คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Happy Birthday Ari
HBD : ARIGANA
วันนี้...เป็นวันๆหนึ่ง
วันจันทร์ธรรมดาๆในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม
วันที่ 18 พฤษภาคม
...
“เอ๊ะ? วันนี้วันเกิดของผู้คุมงั้นเหรอ?”
ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนกับเส้นผมระต้นคอกะพริบปริบๆยามที่ได้ยินเพื่อนร่วมห้อง (?) ของตนเองพูดอะไรบางอย่างออกมา
“อื้อ ก็ใช่น่ะสิ นายไม่รู้รึไง?”
คำตอบดังออกมาจากริมฝีปากของอีกคนที่อยู่ในห้อง เขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทที่ปอยหนึ่งยาวลงมาระแผ่นหลัง และดวงตาสีเดียวกัน ดูเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ถ้าหากว่าเขาไม่ได้อยู่ใน ‘คุก’
“ก็ไม่มีใครบอกจะรู้ได้ไงอะ ทุกคนก็รังเกียจผมหมด มีแต่อาร์นี่แหละที่ยอมให้นอนด้วย~”
คำพูดนั้นทำให้ ‘อาร์เคีย’ แทบจะกลอกตายี่สิบรอบในครั้งเดียว ยามที่หันไปจ้องหน้าทะเล้นๆของเพื่อนร่วมห้อง (ที่ไม่เต็มใจ) แล้วนึกคันมืออยากจะขัดถูห้องขึ้นมา
ใครจะไปรู้ เขาเข้าคุกมาก็อยู่ในห้องอย่างปกติสุขดี วันหนึ่งมันก็ดันมีเจ้าเชื้อราจัญไรนี่มาเกาะมุมห้อง ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่ไปๆมาๆดันกลายเป็นว่ามันวิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาให้เป็นคนได้ซะงั้น แล้วเขาจะทำไง ก็ตกใจน่ะสิ สุดท้ายก็ลงเอยที่เขาต้องเอามันมาอยู่ในห้องเพราะกลัวว่าจะไปก่อกวนคนอื่น
ที่ไหนได้...จัญไรกว่าเดิมอีกจนเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย...เป็นเชื้อราที่น่าเกลียดจริงๆ
“เมื่อไหร่จะออกไปจากห้องฉันสักที รีบๆไปผุดไปเกิดก็ดีนะเชื้อราแบบนายน่ะ”
เขาขมวดคิ้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ แต่ว่าเชื้อราบ้านั่นก็ยังยิ้มระรื่นเหมือนไม่รู้สึกสำนึกตัวเองเลยสักนิดเดียวว่าทำอะไรลงไปบ้าง
“โธ่ ผมก็บอกแล้วไงว่าเป็นกะพรุนบกน่ะ แล้วอีกอย่าง ผมก็มีชื่อนะ มีชื่อนะ~”
“ไม่รู้ ไม่สนใจ”
“อาร์อ่ะ!”
ท้ายที่สุดแล้วเจ้าเชื้อราที่บอกว่าตัวเองเป็นแมงกะพรุนก็ส่งเสียงง้องแง้งงอแงจนอาร์เคียเริ่มปวดหัวแล้วเลิกสนใจ ก่อนจะกลับมาทำอะไรบางอย่างตรงหน้าตัวเองต่อจนอีกคนมองอย่างสนใจ
“อาร์ทำไรอ่ะ?”
