คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน ห้องกระจก โดย 069
Carnival of love เกมรักราตรีเลือด
ห้องกระจก โดย 069
เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วทั้งโรงละครศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แสงสปอตไลท์สว่างจ้าบนเวทีส่องตรงไปยังนักเต้นสาวสวยในชุดบัลเล่ต์สีขาวบริสุทธิ์คนนั้น เธอก้าวเท้าออกมาด้วยท่าเต้นสง่างามสะกดผู้ชมที่จ้องมองให้ตกอยู่ในห้วงแห่งมนต์มายา ลำตัวพลิ้วไหวหมุนไปรอบอย่างนุ่มนวลดุจนางพญาหงส์ ในบทแห่ง 'สวอนเลค' อันลือชื่อที่สร้างสรรค์โดย ปีเตอร์ อิลิช ไซครอฟสกี้ โดยมี 'ชลลดา' รับบทเป็นนางเอกของเรื่องนี้
นักบัลเล่ต์สาวหมุนตัวไปตามบทเพลงด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย แตะปลายเท้าสัมผัสพื้นนุ่มนวลราวกับเหยียบย่ำลงบนปุยเมฆ แขนเรียวกวาดวาดไปเบื้องหน้าอย่างงดงามเป็นธรรมชาติ ทุกย่างก้าวสวยสมกับเป็นเจ้าหญิงหงส์ขาวที่กำลังร่ายรำท่ามกลางสายธาราตามทำนองดนตรีบรรเลงขับขาน
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อปรากฏร่างของนักบัลเล่ต์ในชุดสีดำสนิทโดยมีหญิงสาวที่ชื่อว่า 'นีน่า' รับบทเป็นเจ้าหญิงหงส์ดำซึ่งเป็นลูกสาวของพ่อมดก้าวเท้าออกมาเต้นรำหน้าเวที ทำนองเพลงเปลี่ยนไปพร้อมกับท่าทางสะบัดแขนอันเย้ายวน ปลายนิ้วโบกไปมาคล้ายดั่งผีเสื้อราตรีสยายปีกยามรัตติกาล ร่างของนางหงส์เริงร่าอาบไล้ไปด้วยความมืดมิด ให้ความรู้ลึกจมดิ่งราวกับถูกตรึงไว้ด้วยเวทย์มนต์ลึกลับ
ผู้ชมทั่วทั้งโรงละครแทบหยุดหายใจ ยามเมื่อแสงสปอต์ไลท์ส่องมายังชลลดาผู้แสดงได้อย่างสมบทบาทจนเรียกน้ำตาจากคนดูได้ แต่ครั้นม่านสีแดงเลื่อนชิดปิดฉากลง ผู้คนที่นั่งเงียบก็พลันตื่นจากมนต์สะกด ลุกขึ้นส่งเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วทั้งโรงละคร ผู้คนต่างโห่ร้องชื่นชมผลงานของคณะบัลเล่ต์ชื่อดัง
เมื่อผ้าม่านเปิดขึ้นอีกครั้ง เหล่านักแสดงทั้งหมดก็ก้าวเท้าออกมาโค้งขอบคุณผู้ชม ที่ทำให้การแสดงในค่ำคืนนี้จบลงได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นนักแสดงก็พากันเรียงแถวเดินเข้าหลังเวที สายตาทุกคู่หยุดมองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูทสากลสีเทาอ่อน ในมือมีกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เขาเดินตรงไปหากลุ่มของนักบัลเล่ต์สาว
'อนันต์' นักธุรกิจหนุ่มรูปงามเป็นที่จับตามองของสาวๆ ทั้งเมือง มิใช่แค่เพียงทรัพย์สมบัติที่มีมากมายมหาศาล รูปสมบัติของเขาก็ยังพร้อมพรั่งอย่างไม่อาจละสายตาได้ ทว่าในค่ำคืนนี้มีเพียงหญิงสาวผู้เดียวที่อยู่ในสายตาของเขา...นีน่า เธอยิ้มหวานขณะรับช่อดอกกุหลาบมาไว้ในอ้อมแบน และสวมกอดอีกฝ่ายไว้ด้วยความปลาบปลื้ม และยิ่งภูมิใจเป็นหลายเท่าเมื่อรู้ดีว่าบรรดานักแสดงหญิงคนอื่นๆ ต่างอิจฉาเธอกันแทบทุกคน
"อนันต์...ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้และเสียงปรบมือนะคะ"
"คืนนี้คุณสวยมากเลยจริงๆ" เขาหอมแก้มภรรยาอย่างแผ่วเบาด้วยความชื่นชม หญิงสาวสวมกอดสามีเอาไว้ ดูรักใคร่จนหลายคนนึกอิจฉาตาร้อนกับความสวยสมของคนทั้งคู่
