คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : . chapter 1 - ฌารินน์ตา อพาร์ทเมนต์ (75%)
บทที่ 1
78 ฌารินน์ตา อพาร์ทเมนต์
มือสองข้างจับแฮนด์จักรยานคันสีแดงให้กระชับแน่น สายตามุ่งมั่นลุกโชนมองตรงไปข้างหน้า สองขาออกแรงปั่นสุดฤทธิ์ อาห์ อีกนิดเดียว นี้ดเดียว! ฉันก็จะตามรถแท็กซี่ทัน! วะฮ้า ถือว่านี่เป็นโชคดีของฉันนะ ที่ไอ้แท็กซี่มาหยุดจอดตรงหน้าไฟแดงทันที >_<
ฉันปั่นจักรยานเทียบข้างรถแท็กซี่ ตาสองข้างของฉันเพ่งมองผ่านฟิล์มกรองแสงของรถ แล้วก็ปะเข้าให้กับไอ้หน้าหล่อปากหมาเข้าพอดี!
มันหันมาสบตาฉัน ก่อนจะเบิกตากว้างทำหน้าตกใจ
ส่วนฉันรีบทิ้งรถจักรยาน ถลาเข้าไปทุบกระจกรถแท็กซี่รัวๆ ทันที
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะเว้ยยย!!”
ปังๆๆ
เหมือนเขาจะพูดอะไรกับฉันสักอย่างที่ฉันฟังไม่ได้ยิน เพราะเสียงของเขาถูกกั้นจากประตูรถ แต่ฉันอ่านปากของเขาได้ประมาณว่า ‘หล่อนบ้ารึเปล่าน่ะหา!’
“แกสิบ้า!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!!” ฉันทุบกระจกแรงๆ
ตอนนี้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว แต่ฉันยังคงทุบกระจกรถไม่หยุด ปากก็ก่นด่าให้เขาเปิดประตูซะที ฉันใช้สายตาขู่โชเฟอร์จนโชเฟอร์ไม่กล้าออกตัวรถ เป็นผลให้รถที่ตามมาข้างหลังบีบแตรไล่ แต่ฉันไม่สน! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางคืนฉันก็ไม่มีทางปล่อยแท็กซี่คันนี้ไปเด็ดขาด!
ปรี๊นๆๆ!
‘เอ็งจะบีบแตรหาบรรพบุรุษฝ่ายแม่เอ็งหรอวะ หา! =_=’
ฉันเริ่มพาลด่าเสียงแตรหนวกหูนั่นในใจ อารมณ์เริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ และจังหวะที่ฉันกำลังจะตัดสินใจใช้เท้าถีบแทนการทุบกระจกนั่นเอง เขาก็เปิดประตูก่อนพอดี
“ทำอะไรของป้าวะเนี่ย!”
“เตะหมา!”
ผัวะ!
“โอ๊ย!! นี่ป้าเตะฉันหรอ!”
“แล้วคิดว่าฉันหอมแก้มนายอยู่รึไงเล่า ถามอะไรไม่คิด โง๊โง่!” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ส่วนมันถลึงตาใส่แต่ไม่กล้าลงไม้ลงมือ เพราะมันคงเห็นฉันเป็นผู้หญิง กร๊ากกกกก สะใจชะมัด!!
“เอากระเป๋าเดินทางฉันคืนมานะ!”
“กระเป๋าอะไรวะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงงงๆ
“นายแย่งแท็กซี่ฉัน และกระเป๋าเดินทางของฉันก็อยู่ในกระโปรงหลังรถ” ฉันพยายามระงับอารมณ์พลางกอดอกมอง แต่อิตานี่ก็แค่ทำหน้ากวนตีนใส่ พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้สึกรู้สา
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
โอ๊ยยยย ตบเด็กติดคุกกี่ปีวะเนี่ย =[]=!!!!