ดวงตาสีน้ำเงินกะพริบน้อยๆยามมองกระดาษสีแถบเล็กๆในมืออีกฝ่ายที่ตอนนี้ถูกพับทบๆกันไปเรื่อยๆจนเป็นรูปห้าเหลี่ยม อาร์เคียเอาเล็บจิกด้านทั้งห้าลงไปจนบุ๋มเป็นรูปดาวก่อนจะใส่ในโหลแก้วขนาดใหญ่ที่ผูกริบบินตกแต่งอยางสวยงาม แล้วทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ
“พับดาวอธิษฐานให้ผู้คุมน่ะสิ อีกนิดเดียวก็ครบพันดวงแล้ว”
เด็กหนุ่มตอบทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากงานตรงหน้าด้วยซ้ำ เขาหยิบกระดาษสีเงาๆสำหรับพับดาวโดยเฉพาะขึ้นมาพับค่อยๆทีละดวงทีละดวงโดยไม่ปริปากพูดอะไร ใส่ขวดโหลไปเรื่อยจนชายหนุ่มอดทึ่งไม่ได้เมื่อมองเห็นดาวกระดาษสวยๆในโหลเกินกว่าสามส่วนสี่
รอยยิ้มบางๆปรากฏบนริมฝีปากของอาร์เคียน้อยๆ
“นี่ไง ว่ากันว่าถ้าหากพับครบพันดวงแล้วอธิษฐานจะทำให้คำขอเป็นจริงล่ะ เพราะงั้นฉันก็คงจะขอให้ผู้คุมสุขภาพแข็งแรงแล้วก็โชคดีในปีถัดๆไป” อาร์เคียพูดยิ้มๆ แล้วทำงานของตนต่อไปโดยที่ชายหนุ่มอีกคนยืนนิ่งคิดถึงประโยคเมื่อครู่
จริงอยู่ที่ผู้คุม หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ‘เอริ’ ผู้คุมริษยาแห่งคุกทานาทอสแห่งนี้เป็นผู้ชายที่โหด โฉด มาดแม่น หล่อ เท่ สมาร์ตสุดๆจนสาวๆแอบกรี๊ด (เขาเคยได้ยินพวกหล่อนเมาท์กัน) แต่ว่าถึงแบบนั้นเขากลับสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าฟรุ้งฟริ้งจากผู้คุมคนนี้อย่างประหลาด
...ผู้คุมเป็นคนขี้อาย...ถ้าเกิดว่าได้ดาวมากขนาดนี้อาจจะเขินหน้าแดงก็ได้...
ฉ่า
เหมือนกับที่เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีชมพูจนเกือบแดง
ดวงตาสีดำของอีกคนที่มองอยู่ก็ฉายแววรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกับปากที่เบ้ออก...จนถึงตอนนี้เขายังสงสัยตัวเองอยู่เลยว่าทนอยู่ร่วมห้องกับมันมาได้อย่างไร แถมตอนอาบน้ำก็อยากจะตามไปด้วยอีก เขาเลยต้องสาดน้ำสบู่ใส่นั่นแหละถึงจะเลิกตอแย
เจ้าเชื้อราไม่มีสมอง!
“อ๋า~ ผู้คุมตอนเขินนี่สุดยอดไปเลยแฮะ...แต่ตอนร่างเด็กก็ฟรุ้งฟริ้งๆดี...ดีไปหมดเลย แต่ตอนปกติที่คูลๆหยิ่งๆมันก็น่าแกล้ง ฮรั้งงงงง”
ว่าจบชายหนุ่มก็ยกมือมาปิดแก้มบิดตัวเขินไปมาเหมือนปาท่องโก๋พร้อมกับเส้นผมที่แดงขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อาร์เคียสนใจเท่ากับคราบสีเขียวที่ร่วงกราวๆลงมาตามจังหวะการขยับตัวจนเขาแทบกรีดร้องเมื่อมันร่วงใส่เตียงนอน และแทบจะทรุดเมื่อเห็นว่าคราบพวกนั้นมันวิ่งไปวิ่งมาอย่างเริงร่า
อ๊ากกกกกกก!!
“นี่อาร์ นายว่าผู้คุมจะชอบอะไรเหรอ?”
คำถามจากตัวปัญหาที่ยืนเขินไม่รู้เรื่องทำให้อาร์เคียดึงวิญญาณที่แทบจะไปหักคอคนตรงหน้าอยู่แล้วกลับมา เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบๆสองสามทีเรียบเรียงความคิด ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่รู้เหมือนกัน...ผู้คุมน่ากลัวจะตาย ฉันไม่กล้าคุยหรอก แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”
“ผมก็ไม่รู้ ผู้คุมดูโหดๆอาจจะชอบโซ่ แส้ กุญแจมือก็ได้...แต่ผมไม่มี อาร์ยืมกุญแจมือหน่อยสิ”
“...”
