ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ragnarok Fan Fiction :The power of zodiac gems

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7: คำสาบตระกูลอิชิดะ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 48


    Ragnarok: the power of zodiac gems

       Chapter 7: คำสาบตระกูลอิชิดะ

       “สบายจังเลย” ไฟโรครางอย่างเป็นสุขเมื่อเขาหย่อนตัวแช่บ่อน้ำพุร้อนที่อุ่นสบาย ”ที่นี่ต้อนรับเราดีจังเลย” จัสติสอุทานเบาๆ ชายหนุ่มทั้งห้ารู้สึกสบายตัวเมื่อได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในบ่อน้ำร้อนนั้น “ข้าขอเข้าไปได้ไหม”  เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของอิชิดะและซามูไรยางามิ ปรากฏกายขึ้นด้ายนอก ทั้งสองเดินร่างเปลือยเปล่าด้วยรูปร่างที่ดูกำยำแข็งแรงส่งให้ชายทั้งสองดูยิ่งใหญ่ “เราทุกคนขอขอบคุณท่านมาก” อาร์คกล่าวอย่างเป็นพิธี “ไม่ต้องพิธีนักหรอก”ชายกลางคนพูดกับพวกเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “ทางเราก็มีเรื่องที่ต้องขอร้องท่านเช่นกัน” แขกผู้มาเยือนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ยางามิ!…” เจ้าเมิงAmutsuหันไปหาบุตรชาย”..พรุ่งนี้เข้าต่งกายเต็มยศคุ้มกันภัยอย่างเต็มที่ บอกฮิคาริด้วย พรุ่งนี้เราจะได้เป็นปรกติเสียที หากเสร็จภารกิจแล้ว จงเดินทางออกจากเมืองทันที” คำสั่งที่เฉียบขาดแต่ยางามิกลับน้อมรับอย่างสงบ

       ภายในห้องพักของแขกที่มีแสงจันทร์กระจ่าง แม้จะเป็นเดือนเสี้ยวกึ่งครึ่งดวงแต่ความสว่างนวลรับกับดอกซากุระสีชมพูได้อย่างลงตัวงดงาม อาร์คจ้องลงไปยังหมู่บ้านที่เงียบสงบเบื้องล่าง ความคิดในสมองของเขาตอนนี้ มีเพียงการค้นหาคำตอบของหน้าที่ที่ได้รับมอบ “ทำไมเราต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วย” อาร์คพึมพำเบาๆ “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นร่างของอัศวิน ซิกฟรีดในชุดลำลองทักเขา อัศวินหนุ่มเดินมายืนเคียงข้างจอมเวทย์ สายตาของเขาจับจ้องไปบนดวงจันทร์ “คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ” อาร์คตอบ สาตาของเขามองไปยังหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่าง ความรู้สึกที่เหงาจับจิตรุมเล้าหัวใจอันโดดเดี่ยวตลอดระยะเวลา 10 ปีของเขาขอบตาของเขาเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอเล็กๆ “ความจริงผมไม่อยากได้หรอกนะ” ซกฟรีดทำลายความเงียบ จอมเวทย์หนุ่มจึงเงยหน้ามองชายที่อยู่ด้านข้างนั้น “ผมเกลียดสงคราม ผมไม่ชอบที่จะต้องมาสู้รบกับผู้คนเพียงเพื่อการแก่งแย่งของราชวงศ์กับมอนสเตอร์ผู้ครอบครองพื้นที่ในส่วนที่น่าจะเป็น” เขาหวนนึกไปถึงสงครามที่เขาเข้าร่วมในการต่อสู้แย่งดินแดนกับชนเผ่าออค(Orc) “ตั้งแต่ผมได้Garnetมาจากสงครามครั้งนั้น ผมก็ลาออกจากหน่วยอัศวิน แต่ก็ต้องผจญกับสงครามมาโดยตลอด” ซิกฟรีดเล่าความหลังนัยน์ตาเลื่อนลอย “แต่คงจะเป็นชะตาลิขิตล่ะมั้ง” ประโยคนี้อัศวินหนุ่มหันมาดกับอาร์คอย่างมีความหมาย ซิกฟรีดส่งยิ้มให้อาร์คเล็กน้อย ก่อนที่จะทิ้งเขาไว้ที่ระเบียงนอกชานนั้นเอง “ชะตาลิขิตเหรอ” อาร์คทวนคำพึมพำอย่างไม่มั่นใจ สายลมพัดพากลีบซากุระวนรอบตัวเขาราวกับปลอบโยน น้ำตาใสๆอันเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาไหลออกมาจากดวงตาของจอมเวทย์ผู้ไม่สามารถสลัดอดีตอันโหดร้ายไปได้ “คงเป็นชะตาลิขิต”

