ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ragnarok Fan Fiction :The power of zodiac gems

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4: สู่เมืองท่า

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 48


    Ragnarok: the power of zodiac gems

       Chapter 4: สู่เมืองท่า

       กลางดึกคลื่นลมสงบ มีเสียงของคลื่นลูกเล็กๆซัดสาดอย่างแผ่วเบาต่อเนื่องเป็นจังหวะ เรือลำหนึ่งแล่นอยู่กลางท้องทะเลอันราบเรียบ “ถ้าทั้งคืนเป็นอย่างนี้ก็ดี” ผู้เป็นกัปตันเรือพูดออกมาด้วยความสบายใจ แต่อนิจจา ความสงบนั้นช่างสั้นนักเมื่อต้นหนตะโกนมาจากบนดาดฟ้า “กัปตัน! ออกมาดูอะไรหน่อย” กัปตันเรือลุกอย่างเกียจคร้านแล้วเดินไปเปิดประตู แต่ทันที่ทีประตูเปิดออก หมอกหนาทึบจากที่ไหนก็ไม่ทราบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งลำเรือ สิ่งที่มองเห็นได้ท่ามกลางหมอกหนาทึบคือเรือลำหนึ่งที่เก่าและโทรมมาแล่นอยู่เคียง และกัปตันเรือลำนั้น…

       “Drake” กัปตันเรืออุทานเมื่อเห็นซากร่างผีดิบของกัปตันโจรสลัดในอดีตที่หายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากที่เรือของตนเองถูกจมลงกลางอ่าวไม่ไกลจากAlbertaมากนัก หมวกโจรสลัดCorsirและอีกาสีดำที่เกาะอยู่บนบ่ากำลังส่งเสียงร้องกระทบประสาทนั้นเป็นหลักฐานการปรากฏตัวได้อย่างดี  เสียงลูกเรือที่น่าสงสารร้องระงมไปตลอดเรือเมื่อถูกกองโจรสลัดแห่งDrakeบุกเข้าสังหารอย่างเหี้ยมโหด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบไปทั่วทั้งเรือ “พระเจ้า!” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของกัปตันเรือเคราะห์ร้ายก่อนที่จะถูกดาบCultusของมหาโจรเสียบแทงทะลุหัวใจสิ้นชีพ เสียงหัวเราะของเหล่าผีดิบตายซากและอีกาคู่ใจก้องไปทั่วท้องมหาสมุทร ก่อนที่จะหายลับไปพร้อมเหยื่อในสายหมอกมุ่งสู่เมืองท่าAlberta

       เช้ารุ่งขึ้นที่แสนสดใส เสียงหวูดเรือร้องเสียงดังทั่วทั้งเมืองผสมกับเสียงจอแจของผู้คน เป็นที่คุ้นเคยและกิจวัตรประจำวันของชาวเมืองท่าสำคัญอย่างAlberta “สงบสุขแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” อัศวิน(Knight) ชายคนหนึ่ง เอ่ยขึ้น เขาชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่าในสงครามน้อยใหญ่ที่เขาผจญ “สงบแบบนี้ข้าอยากอยู่ตลอดไปจัง” นายช่าง(Blacksmith) หนุ่มพูดขึ้นมือลูบผมสีเหลืองดั่งฟางของตัวเอง  เขาสูดลมหายใจลึกๆก่อนหันไปหาภิกษุ(Monk)คนหนึ่งที่เดินทางมาด้วย “นายคิดเหมือนกันป่าว! จัสติส!” คำถามนี้กระตุ้นให้ภิษุหนุ่มที่มีท่าทางประหม่าต้องหันมาหาผู้ถาม “ข้าสังหรไม่ดี! ไฟโร! ข้า…” “ช่างเถอะ! เรารีบไปAmutsu ดีกว่านะ”  อัศวินตัดบทพลางเดินนำเพื่อนทั้งสองแต่ว่า…