และแล้วเจ้าของดวงตาสีดำก็ต้องทำหน้า ‘WTF’ ใส่อีกคนเหมือนตอนแรก...แต่ดูเหมือนสมองของคนตรงหน้าจะแปลความผิดพลาดว่าเขาเห็นด้วย จึงเอามือปิดแก้มบิดตัวเขินอีกรอบ
“ฮึฮึ~ ผู้คุมเนี่ยซาดิสม์จังเลย~ กุญแจมือล็อกไว้กับหัวเตียงงั้นสิน้า...~”
“...ฉันเปลี่ยนใจละ”
มือของเด็กหนุ่มวางกระดาษพับดาวในมือลง ก่อนจะหยิบขวดสเปรย์บางอย่างขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่เอามือออกจากหน้ามามองถึงกับหน้าซีด
ริมฝีปากของอาร์เคียกระตุกเป็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายขึ้นมาแบบที่คนภายนอกไม่มีทางได้เห็น
“ฉันว่าฉันให้สเปรย์นี่กับผู้คุมดีกว่ามั้ง?”
“ฮะๆ...อาร์...อย่านะ...นายคงไม่ใจร้ายกับฉันได้ลงหรอกใช่ไหม...?”
“ตายซะ!!”
“จ๊ากกกกกก!!”
และแล้วในห้องขังของนักโทษโทสะก็เอ็ดตะโรไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มที่ทุกคนเรียกเขาว่า ‘เชื้อรา’ กับเสียงของสเปรย์ที่พ่นฉีดไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“โอ๊ย...แสบๆๆๆ อาร์นะอาร์ มาทำกันได้”
เจ้าของเส้นผมสีน้ำทะเลบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเอามือลูบๆถูๆแขนที่มีรอยเป็นปื้นแดงจนน่ากลัวพลางร้องซี้ดซ้าดไปด้วย ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมกวาดมองไปรอบๆพื้นที่ป่าของคุกทานาทอสโดยไม่รู้จะทำอะไร
เขาเพิ่งจะวิ่งหนีอาร์เคียออกมาจากห้อง และดูเหมือนด้วยความกลัวสุดขีด เขาเลยวิ่งจ้ำอ้าวจนเลยมาถึงเขตป่าร้างของเรือนจำที่ไม่มีใครอยู่เสียแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาไม่ใช่นักโทษ...เพราะงั้นจะเดินที่ไหนมันก็เรื่องของเขา
แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับใครบางคนที่นั่งยองๆหันหลังอยู่จนต้องเลิกคิ้ว
“เรวี่เหรอ?”
“?”
นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนมาตามเสียงของเขาด้วยแววตาง่วงซึมที่แสนเฉยชาไม่เปลี่ยนแปลง เส้นผมสีแดงนั้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนมันยิ่งดูแดงมากกว่าเดิมเหมือนเปลวเพลิงอย่างไรอย่างนั้น แต่ ‘เรเวน’ กลับไม่เคยทำตัวสดใสเหมือนสีผมสีตาตัวเองเลยสักครั้ง
“...คุณ...”
ซ้ำร้ายเมื่อเจอเขา...เรเวนกลับแผ่ออร่าทะมึนมากกว่าเดิมเสียอีก
“หวา~ อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมเพิ่งโดนอาร์เล่นมาเอง นี่ไง นี่~”
ชายหนุ่มรีบโบกมือแล้วชูแขนที่เป็นรอยแดงให้ดูทันที ทำให้ดวงตาสีเดียวกับต้นไม้รอบๆหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทำหน้านิ่งๆเรียบๆดังเดิม
“...”
เรเวนหาวเบาๆก่อนจะเลิกสนใจชายหนุ่มผมน้ำเงินไปโดยสิ้นเชิง แล้วกลับไปเก็บอะไรบางอย่างตรงหน้าของตนเองต่อ ทำให้ชายหนุ่มอีกคนมองอย่างสนใจ
“อะไรน่ะครับ?”
