ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silent Lalullby ลำนำรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #12 : จอมมารแห่งนครลอยฟ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 297
      0
      18 พ.ค. 59

     


    Chapter 11 จอมมารแห่งนครลอยฟ้า


    นานแล้วที่โลกโดดเดี่ยวของเขาถูกระรานด้วยเสียงหัวเราะระริกระรี้จนน่ารำคาญของนาง!

     

    ภายในห้องทำงานโล่งกว้าง มีเพียงโต๊ะไม้ตั้งตรงกลางโถงพร้อมตะเกียงเล็กๆ วูบไหว ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งขีดเขียนอยู่ที่นั่น ใบหน้าของเขาว้าวุ่น มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะรัวๆ กลิ่นกุหลาบหอมเอียนไปทั่ว เขาไม่หลงใหลกับกลิ่นพวกนี้อย่างแน่นอน มันไม่หอมสำหรับเขาสักนิด หัวปากกาทองเหลืองจรดที่กระดาษเก่าคร่ำคร่า กำลังหยุดชะงักอยู่แค่นั้น แสงจากตะเกียงไหวระริกเพราะแรงลมปริศนาไร้ที่มา มีดวงตาลึกลับเฝ้ามองดูเขาอยู่ ..นางกำลังหัวเราะ เสียงหัวเราะของนางน่ารำคาญ และมันทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ชายหนุ่มในชุมคลุมสีน้ำเงินกำมะหยี่ปล่อยปากกาลงอย่างสุดทน แล้วลุกขึ้นยืน

     

    “ข้ารออ่านบทประพันธ์ของท่านอยู่...” เสียงหวานดังมาจากหลังเสาต้นหนึ่ง... เพราะห้องนี้มีแสงตะเกียงเล็กๆ เท่านั้น จึงมองไม่เห็นนาง แต่เขารู้ว่านางเป็นใคร หญิงสาวเอ่ยต่อ “ปีศาจงูแสนสวยในจินตนาการของท่านปรารถนาจะมีชีวิต และนักอ่านของท่านก็ปรารถนาจะไขปริศนาของนาง”

     

    ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเงยหน้าจากกระดาษ ดวงตาสีอำพันเคร่งขรึมมองฝ่าความมืดไป รังสีความเยือกเย็นแผ่ซ่านจนทั่วอาณาบริเวณ นานแล้วที่นางติดตามเขาไปทุกที่ เฝ้ามองเขา และกวนใจเขาตลอดเวลา

     

    “เจ้าติดตามข้า” เขาเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิด

     

    ในเงามืด ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเบาๆ บนพื้น เสียงเสียดสีของชายผ้าไหมกรุยกราย เสียงกระทบของอัญมณีราวเครื่องดนตรี และเสียงหัวเราะแผ่วน่ารำคาญ

     

    “ข้าแค่ผ่านมาเท่านั้นเอง...ท่านกวี”

     

    “ข้าไม่ใช่กวี” ชายหนุ่มพยายามเพ่งสายตามองไปในความมืด เห็นเพียงชายผ้ารุ่มร่ามสีน้ำเงิน

     

    “เช่นนั้น...ท่านเป็นนักประพันธ์” นางยังไม่หยุดกวนใจเขา

     

    “ข้าไม่ใช่นักประพันธ์”

     

    “แล้วท่าน...”

     

    “ข้าคือจอมมาร” เขาสวนกลับไปเสียงเยือกเย็น ดวงตาสีอำพันไร้ประกายใดๆ ...มันด้านชาจนน่าสะพรึง “จอมมารแห่งนครลอยฟ้า” รังสีที่ชวนอึดอัดและกลุ่มหมอกควันสีดำมืดคล้ายแผ่ไปรอบห้อง แสงตะเกียงอาบใบหน้าของเขาให้เป็นสีทองแดงดูเหมือนรูปสลักไร้ชีวิต

     

    หญิงสาวนิ่งไปชั่วอึดใจ และนางก็หัวเราะออกมาเสียงแผ่ว

     

     “โอ๊ะ..โอ...ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครลอยฟ้า” หญิงสาวเดินไปมาในความมืด แน่นอนว่านั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาต้องการกระชากนางออกมาประจันหน้า สบตาให้ชัด แต่ชายหนุ่มก็มีสติที่จะไม่ทำเช่นนั้น หญิงสาวเอ่ยเสียงนุ่มนวลที่ฟังดูยียวนเสียมากกว่า “ข้าหลงรักผลงานของท่าน และรู้สึกคล้ายจะวางวายเสียให้ได้ หากท่านไม่จรดปากกาเขียนต่อจนจบ”

     

