ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10: นครทะเลทราย Morroc
Ragnarok: the power of zodiac gems
  Chapter 10: นครทะเลทราย Morroc
  เสร็จเรื่องราวจาก Amutsu ทุกคนก็เดินทางกลับสู่ เมืองท่า Alberta ที่มีการบูรณะซ่อมแซมเมืองคืบหน้าไปมากหลังจากถูกTurtle general และกัปตันปีศาจ Drake ถล่มเมื่อหลายวันก่อน “ผมไปกับคุณไม่ได้แล้ว” นายช่างไฟโรเอ่ยขึ้นมาจนทุกคนประหลาดใจแต่เขาแก้ข้อสงสัยทันที “ผมต้องช่วยเขาซ่อมแซมเมืองต่อ” “ผมกับจัสติสก็จะอยู่ที่นี่ด้วย” เอ็นกิ พูดขึ้นเช่นกัน พรานหนุ่มและภิกษุแยกตัวออกไปหานางพญาจิ้งจอก Moonlight Flowerและเจ้าป่า Eddga ที่กำลังสาละวนอยู่การบูรณะตึกสูงหลังหนึ่ง “ฉันกับยางามิจะเข้าพรอนเทร่า(Prontera) “ นักบวชหญิงฮิคาริพูดขึ้นมือของเธอเอื้อมไปสัมผัสมือของอาร์คทันทีโดยมียางามิมองอย่างขวางๆ “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณนะคะ” “คุณก็เช่นกัน” อาร์คและฮิคาริล่ำลากันก่อนที่เขาจะหันไปหาปราชญ์สาวที่ยืนยิ้มแห้งๆ “แล้วเธอล่ะโจเซฟิน” “ฉันกับพี่จะกลับบ้านที่จูโน(Juno) ก่อน แล้วจะติดต่อไปหานะ” เธอกล่าวประโยคหลังด้วยความจริงใจเมื่อมองเห็นสายตาอาวรณ์ของจอมเวทย์หนุ่ม กลุ่มผู้เดินทางทั้งหลายสลายกันไปตามทางของตนเอง “คุณล่ะซิกฟรีด” อาร์คหันมาถามอัศวินหนุ่ม ซิกฟรีดชะงักชั่วครู่จนอาร์คเลิกคิ้ว ”ผมจะไปมอรอค(Morroc)” “ผมไปด้วยได้ไหม” จอมเวทย์หนุ่มยิ้มหวังลดความประหม่าของอัศวินหนุ่ม ซึ่งก็ได้ผล
  ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ มีมหานครเก่าแก่โบราณนาม Morrocซึ่งเป็นนครที่มีความเป็นมายาวนานกว่านครหลวง Prontera สถาปัตยกรรมของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินแข็งที่สกัดมาจากหินทราย มีปราสาทหลังใหญ่กลางนครโดยมีโอเอซิสเป็นธารน้ำล้อมรอบ ไม่ไกลนักมีสถานที่สำคัญและแสนอันตราย อีกทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์โบราณ นั้นคือ พีระมิด (Pyramid) อันเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระศพของอดีตราชาผู้ก่อตั้งนครมายาวนานกว่า 1,000 ปี นามโอซิริส (Osiris) อีกแห่งคือสฟิงค์ (Sphinx) สถาปัตยกรรมหินที่ยิ่งใหญ่เป็นรูปของสัตว์ในเทพนิยายเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของวิญญาณฟาโรห์ (Pharaoh) องค์สุดท้ายของราชวงศ์ และอุปราชชั่วช้าผู้ไม่มีใครทราบชื่อจริง แต่เรียกกันในนามของตัวแทนแห่งเทพอาทิตย์ Amon Ra