       “คุณอาร์คคะ!” โจเซฟินเรียกจอมเวทย์หนุ่ม ไข่มุกของเธอส่องแสงเรืองๆ ราวกับทักทายสหายเหมือนคราที่เธอพบกับพรานหนุ่มเอ็นกิ “มันส่องแสงอีกแล้ว!” ปราชญ์สาวย้ำจนอาร์คเลิกคิ้ว ชายหนุ่มมองไปรอบๆอย่างระวังตัว ในขณะเดียวกันกับอัศวินหนุ่มกำลังมองหาสิ่งที่ทำให้โกเมน(Garnet) ของเขาส่องประกายแสง “ซิก! เกิดอะไรขึ้น” นายช่างไฟโรร้องถามแต่ทว่ามรกต(Emerald)ของเขาก็เริ่มทอแสงเช่นเดียวกับโมรา(Serdonyx)ของภิกษุจัสติส ทั้งสามมองหาสิ่งผิดปรกติ จนกระทั่งสายตาของทั้งสามประสานกับสายตาของอาร์ค จอมเวทย์ผู้มีอดีตอันขมขื่น

       “พวกคุณเป็นผู้ครอบครองอัญมณีแห่งจักราศีด้วยเหรอคะ” โจเซฟินถามอย่างดีใจภายในร้านอาหารของAlberta “ใช่แล้วครับ! คุณผู้หญิง!” ไฟโรพูดและมองปราชญ์สาวอย่างกะลิ้มกะเหลี่ย “คุณซิกฟรีด! คุณเป็นอัศวินทำไมไม่อยู่เมืองหลวงล่ะ”อาร์คถามเสียงห้วนจนผู้ถูกถามสะดุ้ง ซิกฟรีดตอบด้วยใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ “ผมเป็นอัศวินอิสระไม่สังกัดกรมกองไหนครับ” “แล้วคุณสองคนจะไปAmutsuด้วยหรือ” จัสติสเป็นฝ่ายถามบ้างแต่ยังไม่ทันจะได้รับคำถามเสียงเอ๊ดตะโลของเด็กส่งข่าวก็ดังขึ้นระงมไปทั่งทั้งเมือง “ข่าวด้วนจ้า! ข่าวด่วน! เจ้าข้าเอ๊ย! เรือของกัปตันลามัลหายไปอย่างลึบลับอีกแล้วจ้า” เด็กคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในร้านปากก็ตะโกนบอกข่าวจนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งร้าน “ข้าว่าแล้ว! ข้าสังหรณ์ไม่ดี” จัสติสพูดขึ้นความไม่สบาใจถาโถมเข้ามาจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

       “ท่านพบสามคนนั้นหรือยัง” ท่านผู้เฒ่าแห่งGeffen เอ่ยปากบอกกลับผู้มาเยือนที่ปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังของเขา เหยี่ยวปีกสวยโบยบินพร้อมส่งเสียงร้องด้วยความแปลกใจกับสภาพแวดล้อมใหม่ “คิดว่าพวกเขาเป็นอย่างไร” ชายชรายังคงพูดต่อไปราวกับไม่มีเหยี่ยวตัวนี้มาส่งเสียงร้อง เขาหันหลังกลับไปส่งยิ้มอย่างโรยแรงไปให้กับผู้มาเยือนทั้งสอง “ไม่เลวครับสำหรับนักดาบมาร” พรานหนุ่มตอบตามจริง “แต่อีกสองคนยังต้องฝึกฝน” เสียงหญิงสาวตอบออกมาเพื่อเติมความให้เต็มด้วยความจริงใจ “ขอบใจมากนะ Moonlight ที่ไม่เข้าร่วมกับพวกอสูร” ชายชรากล่าวอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไว้ใจนางพญาจิ้งจอกตนนี้ตั้งแต่ครั้นยังหนุ่ม เสียงกระดิ่งทองของเธอที่กังวาลใสนั้นปราบอริและสร้างความสงบมาอย่างมากมาย

