Ragnarok Fan Fiction :The power of zodiac gems

ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 หอคอยกลางนคร

Ragnarok: the power of zodiac gems

   Chapter 1: หอคอยกลางนคร

   เช้าตรู่ในนครทรงแปดเหลี่ยมแห่งเวทย์มนตร์กิฟเฟน (Geffen) ชีวิตทุกชีวิตในมหานครมนตรานี้ดำเนินไปอย่างปรกติสุข ชายหนุ่มคนหนึ่งหลังจากซื้อของใช้ดำเนินชีวิตกลับต้องหลบลี้หนีหน้าผู้คนที่รังเกียจเขากลับสู่ที่พัก

   “ได้ยินมาว่าเรื่องแปลกๆมีแต่คุณเท่านั้นที่กล้าทำ” เสียงใสๆดังมาจากมุมมืดหลังตึก ชายหนุ่มมองหาต้นเสียงจนพบ เจ้าของเสียงใสๆนั้นคือปราชญ์ (Sage) สาวผู้มีผมสั้นสลวงสีเขียวรับกับดวงตาสีฟ้า เธอเดินอย่างมั่นใจมายังจอมเวทย์หนุ่ม “ฉันอยากจะจ้างคุณให้พาฉันเข้าไปข้างในหน่อย” เธอชี้ไปยังหอคอยสูงกลางนครอันที่เป็นที่ตั้งของสมาคมจอมเวทย์และพูดด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ แต่ชายหนุ่มจ้องมองผู้ถามอย่างไม่ได้สนใจนักแต่สายตาของเขาสะดุดกับสร้อยไข่มุก (Pearl) เม็ดโตที่ส่องแสงเรืองรองออกมาอย่างน่าประหลาด “จะไปทำไม”  ”ตามหาพี่ชาย”เมื่อได้ยินคำตอบจอมเวทย์หนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง “มีอะไรน่าขำ” ปราชญ์สาวเขม่นถามออกไปด้วยอาการเคืองๆ แต่ชายหนุ่มยังคงหัวเราะไม่หยุด “นี่คุณ! จะตามหาพี่ชายในนั้น! ผมรู้จักพวกเขาทุกคน””แต่พี่ชายชั้นไม่ใช่จอมเวทย์นะ! เขาเป็นนักดาบ(Swordsman)!” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างหมดอารมณ์ เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้เธออารมณ์เสีย เพราะเหมือนกับว่าเสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอเป็นตัวตลกที่ใครๆก็หัวเราะเยาะ “โทษที!” เสียงของชายหนุ่มเริ่มคงที่และเปลี่ยนเป็นความเครียด “ถ้าอย่างนั้นผมไม่ทำ”เขาปัดอย่างไร้เยื่อใย ”ฉันจ้างคุณ 20 ล้าน พอไหม” หญิงสาบอกด้วยเสียงอ่อนลงไม่ดุดันเหมือนตอนที่จอมเวทย์หนุ่มหัวเราะใส่ “ผมไม่รับ””จะเอาเท่าไหร่”หญิงสาวสวนทันควัน “สร้อยไข่มุกของคุณ” ชายหนุ่มตอบทันทีโดยไม่มีการลังเล คำตอบนี้ทำให้ปราชญ์สาวสะดุ้งมือจับสร้อยไข่มุกโดยไม่รู้ตัว “คงสำคัญมากซินะ” ชายหนุ่มย้ำ หญิงสาวลังเลที่จะตัดสินใจ

   “เป็นอันตกลงตามนี้”จอมเวทย์หนุ่มยิ้มอย่างมีชัยเมื่อเธอตอบรับข้อเสนอของเขา ”คุยมาตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย”ชายหนุ่มยียวน “โจเซฟิน” หญิงสาวตอบอย่างเสียไม่ได้ “อาร์ค ครับ”เขาแนะนำตัวด้วยไมตรีจิต  “เราจะออกเดินทางคืนนี้เลย”