    จอมมารหรี่ตาลง

     

    “ทำไมข้าต้องทำตามที่เจ้าต้องการ”

     

    “หรือท่านอยากจะทำให้นักอ่านเช่นข้าขาดใจตายเพราะรอคอยผลงานน่ามหัศจรรย์” หญิงสาวถามเสียงใส รับรู้ได้ว่านางกำลังยิ้มกว้างขณะพูด

     

    “ผลงานอื่นมีถมเถ....อาณาจักรของเจ้ามีนักคิดนักเขียนอยู่มากมาย” คลับคล้ายว่าอารมณ์บางอย่างพลุ่งพล่านในกายเขา...อาจจะเป็นความโกรธจนถึงที่สุด เพราะเขารักสงบและเกลียดการถูกกวนใจ

     

    “ผลงานของพวกเขา” หญิงสาวในเงามืดพูดพึมพำคล้ายครุ่นคิด “หยาบกระด้าง...ประโลมโลก ลวงหลอก สะท้อนความเพ้อฝันอันน่าสมเพช” ปลายเสียงของนางส่อแสดงความหยามเหยียดกลายๆ

     

    “ผลงานของข้าก็ไม่ต่างกัน” เสียงของชายหนุ่มคราวนี้เย็นชาจนน่ากลัว เขาค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากโต๊ะทำงานและเดินไปข้างหน้าช้าๆ

     

    “ต่าง...เพราะท่านเป็นผู้เขียน” หญิงสาวตอบเสียงสดใส ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้สึกรู้สาเสียเลย และเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างให้หญิงสาวประจักษ์ว่าการพยายามกวนใจเวลาทำงานของจอมมารจะได้รับผลเช่นไร

     

    “ข้าจะเลิกเขียนแต่เดี๋ยวนี้ และเจ้าก็ควรจะเลิกติดตามข้าเสียที”

     

    “ข้าไม่ได้ติดตาม...” เสียงนางยียวน “ข้าแค่ผ่านมา” รู้ได้เลยว่านางกำลังยิ้มร่าน่ารำคาญ

     

    “เจ้าก็เขียนเองสิ...นำชื่อแคว้นทั้งหกของเจ้ามาเติมแต่งเป็นบทกวีคงน่าอ่าน” เขาแสร้งทำใจเย็นเสนอความเห็น แต่หญิงสาวกลับหัวเราะคิก

     

    “เรื่องบทกวีนั้นข้าทำไปตั้งนานแล้วล่ะ...อยากรู้ไหมว่าข้าเขียนทกวีไว้ว่าอย่างไร”

     

    “เจ้านี่มัน...” ชายหนุ่มก้าวมายืนในเงามืด ตรงหน้าของนาง “น่ารำคาญสิ้นดี” เขากระซิบเบาๆ

     

    “ทำให้ข้าหยุดพูดเสียสิ” นางกระซิบตอบเช่นกัน  เงามืดอาจเป็นอุปสรรคทำให้เขาไม่เห็นดวงตาและรอยยิ้มน่าหงุดหงิดของนาง แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคให้เขาทำโทษนาง ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วในลำคอ ขณะสาวเท้าไปในเงามืด

     

    “ย่อมได้” แล้วในฉับพลันนั้นเอง เขาก็กระชากร่างหญิงสาวเข้ามาปะทะกับอก ชายหนุ่มก้มลงประทับจูบลงบนริมฝีปากหญิงสาวแรงๆ หมายบดขยี้ริมฝีปากกลิ่นกุหลาบให้รู้รสของการริอาจกวนใจจอมมาร ทว่าทันใดนั้น ร่างหญิงสาวก็สลายหายไปเป็นละอองสีขาวในชั่วพริบตา

     

    “จอมมารเจ้าคะ”

     

    เสียงแหลมของหญิงนางหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ชายหนุ่มสะดุ้ง ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงกว้าง สตรีงามนับสิบในอาภรณ์สีขาวโปร่งบางจนแลเห็นสรีระภายในนั่งอยู่รอบกายเขา บางนางพยายามนวดแขน ขาชายหนุ่มให้หายเมื่อย บางนางโบกพัดขนนกให้เขาหลับสบาย บางนางไล้มือลูบไปตามลำคอและแผงอกของเขาอย่างโหยหาไออุ่น จอมมารถอนหายใจพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้า ความหงุดหงิดและพิษโทสะยังคุกรุ่น ความปรารถนาที่จะจับนางในความฝันมาลงโทษเสียให้เข็ดยังอัดแน่น และนั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกขัดใจ

     

    นางสาบสูญไป... นางเคยติดตามเขาทุกที่ราวกับเงาตามตัว และวันหนึ่งนางก็จากไปโดยไม่ล่ำลา เหลือเพียงความทรงจำที่วกวนในความฝันของเขา จะตามหานางได้ที่ไหนกัน?