“...ของขวัญให้ผู้คุมน่ะครับ”
มือเรียวหยิบดอกคาร์เนชั่นลายๆขึ้นมาแล้ววางใส่ไปในตะกร้าเล็กๆที่ตั้งเอาไว้ข้างตัวจำนวนหนึ่ง ผู้มาใหม่เหลือบมองในตะกร้าก็เห็นดอกกุหลาบสีเหลือง แถมดอกคาร์เนชั่นที่เด็ดมาบางส่วนก็สีเหลืองมีจุดอีก ทำให้คนมองหัวเราะเบาๆ
“ทำไมถึงมีแต่ดอกสีเหลืองล่ะครับ?”
“มันมีความหมายนะครับ”
เรเวนพึมพำเสียงเรียบเบาๆตามปกติของเขา ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบเหลืองกับดอกคาร์เนชั่นลายขึ้นมาถือในมือคนละข้าง
“ดอกคาร์เนชั่นลาย หมายถึงมิตรภาพ ส่วนดอกกุหลาบเหลืองจะแทนด้วยคำอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขสดชื่น แล้วก็ความห่วงใย...”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เรเวนก็หยุดพูดไปแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บดอกไม้ต่อโดยไม่พูดอะไรอีก และถ้าชายหนุ่มตาไม่ฝาด เหมือนว่าเขาจะเห็นริ้วแดงๆที่แก้มสองข้างของเรเวนด้วย จนทำให้เขายิ้มออกมาและมองดอกไม้อีกชนิดที่เรเวนเก็บมา
“อ๊ะ ดอกนี้ผมรู้จักนะ ดอกไลเซนทัส”
ดอกไม้ขนาดเล็กรูปร่างคล้ายกุหลาบสีหวานๆแต่ออกเป็นช่อ
...ความหมายแทนด้วยเพื่อนและความทรงจำที่ดี...
เรียกรอยยิ้มทะเล้นให้ปรากฏบนริมฝีปากของผู้มาใหม่ และความจัญไรที่ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็ไม่เคยทิ้งลาย
“...เรวี่นี่หวานๆกว่าที่คิดซะอีกนะครับเนี่ย เรวี่เขินหน้าแดงด้วย น่ารักอ่า~”
พล่อก!
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มได้รับมาคือกำปั้นหนักๆจนทำเอาเห็นดาว กับร่างของเรเวนที่เดินหนีไปพร้อมตะกร้าดอกไม้โดยไม่หันหลังมาเหลียวแล
แกรก แกรก
ปากกาที่ขยับเสียดสีกับกระดาษเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ส่งเสียงทำลายความเงียบงันภายในห้องทำงานแห่งนี้ ดวงตาสีแดงไล่อ่านเอกสารในมืออย่างเงียบๆก่อนจะขยับมือลงหมึกปากกา เอาเอกสารวางแยกไว้ที่อีกกอง แล้วหยิบอีกแผ่นมาจากกองใหม่
เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สายๆจนตอนนี้กลางคืนแล้ว
กึก
จนเมื่อเอกสารสุดท้ายถูกเซ็น ด้ามปากกาถูกวางลงพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมานวดขมับเบาๆแล้วถอนหายใจ ถึงแม้ว่าปกติแล้วงานของ ‘เอริ’ ที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้คุมเรือนจำริษยาในคุกทานาทอสแห่งนี้จะเยอะ...แต่ดูเหมือนช่วงนี้มันจะเยอะไปหน่อยจนเขารู้สึกว่าในไม่ช้าสมองเขาคงพัง
ร่างโปร่งเอนตัวกับเก้าอี้หนังหรูหราที่ตอนนี้เขานั่งจนก้นชาและไม่ได้รู้สึกถึงความสบายเลยสักนิด ก่อนจะหลับตาช้าๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเคาะเป็นจังหวะโดยใครบางคนทำให้ดวงตาสีแดงทับทิมเปิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนกับที่เขาจิ๊ปากเบาๆ ทว่าด้วยความที่เป็นคนมีมารยาทพอ เขาเลยสามารถเก็บอารมณ์แล้วกัดฟันตอบกลับไปได้
“เข้ามาได้”
แอ๊ด
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือเด็กสาวร่างเล็กเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีทองสลวย และดวงตาสีมรกตกลมโตน่ารัก...เจ้าของนามว่า ‘ไลล่า’ และเมื่อเอริเห็นว่าเป็นเธอ เขาก็เลิกคิ้วน้อยๆแทน
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เสียงที่พูดออกมาอ่อนลงกว่าเวลาคุยกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนึกกลัว...ถึงจะเป็นนักโทษ แต่อีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอยู่ดี
เด็กสาวยิ้มให้เอริน้อยๆ ก่อนจะหยิบกระดานและปากกาคู่ใจขึ้นมาเขียนข้อความชูให้เขาดู
[ ทุกคนให้มาเรียกน่ะค่ะ มีธุระสำคัญมากที่โถงรวมตัว ]
“ธุระ?”