  “พระองค์ท่านคะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้น ณ ชั้นบนสุดของพีระมิด เธอคือนางกำนัลผู้ติดตาม Osiris ที่เรียกกันว่า Isis ท่อนล่างของเธอนั้นเป็นงูขนาดใหญ่แต่กลับสามารถเลื้อยได้อย่างรวดเร็ว “องค์ชาย...องค์ชาย...” ปีศาจสาวละล่ำละลักกลัวพระราชอาญาจากเจ้าชีวิตของเธอ “ใจเย็นไว้ Isis” เสียงตอบกลับมานั้นทุ้มนุ่มดูอ่อนโยน “ข้ารู้เรื่องแล้ว” เสียงนั้นดังราวกับถอนหายใจ
  “คนเยอะชะมัด” อาร์คบ่นพึม เขาไม่เคยชินกับการพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก ซิกฟรีดชัก กรานี่Pecopeco คู่ใจหลบเลี่ยงผู้คนโดยมีจอมเวทย์หนุ่มซ้อนท้ายโดยสารมาด้วย “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” เสียงแม่ค้าร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมาแต่ไกล “ได้เรื่องแหะ! มาถึงปุ๊ป เกิดเรื่องปั๊บ” จอมเวทย์หนุ่มบ่นอุบอิบ อัศวินหนุ่มชักพาหนะไปหาทันทีด้วยสัญชาตญาณ จนอาร์คที่ไม่ทันได้ระวังตัวเกือบร่วงหล่นสู่พื้น “เกาะแน่นๆนะ” ซิกฟรีดเตือน พาหนะคู่ใจพุ่งผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว “ถีงไม่บอกก็ต้องทำ” จอมเวทย์หนุ่มกล่าวเสียงอ่อยๆเขาเกาะเอวแน่น กรานี่กระโดดข้ามร้านค้าหลายร้านด้วยความเร็วสูง
  “ยัยแม่ค้านี่เงินดีแหะ” อันธพาล (Rogue) ชายคนหนุ่มผู้ก่อเรื่องขยับถุงเงินในมือไปมา มีดDamacusที่เหน็บไว้ข้าวเอวสะท้อนแสงแดดรับกับหัวเข้มขัดเงินรูปหัวกะโหลกที่มีดวงตาประกายสีเหลืองของบุษราคัม (Topaz) แห่งพิจิก “ทิ้งเงินไว้นี้ล่ะ สนุกมาพอละ” เขาพูดกับตัวเองก่อนที่จะออกจากซอกตึก แต่ทันทีที่เขาโผล่พ้นซอกนั้น ดาบClaymore คมกริบกลับจ่อลำคอเขาไว้ “จะไปไหน พ่ออันธพาล” เจ้าของดาบเอ่ยเป็นนัยให้จำนน “เฮ้อ” ผู้ที่อยู่ฐานะเชลยถอนหายใจ “Back Slide” เขาก้าวไสล์ดไปอย่างรวดเร็ว “อาร์คดักจับที” ซิกฟรีดตะโกนไปยังอีกฟากของตึก จอมเวทย์หนุ่มออกมาขวางไว้ทันที “Frost Diver” คลื่นความเย็นจากเวทย์แช่แข็งโถมเข้าใส่เป้าหมาย “Hiding” อันธพาลหนุ่มหลบซ่อนตัวในพื้นอย่างรวดเร็วทำให้รอดพ้นการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด การหายตัวไปของเขาทำให้อาร์คและซิกฟรีดประหลาดใจเป็นอันมาก “คิดจะจับข้ามันเร็วไปสิบปี” เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นอย่างลึกลับถุงเงินที่ถูกขโมยมาถูกโยนลงมาจากยอดตึกสูง “ข้าชอบพวกเจ้าจังที่หาญกล้ามาไล่จับข้า ถ้าอยากเจอข้า ก็ไปพบกันที่พีระมิดชั้นบนสุด หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก” เสียงนั้นเงียบไป ไม่สามารถหาต้นเสียงได้ จอมเวทย์และอัศวินจึงจากไปด้วยความงุนงง