     

    “ไปให้พ้น!” จอมมารกระชากเสียงตวาดไล่พวกสนมทั้งหลายที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา พวกนางถึงกับพากันสะดุ้งถอยกราดลงไปซบลงกับพื้นอย่างหวาดกลัว แต่ละร่างบอบบางสั่นเทาชวนให้น่าสงสาร ขณะนั้นเสียงประตูห้องนอนของเขาก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูถูกผลักเปิดเข้ามา และร่างนางในคนหนึ่งยืนขดตัวสั่นตรงนั้น เอ่ยเสียงสั่นเทา

     

    “มีคนขับรถม้าท่าทางประหลาดมาขอพบท่านเจ้าค่ะ”

     

    “ข้าจะออกไปพบเขาเอง” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยนลง ไม่ต้องการให้พวกนางกลัวเขาไปมากกว่านี้ จอมมารลุกลงจากที่นอน หญิงนางหนึ่งรีบลนลานนำผ้าคลุมทอจากเนื้อไหมย้อมสีน้ำเงินมาห่มร่างให้เขาอย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจะเหลียวขอบใจนาง เขาเดินผ่านสตรีทั้งหลายในห้องออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และดวงตาสีอำพันเยือกเย็น

     

    ร่างสูงใหญ่เดินไปตามโถงทางเดินกว้างที่ปูพรมลาดยาวไปจนถึงกลางโถง เห็นชายในชุดขนสัตว์ยืนอยู่ มือข้างหนึ่งถือหอกเงิน ผมยาวสีทองพะรุงพะรัง ใบหน้าครึ้มหนวด

     

    “ว่ายังไง...เจ้าสารถี” ภายในโถงนี้กว้างและไร้ข้าวของจัดวางใดๆ มีเพียงแสงจากคบเพลิงตามเสาหินที่ส่องแสงสลัวในยามฟ้าราตรีนี้ เจ้าหนุ่มคนขับรถม้ายิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะชูหอบผ้าเหม็นอับให้ชายหนุ่มสูงศักดิ์

     

    “ขณะร่อนเร่ตามประสา ข้ามีของขวัญประหลาดมาให้ท่าน เชื่อได้เลยว่าท่านกำลังต้องการมัน...”

     

    จอมมารหรี่ตาขณะรับห่อผ้านั้นมาเปิด แลเห็นเป็นแผ่นหินเก่าๆ รูปร่างประหลาด ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ สลักอักขระโบราณ เขาอ่านมันเบาๆ

     

    “๐ ราตรีนี้มืดหม่น ...บนถนนสายสงคราม

    ไฟผลาญเพลิงลุกลาม  ...โลกทั้งสามนองน้ำตา

     

    ๐ ด้วยวาดหวังอำนาจ  ...จึงบังอาจคิดไขว่คว้า

    หารู้ที่ได้มา ... นั้นจะพาให้หนาวพลัน”

     

    “ว่ากันว่า...มันเป็นประตูทางเข้าสู่ห้องลับของอาณาจักรม่านหมอก” สารถีหนุ่มบอก จอมมารเก็บแผ่นหินนั้นไว้ในห่อผ้าดังเดิม แล้วถาม

     

    “ในห้องลับนั้นมีอะไร”

     

    “ท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้า...” เจ้าสารถียิ้มยียวน ก่อนจะกระซิบตอบด้วยดวงตาแวววาว “ความลับ และอิสตรีไงเล่า”

     

    จอมมารหัวเราะแผ่วในลำคอ ดวงตาสีอำพันวูบวาบ

     

    “เจ้านี่เป็น...สารถีที่รู้ใจข้าที่สุด”

     

     

    แผ่นหินประหลาดตั้งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว...แต่ไม่มีทีท่าว่ามันจะกลายร่างเป็นประตูไปได้

     

    สามราตรีแล้วที่เขาเพ่งมองมันอยู่ โดยไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับหินนี่ จนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดและคิดว่ามันอาจจะเป็นเพียงแผ่นหินไร้ประโยชน์ ที่สลักข้อความไร้สาระ

     

    “๐ ราตรีนี้มืดหม่น  ...บนถนนสายสงคราม

    ไฟผลาญเพลิงลุกลาม  ...โลกทั้งสามนองน้ำตา

     

    ๐ ด้วยวาดหวังอำนาจ  ...จึงบังอาจคิดไขว่คว้า

    หารู้ที่ได้มา  ...นั้นจะพาให้หนาวพลัน”