       เช้ารุ่งขึ้น อากาศยังคงแจ่มใส ซากุระต้นใหญ่ยังคออกดอกบานสะพรั่ง ผู้คนในปราสาทอิชิดะตื่นตัวกันเต็มที่ แขกผู้มาเยือนทั้งหก รอเจ้าบ้านอย่างกระวนกระวาย ในห้องรับรอง “ทำไมยังไม่มาซะที” ไฟโรเดินพล่านอย่างกับหนูติดจั่นละบ่นเบาๆอุบอิบตลอดเวลา ในขณะที่ทุกคนก็กังวลไม่แพ้กัน “พี่คะ…” โจเซฟินร้องหาพี่ชายจากเงาของตนเอง เธอไม่เคยรู้สึกเครียดเช่นนี้มาก่อน “ขอโทษที่ให้รอนะ” เสียงที่ทรงอำนาจของเจ้าเมืองอิชิดะดังข้น ข้างกายของเขาคือบุตรสาวของเขา ฮิคาริซึ่งอู่ในชุดนักบวช(Priest)และอีกด้านคือบุตรชาวบุญธรรม ยางามิ ในชุดเกราะนักรบศักดิ์สิทธิ์(Crusader) เต็มยศ “ทำตัวตามสบาย! ไม่ต้องเครียดนักหรอก” เจ้าเมืองยิ้มความตึงเครียดต่างๆจึงลดลง “คุณอาร์คคะ!” ฮิคาริเอ่ยปาก  “ท่านพ่อได้รับการติดต่อจากคุณทวดของท่าน” “เรื่องนั้น…ข้าทราบ” จอมเวทย์หนุ่มคำนับหญิงสาว “เราสองคนจะร่วมเดินทางไปกับท่านสู่อาณาจักร Rune Midgard” นักบวชหญิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “แต่ทางเราก็มีเรื่องขอร้องพวกท่าน” ยางามิพูดบ้าง โล่ Holy Guardในมือขยับตั้งมั่น “ท่านแม่ของข้าป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาได้ ” ท่านเข้าเมืองเอ่ยออกมา “หากท่านช่วยพวกเราจักเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง” ทุกคนที่ได้ฟังต่างหนักใจกับสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าสามารถช่วยได้หรือไม่ “ตกลง! เราจะช่วยท่าน” อาร์คโผล่งออกมาเป็นคำตอบโดยไม่ได้ฟังความเห็นของใครทั้งนั้น

       ณ เรือนเล็กข้างปราสาทอันเป็นที่พำนักของมารดาท่านเข้าเมืองแห่ง Amutsu แต่หญิงชรานั้นมีดวงตาที่ดงก่ำผิดมนุษย์ และมีเสียงหัวเราะที่แหลมเล็กราวเสียงของสุนัขป่า อาละวาดทำลายทุกสิ่งในห้องจนพังพินาศ เกิดเสียงดังอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง “ท่านย่ายังไม่หลับอีกหรือ” ฮิคาริถามยามรักษาการณ์ เสียงทำลายข้าวของและเสียงหัวเราะยังคงดังเป็นระยะ “เราเข้าไปกันเถอะ” นักบวชหญิงเชิญชวน พลางก้าวนำเข้าไปในบ้านอย่างไม่เกรงกลัว โดยมียางามิตามเข้าไปติดๆ