  “กลับมาแล้วรึ” อดีตฟาโรห์ Osiris เอ่ยขึ้นกับชายที่เข้ามา ณ จุดสูงสุดแห่งยอดพีระมิด อันเป็นที่พำนักของตน “ท่านพ่อ...คือ...” ชายคนนั้นพูดราวกับเด็กน้อยที่ถูกจับได้ขณะทำผิด “เจ้าไม่ต้องแก้ตัวหรอก พ่อไม่ได้ว่ากระไร” Osiris พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่ออันธพาลผู้พึ่งก่อเรื่องมาหมาดๆ “ท่านพ่อไม่ลงโทษผมหรือ” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่มั่นใจ “พ่อไม่ว่าเจ้า เพราะพ่อเชื่อว่าเจ้าโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ โรฟา” คำพูดของOsirisเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่กลับทำให้อันธพาลหนุ่มยิ่งมีความรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “พระองค์ท่านคะ” Isis ตนหนึ่งคำนับก่อนที่จะรายงานบางสิ่ง “มีแขก 2 คนบุกเข้ามาเพคะ” นางปีศาจแจ้งข่าวแก่องค์ราชาในอดีตให้ทราบ Osirisจ้องไปยังพื้นน้ำที่อยู่กลางห้องอันเรียบนิ่งราวกระจกใส เงาที่สะท้อนมาเป็นร่างของอัศวินและจอมเวทย์ผู้ล่วงล้ำเข้ามาในพีระมิดที่น่ากลัว “แขกของลูกเอง” โรฟาบอกกับบุคคลทีเลี้ยงดูเขามา “ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา” Osirisออกคำสั่งอุปสรรคที่ควรจะมีเพื่อป้องกันทรัพย์สมบัติพลันหายไป ไม่ขัดขวางการเดินทางของทั้งสอง
  “มันแปลกอยู่นะ” อาร์คเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ที่จริงสถานที่แบบนี้ น่าจะมีกลไกกับดักหรืออะไรบางอย่างซิ” จอมเวทย์หนุ่มเดินสำรวจรอบๆก่อนที่จะสรุปออกมา “แต่นี่ไม่มีอะไรซักอย่าง” ทั้งสองเดินทางขึ้นเรื่อยๆในทางคดเคี้ยวจากชั้นหนึ่งสู่ชั้นสองและจากทางคดเคี้ยวชั้นสองสู่ชั้นสามโดยไม่มีอะไรมาขวางแม้แต่น้อย “มันแปลกจริงๆนะ” อาร์คพูดขึ้นอีกครั้งในใจของเขาระแวงเต็มที่ระหว่างที่พวกเขาอยู่ในชั้นสามที่เต็มไปด้วยเหวลึก หากตกลงไปร่างย่อมแหลกเหลวเป็นแน่
  “ยินดีต้อนรับสู่ที่พำนักของข้า” เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อทั้งสองย่างก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของพีระมิด ราชามัมมี่นามกระเดื่องอยู่เบื้องหน้า ร่างของเขาพันด้วยผ้าลินินเก่าคร่ำคร่าอันเป็นคำสั่งในยามที่เขาสิ้นชีพตามความเชื่อของโลกหลังความตาย ร่างของเขามิได้สุขสงบตามความเชื่อ เพียงเพราะความห่วงหาอาวรณ์ต่ออาณาจักรที่ตนสร้างขึ้นมากับมือ Osiris ยืนรอแขกของพวกเขาอยู่ข้างบ่อน้ำกลางห้องกว้างด้านข้างของเขาคืออันธพาลผู้ก่อเรื่องกลางเมือง ซิกฟรีดแทบจะพุ่งเข้าไปหาทันที แต่จอมเวทย์หนุ่มกลับห้ามไว้ “ซิก! อย่าพึ่ง!” ชายหนุ่มเตือนสติทั้งสองก้าวอย่างสงบและมั่นคงไปหาผู้ที่อยู่กลางห้องนั้น