"สวัสดีชลลดา แล้วคมกริชล่ะครับ ?" อนันต์หันมากล่าวทักทายชลลดา ผู้เป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ยังคงรักษาความเป็นมิตรมาจนถึงทุกวันนี้
"เขาไม่ได้มาหรอกค่ะ พอดีวันนี้เขาต้องวาดภาพให้เสร็จ" ชลลดายิ้มให้กับอนันต์ จับมือทักทายกันตามประสาคนสนิทสนมคุ้นเคย
"ถ้าอย่างนั้นไปดินเนอร์กับพวกเราสิ อนันต์จองร้านอาหารเอาไว้แล้วล่ะ"
"ฉันไม่รบกวนดีกว่า เธอกับอนันต์ควรจะได้ไปฉลองด้วยกันสองต่อสองถึงจะถูก" ชลลดารีบปฏิเสธพลางยิ้มให้ทั้งคู่ รู้ดีว่าไม่ควรจะไปเป็นส่วนเกิน และอีกอย่างไม่รู้ว่าป่านนี้สามีของตนเองจะเป็นอย่างไรบ้าง ที่ถูกสั่งให้ดูแลบ้านและทำความสะอาดในระหว่างที่เธอกลับดึกเช่นนี้
"พูดอะไรอย่างนั้นครับ ชลลดา พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย" อนันต์กล่าวด้วยใจจริง
"เอาไว้คราวหน้าดีกว่าค่ะ พอดีว่าฉันต้องรีบกลับบ้าน ขอให้มีความสุขนะคะ" ชลลดายิ้มหวานอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัวทางด้านหลัง โดยมีเพื่อนสาวเดินตามมาติดๆ
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังภายในห้องแต่งตัวของนักแสดง นีน่ากล่าวด้วยรอยยิ้มขณะถอดชุดบัลเล่ต์ออก
"ฉันช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้ผู้ชายทั้งหล่อและรวยมาเป็นสามี" เธอพูดพลางถอดขนนกสีดำรอบคอ พาดมันลงกับเก้าอี้ด้านข้าง หันไปยิ้มให้เพื่อนนิดๆ ด้วยความภาคภูมิใจ
"ฉันก็ดีใจนะที่เธอมีความสุข" ชลลดาถอดชุดออกบ้าง มันไม่ต่างอะไรกับภาพมายา ชีวิตบนเวทีของเธอเจิดจรัสงดงาม แต่ความเป็นจริงช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน ยามเมื่อถอดคราบเจ้าหญิงหงส์เธอก็กลับมาเป็นผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงในเทพนิยายและไม่มีเจ้าชายในฝันมาคอยเคียงข้าง มีเพียงสามีไม่เอาไหนที่วันๆ ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านรอกินข้าวเท่านั้น
เธอมองภาพสะท้อนของนีน่าบนกระจกแต่งตัว พลางจินตนาการว่าหากได้ยืนแทนที่ตรงนั้นจะเป็นเช่นไร เธอพยายามตอกย้ำกับตัวเองว่าก็รักสามีที่อยู่กินกันมานาน และปฏิเสธความรู้สึกอิจฉาเพื่อนสาวที่มีชีวิตเพียบพร้อมไปทั้งคนรักผู้หล่อเหลาและทรัพย์สมบัติอันร่ำรวยล้นฟ้า
"ถึงแม้ว่าเขาจะงานยุ่งไปหน่อย แต่ฉันก็โอเคนะ เพราะเขาทั้งเอาอกเอาใจสารพัด สรรหาทุกอย่างที่ฉันต้องการมาให้ ต่อให้สิ่งนั้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลกก็ตาม รับรองว่าอนันต์จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่ให้ได้มันมา" นีน่าเอ่ยพลางหยิบชุดเดรสราคาแพงขึ้นมาสวม ชุดกระโปรงสีหวานจากคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของดีไซนเนอร์ชื่อดังดูช่างเหมาะกับเธออย่างไม่มีที่ติ
ชลลดารู้ดีว่าสิ่งที่นีน่าพูดมานั้นไม่ได้เกินความจริงเลยแม้แต่น้อย อนันต์ช่างเป็นผู้ชายที่แสนดี คอยเอาใจใส่ภรรยา หากเทียบกับสามีของเธอแล้วมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ นั่นแหละ
