ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ ห้องเก็บของจ้ะ ✖

    ลำดับตอนที่ #5 : Happy Birthday Ari

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 58


    HBD : ARIGANA

     

     

                วันนี้...เป็นวันๆหนึ่ง


                วันจันทร์ธรรมดาๆในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม


                วันที่ 18 พฤษภาคม


               

                ...


     

                “เอ๊ะ? วันนี้วันเกิดของผู้คุมงั้นเหรอ?”


                ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนกับเส้นผมระต้นคอกะพริบปริบๆยามที่ได้ยินเพื่อนร่วมห้อง (?) ของตนเองพูดอะไรบางอย่างออกมา


                “อื้อ ก็ใช่น่ะสิ นายไม่รู้รึไง?”


                คำตอบดังออกมาจากริมฝีปากของอีกคนที่อยู่ในห้อง เขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทที่ปอยหนึ่งยาวลงมาระแผ่นหลัง และดวงตาสีเดียวกัน ดูเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ


                ถ้าหากว่าเขาไม่ได้อยู่ใน คุก


                “ก็ไม่มีใครบอกจะรู้ได้ไงอะ ทุกคนก็รังเกียจผมหมด มีแต่อาร์นี่แหละที่ยอมให้นอนด้วย~


                คำพูดนั้นทำให้ อาร์เคียแทบจะกลอกตายี่สิบรอบในครั้งเดียว ยามที่หันไปจ้องหน้าทะเล้นๆของเพื่อนร่วมห้อง (ที่ไม่เต็มใจ) แล้วนึกคันมืออยากจะขัดถูห้องขึ้นมา


                ใครจะไปรู้ เขาเข้าคุกมาก็อยู่ในห้องอย่างปกติสุขดี วันหนึ่งมันก็ดันมีเจ้าเชื้อราจัญไรนี่มาเกาะมุมห้อง ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่ไปๆมาๆดันกลายเป็นว่ามันวิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาให้เป็นคนได้ซะงั้น แล้วเขาจะทำไง ก็ตกใจน่ะสิ สุดท้ายก็ลงเอยที่เขาต้องเอามันมาอยู่ในห้องเพราะกลัวว่าจะไปก่อกวนคนอื่น


                ที่ไหนได้...จัญไรกว่าเดิมอีกจนเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย...เป็นเชื้อราที่น่าเกลียดจริงๆ


                “เมื่อไหร่จะออกไปจากห้องฉันสักที รีบๆไปผุดไปเกิดก็ดีนะเชื้อราแบบนายน่ะ”


                เขาขมวดคิ้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ แต่ว่าเชื้อราบ้านั่นก็ยังยิ้มระรื่นเหมือนไม่รู้สึกสำนึกตัวเองเลยสักนิดเดียวว่าทำอะไรลงไปบ้าง


                “โธ่ ผมก็บอกแล้วไงว่าเป็นกะพรุนบกน่ะ แล้วอีกอย่าง ผมก็มีชื่อนะ มีชื่อนะ~


                “ไม่รู้ ไม่สนใจ”


                “อาร์อ่ะ!


                ท้ายที่สุดแล้วเจ้าเชื้อราที่บอกว่าตัวเองเป็นแมงกะพรุนก็ส่งเสียงง้องแง้งงอแงจนอาร์เคียเริ่มปวดหัวแล้วเลิกสนใจ ก่อนจะกลับมาทำอะไรบางอย่างตรงหน้าตัวเองต่อจนอีกคนมองอย่างสนใจ  


                “อาร์ทำไรอ่ะ?”


                ดวงตาสีน้ำเงินกะพริบน้อยๆยามมองกระดาษสีแถบเล็กๆในมืออีกฝ่ายที่ตอนนี้ถูกพับทบๆกันไปเรื่อยๆจนเป็นรูปห้าเหลี่ยม อาร์เคียเอาเล็บจิกด้านทั้งห้าลงไปจนบุ๋มเป็นรูปดาวก่อนจะใส่ในโหลแก้วขนาดใหญ่ที่ผูกริบบินตกแต่งอยางสวยงาม แล้วทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ


                “พับดาวอธิษฐานให้ผู้คุมน่ะสิ อีกนิดเดียวก็ครบพันดวงแล้ว”