“มีอะไรกันเหรอครับพวกคุณ” ลุงโชเฟอร์เดินหน้าตื่นมาทางพวกฉัน ดูเหมือนแกจะค่อนข้างวิตกพอสมควร แกหันไปค้อมหัวปลกๆ เหมือนจะขอโทษรถที่อยู่ข้างหลังเรา แต่กลับได้เสียงแตรไล่ดังสนั่นกลับมาแทน -_-
“ลุง ทำไมลุงทำกับหนูอย่างนี้ หนูเป็นคนโบกแท็กซี่นะลุง ลุงให้เขาแซงคิวหนูได้ยังไง! รู้มั้ยว่ากระเป๋าเดินทางของหนูน่ะอยู่หลังรถ!!” ฉันหันไปตำหนิลุง
“ลุงนึกว่าพวกหนูมาด้วยกัน”
ลุงใช้อะไรนึกคะ =______=
เสียงแตรไล่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันเริ่มเกรงใจขึ้นมาบ้าง(ควรจะเกรงใจตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกแล้วย่ะหล่อน =_=) ลุงเองก็รีบคว้ากุญแจเปิดกระโปรงหลังรถ พร้อมยื่นกระเป๋าเดินทางสองใบให้ฉัน
“ครบแล้วใช่มั้ยหนู”
“ค่ะ” ฉันตอบ
“เออ! ฉันจะได้รีบกลับบ้านซะที ต้องมาเสียเวลากับยัยป้านี่น่ารำคาญเป็นบ้า!” ไอ้ผู้ชายเจ้าของนัยน์ตาสีเทาบ่นดังๆโดยตั้งใจให้ฉันได้ยิน
อากิระคนนี้ จะ-ไม่-ทน!!!
ฉันทิ้งกระเป๋าเดินทางลงบนพื้น ถลาเข้าไปเตรียมชกหน้ามันทันที!
หมับ!
“ลุง! ปล่อยหนูนะ! ถ้าหนูไม่ได้ชกหน้ามันชาตินี้อย่าเรียกหนูว่าอากิระเลย!!” ฉันพยายามสะบัดจากการเกาะกุมของลุงโชเฟอร์ ลุงไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนเนี่ย สลัดออกยากเป็นบ้า T^T!
“เธอชื่ออากิระหรอ ชื่อหรูไม่เหมาะกับหนังหน้าเลยว่ะ ยัยป้าขี้นก -_-!!”
อ๊ากกกกกก =[]=!!!! ฉันจะฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามานนนนน!!!!!
“พอเถอะหนู สงสารลุงหน่อย เขาบีบแตรไล่ลุงแล้วจ้า T^T”
ฉันกัดฟันกรอด พยายามระงับอารมณ์ที่เดือดปุดๆ และทำใจไม่มองหน้าไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้ เพราะถ้าขืนสบตากับมันเป็นหนที่สองฉันคงควบคุมตัวเองไม่ไหวต้องชกปากมันไปแน่ๆ เสียงแตรไล่จากรถคันข้างหลังเรียกสติให้ฉันกลับมา ฉันจิ๊ปากทำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเดินลงส้นเท้าหนักๆ ไปหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาพลางจูงจักรยานเดินตรงลิ่วออกจากที่ตรงนั้นทันที
ชาตินี้อย่าได้เจอคนอย่างมันอีกเลย สาธุ!!
ฉันกลับมาที่สนามบินอีกครั้ง ทิ้งรถจักรยานให้จอดข้างริมฟุตบาทตามเดิม ก่อนจะออกแรงแบกกระเป๋าเดินทางสองใบขึ้นสะพายหลัง เดินมายังจุดที่ฉันคิดว่ายัยส้มน่าจะยังอยู่
และฉันก็เห็นหล่อนนั่งอยู่ท่าเดิม องศาเดิม ไม่มีผิดเพี้ยน
นี่แกนั่งหลับโดยปล่อยให้ฉันไปเสี่ยงตาย(?)ล่าประเป๋าเดินทางคนเดียวงั้นหรอยะ =[]=!!
และยังไม่ทันที่ฉันจะเข้าไปปลุกให้ตื่น ยัยส้มก็ลืมตาปรือๆ ขึ้นมามองฉันซะก่อน
“สวัสดี -_-”
“สวัสดีด๋อยอะไรเล่า! นี่ฉันอุตส่าห์ไปตามเอากระเป๋าเดินทางจนได้คืนมาเลยเชียวนะ!” ฉันพูดอย่างภูมิใจ
“เหรอ เก่งจังเลยนะ”
แล้วยัยส้มก็ตบมือแปะๆ สองสามครั้งด้วยใบหน้าเนือยๆ พร้อมหาวหวอดโชว์ลิ้นไก่งามๆ ให้ฉันดู =_=
“กลับบ้านเถอะอากิ ฉันง่วงแล้ว”
นี่แกจะไม่ถามสักคำเลยหรอว่าฉันได้กระเป๋ามาได้ยังไง =_=^ ถามจริงเถอะ ว่าแกเคยใส่ใจเหตุการณ์อะไรรอบตัวบ้างมั้ย ยัยส้ม! โอ๊ย อากิล่ะเพลีย!!