     

    ภายในห้องโถงกว้างใหญ่ และแสนสงบ บนโต๊ะมีเพียงตะเกียงริบหรี่ กับแผ่นหินตั้งตรง จอมมารหนุ่มอ่านทวนถ้อยปริศนาที่สลักเนื้อหินซ้ำแล้วซ้ำเล่า คลับคล้ายคลับคลาว่าเข้าใจความหมายและที่มาของบทกวีนี้ แต่ยิ่งพยายามเค้นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถครุ่นคิดได้ และที่น่าพิศวงก็คือ เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเจ้าแผ่นหินเท่าฝ่ามือนี้จะกลายเป็นประตูด้วยวิธีไหน และมันจะพาไปที่ห้องลับเลยหรือไม่

     

    ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ต้องตามหาห้องลับให้พบ...ดวงตาสีอำพันมุ่งมั่น ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับห้องลับแพร่สะพัดเป็นตำนานไปทั่วอย่างยาวนาน พ่อค้า นักการเมือง คาราวาน กระทั่งโจร และขุนนาง ก็ล้วนพยายามตามหามัน ...ความลับนั้นยั่วยวนผู้คนเสียเหลือเกิน

     

    ในอาณาจักรที่ปกครองโดยสตรีผู้นั้น...จะมีอะไรในห้องลับ พวกคาราวานเพ้อเจ้อว่ามันคงมีทองคำและอัญมณี เจ้าขุนนางหมายว่าจะเจออำนาจและตราตั้ง ในขณะที่เหล่าปีศาจฝันว่าจะมีของวิเศษ และพรมหัศจรรย์ แต่จอมมารหวังว่าเขาจะพบ...ความลับ และสตรีน่ารำคาญนางหนึ่งซึ่งสาบสูญไปจากชีวิตเขา

     

    ชายหนุ่มเพ่งสายตามองแผ่นหินรูปร่างประหลาด มีเส้นรอยขีดคล้ายอาณาเขตแผนที่...

     

    อาณาเขตแผนที่งั้นหรือ...

     

    ฉับพลัน! ดวงตาสีอำพันก็ส่องประกายวาบ เขาจำได้ดีว่าอาณาจักรประหลาดในม่านหมอกนั้นมีแคว้นทั้งหกซึ่งปกครองโดยเหล่าดัชเชส ...ความทรงจำถึงบทสนทนากับนางในความฝันยังชัดเจน

     

    เขียนเองสิ...นำชื่อแคว้นทั้งหกของเจ้ามาเติมแต่งเป็นบทกวี คงน่าอ่าน

    เรื่องบทกวีนั้นข้าทำไปตั้งนานแล้วล่ะ...อยากรู้ไหมว่าข้าเขียนบทกวีไว้ว่าอย่างไร

     

    ริมฝีปากของจอมมารกระตุกยิ้มน้อยๆ เขาเอ่ยเบาๆ ออกมา ขณะจดจ้องแผ่นหินประหลาด

     

     “แคว้นทั้งหก... รัตติกาล สงคราม เพลิงไฟ น้ำตา พลังอำนาจ และ ความหนาวเหน็บ" ฉับพลันทันใดนั้น! ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านโดยรอบ และแสงไฟสว่างไสว พื้นผนังเพดานและเสาของห้องทำงานกลับกลายเป็นหินทรายสีส้มอมชมพู บทเพลงปริศนาดังแว่วมาจากทุกทิศทางจนจับต้นเสียงไม่ได้

     

    “๐ สิ่งใดที่ตามหา... ท่านจึงมา ณ แห่งนี้

    โปรดตรองให้จงดี... เอ่ยพาทีเพื่อตอบมา”

     

    “นั่นเสียงใคร” ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาพยายามมองหาใครสักคนที่หลบซ่อนอยู่ ...นี่มันเรื่องตลกอะไร ทันทีที่จอมมารพูดชื่อแคว้นทั้งหกเสร็จสิ้น ห้องทำงานของเขาก็กลับกลายเป็นอีกสถานที่อันประหลาด ชายหนุ่มงงงันและเดินไปมา ผ้าคลุมหลังสีน้ำเงินสะบัดพลิ้ว แว่วบทเพลงดังมาอีกระลอก

     

    “๐ อันข้าเป็นเสียงเพลง... แว่วบรรเลงไร้กายา

    สะท้อนก้องไปมา... ร้องเรียกหานักเดินทาง”

     