                เด็กหนุ่มตอบทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากงานตรงหน้าด้วยซ้ำ เขาหยิบกระดาษสีเงาๆสำหรับพับดาวโดยเฉพาะขึ้นมาพับค่อยๆทีละดวงทีละดวงโดยไม่ปริปากพูดอะไร ใส่ขวดโหลไปเรื่อยจนชายหนุ่มอดทึ่งไม่ได้เมื่อมองเห็นดาวกระดาษสวยๆในโหลเกินกว่าสามส่วนสี่


                รอยยิ้มบางๆปรากฏบนริมฝีปากของอาร์เคียน้อยๆ


                “นี่ไง ว่ากันว่าถ้าหากพับครบพันดวงแล้วอธิษฐานจะทำให้คำขอเป็นจริงล่ะ เพราะงั้นฉันก็คงจะขอให้ผู้คุมสุขภาพแข็งแรงแล้วก็โชคดีในปีถัดๆไป” อาร์เคียพูดยิ้มๆ แล้วทำงานของตนต่อไปโดยที่ชายหนุ่มอีกคนยืนนิ่งคิดถึงประโยคเมื่อครู่


                จริงอยู่ที่ผู้คุม หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เอริ ผู้คุมริษยาแห่งคุกทานาทอสแห่งนี้เป็นผู้ชายที่โหด โฉด มาดแม่น หล่อ เท่ สมาร์ตสุดๆจนสาวๆแอบกรี๊ด (เขาเคยได้ยินพวกหล่อนเมาท์กัน) แต่ว่าถึงแบบนั้นเขากลับสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าฟรุ้งฟริ้งจากผู้คุมคนนี้อย่างประหลาด


                ...ผู้คุมเป็นคนขี้อาย...ถ้าเกิดว่าได้ดาวมากขนาดนี้อาจจะเขินหน้าแดงก็ได้...


                ฉ่า


              เหมือนกับที่เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีชมพูจนเกือบแดง


                ดวงตาสีดำของอีกคนที่มองอยู่ก็ฉายแววรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกับปากที่เบ้ออก...จนถึงตอนนี้เขายังสงสัยตัวเองอยู่เลยว่าทนอยู่ร่วมห้องกับมันมาได้อย่างไร แถมตอนอาบน้ำก็อยากจะตามไปด้วยอีก เขาเลยต้องสาดน้ำสบู่ใส่นั่นแหละถึงจะเลิกตอแย


                เจ้าเชื้อราไม่มีสมอง!


                “อ๋า~ ผู้คุมตอนเขินนี่สุดยอดไปเลยแฮะ...แต่ตอนร่างเด็กก็ฟรุ้งฟริ้งๆดี...ดีไปหมดเลย แต่ตอนปกติที่คูลๆหยิ่งๆมันก็น่าแกล้ง ฮรั้งงงงง”


                ว่าจบชายหนุ่มก็ยกมือมาปิดแก้มบิดตัวเขินไปมาเหมือนปาท่องโก๋พร้อมกับเส้นผมที่แดงขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อาร์เคียสนใจเท่ากับคราบสีเขียวที่ร่วงกราวๆลงมาตามจังหวะการขยับตัวจนเขาแทบกรีดร้องเมื่อมันร่วงใส่เตียงนอน และแทบจะทรุดเมื่อเห็นว่าคราบพวกนั้นมันวิ่งไปวิ่งมาอย่างเริงร่า


                อ๊ากกกกกกก!!


                “นี่อาร์ นายว่าผู้คุมจะชอบอะไรเหรอ?”


                คำถามจากตัวปัญหาที่ยืนเขินไม่รู้เรื่องทำให้อาร์เคียดึงวิญญาณที่แทบจะไปหักคอคนตรงหน้าอยู่แล้วกลับมา เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบๆสองสามทีเรียบเรียงความคิด ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น


                “ไม่รู้เหมือนกัน...ผู้คุมน่ากลัวจะตาย ฉันไม่กล้าคุยหรอก แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”


                “ผมก็ไม่รู้ ผู้คุมดูโหดๆอาจจะชอบโซ่ แส้ กุญแจมือก็ได้...แต่ผมไม่มี อาร์ยืมกุญแจมือหน่อยสิ”


                “...”