  “คงรู้จักลูกชายข้า โรฟา” Osirisพูดด้วยไมตรี ในขณะที่โรฟามองแขกทั้งสองด้วยท่าทียโส “ท่านคงเป็นอาร์ค เวนเดล จากGeffenซินะ” “ขอรับ” อาร์คตอบรับแต่Osirisยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “ทวดของเจ้าล่ะ” “สบายดีครับ” “นี่ก็ 90 ปีแล้วซินะ” ราชาผู้เกรียงไกรในอดีตเท้าความหลัง “เรื่องที่พวกเจ้าผจญไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก”อาร์คหูพึ่งทันทีด้วยความสนใจ”ไม่ใช่ครั้งแรก”จอมเวทย์หนุ่มทวนคำอย่างนึกสงสัย”โรฟา พาแขกของเจ้าหลบไปก่อน พ่อมีเรื่องจะพูดคุยกับชายคนนี้” Osirisสั่งบุตรชายที่ตนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก “ข้าเสียใจเรื่องน้องของเจ้า” Osirisเริ่มพูดเมื่อโรฟาเดินนำซิกฟรีดเลี่ยงออกไป “ช่างเถอะท่าน เรื่องมันก็ 10 ปีมาแล้ว! ผมอย่างทราบเรื่องเมื่อ 90 ปีก่อนมากกว่า” “เจ้าต้องการเช่นนั้นรึ” Osirisถามซ้ำแต่ผู้ถูกถามไม่ตอบประการใด คำตอบของเขาอยู่ในแววตา
  “90 ปีก่อนเป็นปีที่จักรวาลของเรามีการเปลี่ยนแปลงของสมดุลทั้ง 6 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และความมืด”Osirisเริ่มเล่า ความหลังที่ย้อนกลับไปเกือบร้อยปี “ตอนนั้นพลังแห่งความมืดที่นำโดย ราชาแห่งความตาย Lord of Death โดยมีลูกน้องคู่ใจ จ้าวแห่งแวมไพร์ เคาท์ Dracula พญางูขาวแห่ง Gonryu Dark Snake Lord และจอมมารโลกมืด Dark Lord บุกทำลายสมดุลหวังเปลี่ยนโลก “Osirisหยุดชั่วครู่ จอมเวทย์หนุ่มฟังอย่างตั้งใจ “ทวดของเจ้า เจย์ เวนเดล กับเพื่อนอีก 12 คน ผู้ได้รับเลือกจากอัญมณีทั้ง13ในตำนาน” “เดี๋ยวนะท่าน...” อาร์คขัดขึ้น”ท่านบอกว่าอัญมณีทั้ง13 ไม่ทราบว่า...” “ใช่ 13 ชิ้น” “ถ้าเช่นนั้นชิ้นที่13คืออะไร” อาร์คถามขึ้นความสงสัยเต็มเปี่ยม เขาไม่เคยทราบถึงอัญมณีในตำนานชิ้นที่13เลยแม้แต่น้อย “ซักวันเจ้าจะรู้เอง” ราชาในอดีตพูดความนัย
  ในเวลาเดียวกันที่ สฟิงค์ ฟาโรห์องค์สุดท้ายและอุปราช Amon Ra กำลังพูดคุยอยู่กับชายแปลกหน้าถึงแผนบางอย่างที่ชายคนนั้นเสนอ ข้าตกลงตามที่เจ้าเสนอมา Dracula “ มหาฟาโรห์ผู้อื้อฉาวเอื้อนเอ่ย “เพียวแต่ข้าจะทำตามแผนของข้าเท่านั้น” PharaohบอกกับDraculaเสียงเหี้ยมเกรียมและไม่ยอมอ่อนข้อ “เป็นความยินดีของเรา ท่านPharaoh เนเมซิส” Dracula โค้งอย่างสง่าก่อนที่จะหายตัวไป “อาณาจักรของข้า จักกลับคืนมา” Pharaohหัวเราะอย่างบ้าคลั่งโดยมี Amon Ra ผสมโรง ช่างเป็นเสียงหัวเราะอันน่ากลัวและหนาวจับขั้วหัวใจ
  “ท่านพ่อ!” โรฟาเข้ามาขัดจังหวะการพูดคุยของOsiris และอาร์ค ใบหน้าของเขามีรอยช้ำเล็กน้อยเพราะการชกต่อยกับซิกฟรีด “สายของผมแจ้งมาว่า Pharaoh และAmon Ra กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง” Osiris ได้ยิน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นคือความกระวนกระวายอย่างน่าประหลาด ในขณะที่อาร์คและซิกฟรีดรู้สึกถึงบางอย่างที่เขาจะต้องยื่นมือเข้าไป