ตื๊ดด ตื๊ดดด
เสียงสั่นของโทรศัพท์รุ่นยุคดึกดำบรรพ์ดังขึ้น ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะมองหน้าจอและรู้ว่าพ่อเป็นคนโทรเข้ามา อ้อ ก่อนกลับมาไทยพ่อฉันบอกว่ามีเรื่องด่วนจะบอกฉันนี่นา ฉันไม่รอช้ารีบกดรับโทรศัพท์ทันที
“ฮัล...”
“(แกกลับไทยแล้วใช่มั้ย)” พ่อพูดตัดประโยคฉันซะก่อน ฉันชะงักไปนิดๆ ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป
“อื้อ อากิกลับไทยแล้ว พ่อกำลังรอต้อนรับอากิอยู่ใช้มั้ยล่า ไม่ต้องบอกก็รู้ >_<”
“(แกไม่ต้องกลับบ้านนะ ไม่มีบ้านให้แกอยู่แล้ว)”
“...ฮะ?” อะไรนะ เมื่อกี้ท่านพ่อสุดที่รักของฉันพูดว่าอะไรนะ...?
“(บ้านเราถูกธนาคารยึด)”
“อะไรนะพ่อ”
“(เพราะหนี้เก่าด้วย ค้างชำระมาหลายเดือนแล้ว เขาก็เลยยึดบ้านเราไป ตอนนี้ไม่มีบ้านอยู่แล้ว)”
“หมายความว่า...”
“(ลองหาอพาร์ทเมนท์เช่าอยู่ก็แล้วกัน เงินแกก็ยังเหลืออยู่นี่ใช่มั้ย แล้วไม่ต้องออกตามหาฉันนะ แค่นี้แหละ)”
“เดี๋ยว....!”
ติ๊ด!
คำพูดของพ่อมันรวดเร็วมากจนฉันตั้งสติรับไม่ทัน อะไรนะ? บ้านถูกยึด?? หนี้เก่า???
นี่พ่อฉันไปเป็นหนี้เขาอีกแล้วหรอ!
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ใช้หนี้เก่าได้หมดแล้วพ่อก็ยังไปก่อหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก พ่อต้องการอะไรกันแน่ ไม่เข็ดเลยใช่มั้ยนะ! แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ชิ่งหนีไปทิ้งให้ลูกสาวแบกรับภาระตัวคนเดียวทุกที!!
นี่สินะเรื่องด่วนที่พ่อจะบอก
พ่อคงอยากให้ฉันกลับมาทำงานใช้หนี้เหมือนอย่างเคย…
เมื่อไหร่พ่อจะเลิกนิสัยแบบนี้กัน
ฉันตัดสินใจกดโทรต่อไปที่ธนาคารเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริงหรือพ่อแค่พูดแกล้งฉันเล่นๆ ซึ่งฉันภาวนาให้เป็นอย่างหลัง... แต่เสียงของพนักงานสาวของธนาคารก็ดังตอกย้ำถึงความเป็นจริง
บ้านของฉันถูกยึด
ฉันกดวางสายพลางถอนหายใจเฮือก
ฉันชื่อ อากิ หรือเต็มๆ ก็คือ โชริโนะ อากิระ เป็นสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นคนยุ่น ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ไทยตอนอายุราวๆ 5-6 ขวบ ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้จักเพื่อนสนิทอย่างยัยส้ม เพราะบ้านของเราอยู่ติดกัน ยัยส้มและฉันถือว่าเป็นคนมีฐานะมีหน้ามีตาในสังคมคนหนึ่ง แต่หลังจากที่แม่ของฉันป่วยล้มเสียชีวิตไป ซึ่งตอนนั้นฉันอยู่ ม.3 พอดี พ่อของฉันก็เริ่มติดเหล้าเมามาย เล่นการพนันจนเป็นหนี้เป็นสิน งานการก็ถูกเขาไล่ออก พ่อกลายเป็นคนตกงาน จมทุกข์อยู่แต่กับความรัก ฉันต้องดิ้นรนเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น และฐานะของเราก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ทรัพย์สินที่เคยมีมากมายก็เอาไปใช้หนี้เขาหมด...