       พลันสัญญาณอันตรายก็เกิดขึ้น เมื่อหมอกหนาทึบเริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองAlberta ผู้คนแตกตื่นชุลมุนเมื่อเรือเก่าๆโทรมๆลำหนึ่งแล่นใกล้เข้ามา “หมอกมากจนผิดปรกติ” เจ้าของร้านอาหารอุทานขึ้นเมื่อม่านหมอกอันหนาทึบเริ่มปกคลุมร้านและเข้ามาในร้านของเขา เสียงตะโกนหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นเรื่อยๆจนบุคคลทั้งห้าเดินออกมาดู “Flying Dutchman” นายช่างไฟโรอุทานเมื่อเห็นเรือลึกลับนั้นชัดขึ้น “น่าแปลก! มันจมหายไปตั้งนานหลายปีแล้วนี้” อัศวินหนุ่มซิกฟรีดตั้งข้อสังเกต ทันใดนั้นเรือปีศาจก็พุ่งเข้าชนท่าเรืออย่างแรงจนพังเสียหาย ลูกเรือโจรสลัดโครงกระดูก(Pirate Skeleton) ก็กรูออกมาจากเรือเข้าเข่นฆ่าผู้คนอย่างน่ากลัว “ข้าว่าบรรยากาศไม่ดีแล้วล่ะ” ไฟโรเอ่ยขึ้นพลางดึงขวานออกมาจากรถเข็นขึ้นกระชับในมือ “ข้าก็ว่าอย่างนั้นนะ” คนอื่นๆที่เหลือพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

       ในเรือปีศาจที่แสนอับชื้น กัปตันDrakeนั่งฟังเสียงกรีดร้องของชาวเมืองอย่างสุขใจในห้องกัปตัน “วันนี้…” หัวหน้าโจรกล่าวประกาศก้อง “…เราจะยึดสมบัติของเราคืนจากพวกราชวงศ์งี่เง่าที่บังอาจจมเรือของพวกเรา” สิ้นเสียงของเขาอีกาสีดำก็ส่งเสียงร้องอย่างปรีดา “ถึงเวลาชำระแค้นของพวกเราแล้ว” มันพูดต่อด้วยเสียงอันทรงอำนาจและเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด “ฆ่าให้หมด! ชิงสมบัติมา! เมืองนี้จะเป็นของพวกเรา” ขาดคำเสียงโห่ร้องปลุกใจดังไปทั่วทั้งเรือและมหานครแห่งวาณิช ฝูงPirate Skeleton โห่ร้องยินดี พวกมันลุกไล่เข่นฆ่าผู้คนไม่เว้นแม้แต่เด็กอย่างโหดเหี้ยม

       “Drake เคลื่อนไหวแล้ว” ท่านผู้เฒ่าแห่งนครGeffenพูดขึ้น สร้างความตกใจให้กับเอ็นกิกับMoonlightเป็นอย่างมาก “เช่นนั้นพวกเราขอลา” Moonlightตั้งสติได้ก่อนจึงร่ำลาทันที “เดี๋ยว!” ชายชราร้องเรียก เขาค่อยๆเดินไปยังแขกทั้งสอง “หากพบพวกเขา ช่วยส่งจดหมายนี้ให้เจ้าเหลนไม่เอาถ่านของฉันที” ชายชรายื่นซองให้กับเอ็นกิ พรานหนุ่มพยักหน้ารับรู้เขารีบเดินจากไปทันที “ภาวนาว่าจอมพลแห่งเกาะเต่า อย่าได้เข้าร่วมกับฝ่ายมืดเลย” ชายชราพึมพำ เขาเหนื่อยอ่อนและชราภาพเกินไปเสียแล้ว

       “ใครจะเปิดก่อน” ซิกฟรีดหันมาปรึกษาพวกพ้องรวมทั้งอาร์คและโจเซฟิน “ข้าเอง” นายช่างไฟโรอาสา กำไลข้อมือมรกตส่องแสงสีเขียวอ่อนๆ เปลวไฟลุกโพลงไปทั่วทั้งใบขวาน เขาพุ่งเข้าหากองทัพผีดิบอย่างไม่เกรงกลัว ทุกยามที่เขาโบกขวาน เพลิงอันร้อนแรงก็แผดเผาอริจนเป็นผุยผง “คนต่อไปข้าละกัน” ภิกษุจัสติสเรียกบอลพลังจิตออกมาแต่น่าแปลกเขาสร้างได้มากกว่าที่ภิกษุคนอื่นสามารถทำได้คือ ห้าลูก จัสติสกลับสามารถเรียกออกมาเป็นสิบๆลูก เขาวิ่งเข้าหาฝูงสลัดผีดิบอีกฟากหนึ่ง “Lord Of Vermilion” มหาเวทย์สายฟ้าถูกอาร์คร่ายออกมา กลางเมืองเข้าทำลายฝูงผีได้เป็นจำนวนมากเหลือแต่เถ้าธุลี เมื่อมีผู้กล้าเริ่มตอบโต้เหล่าสลัด กลุ่มคนบางคนก็ฮึดสู้ขึ้นมาบ้างจนเป็นสงครามย่อยๆระหว่างมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อกับผีตายซากผู้หลุ่มหลงในทรัพย์จนมิอาจไปไหนได้ กระจายไปทั่วทั้งเมือง