                และแล้วเจ้าของดวงตาสีดำก็ต้องทำหน้า ‘WTF’ ใส่อีกคนเหมือนตอนแรก...แต่ดูเหมือนสมองของคนตรงหน้าจะแปลความผิดพลาดว่าเขาเห็นด้วย จึงเอามือปิดแก้มบิดตัวเขินอีกรอบ


                “ฮึฮึ~ ผู้คุมเนี่ยซาดิสม์จังเลย~ กุญแจมือล็อกไว้กับหัวเตียงงั้นสิน้า...~


                “...ฉันเปลี่ยนใจละ”


                มือของเด็กหนุ่มวางกระดาษพับดาวในมือลง ก่อนจะหยิบขวดสเปรย์บางอย่างขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่เอามือออกจากหน้ามามองถึงกับหน้าซีด


                ริมฝีปากของอาร์เคียกระตุกเป็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายขึ้นมาแบบที่คนภายนอกไม่มีทางได้เห็น


                “ฉันว่าฉันให้สเปรย์นี่กับผู้คุมดีกว่ามั้ง?”


                “ฮะๆ...อาร์...อย่านะ...นายคงไม่ใจร้ายกับฉันได้ลงหรอกใช่ไหม...?”


                “ตายซะ!!


                “จ๊ากกกกกก!!


                และแล้วในห้องขังของนักโทษโทสะก็เอ็ดตะโรไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มที่ทุกคนเรียกเขาว่า เชื้อรากับเสียงของสเปรย์ที่พ่นฉีดไปครั้งแล้วครั้งเล่า


     

     


                “โอ๊ย...แสบๆๆๆ อาร์นะอาร์ มาทำกันได้”


                เจ้าของเส้นผมสีน้ำทะเลบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเอามือลูบๆถูๆแขนที่มีรอยเป็นปื้นแดงจนน่ากลัวพลางร้องซี้ดซ้าดไปด้วย ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมกวาดมองไปรอบๆพื้นที่ป่าของคุกทานาทอสโดยไม่รู้จะทำอะไร


                เขาเพิ่งจะวิ่งหนีอาร์เคียออกมาจากห้อง และดูเหมือนด้วยความกลัวสุดขีด เขาเลยวิ่งจ้ำอ้าวจนเลยมาถึงเขตป่าร้างของเรือนจำที่ไม่มีใครอยู่เสียแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาไม่ใช่นักโทษ...เพราะงั้นจะเดินที่ไหนมันก็เรื่องของเขา


                แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับใครบางคนที่นั่งยองๆหันหลังอยู่จนต้องเลิกคิ้ว


                “เรวี่เหรอ?”


                “?”


                นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนมาตามเสียงของเขาด้วยแววตาง่วงซึมที่แสนเฉยชาไม่เปลี่ยนแปลง เส้นผมสีแดงนั้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนมันยิ่งดูแดงมากกว่าเดิมเหมือนเปลวเพลิงอย่างไรอย่างนั้น แต่ เรเวนกลับไม่เคยทำตัวสดใสเหมือนสีผมสีตาตัวเองเลยสักครั้ง


                “...คุณ...”


                ซ้ำร้ายเมื่อเจอเขา...เรเวนกลับแผ่ออร่าทะมึนมากกว่าเดิมเสียอีก


                “หวา~ อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมเพิ่งโดนอาร์เล่นมาเอง นี่ไง นี่~


                ชายหนุ่มรีบโบกมือแล้วชูแขนที่เป็นรอยแดงให้ดูทันที ทำให้ดวงตาสีเดียวกับต้นไม้รอบๆหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทำหน้านิ่งๆเรียบๆดังเดิม


                “...”


                เรเวนหาวเบาๆก่อนจะเลิกสนใจชายหนุ่มผมน้ำเงินไปโดยสิ้นเชิง แล้วกลับไปเก็บอะไรบางอย่างตรงหน้าของตนเองต่อ ทำให้ชายหนุ่มอีกคนมองอย่างสนใจ


                “อะไรน่ะครับ?”