  Chapter 10: นครทะเลทราย Morroc
  เสร็จเรื่องราวจาก Amutsu ทุกคนก็เดินทางกลับสู่ เมืองท่า Alberta ที่มีการบูรณะซ่อมแซมเมืองคืบหน้าไปมากหลังจากถูกTurtle general และกัปตันปีศาจ Drake ถล่มเมื่อหลายวันก่อน “ผมไปกับคุณไม่ได้แล้ว” นายช่างไฟโรเอ่ยขึ้นมาจนทุกคนประหลาดใจแต่เขาแก้ข้อสงสัยทันที “ผมต้องช่วยเขาซ่อมแซมเมืองต่อ” “ผมกับจัสติสก็จะอยู่ที่นี่ด้วย” เอ็นกิ พูดขึ้นเช่นกัน พรานหนุ่มและภิกษุแยกตัวออกไปหานางพญาจิ้งจอก Moonlight Flowerและเจ้าป่า Eddga ที่กำลังสาละวนอยู่การบูรณะตึกสูงหลังหนึ่ง “ฉันกับยางามิจะเข้าพรอนเทร่า(Prontera) “ นักบวชหญิงฮิคาริพูดขึ้นมือของเธอเอื้อมไปสัมผัสมือของอาร์คทันทีโดยมียางามิมองอย่างขวางๆ “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณนะคะ” “คุณก็เช่นกัน” อาร์คและฮิคาริล่ำลากันก่อนที่เขาจะหันไปหาปราชญ์สาวที่ยืนยิ้มแห้งๆ “แล้วเธอล่ะโจเซฟิน” “ฉันกับพี่จะกลับบ้านที่จูโน(Juno) ก่อน แล้วจะติดต่อไปหานะ” เธอกล่าวประโยคหลังด้วยความจริงใจเมื่อมองเห็นสายตาอาวรณ์ของจอมเวทย์หนุ่ม กลุ่มผู้เดินทางทั้งหลายสลายกันไปตามทางของตนเอง “คุณล่ะซิกฟรีด” อาร์คหันมาถามอัศวินหนุ่ม ซิกฟรีดชะงักชั่วครู่จนอาร์คเลิกคิ้ว ”ผมจะไปมอรอค(Morroc)” “ผมไปด้วยได้ไหม” จอมเวทย์หนุ่มยิ้มหวังลดความประหม่าของอัศวินหนุ่ม ซึ่งก็ได้ผล
  ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ มีมหานครเก่าแก่โบราณนาม Morrocซึ่งเป็นนครที่มีความเป็นมายาวนานกว่านครหลวง Prontera สถาปัตยกรรมของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินแข็งที่สกัดมาจากหินทราย มีปราสาทหลังใหญ่กลางนครโดยมีโอเอซิสเป็นธารน้ำล้อมรอบ ไม่ไกลนักมีสถานที่สำคัญและแสนอันตราย อีกทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์โบราณ นั้นคือ พีระมิด (Pyramid) อันเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระศพของอดีตราชาผู้ก่อตั้งนครมายาวนานกว่า 1,000 ปี นามโอซิริส (Osiris) อีกแห่งคือสฟิงค์ (Sphinx) สถาปัตยกรรมหินที่ยิ่งใหญ่เป็นรูปของสัตว์ในเทพนิยายเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของวิญญาณฟาโรห์ (Pharaoh) องค์สุดท้ายของราชวงศ์ และอุปราชชั่วช้าผู้ไม่มีใครทราบชื่อจริง แต่เรียกกันในนามของตัวแทนแห่งเทพอาทิตย์ Amon Ra
  “พระองค์ท่านคะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้น ณ ชั้นบนสุดของพีระมิด เธอคือนางกำนัลผู้ติดตาม Osiris ที่เรียกกันว่า Isis ท่อนล่างของเธอนั้นเป็นงูขนาดใหญ่แต่กลับสามารถเลื้อยได้อย่างรวดเร็ว “องค์ชาย...องค์ชาย...” ปีศาจสาวละล่ำละลักกลัวพระราชอาญาจากเจ้าชีวิตของเธอ “ใจเย็นไว้ Isis” เสียงตอบกลับมานั้นทุ้มนุ่มดูอ่อนโยน “ข้ารู้เรื่องแล้ว” เสียงนั้นดังราวกับถอนหายใจ