คิ้วเรียวสีขาวเหมือนกับเส้นผมเลิกขึ้นน้อยๆอย่างงุนงงว่าธุระอะไร แต่ไลล่าก็ไม่ได้ตอบ นอกจากยิ้มอย่างเดียว...ทำให้เอริครุ่นคิดในใจ
ธุระอะไร? ก็ไม่เห็นอวาหรือใครจะพูดถึงด้วยซ้ำ
ก๊อกๆ
และแล้วเสียงเคาะเบาๆที่โต๊ะทำงานก็เรียกสติของเอริให้กลับมาอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวสวยเป็นประกายของเด็กสาวราวกับจะยิ้มตามริมฝีปากได้ตอนที่มองเขา ก่อนที่เธอจะยกกระดานขึ้นมา
[ ไปกันเลยไหมคะ เดี๋ยวทุกคนจะรอนานแย่ ]
สุดท้ายแล้วผู้คุมหนุ่มจึงพยักหน้าเบาๆแล้วลุกจากเก้าอี้ เอียงคอจนมันดังกร๊อบแล้วเดินตามร่างเล็กๆออกจากห้องทำงานของตัวเองไป
ปัง ปัง ปัง
“สุขสันต์วันเกิดครับ / ค่ะผู้คุม!”
“...”
ดวงตาสีแดงกะพริบปริบๆเมื่อทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในโถงรวมตัว พลุกระดาษสีก็ถูกยิงออกมาจนกระดาษสีมากมายโรยลงมาแหมะบนผมสีขาวของเขา ตามด้วยเสียงปู๊นๆของแตรกระดาษแข็งที่ใครบางคนเป่าขึ้นทำให้เอริยิ่งมึนงงกว่าเดิม
เกิดอะไรขึ้น?
และเขาก็ได้คำตอบเมื่อเห็นป้ายผ้าที่แขวนไว้ด้านบน
[ Happy Birthday ARI ]
วันนี้...วันที่ 18 พฤษภาคม...
...
วันเกิดของเขา
นี่เขาทำงานหนักจนลืมวันเกิดของตัวเองเลยเหรอเนี่ย?
“ผู้คุมมาแล้ว เรามาเป่าเค้กกันเถอะนะคะ”
‘ลิลิธ’ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นทำลายเสียงเซ็งแซ่ พร้อมๆกับที่ถาดเค้กช็อกโกแลตหน้าตาน่าทานถูกจ่อมาตรงหน้าของเขา...ปักเทียนเลขสองกับเลขหนึ่งที่เป็นอายุของเขาพอดี ทำให้เขามองอย่างมึนงงว่าใครเป็นคนทำ
“ผมเป็นคนแสดงฝีมือเองล่ะครับ” พ่อครัวประจำคุกที่ชื่อโซโร่พูดขึ้น ทำเอาเอริทำหน้าแหยงๆ แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดไปเขาค่อยโล่งใจหน่อย “ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใส่ยาพิษแน่นอน วันนี้เป็นวันพิเศษนะครับ”
“เป่าเทียนเลยสิ มัวแต่ยืนเฉยเดี๋ยวฉันก็เก็บค่าเค้กซะหรอก”
จนเมื่อได้ยินเสียงของอวาริเทียที่ดังมานั่นแหละ เอริจึงกระแอมน้อยๆแล้วเป่าเทียนเบาๆ แต่ว่าก็มีเสียงคะยั้นคะยอมาให้อธิษฐานด้วย ผู้คุมหนุ่มจึงกลอกตาแล้วยอมหลับตาขอไปส่งๆ
“เอาล่ะ งั้นก็มากินกันเลยนะ”
เมื่อสิ้นเสียง เค้กก็ถูกแบ่งอย่างสวยงามให้กับเอริก่อนเป็นคนแรกและหลายๆคน ซึ่งเอริเห็นว่าเค้กถูกทำเอาไว้หลายก้อน มันเลยเพียงพอกับจำนวนนักโทษที่มางาน...ถึงจะมาไม่ครบคน แต่ในคุกคนก็ยังเยอะอยู่ดี