                “...ของขวัญให้ผู้คุมน่ะครับ”


                มือเรียวหยิบดอกคาร์เนชั่นลายๆขึ้นมาแล้ววางใส่ไปในตะกร้าเล็กๆที่ตั้งเอาไว้ข้างตัวจำนวนหนึ่ง ผู้มาใหม่เหลือบมองในตะกร้าก็เห็นดอกกุหลาบสีเหลือง แถมดอกคาร์เนชั่นที่เด็ดมาบางส่วนก็สีเหลืองมีจุดอีก ทำให้คนมองหัวเราะเบาๆ


                “ทำไมถึงมีแต่ดอกสีเหลืองล่ะครับ?”


                “มันมีความหมายนะครับ”


                เรเวนพึมพำเสียงเรียบเบาๆตามปกติของเขา ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบเหลืองกับดอกคาร์เนชั่นลายขึ้นมาถือในมือคนละข้าง


                “ดอกคาร์เนชั่นลาย หมายถึงมิตรภาพ ส่วนดอกกุหลาบเหลืองจะแทนด้วยคำอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขสดชื่น แล้วก็ความห่วงใย...”


                เมื่อพูดถึงตรงนี้เรเวนก็หยุดพูดไปแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บดอกไม้ต่อโดยไม่พูดอะไรอีก และถ้าชายหนุ่มตาไม่ฝาด เหมือนว่าเขาจะเห็นริ้วแดงๆที่แก้มสองข้างของเรเวนด้วย จนทำให้เขายิ้มออกมาและมองดอกไม้อีกชนิดที่เรเวนเก็บมา


                “อ๊ะ ดอกนี้ผมรู้จักนะ ดอกไลเซนทัส”


                ดอกไม้ขนาดเล็กรูปร่างคล้ายกุหลาบสีหวานๆแต่ออกเป็นช่อ


                ...ความหมายแทนด้วยเพื่อนและความทรงจำที่ดี...


                เรียกรอยยิ้มทะเล้นให้ปรากฏบนริมฝีปากของผู้มาใหม่ และความจัญไรที่ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็ไม่เคยทิ้งลาย


                “...เรวี่นี่หวานๆกว่าที่คิดซะอีกนะครับเนี่ย เรวี่เขินหน้าแดงด้วย น่ารักอ่า~


                พล่อก!


              สุดท้ายแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มได้รับมาคือกำปั้นหนักๆจนทำเอาเห็นดาว กับร่างของเรเวนที่เดินหนีไปพร้อมตะกร้าดอกไม้โดยไม่หันหลังมาเหลียวแล 


     


     

                แกรก แกรก


              ปากกาที่ขยับเสียดสีกับกระดาษเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ส่งเสียงทำลายความเงียบงันภายในห้องทำงานแห่งนี้ ดวงตาสีแดงไล่อ่านเอกสารในมืออย่างเงียบๆก่อนจะขยับมือลงหมึกปากกา เอาเอกสารวางแยกไว้ที่อีกกอง แล้วหยิบอีกแผ่นมาจากกองใหม่


                เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สายๆจนตอนนี้กลางคืนแล้ว


                กึก


              จนเมื่อเอกสารสุดท้ายถูกเซ็น ด้ามปากกาถูกวางลงพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมานวดขมับเบาๆแล้วถอนหายใจ ถึงแม้ว่าปกติแล้วงานของ เอริที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้คุมเรือนจำริษยาในคุกทานาทอสแห่งนี้จะเยอะ...แต่ดูเหมือนช่วงนี้มันจะเยอะไปหน่อยจนเขารู้สึกว่าในไม่ช้าสมองเขาคงพัง


                ร่างโปร่งเอนตัวกับเก้าอี้หนังหรูหราที่ตอนนี้เขานั่งจนก้นชาและไม่ได้รู้สึกถึงความสบายเลยสักนิด ก่อนจะหลับตาช้าๆ


                ก๊อก ก๊อก ก๊อก


              แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเคาะเป็นจังหวะโดยใครบางคนทำให้ดวงตาสีแดงทับทิมเปิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนกับที่เขาจิ๊ปากเบาๆ ทว่าด้วยความที่เป็นคนมีมารยาทพอ เขาเลยสามารถเก็บอารมณ์แล้วกัดฟันตอบกลับไปได้


                “เข้ามาได้”