  “คนเยอะชะมัด” อาร์คบ่นพึม เขาไม่เคยชินกับการพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก ซิกฟรีดชัก กรานี่Pecopeco คู่ใจหลบเลี่ยงผู้คนโดยมีจอมเวทย์หนุ่มซ้อนท้ายโดยสารมาด้วย “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” เสียงแม่ค้าร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมาแต่ไกล “ได้เรื่องแหะ! มาถึงปุ๊ป เกิดเรื่องปั๊บ” จอมเวทย์หนุ่มบ่นอุบอิบ อัศวินหนุ่มชักพาหนะไปหาทันทีด้วยสัญชาตญาณ จนอาร์คที่ไม่ทันได้ระวังตัวเกือบร่วงหล่นสู่พื้น “เกาะแน่นๆนะ” ซิกฟรีดเตือน พาหนะคู่ใจพุ่งผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว “ถีงไม่บอกก็ต้องทำ” จอมเวทย์หนุ่มกล่าวเสียงอ่อยๆเขาเกาะเอวแน่น กรานี่กระโดดข้ามร้านค้าหลายร้านด้วยความเร็วสูง
  “ยัยแม่ค้านี่เงินดีแหะ” อันธพาล (Rogue) ชายคนหนุ่มผู้ก่อเรื่องขยับถุงเงินในมือไปมา มีดDamacusที่เหน็บไว้ข้าวเอวสะท้อนแสงแดดรับกับหัวเข้มขัดเงินรูปหัวกะโหลกที่มีดวงตาประกายสีเหลืองของบุษราคัม (Topaz) แห่งพิจิก “ทิ้งเงินไว้นี้ล่ะ สนุกมาพอละ” เขาพูดกับตัวเองก่อนที่จะออกจากซอกตึก แต่ทันทีที่เขาโผล่พ้นซอกนั้น ดาบClaymore คมกริบกลับจ่อลำคอเขาไว้ “จะไปไหน พ่ออันธพาล” เจ้าของดาบเอ่ยเป็นนัยให้จำนน “เฮ้อ” ผู้ที่อยู่ฐานะเชลยถอนหายใจ “Back Slide” เขาก้าวไสล์ดไปอย่างรวดเร็ว “อาร์คดักจับที” ซิกฟรีดตะโกนไปยังอีกฟากของตึก จอมเวทย์หนุ่มออกมาขวางไว้ทันที “Frost Diver” คลื่นความเย็นจากเวทย์แช่แข็งโถมเข้าใส่เป้าหมาย “Hiding” อันธพาลหนุ่มหลบซ่อนตัวในพื้นอย่างรวดเร็วทำให้รอดพ้นการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด การหายตัวไปของเขาทำให้อาร์คและซิกฟรีดประหลาดใจเป็นอันมาก “คิดจะจับข้ามันเร็วไปสิบปี” เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นอย่างลึกลับถุงเงินที่ถูกขโมยมาถูกโยนลงมาจากยอดตึกสูง “ข้าชอบพวกเจ้าจังที่หาญกล้ามาไล่จับข้า ถ้าอยากเจอข้า ก็ไปพบกันที่พีระมิดชั้นบนสุด หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก” เสียงนั้นเงียบไป ไม่สามารถหาต้นเสียงได้ จอมเวทย์และอัศวินจึงจากไปด้วยความงุนงง