   ตกดึกกลางคืนที่สกาวไปด้วยแสงดาวที่มีอยู่ทั่วท้องฟ้าจันทร์เสี้ยววางอยู่ตรงตำแหน่งยอดหอคอยแห่งกิฟเฟน ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามยิ่ง  อาร์คเหม่อมองดวงจันทร์ด้วยสีหน้าทุกข์ระทมจนปราชญ์สาวต้องร้องทัก “นี่คุณ! เป็นอะไรรึเปล่า” อาร์คสะดุ้งดึงตัวเองกลับจากความฝันอันโหดร้าย “ม…ไม่มีอะไร”เขาหันกลับไปยิ้มให้โจเซฟินที่ยังคงมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “ฉันพร้อมแล้ว” เธอบอกชายหนุ่ม เขาส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเดินทางมุ่งสู่หอคอยสูงกลางนคร

   เมื่อทั้งคู่ก้าวเดินเข้าสู่หอคอยสูง แสงเทียนที่ไม่เคยดับจากตะเกียงเวทย์ส่องแสงสลัวๆขับให้ความน่ากลัวในตำนานนครให้เป็นดั่งความจริง ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ

อย่างมั่นคงจนกระทั่งถึงประตูบานใหญ่ที่ทำมาจากไม้และเต็มไปด้วยอักขระเวทย์ที่ใช้ผนึกสิ่งลึกลับ ณ ที่นี้  “เราจะรีบไปชั้นต่อไป  ถ้าไม่อยากเสียเวลา” อาร์คเตือนปราชญ์สาว พร้อมๆกับผลักบานประตูเข้าไป

   ทันทีที่ประตูเปิดออก แผ่นดินก็สะเทือนกลายสภาพเป็นหอกนับพันแทงจากดินขึ้นสูงทิ่มแทงเห็ดพิษ(Poison Spore) และแมลงดูดเลือดสีแดงสด (Hunter Fly) แต่ถึงแม้จะถูกฆ่าไปหลายตัวแต่จำนวนก็มิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ฝูงมอนสเตอร์กลับกรูเข้าหาสองผู้ใช้เวทย์ดั่งสายน้ำหลาก แม้แต่มอนสเตอร์สีเขียวPoporing ทำให้จำนวนมอนสเตอร์ดูมากยิ่งขึ้นท่ามกลางความมืดมิดในห้องที่ถูกปิดผนึก

   “Fire Wall !!” กำแพงไฟถูกสร้างขึ้นต้านทานฝูงมอนสเตอร์ที่เข้ามาหาอย่างไม่ขาดสาย “เวทย์ ‘ Heaven Drive’ เก็บไม่หมดจริงๆด้วย ”อาร์คสบถขณะร่ายกำแพงไฟอย่างต่อเนื่อง “รีบไปซะ” ชายหนุ่มตะโกนไล่โจเซฟินให้ออกไปแต่เธอก็มิสามารถขยับไปไหนได้ “เยอะขนาดนี้คงจะขยับได้หรอกนะ” ปราชญ์สาวประชด เธอร่ายกำแพงไฟอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเธอก็ทำสิ่งที่อาร์คไม่คาดคิด สร้อยไข่มุกของโจเซฟินก็เปล่งแสงเรืองรองออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ พื้นที่บริเวณที่ยืนก็เกิดกระแสลมแรงเป็นบริเวณกว้าง ช่วยให้กำแพงไฟนั้นลุกโหมรุนแรงขึ้น “Violent Gale”โจเซฟินเสกพื้นที่บริวณกว้างให้เป็นเขตที่มีลมพัดรุนแรงโดยมิได้ใช้ตัวกระตุ้นแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้อาร์คงุนงงมาก “มัวยืนงงอยู่นั้นแหละ! รีบจัดการเข้าสิ!” ปราชญ์สาวเร่งเร้า อาร์คซึ่งคลายความงึนงงไปนั้น จึงร่ายเวทย์ออกมาอย่างรวดเร็ว  “จริงๆก็ไม่อยากใช้เลย ‘Storm Gust’ ” ขาดคำพายุก็ก่อตัวขึ้นเกล็ดหิมะที่โปรยปรายก็โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเข้าทำลายฝูงมอนสเตอร์ หลายตัวตาย หลายตัวถูกแช่แข็ง เปิดทางให้ทั้งสองมุ่งหน้าลงไปยังชั้นต่อไป