ก็นะ...ถ้าลูซจอมหยิ่งยอมมา หรือเชิญยัยเจ้าหญิงมาป่วนงานมันก็ดูยังไงๆอยู่
“ทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะคะคุณผู้คุม มาผ่อนคลายกันหน่อยสิ วันนี้เป็นวันพิเศษนะ”
ลิลิธเอ่ยทักยิ้มๆพร้อมกับตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปาก และเดินไปหาอาร์เคียที่โบกมือยิ้มหวานมาให้ที่ยืนข้างๆเรเวนซึ่งหันหน้ามองทางอื่นอย่างเดียว
วันพิเศษ...งั้นเหรอ...?
ดวงตาสีทับทิมมองจานเค้กในมือของตนเองนิ่งๆ ก่อนจะตักมันเข้าปากคำหนึ่ง
ทำตัวสบายๆบ้างก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง?
หลังจากที่ทุกคนทานอาหาร ก็มีคนเสนอไอเดียมาว่าให้เล่นเกมกัน ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของวันเกิดอย่างเขามีสิทธิ์ขอบายนั่งดูอยู่เฉยๆ เลยได้เห็นมาร์คัสโดนสาวน้อยเมย์เอาแป้งเด็กโปะหน้าในเกมส่งแป้ง ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเลยทีเดียว
ไม่นานจากนั้นก็คือการให้ของขวัญวันเกิด เขาได้ของมากมายตั้งแต่กระปุกออมสินจากอวา แส้จากไอร่า หมอนจากเดลี่ ผ้าพันคอจากลิลิธ ลูกอมจากอเมธิสต์ นวมต่อยมวยจากมาร์คัส โหลดาวจากอาร์เคีย และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ของที่เขาหาตัวคนให้ไม่เจอคือชื่อดอกกุหลาบสีเหลืองกับคาร์เนชั่นลาย ที่เอาดอกไลเซนทัสเล็กๆแซมอยู่นั่นแหละ มันวางไว้บนโต๊ะพร้อมการ์ดว่าสุขสันต์วันเกิด...แต่กลับไม่มีเงาคนให้
ระหว่างที่ดวงตาสีแดงกำลังมองซาร์นิกซ์ที่นั่งบนเก้าอี้อย่างสบายๆ โดยที่เก้าอี้อีกตัวถูกแจ็คกี้และไมคาสตบตีแย่งกันในเกมเก้าอี้ดนตรีอยู่ ก็ถูกใครบางคนสะกิดเบาๆ
“...”
เมื่อหันไปมอง เอริก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินที่คุ้นตาทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะถูกเจ้าของนัยน์ตาคู่นั้นจับมือให้เดินตามออกมาจากโถงทางเดินเบาๆ
“คุณ!”
“ผู้คุมอย่าเพิ่งเหวี่ยงสิครับ~ วันนี้วันเกิดทั้งทีน่า~”
รอยยิ้มทะเล้นๆบนริมฝีปากนั้นมันน่าต่อยมากเสียจนเอริคันไม้คันมือ ความดีอกดีใจในงานวันเกิดหายวับไปกับสายลมทันทีที่เห็นหน้าอีกคน
“ผมมีของจะให้ด้วยนะครับ~”
คงไม่พ้นตะไคร่รูปหัวใจ กระเป๋าเห็ดราเน่า หรือเสื้อกันหนาวเยื่อกะพรุนน่ะสิ...