  “กลับมาแล้วรึ” อดีตฟาโรห์ Osiris เอ่ยขึ้นกับชายที่เข้ามา ณ จุดสูงสุดแห่งยอดพีระมิด อันเป็นที่พำนักของตน “ท่านพ่อ...คือ...” ชายคนนั้นพูดราวกับเด็กน้อยที่ถูกจับได้ขณะทำผิด “เจ้าไม่ต้องแก้ตัวหรอก พ่อไม่ได้ว่ากระไร” Osiris พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่ออันธพาลผู้พึ่งก่อเรื่องมาหมาดๆ “ท่านพ่อไม่ลงโทษผมหรือ” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่มั่นใจ “พ่อไม่ว่าเจ้า เพราะพ่อเชื่อว่าเจ้าโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ โรฟา” คำพูดของOsirisเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่กลับทำให้อันธพาลหนุ่มยิ่งมีความรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “พระองค์ท่านคะ” Isis ตนหนึ่งคำนับก่อนที่จะรายงานบางสิ่ง “มีแขก 2 คนบุกเข้ามาเพคะ” นางปีศาจแจ้งข่าวแก่องค์ราชาในอดีตให้ทราบ Osirisจ้องไปยังพื้นน้ำที่อยู่กลางห้องอันเรียบนิ่งราวกระจกใส เงาที่สะท้อนมาเป็นร่างของอัศวินและจอมเวทย์ผู้ล่วงล้ำเข้ามาในพีระมิดที่น่ากลัว “แขกของลูกเอง” โรฟาบอกกับบุคคลทีเลี้ยงดูเขามา “ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา” Osirisออกคำสั่งอุปสรรคที่ควรจะมีเพื่อป้องกันทรัพย์สมบัติพลันหายไป ไม่ขัดขวางการเดินทางของทั้งสอง
  “มันแปลกอยู่นะ” อาร์คเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ที่จริงสถานที่แบบนี้ น่าจะมีกลไกกับดักหรืออะไรบางอย่างซิ” จอมเวทย์หนุ่มเดินสำรวจรอบๆก่อนที่จะสรุปออกมา “แต่นี่ไม่มีอะไรซักอย่าง” ทั้งสองเดินทางขึ้นเรื่อยๆในทางคดเคี้ยวจากชั้นหนึ่งสู่ชั้นสองและจากทางคดเคี้ยวชั้นสองสู่ชั้นสามโดยไม่มีอะไรมาขวางแม้แต่น้อย “มันแปลกจริงๆนะ” อาร์คพูดขึ้นอีกครั้งในใจของเขาระแวงเต็มที่ระหว่างที่พวกเขาอยู่ในชั้นสามที่เต็มไปด้วยเหวลึก หากตกลงไปร่างย่อมแหลกเหลวเป็นแน่
  “ยินดีต้อนรับสู่ที่พำนักของข้า” เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อทั้งสองย่างก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของพีระมิด ราชามัมมี่นามกระเดื่องอยู่เบื้องหน้า ร่างของเขาพันด้วยผ้าลินินเก่าคร่ำคร่าอันเป็นคำสั่งในยามที่เขาสิ้นชีพตามความเชื่อของโลกหลังความตาย ร่างของเขามิได้สุขสงบตามความเชื่อ เพียงเพราะความห่วงหาอาวรณ์ต่ออาณาจักรที่ตนสร้างขึ้นมากับมือ Osiris ยืนรอแขกของพวกเขาอยู่ข้างบ่อน้ำกลางห้องกว้างด้านข้างของเขาคืออันธพาลผู้ก่อเรื่องกลางเมือง ซิกฟรีดแทบจะพุ่งเข้าไปหาทันที แต่จอมเวทย์หนุ่มกลับห้ามไว้ “ซิก! อย่าพึ่ง!” ชายหนุ่มเตือนสติทั้งสองก้าวอย่างสงบและมั่นคงไปหาผู้ที่อยู่กลางห้องนั้น