"ดูเครื่องเพชรชุดนี้สิ...อนันต์ซื้อให้ตอนที่เขากลับมาจากอิตาลี"
คนฟังหันไปมองตามคำชี้ชวน เห็นสร้อยมรกตล้อมเพชรหรูหราที่นีน่าบรรจงหยิบออกมาจากกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้ม
"เธอช่วยสวมมันให้หน่อยได้ไหมเพื่อนรัก" เธอขอร้องพลางก้าวไปยืนอยู่ด้านหน้ากระจกแต่งตัว รวบผมขึ้นเพื่อให้สวมสร้อยได้โดยง่าย
"ดะ...ได้สิ" ชลลดารับสร้อยมรกตมา มันดูประณีตสวยงามจนไม่ว่าผู้หญิงคนไหนหรือแม้แต่คนที่ไม่สนใจเครื่องประดับก็ต้องเอ่ยปากชม ไม่อยากจะคาดเดาว่ามูลค่าของมันจะแพงขนาดไหน
หญิงสาวเผลอลูบสร้อยถักทำจากสายหนังสีน้ำตาลบนคอตนเอง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอ่อล้นหัวใจ เธอและนีน่าเหมือนอยู่กันคนละชั้น แต่ก่อนที่ความเงียบงันจะทำให้เพื่อนสาวผิดสังเกต ชลลดาก็รีบสวมสร้อยล้ำค่าไปบนคอขาวผ่อง หญิงสาวถอนหายใจออกมา พยายามสะบัดความคิดร้ายๆ ในหัวทิ้งไป ทันใดนั้นสายตาก็เลื่อนไปสะดุดกับความผิดปกติบางอย่างบนคอของเพื่อน
"เอ๊ะ...นี่เธอแพ้อะไรรึเปล่า นีน่า ทำไมคอเธอถึงเป็นรอยช้ำจ้ำๆ แบบนี้ ?" ชลลดาสังเกตเห็นรอยตำหนิรอบคอของเพื่อน ร่องรอยที่แดงจนเกือบจะเป็นสีคล้ำ หากมองแค่ผิวเผินก็อาจเห็นไม่ชัดเท่าไหร่
"อ๋อ...ฉันคงแพ้ขนนกน่ะ ก็ดูชุดฉันสิ เต็มไปด้วยอะไรต่อมิอะไรที่ต้องมาพันรอบคอรุงรังไปหมด" นีน่าชักสีหน้าก่อนจะรีบตัดบทและโบกมือร่ำลาเพื่อนสาวหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
"แล้วเจอกันจ้ะ" ชลลดาทำหน้างุนงงกับท่าทีรีบร้อน แต่ก็เข้าใจว่าเธออาจจะรีบไปพบอนันต์ จึงไม่ได้สนใจ หันมาเก็บของแล้วออกไปนอกโรงละครเพื่อรอขึ้นรถแท็กซี่
ดวงตาคู่สวยลอบมองนีน่า ที่กำลังก้าวขึ้นรถคันหรูซึ่งมีสามีเป็นผู้ขับ อารมณ์และความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา ในใจลึกๆ ได้แต่หวนคิดไปถึงอดีตแสนไกลว่า...หากตอนนั้นที่อนันต์มาสารภาพรักและขอแต่งงานด้วยแหวนเพชรวงโต แล้วเธอตอบตกลงเขา แทนที่จะเลือกแต่งงานกับศิลปินไส้แห้งอย่าง 'คมกริช' แล้วละก็ ชีวิตของเธอในตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้างนะ...เธอคงจะมีความสุขแบบนีน่าที่มีผู้ชายเพียบพร้อมไปด้วยหน้าตาและฐานะอยู่เคียงข้าง ใช้ชีวิตหรูหราท่ามกลางสังคมเมืองอย่างเฉิดฉาย แต่ก็อย่างว่า...การแต่งงานก็เหมือนซื้อล็อตเตอรี่ ถ้าถูกรางวัลก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากโชคร้ายไม่ถูกรางวัล ก็จะเป็นเหมือนอย่างเธอ ส่วนนีน่านั้นคงไม่ต้องบอก ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งสิบงวดติดๆ กันยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ
ชลลดาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะก้าวขึ้นแท็กซี่คันสีเหลืองที่เลื่อนเข้ามาจอดเทียบตรงหน้า...
พายุร้ายที่ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติกำลังจะมาเยือนยังบ้านหลังเล็กในยามค่ำคืน อารมณ์หงุดหงิดของภรรยาสาวที่เพิ่งกลับมาถึงแทบจะระเบิดออกทันที เมื่อปลายเท้าของเจ้าหล่อนเหยียบลงบนกล่องพิซซ่า ซอสมะเขือเทศสีแดงสดเปื้อนเลอะเข้าเต็มฝ่าเท้า
ปึง!