                แอ๊ด


              คนที่เปิดประตูเข้ามาคือเด็กสาวร่างเล็กเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีทองสลวย และดวงตาสีมรกตกลมโตน่ารัก...เจ้าของนามว่า ไลล่าและเมื่อเอริเห็นว่าเป็นเธอ เขาก็เลิกคิ้วน้อยๆแทน


                “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”


                เสียงที่พูดออกมาอ่อนลงกว่าเวลาคุยกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนึกกลัว...ถึงจะเป็นนักโทษ แต่อีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอยู่ดี


                เด็กสาวยิ้มให้เอริน้อยๆ ก่อนจะหยิบกระดานและปากกาคู่ใจขึ้นมาเขียนข้อความชูให้เขาดู


               

                            [ ทุกคนให้มาเรียกน่ะค่ะ มีธุระสำคัญมากที่โถงรวมตัว ]


     

                “ธุระ?”


                คิ้วเรียวสีขาวเหมือนกับเส้นผมเลิกขึ้นน้อยๆอย่างงุนงงว่าธุระอะไร แต่ไลล่าก็ไม่ได้ตอบ นอกจากยิ้มอย่างเดียว...ทำให้เอริครุ่นคิดในใจ


                ธุระอะไร? ก็ไม่เห็นอวาหรือใครจะพูดถึงด้วยซ้ำ


                ก๊อกๆ


              และแล้วเสียงเคาะเบาๆที่โต๊ะทำงานก็เรียกสติของเอริให้กลับมาอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวสวยเป็นประกายของเด็กสาวราวกับจะยิ้มตามริมฝีปากได้ตอนที่มองเขา ก่อนที่เธอจะยกกระดานขึ้นมา



                            [ ไปกันเลยไหมคะ เดี๋ยวทุกคนจะรอนานแย่ ]


     

                สุดท้ายแล้วผู้คุมหนุ่มจึงพยักหน้าเบาๆแล้วลุกจากเก้าอี้ เอียงคอจนมันดังกร๊อบแล้วเดินตามร่างเล็กๆออกจากห้องทำงานของตัวเองไป

     



     

                ปัง ปัง ปัง


              “สุขสันต์วันเกิดครับ / ค่ะผู้คุม!


                “...”


                ดวงตาสีแดงกะพริบปริบๆเมื่อทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในโถงรวมตัว พลุกระดาษสีก็ถูกยิงออกมาจนกระดาษสีมากมายโรยลงมาแหมะบนผมสีขาวของเขา ตามด้วยเสียงปู๊นๆของแตรกระดาษแข็งที่ใครบางคนเป่าขึ้นทำให้เอริยิ่งมึนงงกว่าเดิม


                เกิดอะไรขึ้น?


                และเขาก็ได้คำตอบเมื่อเห็นป้ายผ้าที่แขวนไว้ด้านบน

     


                            [ Happy Birthday ARI ]

     


                วันนี้...วันที่ 18 พฤษภาคม...


                ...


                วันเกิดของเขา


                นี่เขาทำงานหนักจนลืมวันเกิดของตัวเองเลยเหรอเนี่ย?


                “ผู้คุมมาแล้ว เรามาเป่าเค้กกันเถอะนะคะ”


                ลิลิธที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นทำลายเสียงเซ็งแซ่ พร้อมๆกับที่ถาดเค้กช็อกโกแลตหน้าตาน่าทานถูกจ่อมาตรงหน้าของเขา...ปักเทียนเลขสองกับเลขหนึ่งที่เป็นอายุของเขาพอดี ทำให้เขามองอย่างมึนงงว่าใครเป็นคนทำ


                “ผมเป็นคนแสดงฝีมือเองล่ะครับ” พ่อครัวประจำคุกที่ชื่อโซโร่พูดขึ้น ทำเอาเอริทำหน้าแหยงๆ แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดไปเขาค่อยโล่งใจหน่อย “ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใส่ยาพิษแน่นอน วันนี้เป็นวันพิเศษนะครับ”


                “เป่าเทียนเลยสิ มัวแต่ยืนเฉยเดี๋ยวฉันก็เก็บค่าเค้กซะหรอก”


                จนเมื่อได้ยินเสียงของอวาริเทียที่ดังมานั่นแหละ เอริจึงกระแอมน้อยๆแล้วเป่าเทียนเบาๆ แต่ว่าก็มีเสียงคะยั้นคะยอมาให้อธิษฐานด้วย ผู้คุมหนุ่มจึงกลอกตาแล้วยอมหลับตาขอไปส่งๆ