       แม้จะเป็นกลางวัน แต่ห้องของหญิงชรากลับมืดมิด เศษข้างของที่ถูกทำลายกระจัดกระจายไปทั่ว หากต่ไร้สรรเสียงใดๆภายในผิดจากเมื่อสักครู่ เอ็นกิสูดลมหายใจสั้นๆ “ผมว่าผมรู้สาเหตุแล้ว” พรานหนุ่มหันมาบอกกับทุกคนก่อนที่จะตวาดเข้าไปในความมืดมิด “ออกมาได้แล้ว” น้ำเสียงเหี้ยมเกรีมของเขาพุ่งเข้าไปในความมืดมิด นัยน์ตาแดงก่ำจึงปรากฏอยู่ในความมืด พร้อมกับกลิ่นวาบโชยมาอ่อนๆ“ทำไมต้องรบกวนที่นี่” พรานหนุ่มตะโกนถาม แต่เสียงหัวเราะแหลมเล็กเท่านั้นที่ตอบกลับมา “แสดงว่าเจ้าไม่รู้ว่าข้าคือใครซินะ” เสียงของเขาเหี้ยมยิ่งขึ้น เหยี่ยวของเขาโผบินไม่ห่างนาย “ข้ารู้ ท่านคือบุตรที่นางพญาเก็บมาอุปการะไว้”เสียงแหลมเล็กตอบกลับมา ร่างของหญิงชราเดินช้าๆพร้อมกลิ่นสาบสางที่ยิ่งชัดเจนขึ้น “เพียงแต่ความแค้นที่ข้ามีต่อที่นี่ มันมากมายเกินกว่าความเกรงกลัวที่ข้าควรจะมีต่อท่านหรือท่านนางพญา” เสียงที่ออกมาจากของหญิงชรานั้นมิใช่ระดับโทนเสียงที่ควรออกมาจากปากของหญิงที่ชราภาพ ผมที่กระเซิงนั้น ส่งกลิ่นคลุ้ง “ตระกูลอิชิดะต้องสลาย! พวกมันฆ่าข้าอย่างเลือดเย็น” “ในนานแห่งบุตรชายของราชินีจิ้งจอกMoonlight” เอ็นกิยังคงส่งเสียงเหี้ยม เขาประกาศตัวด้วยเสียงอันดัง “ข้าขอสั่งให้เจ้าเลิกยุ่งกับตระกูลนี้ซะ และจากไปแต่โดยดี” “ข้า…ไม่…” หญิงชราเสียงสั่นแต่โทสะของเอ็นกิถึงขีดสุดแล้ว “ไม่อย่างนั้นข้าจะสังหารเจ้าเสีย” คำประกาศนี้ทำให้ฮิคาริตกใจเป็นอย่างมาก “ไม่ต้องห่วงหรอก” พรานหนุ่มกระซิบปลอบ สายตาของเขายังคงแข็งกร้าวจ้องมองไปยังหญิงชรา  อากาศรอบข้างเริ่มปรวนแปร เกิดลมพัดเบาๆและมีศรไร้รูปร่างปรากฏขึ้นที่มือของเอ็นกิ ท่ามกลางแสงสว่างสีเขียวของZircon

       “ถ้าท่านแผลงศร! ยัยแก่นี่ก็จะตายไปด้วย” หญิงชราหัวเราะแห้งๆ แต่เอ็นกิกลับง้างคันศร “คุณคะ!” ฮิคาริอุทานออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่เอาจริงของพรานหนุ่ม “โจเซฟิน! อย่าให้ใครขวางเอ็นกินะ” อาร์คเตือนปราชญ์สาว  โจเซฟินรับคำทันที คฑาในมือของเธอกระชับมั่น “Pneuma” ”Land Protector” ม่านอากาศสีเขียวถูกทำลายทันทีที่เวทย์ป้องปฐพีถูกร่ายด้วยความเร็วกว่า พร้อมๆกับที่ศรในมือเอ็นกิถูกยิงออกไป ทะลุร่างของหญิงชรา ผู้ต้องศรล้มลงกับพื้นโดยมีร่างชองจิ้งจอกอีกตัวล้มลงทางด้านหลัง ลูกศรยังคงปักกลางอกของจิ้งจอกตัวนั้น “ท่านย่า!” ฮิคาริกรีดเสียงร้อง ยางามิถลันเข้าไปหาเอ็นกิทันที ดาบTsurugi ในมือกระชับแน่นหมาบั่นศรีษะพรานให้หลุดออกจากบ่า “อย่าเชียวนะ” ซิกฟรีดเข้ามาขวาง ดาบ Claymore เข้ารับกับดาบญี่ปุ่นนั้นอย่างทันท่วงที “เขาไม่เป็นอะไรหรอก” พรานหนุ่มเอ่ยขึ้นๆพร้อมๆกับร่างของหญิงชราเริ่มขยับตัว “ท่านย่าคะ!” ฮิคาริขยับตัวหญิงชราเบาๆ “น…นี่ฉัน” “ท่านย่าพักผ่อนก่อนเถอะครับ” ยางามิผละจากซิกฟรีดโค้งคำนับอย่างเป็นพิธี