ประตูห้องถูกเหวี่ยงออกและกระแทกปิดเสียงดังผ่านไปตามห้องต่างๆ ตามหาตัวการของความสกปรก ดวงตาสีคาราเมล กวาดมองกองเสื้อผ้าที่ถอดวางเอาไว้เป็นหย่อมๆ ตามพื้นทางเดิน ข้าวของเครื่องใช้อยู่ผิดที่ผิดทาง ถ้วยกาแฟใบโต และภาชนะกินข้าวเกลื่อนกลาดกองสุมพะเนินอยู่บนซิงค์ล้างจาน ชลลดาจ้ำพรวดเข้าไปในห้องรับแขก หรี่ตามองโดยตัวต้นเหตุที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวโปรด โทรทัศน์เปิดทิ้งเอาไว้ ส่วนตัวรีโมตนั้นกระเด็นกระดอนไปอีกทาง เธอหยุดมองชั่วครู่ ถอนหายใจออกมายาวที่สุดด้วยความเอือมระอาก่อนตะโกนด้วยเสียงอันดัง
"นี่...ฉันไม่ใช่คนใช้ของคุณนะ!" เธอกรอกเสียงใส่อีกฝ่ายเพื่อปลุกให้เขารู้สึกตัว
ครั้นได้ยินเสียงหญิงสาวผู้เป็นที่รักดังขึ้น คมกริชก็กระเด้งตัวขึ้นมายืนตาแป๋ว ยิ้มให้กับภรรยาคนสวยอย่างใจเย็น
"ผมแค่พักสายตา ไม่ได้หลับไปจริงๆ สักหน่อย" เขารีบตรงเข้าไปกอดเธอเอาไว้แน่น
"แต่ฉันได้ยินเสียงคุณกรน" ชลลดาขมวดคิ้ว จ้องคนพยายามแก้ตัวเขม็ง คล้ายกับนักสืบกำลังสอบสวนนักโทษคดีอุกฉกรรจ์
"คุณนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะ อยากดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วก่อนไหม" ชายหนุ่มพยายามเอาอกเอาใจ เลื่อนสายตามองตามไปยังทิศที่ภรรยาหันไปมอง เห็นกองชุดนอนและผ้าเช็ดตัวที่เขาวางทิ้งไว้ระเกะระกะกับพื้น
"ไม่ต้อง!" ชลลดาหันกลับมาตวาดเสียงดัง
หากคำปฏิเสธของผู้หญิง ต้องแปลไปในทิศทางตรงกันข้าม แน่นอนว่าสามีที่แต่งงานกันมาร่วม 5 ปีอย่างเขาเข้าใจในหลักการนี้ดีกว่าใคร ภรรยาสุดที่รักคงเผชิญกับรถติดตอนนั่งรถกลับบ้าน หรือไม่ก็อาจจะหิวถึงได้อาละวาดหนักขนาดนี้
"คุณหิวไหม ผมมีพิซซ่าที่เพิ่งสั่งมา เป็นพิซซ่าหน้าเปปเปอร์โรนี่ที่คุณชอบด้วยนะ"
"ถ้าเป็นไอ้กล่องที่วางอยู่บนพื้นนั่นล่ะก็ ฉันเหยียบมันเละตุ้มเป๊ะไปเรียบร้อยแล้ว" พูดพร้อมยกฝ่าเท้าที่เช็ดซอสมะเขือเทศออกไปไม่หมดดีให้เขาดู ในใจได้แต่คิดว่านี่เธอต้องกลับมากินไอ้พิซซ่าเฮงซวย แต่เพื่อนรักกลับได้ไปนั่งจิบไวน์อยู่ในร้านอาหารสุดโรแมนติกกับสามี ยิ่งคิดอารมณ์ก็ยิ่งเดือดดาล เหมือนกาน้ำร้อนบนเตาที่เดือดปุด
"เปล่า...ผมเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้ในตู้เย็น ที่คุณเหยียบคงเป็นกล่องเปล่ากับซองซอสมะเขือเทศ"
นั่นแหละ...พายุระลอกสองจึงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยคำต่อว่าอีกสารพัดที่เธอสามารถหยิบยกมาเป็นประเด็นในการอบรมต่อว่าสามีได้ทุกเรื่อง ชายหนุ่มยังคงยืนตัวตรงอยู่ที่เดิม รับฟังคำต่อว่าของอีกฝ่ายโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ จนกระทั่งคนขี้บ่นได้ระบายออกมาจนหมด จากนั้นจึงเดินกระทืบเท้าปึงปังไปยังซิงค์ล้างจาน
แน่นอนว่าคนรู้งานอย่างคมกริชก็ต้องตามไปง้ออย่างไม่มีทางเลือก... "ให้ผมช่วยนะ"
"จะไปทำอะไรก็ไปทำเลยนะ!" ชลลดาแหววใส่ เมื่อสามีรีบทำเป็นกระตือรือร้นอาสาจะช่วยงาน
"ว่าแต่วันนี้การแสดงของคุณเป็นยังไงบ้าง ?" เขารีบชวนคุย บางทีการพูดคุยถึงการแสดงบัลเล่ต์ที่ประสบความสำเร็จ คงช่วยให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง
"ห่วยแตกที่สุด" คำตอบห้วนสั้นได้ใจความ ทำเอาคนถามถึงกับสะดุ้งโหยง
"การแสดงน่ะเหรอ ?"