                “เอาล่ะ งั้นก็มากินกันเลยนะ”


                เมื่อสิ้นเสียง เค้กก็ถูกแบ่งอย่างสวยงามให้กับเอริก่อนเป็นคนแรกและหลายๆคน ซึ่งเอริเห็นว่าเค้กถูกทำเอาไว้หลายก้อน มันเลยเพียงพอกับจำนวนนักโทษที่มางาน...ถึงจะมาไม่ครบคน แต่ในคุกคนก็ยังเยอะอยู่ดี


                ก็นะ...ถ้าลูซจอมหยิ่งยอมมา หรือเชิญยัยเจ้าหญิงมาป่วนงานมันก็ดูยังไงๆอยู่


                “ทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะคะคุณผู้คุม มาผ่อนคลายกันหน่อยสิ วันนี้เป็นวันพิเศษนะ”


                ลิลิธเอ่ยทักยิ้มๆพร้อมกับตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปาก และเดินไปหาอาร์เคียที่โบกมือยิ้มหวานมาให้ที่ยืนข้างๆเรเวนซึ่งหันหน้ามองทางอื่นอย่างเดียว


                วันพิเศษ...งั้นเหรอ...?


                ดวงตาสีทับทิมมองจานเค้กในมือของตนเองนิ่งๆ ก่อนจะตักมันเข้าปากคำหนึ่ง


                ทำตัวสบายๆบ้างก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง?

     



     

                หลังจากที่ทุกคนทานอาหาร ก็มีคนเสนอไอเดียมาว่าให้เล่นเกมกัน ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของวันเกิดอย่างเขามีสิทธิ์ขอบายนั่งดูอยู่เฉยๆ เลยได้เห็นมาร์คัสโดนสาวน้อยเมย์เอาแป้งเด็กโปะหน้าในเกมส่งแป้ง ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเลยทีเดียว


                ไม่นานจากนั้นก็คือการให้ของขวัญวันเกิด เขาได้ของมากมายตั้งแต่กระปุกออมสินจากอวา แส้จากไอร่า หมอนจากเดลี่ ผ้าพันคอจากลิลิธ ลูกอมจากอเมธิสต์ นวมต่อยมวยจากมาร์คัส โหลดาวจากอาร์เคีย และอื่นๆอีกมากมาย


                แต่ของที่เขาหาตัวคนให้ไม่เจอคือชื่อดอกกุหลาบสีเหลืองกับคาร์เนชั่นลาย ที่เอาดอกไลเซนทัสเล็กๆแซมอยู่นั่นแหละ มันวางไว้บนโต๊ะพร้อมการ์ดว่าสุขสันต์วันเกิด...แต่กลับไม่มีเงาคนให้


                ระหว่างที่ดวงตาสีแดงกำลังมองซาร์นิกซ์ที่นั่งบนเก้าอี้อย่างสบายๆ โดยที่เก้าอี้อีกตัวถูกแจ็คกี้และไมคาสตบตีแย่งกันในเกมเก้าอี้ดนตรีอยู่ ก็ถูกใครบางคนสะกิดเบาๆ


                “...”


                เมื่อหันไปมอง เอริก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินที่คุ้นตาทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะถูกเจ้าของนัยน์ตาคู่นั้นจับมือให้เดินตามออกมาจากโถงทางเดินเบาๆ


                “คุณ!


                “ผู้คุมอย่าเพิ่งเหวี่ยงสิครับ~ วันนี้วันเกิดทั้งทีน่า~


                รอยยิ้มทะเล้นๆบนริมฝีปากนั้นมันน่าต่อยมากเสียจนเอริคันไม้คันมือ ความดีอกดีใจในงานวันเกิดหายวับไปกับสายลมทันทีที่เห็นหน้าอีกคน


                “ผมมีของจะให้ด้วยนะครับ~


                คงไม่พ้นตะไคร่รูปหัวใจ กระเป๋าเห็ดราเน่า หรือเสื้อกันหนาวเยื่อกะพรุนน่ะสิ...