   ชั้นล่างบรรยากาศยังคงทึบทึมเต็มไปด้วยเสียงของค้างคาวที่กระพือปีกตัดอากาศ  ชั้นนี้เป็นที่พำนักของปีศาจร้าย Dracula ที่น่าพรั่นพรึง แต่ ณ เวลานี้ ท่านเคาท์ออกไปหาเหยื่อข้างนอกเป็นจังหวะเหมาะจะเดินทางฝ่าชั้นนี้ลงไป สองผู้ใช้เวทย์เดินทางลึกเข้าไปเรื่อยๆ “เรารีบไปกันดีกว่า อย่าส่งเสียงดังนะ” อาร์คเตือนเขาพลางเดินอย่างระมัดระวัง พลันได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของบางสิ่ง บางสิ่งที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมอย่างเชื่อช้า “เงียบๆนะ” อาร์คหยุดเดิน นิ่งและเงียบกริบ โดยมีโจเซฟินทำตามอย่างไม่นึกสงสัยในสิ่งที่ชายหนุ่มทำ สิ่งนั้นใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นสาบสางของซากศพ สิ่งนั้นคล้ายมนุษย์แต่มิใช่มนุษย์ ร่างกายที่เน่าเปื่อยผุพังกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วนั้นคือ ผีดิบ Ghoul และ Zombie ซากศพที่เดินได้ ซากศพที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากความหิวโหยเพียงเพราะหลงเข้ามาในเขตที่อันตราย พวกเขาเสียชีวิตแต่วิญญาณยังคงถูกกักขังอยู่ในร่าง วนเวียนอยู่ในสถานที่ทีวังเวงและมืดมิด

   ทั้งสองค่อยๆย่องออกห่างจากเสียงฝีเท้าของผีดิบเหล่านั้น  แต่ทว่าลมหายใจแรงๆที่พ่นอยู่ทางด้านหน้านั้นขวางทั้งสองเอาไว้ “ฮี้!!” เสียงม้าปีศาจ Nightmare ร้องดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งชั้นก่อนที่จะโจมตีด้วยคมเคียวยมฑูตซึ่งถากแขนของอาร์คเป็นแผลลึก เสียงของม้าแห่งโลกวิญญาณนั้นดึงดูดความสนใจของฝูงผีดิบให้กรูเข้ามาหาทั้งสองทันที เสียงการจู่โจมของNightmareดังขึ้นอีกครั้งเป้าหมายคือร่างของอาร์คที่ล้มลงกับพื้น เงาแห่งยมทูตในตัวของมันควงเคียวอย่างรวดเร็ว “Frost Diver” เสียงร่ายเวทย์ของปราชญ์สาวดังขึ้น ไอความเย็นเข้าจู่โจมNightmareและแช่แข็งมันไว้อย่างทันท่วงที  “รีบไปกันเร็ว” โจเซฟินกระชากแขนของอาร์คลุกขึ้นและวิ่งหนีฝูงGhoulและZombieที่ไล่ตามมาติดๆ

   ณ ซอกหินในซากปรักหักพัง คนทั้งสองหลบซ่อนตัวอยู่ภายในจนพ้นจากฝูงผีดิบนับสิบ ขวดน้ำยาสีเหลืองถูกเทราดลงบนแผลสดที่แขนองอาร์ค ชายหนุ่มกัดฟันทนความแสบร้อนของน้ำยาที่ราดลงบนแผล “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” โจเซฟินถามอย่างเป็นห่วง สายตาของเธอมองออกไปภายนอกของซอกหิน “ไม่เป็นไร! แค่นี้เล็กน้อย! พวกมันไปกันหมดยัง” อาร์คถามหญิงสาว แทนคำตอบ เธอกลับจูงมือของเขาออกไปจากจุดนั้น