และสมบัติชิ้นสุดท้าย บ้านของฉัน ก็ถูกธนาคารยึดไปแล้ว
“เป็นอะไรน่ะอากิ...” ยัยส้มถามฉันด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันอยู่ ฉันถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป
“ฉันต้องกลับไปเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเหมือนอย่างเคยแล้วล่ะยัยส้ม”
และฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง โดยที่ยัยส้มได้แต่นั่งฟังเงียบๆ มันแสดงการปลอบใจฉันผ่านแววตาตามเคย และส่วนใหญ่เวลามีเรื่องอะไร ยัยส้มจะเป็นคนรับฟังอยู่ฝ่ายเดียว เธอจะปล่อยให้ฉันเล่าระบายออกมาให้หมด ฉันถอนหายใจอีกครั้งอย่างท้อๆ
“แล้วเราจะไปอยู่อพาร์ทเมนท์ที่ไหน” ยัยส้มถามฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่หมายความว่าเธอจะไปอยู่กับฉันด้วยหรอ!”
“อือ” ยัยส้มตอบไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดต่อ “ยังไงซะฉันก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้วนี่”
มันก็ถูกของส้ม จริงๆ แล้วฉันน่ะไปนอนที่บ้านของยัยส้มก็ได้ แต่ติดที่ว่าพ่อและแม่ของส้มไปทำงานที่เมืองนอกพอดี ที่บ้านของมันจึงไม่มีใครอยู่ ตามหลักแล้วถ้าบ้านของฉันไม่ถูกยึดยัยส้มก็จะมานอนค้างที่บ้านฉันรอจนกว่าพ่อแม่ของมันจะกลับมาจากเมืองนอก แต่บ้านของฉันดันถูกยึด ทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด สุดท้ายแล้วก็ต้องมาลงเอยที่อพาร์ทเมนท์จนได้... T_T
“อะไรติดอยู่ที่กระเป๋าเดินทางของเธอน่ะอากิ”
ฉันเลิกคิ้วขึ้นงงๆ ก่อนจะมองตามนิ้วของยัยส้ม แล้วก็เจอแผ่นโบรชัวร์อะไรสักอย่างที่สอดติดมากับซิปกระเป๋า เอ๊ะ ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นโบรชัวร์นี่นี่นา มันติดมาตอนไหนกัน
หรือมันจะเป็นของผู้ชายที่แย่งแท็กซี่ฉัน...?
ฉันสลัดความคิดไร้สาระออก ก่อนจะคลี่โบรชัวร์ปริศนาดูก็ปรากฏว่ามันเป็นโบรชัวร์โฆษณาของอพาร์ทเมนท์ชื่อดังชื่อหนึ่งที่อยู่แถวบ้านฉัน
‘ 78 Charinnta apartment ’
78 ฌารินน์ตา อพาร์ทเมนท์...
“ฉันว่าอพาร์ทเมนท์นี่ก็เข้าท่านะ เธอว่าไงล่ะอากิ”
นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ *O* !! ที่มีโบรชัวร์ที่’บังเอิญ’เป็นโบรชัวร์อพาร์ทเมนท์ที่เราต้องการพอดีในตอนนี้น่ะ!
“เดี๋ยวอากิ ข้างหลังนั่นเขียนอะไรไว้น่ะ”
ฉันขมวดคิ้ว ก่อนจะพลิกโบรชัวร์ไปดูข้างหลัง พยายามแกะลายมือขยุกขยุยเหมือนใช้เท้าเขียน เอ่อ ฉันว่าคนเขียนควรจะไปฝึกคัดลายมือภาษาไทยก่อนนะ แกะรอยแบบนี้เห็นแล้วเพลียชะมัด =_=
“อืม... หวัดดีป้า” ฉันอ่าน พยายามเพ่งมองตัวหนังสือไก่เขี่ย แล้วก็คุ้นกับสำนวนกวนตีนๆ นี่ซะเหลือเกิน “ป้าไม่รู้จักฉันหรอก แต่ฉันอะรู้จักป้าดี ไปตามอพาร์ทเมนท์นี้รับรองจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เชื่อผมเหอะป้า”
ฉันอ่านออกเสียงให้ยัยส้มฟัง ก่อนจะอ่านประโยคถัดไป
“การที่เราเจอกันไม่ใช่เพราะความบังเอิญหรอกนะ J โชคดีป้าขี้นก!”
---> [ 75% ] N o w l o a d i n g . . .
เดี๋ยวมาต่อนะคะ > ., <
ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมนะคะ #โค้งสี่สิบห้าองศา
ไรท์มีกำลังใจในการแต่งต่ออีกเพียบเลย TT _ TT
คาดว่าไม่ตอนนี้ก็ตอนหน้าที่พวกนางเอกจะมารวมพล =O= 555555
ฝากติดตามด้วยนะคะ รักนักอ่านที่สุด จุ๊บบบบบ
ความคิดเห็น