                เอริคิดในใจอย่างเซ็งเป็ดก่อนจะแสดงออกมาผ่านการถอนหายใจ


                “มีอะไร รีบๆให้ผมจะได้รีบกลับไปข้างในต่อ”


                ดวงตาสีแดงที่ขุ่นมัวมองอีกฝ่ายเป็นเชิงรำคาญ แขนสองข้างยกขึ้นมากอดอกบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าบุ้ยปากน้อยๆ แต่เพียงไม่ถึงสามวินาทีก็กลับมายิ้มแป้นแล้นดังเดิม


                “หืม?”


                ผู้คุมหนุ่มมองมือที่ยื่นมาให้ตรงหน้า พร้อมกับเลื่อนสายตามองอีกคน


                “ไปกันเถอะครับ มันอยู่อีกที่หนึ่งน่ะ”


                “...”


                เอริยังคงยืนกอดอก ไม่มีท่าทีว่าจะจับมือที่ยื่นให้ไปเลยแม้แต่น้อย จนอีกคนต้องทำหน้าจริงจังใส่


                “ถ้าเกิดผู้คุมไม่จับมือผม ผมจะอุ้มจริงๆนะครับ”


                “...”


                เจ้าของดวงตาสีแดงจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด...ทำไมเขาต้องเกิดมาแรงน้อยกว่าคนอื่นๆด้วยนะ ขนาดไอร่ายังแรงเยอะกว่าด้วยซ้ำ


                หมับ


              สุดท้ายแล้วมือเรียวภายใต้ถุงมือสีขาวจึงจำยอมต้องจับมืออีกฝ่ายเอาไว้อย่างแผ่วเบาเต็มที่ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเจ้าของเส้นผมสีน้ำเงินยิ้มไม่หุบแล้ว


     


     

                “ที่นี่มันที่ไหน? คุณพาผมมาไกลเกินไปแล้วนะ”


                ร่างโปร่งบ่นอุบอิบไปตลอดทางเมื่อถูกจูงมือให้เดินตามเหมือนสมัยอนุบาลไม่มีผิด แต่ถึงแบบนั้นคนถูกบ่นก็ไม่ได้ถือสาอะไร...ตรงข้าม...มันกลับเป็นความตลกมากกว่า


                เหมือนแมวไม่มีผิด


                “ถึงแล้วล่ะครับ”


                จนกระทั่งในที่สุด ชายหนุ่มก็หยุดเดิน จนเอริขมวดคิ้วมองไปรอบๆที่เป็นทะเลร้างๆแห่งหนึ่ง...เขาจำได้ว่ามันคงเป็นทะเลเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่เขาก็ไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ หาดทรายสีขาวในเวลากลางคืนแบบนี้กลายเป็นสีเทาๆ ส่วนทะเลยิ่งแล้วใหญ่...ดำไปหมดจนมองไม่เห็นอะไรเลย


                มันน่ามองตรงไหน


                “...ผมจะกลับ”


                เอริพูดเสียงเรียบแล้วหันหลังเตรียมกลับทันที แต่ข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายฉุดเอาไว้เสียก่อน


                “ผู้คุมลองดูดาวสิครับ”


                คนฟังขมวดคิ้วน้อยๆเตรียมจะอ้าปากต่อว่า ทว่าเมื่อดวงตาสีแดงเลื่อนขึ้นไปมองผืนนภาเบื้องบน คำพูดทั้งหมดก็กลืนหายไปในลำคอ


                บนผืนผ้าใบที่ยามปกติเป็นสีครามสวยถูกละเลงด้วยสีดำเข้มดูลึกลับ พร้อมด้วยดวงดาวนับล้านที่ทอประกายระยิบระยับเหมือนมีใครบางคนทำอัญมณีสีขาวหกใส่ผืนผ้าใบ ลมเย็นๆ...เสียงของคลื่นที่กระทบฝั่งลอยเข้ามาโสตประสาท...ชวนให้ผ่อนคลาย


                ...สวย...


                ดวงตาสีแดงมองแสงระยับจากดวงดาวที่ราวกับจะส่งมาให้เขาพร้อมกับเผลอยกมือไปด้านบนเหมือนจะแตะดวงดาวเหล่านั้นเหมือนเด็กๆ แต่แล้วมือของใครบางคนก็ยื่นมาแตะแล้วจับประสานเอาไว้หลวมๆ


                “คราวนี้ผู้คุมลองมองที่ทะเลสิครับ”


                เอริเงยหน้าลงไปมองที่ทะเลอย่างว่าง่าย...ก่อนจะนิ่งอึ้งไป


                ทะเลกำลัง...เรืองแสง...?