   ขณะที่ทั้งสองเดินเคียงขางกัน เวทย์สายวิญญาณ Napalm Beat และ Soul Strike ถูหนำมาใช้กับฝูงค้างคาวสีแดงสด Drainliar หรือผีดิบหลงฝูง “นี่คุณ! อย่าเอาอะไรมาจิ้มหลังฉันซิ” โจเซฟินร้องบอกอาร์คหลังของเธอถูกของแข็งบางอย่างที่ทั้งแข็งและแหลมจิ้มอย่างต่อเนื่อง “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” อาร์คแก้ตัวพัลวันจนปราชญ์สาวต้องเหลียวหลังไปมอง สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ มันคือปีศาจหัวฟักทอง Jakk มือของมันนั้นถือไม้เท้าปลายแหลมสีดำพร้อมที่จะฟาดหญิงสาว เสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงออกมาจากรองแกะสลักรูปปาก  “Cold Bolt” หอกน้ำแข็งนับสิบ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย สองผู้ใช้เวทย์ พุ่งเข้าทิ่มแทงJakkก่อนทั่นจะจู่โจมได้ทัน  ร่างผอมล้มลงพร้อมๆกับหัวที่ทำจากฟักทองแตกกระจาย แม้มันจะตายไปแต่มันยังคงทิ้งเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองเอาไว้ “ไปกันเถอะใกล้จะถึงแล้ว”

   ทุกย่างก้าวเดินเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ผีดิบ อสูร และค้างคาวยังคงกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่  “เอาล่ะ ! โค้งนี้ไปก็ถึงแล้ว ” อาร์คร้องบอกกับโจเซฟิน  ทั้งคู่เร่งเดินเลี้ยวผ่านซากกำแพงที่หักพัง “น...นี่มันมากไปไหม” ทั้งสองอุทานขึ้น เมื่อเห็นสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าบันได้ทางลง  กองทัพปีศาจและผีดิบที่แออัดอยู่ด้านหน้าทั้ง Nightmare Ghoul Zombie และค้างคาวต่างดักอยู่ ณ ทางลงไปชั้นต่อไป เหมือนมีผู้บงการเบื้องหลัง  ทันทีที่มันเห็นเป้าหมาย กองทัพปีศาจทั้งหมดต่างก็กรูเข้าหาทั้งสองทันที “นี่คุณ! ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะออกมา! ฉะนั้นหลบไปก่อนจะได้ไหม” โจเซฟินเอ่ยเป็นนัย แต่จอมเวทย์หนุ่มมิได้หลบไปไหน “ได้!” โจเซฟินบ่นออกมาเบาๆ เธอร่ายเวทย์อีกครั้งพร้อมๆกับแสงจากไข่มุกของเธอที่เรืองแสงออกมา “Abacadabra” เธอดีดนิ้วเสียงดัง พลันเกิดกางเขนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่พื้น “ตรงจังหวะดีแท้” เธอพูดอย่างยินดี “Magnus Exocismus”  กางเขนยักษ์นั้นส่องแสงสว่างจ้า  ออร่ารูปเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามปรากฏกายแผดเผาร่างของ อสูร ปีศาจ และผีดิบไปเสียสิ้น  “ระวัง!”  อาร์ดตะโกนเตือนเมื่อฝูงค้างคาวที่ตื่นแสงและฝูงJakkที่ไม่เจ๊บปวดจากมนตร์ศักดิ์สิทธิ์นั้นได้เข้าหาโจเซฟินอย่างมุ่งร้าย เขาร่ายเวทย์ออกไปโดยไม่รู้ตัว พายุหิมะ ‘Strom Gust’ ถูกเสกขึ้นพัดทำลายอสูรเบื้องหน้าไปเสียสิ้น  “เรารีบไปกันเถอะ” อาร์คดึงตัวปราชญ์หญิงลงสู่ชั้นต่อไป  อันเป็นที่ผนึกอสูรแห่งเงาปีศาจ  Doppelganger