    “ข้ามาตามหาความลับ...” ชายหนุ่มพยายามเดินไปรอบๆ ห้องโถงอย่างสงบ สายตามองหาทางออก แต่ไม่พบ...หรือว่านี่จะเป็นห้องลับที่ว่าไว้ แล้วความลับและอิสตรีอยู่ที่ไหนเล่า? นางจะอยู่ที่นี่หรือ ชายหนุ่มหยุดเดินเมื่อเห็นสระน้ำเป็นระลอกคลื่นเพราะแรงน้ำตก เขาเงยหน้าขึ้นจึงเห็นอุทยานลอยฟ้าลดหลั่นเป็นชั้น ดอกไม้หลากสีคลอเคลียสายน้ำเย็นเฉียบที่รินหลั่ง

     

    ทันใดนั้นชายหนุ่มก็สะดุ้งขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแหลมดังมาจากทุกทิศทาง เสียงหัวเราะคล้ายเย้ยหยัน ดังว่ารับรู้ความในใจของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะอันอ่อนหวานแผ่วเบา

     

    “๐ มีนิทานเล่าขานไว้... หญิงงามใน ปราสาทร้าง

    อำนาจในมือนาง... อาจสรรค์สร้างแลทำลาย

     

    ๐ เปี่ยมเล่ห์มากกลลิ้น... นางกลืนกินหัวใจชาย

    แล้วเชือดจนวอดวาย... และเร่ขายให้คนจร

     

    บทเพลงนั้นคลอเสียงหัวเราะ ไร้เครื่องดนตรีบรรเลง แต่ท่วงทำนองที่ร่ำร้องนั้นช่างเสนาะหู...ไพเราะเสียจนชายหนุ่มเคลิบเคลิ้ม จนต้องทรุดกายลงนั่งเอนกับเสาหินทราย และทอดสายตามองสายน้ำตกอย่างง่วงงุน

     

    “๐ จวบกาลเวลาผ่าน... เขาเล่าขานเรื่องประหลาด

    หญิงงามหัวใจขาด... นางพลั้งพลาดพ่ายรักชาย

     

    ๐ ใครใครเขาขบขัน... แม่หญิงนั้นใจสลาย

    พาลให้เมืองฉิบหาย... วอดวายทั่วจนขื่นขม”

     

    ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบากับนิทานประหลาด เหมือนเขาเคยได้ยินว่านั่นคือเพลงกล่อมเด็กของอาณาจักรในม่านหมอก...เนื้อหานั้นช่างเสียดสีสตรีผู้ปกครองเมือง... ใครกันนะ..ใครกัน

     

    ความง่วงกำเริบทุกขณะ ทำให้ความสามารถในการตรึกตรองของเขาหายไปอย่างน่าใจหาย จอมมารพยายามลืมตาและสะบัดศีรษะแต่ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกกดทับและฉุดดึงให้เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่อย่างนั้น

     

    “๐ ย่ำกุหลาบจนชอกช้ำ... นางสะอื้นน้ำตาพรม

    แล้วนางก็ตรอมตรม...  จมหัวใจใต้ซากดิน”

     

    เสียงหัวเราะของเหล่าสตรีดังครื้นเครงจากที่ไหนสักแห่ง...จอมมารพยายามเงี่ยหูฟัง...ยังได้ยินเสียงเฮฮาและวิ่งเล่นของเด็กๆ อีกด้วย เขาถอนหายใจขณะบทเพลงกล่อมนอนแสนไพเราะดังขึ้นในท่อนสุดท้ายอย่างอ้อยอิ่ง

     

    “๐ จงล่องน้ำไปตามสาย... ที่เรียงรายด้วยรูปหิน

    รูปคนน้ำตาริน...  เขาแดดิ้นถึงคนตาย”

     

    ๐ ดึกแล้วเจ้าคนจร... จงเข้านอนอย่างเดียวดาย

    ปริศนายังมิคลาย... ยังมิสายจงโชคดี”

     

    เสียงหัวเราะนั้นกังวานก้อง ก่อนจะค่อยๆ แผ่วหายไป ชายหนุ่มเอนกายลงกับพื้น ความรู้สึกง่วงงุนเข้าโจมตีเขาอย่างรุนแรง เปลือกตาหนักอึ้งจะปิดเสียให้ได้ เขาพยายามพลิกตัวเงยหน้ามองเพดาน มือพยายามรั้งเสาหินทรายไว้มั่น แต่ดูเหมือนทุกที่จะเลือนรางและมัวเมา และกลิ่นหอมเอียนของดอกไม้ประหลาดก็หวนมา ท่ามกลางวินาทีที่สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มเลือนหาย ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความทรงจำไหลย้อน

     

                      ความทรงจำครั้งนั้น...ครั้งที่สายลมวูบหนึ่งพัดมา

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×