เอริคิดในใจอย่างเซ็งเป็ดก่อนจะแสดงออกมาผ่านการถอนหายใจ
“มีอะไร รีบๆให้ผมจะได้รีบกลับไปข้างในต่อ”
ดวงตาสีแดงที่ขุ่นมัวมองอีกฝ่ายเป็นเชิงรำคาญ แขนสองข้างยกขึ้นมากอดอกบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าบุ้ยปากน้อยๆ แต่เพียงไม่ถึงสามวินาทีก็กลับมายิ้มแป้นแล้นดังเดิม
“หืม?”
ผู้คุมหนุ่มมองมือที่ยื่นมาให้ตรงหน้า พร้อมกับเลื่อนสายตามองอีกคน
“ไปกันเถอะครับ มันอยู่อีกที่หนึ่งน่ะ”
“...”
เอริยังคงยืนกอดอก ไม่มีท่าทีว่าจะจับมือที่ยื่นให้ไปเลยแม้แต่น้อย จนอีกคนต้องทำหน้าจริงจังใส่
“ถ้าเกิดผู้คุมไม่จับมือผม ผมจะอุ้มจริงๆนะครับ”
“...”
เจ้าของดวงตาสีแดงจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด...ทำไมเขาต้องเกิดมาแรงน้อยกว่าคนอื่นๆด้วยนะ ขนาดไอร่ายังแรงเยอะกว่าด้วยซ้ำ
หมับ
สุดท้ายแล้วมือเรียวภายใต้ถุงมือสีขาวจึงจำยอมต้องจับมืออีกฝ่ายเอาไว้อย่างแผ่วเบาเต็มที่ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเจ้าของเส้นผมสีน้ำเงินยิ้มไม่หุบแล้ว
“ที่นี่มันที่ไหน? คุณพาผมมาไกลเกินไปแล้วนะ”
ร่างโปร่งบ่นอุบอิบไปตลอดทางเมื่อถูกจูงมือให้เดินตามเหมือนสมัยอนุบาลไม่มีผิด แต่ถึงแบบนั้นคนถูกบ่นก็ไม่ได้ถือสาอะไร...ตรงข้าม...มันกลับเป็นความตลกมากกว่า
เหมือนแมวไม่มีผิด
“ถึงแล้วล่ะครับ”
จนกระทั่งในที่สุด ชายหนุ่มก็หยุดเดิน จนเอริขมวดคิ้วมองไปรอบๆที่เป็นทะเลร้างๆแห่งหนึ่ง...เขาจำได้ว่ามันคงเป็นทะเลเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่เขาก็ไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ หาดทรายสีขาวในเวลากลางคืนแบบนี้กลายเป็นสีเทาๆ ส่วนทะเลยิ่งแล้วใหญ่...ดำไปหมดจนมองไม่เห็นอะไรเลย
มันน่ามองตรงไหน
“...ผมจะกลับ”
เอริพูดเสียงเรียบแล้วหันหลังเตรียมกลับทันที แต่ข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายฉุดเอาไว้เสียก่อน
“ผู้คุมลองดูดาวสิครับ”
คนฟังขมวดคิ้วน้อยๆเตรียมจะอ้าปากต่อว่า ทว่าเมื่อดวงตาสีแดงเลื่อนขึ้นไปมองผืนนภาเบื้องบน คำพูดทั้งหมดก็กลืนหายไปในลำคอ
บนผืนผ้าใบที่ยามปกติเป็นสีครามสวยถูกละเลงด้วยสีดำเข้มดูลึกลับ พร้อมด้วยดวงดาวนับล้านที่ทอประกายระยิบระยับเหมือนมีใครบางคนทำอัญมณีสีขาวหกใส่ผืนผ้าใบ ลมเย็นๆ...เสียงของคลื่นที่กระทบฝั่งลอยเข้ามาโสตประสาท...ชวนให้ผ่อนคลาย
...สวย...