       “ท่านแม่ถูกวิญาณจิ้งจอกสิงรึ” เจ้าเมืองพูดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ร่างของเป็นหลักฐานและเครื่องพิสูจน์อย่างดี “ข้าคิดว่าเจ็บป่วยธรรมดาเสียอีก” “ผมขอแนะนำให้ท่านสร้างศาลเจ้าขอขมาดีกว่านะครับ”พรานหนุ่มเสนอแนะ ซึ่งเจ้าเมืองก็เห็นด้วย แต่ทันใดนั้นเอง…เสียงดังอึกทึกจากชั้นบน เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารรักษาการณ์ดังขึ้น “ท่านเจ้า…แย่แล้วครับ” ซามูไรนายหนึ่งเปิดโซะจิอย่างรีบร้อนเลือดเลอะไปทั่วกิโมโนที่สวมใส่ “ประตูมิติด้านบนถูกเปิดแล้วครับ””ว่าไงนะ” สีหน้าเจ้าเมืองAmutsuเริ่มเคร่งเครียด “เป็นความจริงครับท่าน…” ไม่ทันขบประโยคร่างของซามูไรนายนั้นก็ถูกบางสิ่งกระชากหายไปเบื้องหลัง เสียงร้องโหยหวนและเลือดสดๆสาดกระจายไปทั่วประตูกระดาษนั้น “Ice Wall” กำแพงน้ำแข็งสร้างขึ้นปิดทางเข้าไว้ทันที “ประตูดำเปิดออกแล้ว แย่แน่ๆ” เจ้าเมืองกุมขมับครุ่นคิดหาทางแก้ไข

       “ท่านเจ้า…มีอะไรปิดบังหรือ” จัสติสถามหมัดของเขากำแน่นอย่างเตรีมพร้อม “เด็กคนนั้นกลับมาแล้ว” เจ้าเมืองพึมพำ ทุกคนในห้องงุนงงอย่างหนักเว้นแต่ นักบวชหญิงและยางามิเท่านั้น ที่สีหน้าซีดเผือด “ฮิคาริ! ยางามิ! ไปจัดการที พ่อจะดูแลตรงนี้เอง” เจ้าเมืองสั่งการเสียงเครียด ลูกทั้งสองของเขารับคำ “ข้าฝากลูกข้าทั้งสองไว้กับท่านด้วยนะ” ขาดคำ กำแพงน้ำแข็งก็ละลายลง ฝูงอสูรน้ำKaphaและปีศาจร่มKarakasa ฝูงใหญ่ก็กรุเข้ามาในห้องทันที “โจซี่!””ค่ะพี่!” อสูรDoppelganger ปรากฏตัวขึ้นแบจะทันที เขาและอัศวินซิกฟรีดพุ่งเข้าใส่เป็นแนวหน้าด้วยความเร็ว “ข้าขอร่วมวงด้วย” ไฟโรประกาศกำไรมรกตของเขาทอแสง ขวานสองมือ Two Handed Axeในมือก็มีประกายของไฟฟ้าแล่นใบทั่วใบขวานที่คมกริบ “Angelus!” ”Blessing!” ”Increase Agility!” ”Gloria!” ฮิคาริร่ายมนตร์สนับสนุนทีเดียวสี่บทเกินวิสัยที่นักบวชทั่วไปจะทำได้ ด้วยความรวดเร็ว “Bowling Bash!” ดาบของซิกฟรีดฟาดอย่างแรงจะร่างของศัตรูกระแทกใส่กันออกไปสร้างความเสียหายได้พอสมควร “Violent Gale!” เงาของโจเซฟินเสกพื้นที่ที่ยืนอยู่ให้มีกระแสลมพัดลง อาร์คจู่โจมด้วยบอลสายฟ้า ’Jupitel Thunder’ ทันทีอย่างต่อเนื่อง  มือของพรานหนุ่มเอ็นกิก็สร้างศรหลายลมไว้หลายดอกและขึ้นพาดสาย “Arrow Shower” ศรนับสิบโปรยไปยังฝูงKaphaและKarakasa อย่างไม่พลาดเป้า “Abracadabra!” ปราชญ์สาวดีดนิ้ว กางเขนยักษ์ก็ปรากฏลงบนพื้น “Grand Cross” โจเซฟินละนักรบหนุ่มตะโกนพร้อมกัน กางเขนศักดิ์สิทธิ์สองอันที่พื้นก็ส่องสว่างจู่โจมฝูงมอนสเตอร์ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ไปเสียเกือบหมดสิ้น “ไวใช้ได้…คุณผู้หญิง” ยางามิกล่าวชม เขาหอบเล็กน้อย “คุณก็เช่นกันค่ะ” เงามืดของโจเซฟินกล่าวชมนักรบหนุ่มผู้เย็นชา “เจ้าสองคนรีบพาพวกเขาไปซะ! ที่นี่พ่อจัดการต่อให้” เจ้าเมืองAmutsu เร่งเร้าทุกคนจึงเร่งออกจากห้องทันที ”พ่อจะส่งคนปช่วยนะ” ท่านอิชิดะตะโกนไล่หลัง  ทั้งหมดจึงมุ่งหน้าสู่ห้องใต้หลังคาดอนจอนของปราสาทที่อยู่ชั้นบน อันเป็นหนทางไปสู่ประตูมิติที่สร้างความโกลาหลในครั้งนี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×