"ฉันหมายถึงคุณต่างหากล่ะ! ฉันไม่น่าหลงผิดมาแต่งงานกับคุณเลยจริงๆ ดูสามีคนอื่นสิ ทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังคอยเอาอกเอาใจภรรยาสารพัด คุณรู้ไหมว่าวันนี้อนันต์เขาไปชมการแสดงละครด้วย แถมยังเหมาที่นั่งพิเศษไปทั้งชั้น"
สีหน้าคมกริชสลดลงเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าโดนเปรียบเทียบกับใคร แต่เขาก็ยังใจเย็นและตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี "แบบนั้นจะไปสนุกอะไร นั่งแค่คนเดียวแต่จะซื้อที่นั่งไปทำอะไรเยอะแยะ..."
ชลลดาหันมามองและขมวดคิ้วใส่อีกฝ่าย ก่อนจะพูดประชดปลายเสียงตวัดเล็กน้อย "อย่างน้อยเขาก็ยังปลีกเวลาไปดูนีน่าเต้นบัลเล่ต์ ส่วนคุณอยู่บ้านแท้ๆ ทำไมถึงไม่เคยคิดจะไปดูฉันแสดงบ้างเลยนะ"
"ก็ผมกลัวไปนั่งหลับในโรงละคร...คุณจำไม่ได้เหรอคราวก่อนที่ผมดูคุณซ้อมเต้น ก็เผลอหลับไปตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ อีกอย่างวันนี้ผมอยากวาดรูปอยู่กับบ้าน อารมณ์ศิลปินมันขึ้นๆ ลงๆ คุณก็รู้นี่นา..." คมกริชเข้าไปโอบเอวภรรยา ปั้นหน้าสำนึกผิด หวังว่าเธอจะยอมยกโทษให้และหายโมโหสักที แต่ดูท่าการง้อของคมกริชจะไม่เป็นผล เมื่อภรรยาขี้งอนทำหน้าหงิกใส่เขาในทันทีที่พูดจบ ทำให้คนพยายามง้อรู้ดีว่าหัวข้อนี้คงไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จึงหาเรื่องอื่นที่นึกได้ขึ้นมาพูด "เออ...ที่รัก...วันนี้มีคนส่งจดหมายมาถึงคุณด้วย"
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันยังไม่หายโมโห"
คราวนี้ชลลดาไม่หลงกล เพราะทุกครั้งเขาจะต้องพยายามเบี่ยงเบนให้เธอหลงลืมความขุ่นมัว และเธอก็เป็นคนประเภทโกรธง่ายหายไวเสียด้วย และแน่นอน...คมกริชใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ทุกทีสิน่า
"ใช่ตั๋วฟรีไปดูคอนเสิร์ตที่คุณส่งไปชิงโชครึเปล่า แต่ซองมันเป็นสีดำดูพิลึกยังไงไม่รู้"
"ไม่ใช่มั้ง"
ชลลดาอดใจไม่ได้ ในที่สุดก็เผลอมองตามไปยังซองที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความอยากรู้ หญิงสาวรีบเช็ดมือลวกๆ แล้วเดินไปหยิบซองจดหมายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขึ้นมาดู มันจ่าหน้าซองถึงเธอ และมีสัญลักษณ์เป็นรูปโจ๊กเกอร์กำลังตีลังกาตรงที่อยู่ของผู้ส่ง
"ฉันจำไม่ได้ว่าเคยส่งบัตรชิงโชคคูปองสวนสนุกด้วย" เธอเอ่ยเมื่อเปิดซองออก หยิบแผ่นตั๋วกระดาษ 2 ใบขึ้นมาพลิกอ่านด้านหลัง ซึ่งมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้อย่างเรียบง่าย
'Carnival of Love สวนสนุกพิสูจน์รัก'
อ่านตอนนี้ต่อในรูปเล่มเต็ม ที่นี่
ความคิดเห็น