       “กรานี่!” ซิกฟรีดเป่าปาก นกPecopeco พาหนะคู่ใจก็ก็วิ่งฝ่าสงครามมาหาอัศวินผู้เป็นนาย  อัศวินซิกฟรีดกระโดดขึ้นขี่หลังทันทีพร้อมดึงหอกLanceเล่มยาวออกมาจาด้านข้างของนกคู่ใจ เขาควงมันเล็กน้อยเป็นการอุ่นเครื่อง แสงสีดงเข้มจากGarnetก็ส่องสว่างจ้า อัศวินบนพาหนะจึงุ่งทะยานเข้าสู่สงครามด้วยความเร็วสูงจนมองเห็นเป็นเพียงเงาบางๆ เพียงชั่วครู่เท่านั้น ร่างของชายหนุ่มก็ปรากฏอยู่กลางวงล้อมของกองโจร เขาควงหอกและโจมตีศัตรูด้วยท่าทีที่งดงามราวกำลังร่ายรำที่งดงาม และด้วยความเร็วความรุนแรงของการโจมตี อีกทั้งผมสีแดงเพลิงของเขาที่มิได้ปกปิดด้วยหมวกอัศวิน(Helm)อันเทอะทะ ทำให้เขาดูเหมือนยมฑูติที่เข้าทำลายล้างวิญญาณชั่วร้ายก่อนนำส่งนรกภูมิ

       “Heaven Dive!!” ปราชญ์สาวร่ายเวทย์ แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น แต่ทว่าโครงกระดูกตนหนึ่งได้แอบลอบเข้าใกล้โจเซฟินทางด้านหลัง มันเงื้อดาบสุดแขนที่กระดูกของมันจะทำได้  โดยที่เธอไม่รู้ตัว “เคร้ง”ดาบเล่มโตปรากฏขึ้นรับการโจมตีจากทักษะ ‘Bash’ ได้ทันท่วงที ร่างของนักดาบปีศาจค่อยๆปรากฏขึ้น “ระวังตัวหน่อย! โจซี่!” Dopelgengarสั่งสอนพลางวาดดาบZweihanderเข้าป่นโจรผี แต่ทางด้านหลังของสาวน้อยก็มีอีกตัวหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่หมายปลิดชีวิตเธอ “ตายซะเถอะ! สาวน้อย!” มันหัวเราะและเหวี่ยงดาบใส่โจเซฟินทันที “วูบ!””เคร้ง!” เสียงลมพัดและเสียงโครงกระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “อย่าประมาทซิครับ” เจ้าของเสียงที่คุ้นหูเอ่ยขึ้น เขาปรากฏร่างพร้อมสายลมนั้นและแผลงศรสังหารPirate Skeleton เอ็นกิที่นั่งคุกเข่าอยู่นั้นมองไปรอบๆด้วยสายตาที่มุ่งมั่น “เอาร่างเนื้อให้พี่ดีกว่านะ” Doppelgengarร้องสั่ง ปราชญ์สาวตกลงใจทันทีพร้อมๆกับไข่มุกที่ทอแสงนวล

       “มันไม่หมดซะที” ภิกษุหนุ่มจัสติสบ่นเบาๆ ร่างของเขามีออร่าบางๆเป็นสัญลักษณ์แห่งทักษะกายเหล็กไหล ’Steel Body’ ชั่วขณะนั้นเขาได้ยินเสียงคำราม