  “คงรู้จักลูกชายข้า โรฟา” Osirisพูดด้วยไมตรี ในขณะที่โรฟามองแขกทั้งสองด้วยท่าทียโส “ท่านคงเป็นอาร์ค เวนเดล จากGeffenซินะ” “ขอรับ” อาร์คตอบรับแต่Osirisยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “ทวดของเจ้าล่ะ” “สบายดีครับ” “นี่ก็ 90 ปีแล้วซินะ” ราชาผู้เกรียงไกรในอดีตเท้าความหลัง “เรื่องที่พวกเจ้าผจญไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก”อาร์คหูพึ่งทันทีด้วยความสนใจ”ไม่ใช่ครั้งแรก”จอมเวทย์หนุ่มทวนคำอย่างนึกสงสัย”โรฟา พาแขกของเจ้าหลบไปก่อน พ่อมีเรื่องจะพูดคุยกับชายคนนี้” Osirisสั่งบุตรชายที่ตนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก “ข้าเสียใจเรื่องน้องของเจ้า” Osirisเริ่มพูดเมื่อโรฟาเดินนำซิกฟรีดเลี่ยงออกไป “ช่างเถอะท่าน เรื่องมันก็ 10 ปีมาแล้ว! ผมอย่างทราบเรื่องเมื่อ 90 ปีก่อนมากกว่า” “เจ้าต้องการเช่นนั้นรึ” Osirisถามซ้ำแต่ผู้ถูกถามไม่ตอบประการใด คำตอบของเขาอยู่ในแววตา
  “90 ปีก่อนเป็นปีที่จักรวาลของเรามีการเปลี่ยนแปลงของสมดุลทั้ง 6 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และความมืด”Osirisเริ่มเล่า ความหลังที่ย้อนกลับไปเกือบร้อยปี “ตอนนั้นพลังแห่งความมืดที่นำโดย ราชาแห่งความตาย Lord of Death โดยมีลูกน้องคู่ใจ จ้าวแห่งแวมไพร์ เคาท์ Dracula พญางูขาวแห่ง Gonryu Dark Snake Lord และจอมมารโลกมืด Dark Lord บุกทำลายสมดุลหวังเปลี่ยนโลก “Osirisหยุดชั่วครู่ จอมเวทย์หนุ่มฟังอย่างตั้งใจ “ทวดของเจ้า เจย์ เวนเดล กับเพื่อนอีก 12 คน ผู้ได้รับเลือกจากอัญมณีทั้ง13ในตำนาน” “เดี๋ยวนะท่าน...” อาร์คขัดขึ้น”ท่านบอกว่าอัญมณีทั้ง13 ไม่ทราบว่า...” “ใช่ 13 ชิ้น” “ถ้าเช่นนั้นชิ้นที่13คืออะไร” อาร์คถามขึ้นความสงสัยเต็มเปี่ยม เขาไม่เคยทราบถึงอัญมณีในตำนานชิ้นที่13เลยแม้แต่น้อย “ซักวันเจ้าจะรู้เอง” ราชาในอดีตพูดความนัย
  ในเวลาเดียวกันที่ สฟิงค์ ฟาโรห์องค์สุดท้ายและอุปราช Amon Ra กำลังพูดคุยอยู่กับชายแปลกหน้าถึงแผนบางอย่างที่ชายคนนั้นเสนอ ข้าตกลงตามที่เจ้าเสนอมา Dracula “ มหาฟาโรห์ผู้อื้อฉาวเอื้อนเอ่ย “เพียวแต่ข้าจะทำตามแผนของข้าเท่านั้น” PharaohบอกกับDraculaเสียงเหี้ยมเกรียมและไม่ยอมอ่อนข้อ “เป็นความยินดีของเรา ท่านPharaoh เนเมซิส” Dracula โค้งอย่างสง่าก่อนที่จะหายตัวไป “อาณาจักรของข้า จักกลับคืนมา” Pharaohหัวเราะอย่างบ้าคลั่งโดยมี Amon Ra ผสมโรง ช่างเป็นเสียงหัวเราะอันน่ากลัวและหนาวจับขั้วหัวใจ
  “ท่านพ่อ!” โรฟาเข้ามาขัดจังหวะการพูดคุยของOsiris และอาร์ค ใบหน้าของเขามีรอยช้ำเล็กน้อยเพราะการชกต่อยกับซิกฟรีด “สายของผมแจ้งมาว่า Pharaoh และAmon Ra กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง” Osiris ได้ยิน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นคือความกระวนกระวายอย่างน่าประหลาด ในขณะที่อาร์คและซิกฟรีดรู้สึกถึงบางอย่างที่เขาจะต้องยื่นมือเข้าไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น