                ในท้องทะเลที่เคยมืดสนิทจนน่ากลัว ตอนนี้กลับเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆสวยงามจนแทบจะเห็นประกายอ่อนๆออกมาจากแสงนั้น เมื่อเพ่งมองดีๆก็เห็นเป็นเงาของแมงกะพรุนตัวน้อยจำนวนมาก ที่สำคัญ...มันเรียงตัวเป็นอักษรภาษาอังกฤษสามตัว


     

                            [ A R I ]

     


                เอ อาร์ ไอ...เอริ...ชื่อของเขา


                “สุขสันต์วันเกิดนะครับผู้คุม”


                ขวับ


              เสียงของอีกคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูพร้อมกับเอวที่ถูกกอดเอาไว้หลวมๆ แต่ว่าอีกฝ่ายก็เพียงแค่เอาคางมาเกยไหล่ของเขาเท่านั้น เอริเลยไม่ได้ขัดขืนอะไรและยืนนิ่งๆ...จ้องมองทะเลตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย


                “ผมขอโทษนะครับที่หาของขวัญดีๆมากกว่านี้ไม่ได้”


                เขามองไม่เห็นหน้าของอีกคนในตอนนี้ แต่ว่าถ้าให้เดา ก็คงจะยิ้มอยู่เหมือนทุกทีนั่นแหละ


                “ผมก็เลยเรียกเพื่อนๆของผมมาช่วย...หวังว่าผู้คุมคงชอบนะครับ”


                ว่าจบ อีกฝ่ายก็ผละมือที่กอดเอวเขาอยู่ออกไป ทำให้เขาหันไปมองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอีกฝ่ายที่เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ลึกๆมากกว่านั้น ดวงตาสีน้ำเงินตรงหน้าเงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ผิดกับเขาที่มองทะเล สลับกับมองอีกฝ่าย


                “...”


                ริมฝีปากของเขาขยับน้อยๆเป็นคำๆหนึ่งที่แผ่วเบาจนถูกเสียงของคลื่นกลืนไปหมด อีกฝ่ายจึงได้ยินไม่ชัด และก้มหัวกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง


                “ผู้คุมพูดว่าอะไรนะครับ?”


                “...”


                เอริเบนหน้าไปมองทางอื่นทันที ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วพูดกลับไปอีกครั้ง


                “...ขอบคุณ...นายเชื้อรา...”


                “...”


                โชคดีที่ตอนนี้มืดแล้ว จึงมองไม่เห็นสีหน้ากันมากนัก


                “...ฮะๆ ผมไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย”


                ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ผู้คุมหนุ่มก็หันขวับไปมองทันที และก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบเดิมอีกครั้ง...และเนื้อความที่พูด ก็ทำให้เขาเลิกคิ้ว


                “...คุณ...มีชื่องั้นเหรอ?”


                ซ่า


              เสียงของคลื่นทะเลที่พัดมากระทบทรายเป็นเหมือนเสียงทำลายความเงียบโดยที่อีกฝ่ายไมได้เอ่ยตอบอะไร ดวงตาสีแดงจ้องมองอีกฝ่ายที่เอียงคอยิ้มน้อยๆ


                “แล้วผู้คุมอยากรู้ไหมล่ะครับ?”


                “...”


                เอริไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไป นอกจากมองหน้าคนที่เดินเข้ามาใกล้เขา


                แล้วกระซิบข้างหูเบาๆเป็นชื่อๆหนึ่ง...ชื่อของคนตรงหน้า...ก่อนจะผละออกมาแล้วยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากที่ยังคงยิ้มบางๆ






     

                วันนี้...เป็นวันๆหนึ่ง


                วันจันทร์ธรรมดาๆในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม


                วันที่ 18 พฤษภาคม

               


                  ...


     


                            “เก็บไว้เป็นของขวัญวันเกิดลับของผมกับคุณนะครับ...เอริ”


     

    © simply ; theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×