที่ยกให้เธอเมื่อครู่ขึ้นคลุมให้อย่างเอาใจ ตอนนี้คนทั้งรถคงคิดว่าเขาและปรางรวีเป็นมากกว่าพี่ชายอย่างที่เธอเอ่ยบอกแต่มันจะสำคัญอะไรเพียงแค่เขากับเธอรู้สถานะของกันและกันแค่นั้นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้อาจจะยังเป็นแค่พี่ชาย แต่อีกไม่นานนักหรอกเขาจะเป็นมากกว่านั้น
ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของบ้านสินิท-สิรินด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