ดวงตาสีแดงมองแสงระยับจากดวงดาวที่ราวกับจะส่งมาให้เขาพร้อมกับเผลอยกมือไปด้านบนเหมือนจะแตะดวงดาวเหล่านั้นเหมือนเด็กๆ แต่แล้วมือของใครบางคนก็ยื่นมาแตะแล้วจับประสานเอาไว้หลวมๆ
“คราวนี้ผู้คุมลองมองที่ทะเลสิครับ”
เอริเงยหน้าลงไปมองที่ทะเลอย่างว่าง่าย...ก่อนจะนิ่งอึ้งไป
ทะเลกำลัง...เรืองแสง...?
ในท้องทะเลที่เคยมืดสนิทจนน่ากลัว ตอนนี้กลับเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆสวยงามจนแทบจะเห็นประกายอ่อนๆออกมาจากแสงนั้น เมื่อเพ่งมองดีๆก็เห็นเป็นเงาของแมงกะพรุนตัวน้อยจำนวนมาก ที่สำคัญ...มันเรียงตัวเป็นอักษรภาษาอังกฤษสามตัว
[ A R I ]
เอ อาร์ ไอ...เอริ...ชื่อของเขา
“สุขสันต์วันเกิดนะครับผู้คุม”
ขวับ
เสียงของอีกคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูพร้อมกับเอวที่ถูกกอดเอาไว้หลวมๆ แต่ว่าอีกฝ่ายก็เพียงแค่เอาคางมาเกยไหล่ของเขาเท่านั้น เอริเลยไม่ได้ขัดขืนอะไรและยืนนิ่งๆ...จ้องมองทะเลตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ผมขอโทษนะครับที่หาของขวัญดีๆมากกว่านี้ไม่ได้”
เขามองไม่เห็นหน้าของอีกคนในตอนนี้ แต่ว่าถ้าให้เดา ก็คงจะยิ้มอยู่เหมือนทุกทีนั่นแหละ
“ผมก็เลยเรียกเพื่อนๆของผมมาช่วย...หวังว่าผู้คุมคงชอบนะครับ”
ว่าจบ อีกฝ่ายก็ผละมือที่กอดเอวเขาอยู่ออกไป ทำให้เขาหันไปมองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอีกฝ่ายที่เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ลึกๆมากกว่านั้น ดวงตาสีน้ำเงินตรงหน้าเงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ผิดกับเขาที่มองทะเล สลับกับมองอีกฝ่าย
“...”
ริมฝีปากของเขาขยับน้อยๆเป็นคำๆหนึ่งที่แผ่วเบาจนถูกเสียงของคลื่นกลืนไปหมด อีกฝ่ายจึงได้ยินไม่ชัด และก้มหัวกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“ผู้คุมพูดว่าอะไรนะครับ?”
“...”
เอริเบนหน้าไปมองทางอื่นทันที ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วพูดกลับไปอีกครั้ง
“...ขอบคุณ...นายเชื้อรา...”
“...”
โชคดีที่ตอนนี้มืดแล้ว จึงมองไม่เห็นสีหน้ากันมากนัก
“...ฮะๆ ผมไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย”
ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ผู้คุมหนุ่มก็หันขวับไปมองทันที และก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบเดิมอีกครั้ง...และเนื้อความที่พูด ก็ทำให้เขาเลิกคิ้ว
“...คุณ...มีชื่องั้นเหรอ?”
ซ่า
เสียงของคลื่นทะเลที่พัดมากระทบทรายเป็นเหมือนเสียงทำลายความเงียบโดยที่อีกฝ่ายไมได้เอ่ยตอบอะไร ดวงตาสีแดงจ้องมองอีกฝ่ายที่เอียงคอยิ้มน้อยๆ
“แล้วผู้คุมอยากรู้ไหมล่ะครับ?”
“...”
เอริไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไป นอกจากมองหน้าคนที่เดินเข้ามาใกล้เขา
แล้วกระซิบข้างหูเบาๆเป็นชื่อๆหนึ่ง...ชื่อของคนตรงหน้า...ก่อนจะผละออกมาแล้วยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากที่ยังคงยิ้มบางๆ
วันนี้...เป็นวันๆหนึ่ง
วันจันทร์ธรรมดาๆในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม
วันที่ 18 พฤษภาคม
...
“เก็บไว้เป็นของขวัญวันเกิดลับของผมกับคุณนะครับ...เอริ”
ความคิดเห็น