    ”โฮก!!” เสียงคำรามนี้ดังขึ้นอีกครั้งจนภิกษุหนุ่มต้องหันไปมองต้นเสียง สิ่งที่เขาพบคือราชาแห่งป่าEddga ที่กำลังฝ่าวงล้อมด้วยอุ้งเท้าอันทรงพลังที่ทุบศรีษะสลัดผีจนเป็นผุยผง “ลำบากน่าดูนิ” เสียงที่ทรงอำนาจเอื้อนเอ่ยแต่แฝงด้วยความปราณีและอ่อนโยน อุ้งมืออันทรงพลังยังคงสาละวนกับการตบข่วนโครงกระดูกที่ขวางทาง “สู้ต่อไปนะลูกพ่อ” “ครับ!ท่านพ่อ!” จัสติสพยักหน้ารับ หมัดของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆด้วยแรงใจจากผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่จำความไม่ได้

       “Mammonite” นางพญาจิ้งจอกหวดกองทัพโจรสลัดอย่างแรงด้วยกระดิ่งทองที่หนักอึ้งของเธอ โดมีเอ็นกิคอยอารักขาไม่ห่าง “ท่านหญิง!””ข้าไม่เป็นไร! Fire Bolt!” Moonlight สร้างหอกเพลิงทำลายPirate Skeleton “เจ้าปช่วยคนอื่นเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า” นางพญาจิ้งจอกไล่พรานออกห่างกาย ประตูมิติถูกเปิดออกเพื่อให้จิ้งจอกเก้าหางNinetailได้อกมาช่วยเหลือเธอ “เห็นแล้วใช่ไหม! ไปซะ!” นางยังคงออกปากไล่ มืออีกข้างของเธอถือมีด Waigwanggumเข้าฟาดฟัดศัตรู อย่างรวดเร็ว “Silver Shower” ห่าธนูเงินถูกยิงเปิดทางสลายวิญญาณที่ยังคงยึดติดกับทรัพย์ให้ดับสูญ

       “ตูม! ตูม! ตูม!” เสียงทะเลที่บริเวณท่าเรือระเบิดออกเมื่อฝูงเต่าพืชPermeter,เต่าไฟHeater,เต่าปราการหินSolider,เต่าน้ำแข็งFreezerและเต่านินจาAssulter จำนวนมหาศาลปรากฏขึ้น “แย่ละ!” Moonlight อุทานขึ้นเมื่อเห็นฝูงเต่าเข้าทำร้ายผู้คน มือของเธอยังคงสาละวนกับการโจมตีกองโจรที่จำนวนลดลงเรื่อยๆ “ข้าขอร่วงวงด้วยละกัน”เสียงทุ้มๆหนักแน่นดังขึ้น ร่างของจอมทัพเต่าTurtle General ผู้ครอบครองเกาะเต่าอันตั้งอยู่ไม่ใกล้นักจากจุดที่เรือสลัดของDrakeเคยจมลง ปรากฏกายขึ้น “Water Ball” ลูกบอลน้ำเข้าซัดฝูงชนจนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า นักดาบฝึกหัดคนหนึ่งหาญกล้าพุ่งเข้าหาจอมทัพทันที “ฉัวะ!” ขวานศึกWar Axeหั่นร่างนักดาบผู้กล้าหาญออกเป็นสองท่อน พร้อมๆกับเสียงหัวเราะเหี้ยมๆ

       “กา! กา!” เสียงอีกาดำร้องดังขึ้น ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน Drakeปรากฏกายขึ้น ณ ดาดฟ้าของเรือผีสิง ก่อนที่มันจะกระโดดลงมาบนพื้นแผ่นหินอย่างสง่าสมมาดยอดโจรสลัดอันระบือไกลในอดีต ดูเหมือนขาไม้จะไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อการเคลื่อนไหวเลย “ขอบคุณที่มาตามคำเชิญของข้า” เสียงที่ดุดันออกมาจากปากของมกาโจรสลัดปีศาจ มันควงดาบCultus ในมืออย่างคล่องแคล่วและจ้วงแทงนักธนูหนุ่มน้อยอย่างโหดเหี้ยม “ข้ายินดีเสมอสำหรับท่าน! กัปตันDrake!” Turtle Generalพูดพลางเหวี่ยงขวานในมือไปสับร่างของโจรสาวผู้โชคร้าย “ข้าก็มีความแค้นต่อพวกมนุษย์พวกนี้เหมือนกัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×