ความติงต๊องของบลูโรส ภาค 5 พิชิตยอดเขาหลวง ทะลวงกองทัพทาก!!! - ความติงต๊องของบลูโรส ภาค 5 พิชิตยอดเขาหลวง ทะลวงกองทัพทาก!!! นิยาย ความติงต๊องของบลูโรส ภาค 5 พิชิตยอดเขาหลวง ทะลวงกองทัพทาก!!! : Dek-D.com - Writer

ความติงต๊องของบลูโรส ภาค 5 พิชิตยอดเขาหลวง ทะลวงกองทัพทาก!!!

โดย Mayarose

เลดี้บลูโรส หลงเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์อันเร้นลับ เพื่อตามหาไอหมอกที่ยอดเขาหลวง... ยอดเขาที่สูงสุดในภาคใต้ จะได้ไอหมอกมารึ! ต้องเผชิญกับการเดินทางอันหฤโหด และฝูงกองทัพทากรอดูดเลือดอยู่อย่างหิวกระหาย!!!

ผู้เข้าชมรวม

3,661

ผู้เข้าชมเดือนนี้

52

ผู้เข้าชมรวม


3.66K

ความคิดเห็น


11

คนติดตาม


0
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ค. 55 / 11:40 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
 
 


ความติงต๊องของบลูโรส ภาค 5
พิชิตยอดเขาหลวง ทะลวงกองทัพทาก!!!
ยั้วเยี้ยเเล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์!!!


   


 

 
 
 


ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การเดินทางเริ่มต้นในวันที่ 9 เมษายน 2555
    ชายผู้หนึ่งได้บอกเลดี้บลูโรสว่า
    ที่ยอดเขาหลวงมีไอหมอกหนาวสะท้านอยู่
    ใครได้สัมผัสไอหมอกนั้นจะเป็นอมตะได้ (เวอร์ไหม)
    เลดี้บลูโรสผู้ติงต๊อง ก็หนีออกจากปราสาทดาร์คแลนด์
    เพื่อไปพิชิตยอด "เขาหลวง" ยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้
    ด้วยความสูงกว่า 1835 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล




    เลดี้บลูโรสพร้อมด้วยนักเเสวงหาไอหมอกที่ยอดเขาหลวง
     ก็พากันเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า จัดเตรียมเสบียงกรังเพื่อออกเดินทาง 
    ซึ่งเราจะต้องไปนอนค้างเเรมในป่าถึงสองคืน ท่ามกลางฝูงทากยั้วเยี้ย บรื๋ออออ



     

    เเละนี่ก็คือสภาพก่อนออกเดินทาง (Before)
    ทุกคนสวยสดงดงาม (?) หน้าชื่นตาบานสาวๆเหล่านั้น
     มีประสบการณ์การเดินป่าอย่างโชกโชน





    เเต่เลดี้บลูโรสถึงจะเคยเดินป่า เเต่ก็ไม่เคยปีนเข้า
    เเละไปเผชิญป่าดิบชื้นที่เต็มไปด้วยทาก
    เลดี้จึงเก็บความหวาดหวั่นภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม



     

    ในการเดินทางครั้งนี้ เลดี้บลูโรสจะต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์วิบากไต่เขาสูงชันเเละดิ่งมากๆ
    จนสามารถไหลตกรถไดุ้้ถ้าไม่ระวัง
    ด้วยความตื่นเต้นหวาดเสียวแต่อย่าหวังว่ายินเสียงเลดี้บลูโรสกรีดร้องโหยหวนลั่นป่าด้วยความกลัว
    ทำไมไม่กรีดร้องเลยน่ะหรือ ก็เพราะกำลังนั่งเกร็ง  กลัวไหลตกรถอยู่ไงล่ะ






    และนี่ก็คือเส้นทางป่าที่เราเดิน!ทางเดินเเทบไม่มี
     ไหนล่ะทางเดิน! เราจะต้องตะลุยต้นไม้เล็กๆ ที่มีฝูงทากชูคอชูช่ออยู่ตามยอดไม้
     เเละผืนดินก็เต็มไปด้วยใบไ้ม้เปียกชื้นทับถม ตามประสาป่าดิบชื้น
    ว่ากันว่าเเถวนี้ฝูงทากมันเเอบซุ่มรอคอยดูดเลือดของนักเเสวงโชคอย่างกระหายหิว
    ทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงพลังงานความร้อนจากร่างกายมนุษย์
    มันก็จะยิ่งชูคอยืดดดดด เเละกระดึ๊บด้วยความเร็วสูงมาหา!
    อ๊ากก ต้องรีบเดินให้ไวนะเอออยากจะวิ่งมาก
    เเต่เลดี้ผู้เเสนบอบบางก็เหนื่อยหอบ จนอยากจะหายใจทางผิวหนังเเล้ว!



     

    และหลังจากนั้นเราก็มาพบกับลำธาร
    ว่ากันว่าเเถวนี้ทากยิ่งเยอะด้วย บรื๋อเพราะมันชื้นมาก เเต่เลดี้ก็จำใจต้องหยุดพักเหนื่อย ก่อนที่จะกลายร่าง


     


    และหลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อไป ทั้งปีนป่าย
    ย่ำโขดหินที่เเสนลื่นจับไปด้วยตะไคล่น้ำ
    เเถมยังต้องผวาหวาดหวั่นกับฝูงทาก ที่ซุ่มโจมตีเราเป็นระยะๆ


     


    นี่ไงล่ะ เจ้าทากตัวเล็กเเต่มากพิษสง
    มันกำลังกระดื๊บๆ หวังจะมาโซ้ยเลือดของนักเดินทางท่านหนึ่ง แต่โชคดีที่คุณพี่เเกใส่ถุงกันทากไว้
    เจ้าทากก็เลยโดนดีดเด้ง กระดอนไปไหนเเล้วก็ไม่รู้


     


    เเละเราก็ค้นพบกับลำตัวของงูยักษ์อนาคอนดาตัวใหญ่เบ้งนอนอยู่เราจะโดนมันฉกทะลวงงาบไหม ไม่นะ!





     บ้าเเล้ว นี่มันคือลำต้น มหัสดำ พืชดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งที่พบได้ในป่าดิบชื้นสวยใช่ไหมล่ะ? มองไกลๆลายยังกับงูเลยนะเนี่ย




    เห็นได้ชัดว่ามันชื้นมาก จนต้นไม้ตัวเล็กตัวน้อยอาศัยความชื้นของลำต้นมาเติบโตเป็นพืช
    เราเหล่านักเดินทางก็พากันถ่ายรูปมาโคร ทดสอบฝีมือการถ่ายรูปกันใหญ่
     



     

    มันน่ามหัศจรรย์ ช่างเป็นโลกแห่งความชุ่มชื้นจริงๆ ตลอดทางเดิน เราจะพบกับพืชพรรณที่เติบโตตามขอนไม้ชื้นๆแบบนี้
     


      

    ระหว่างที่พักการเดินทาง เราก็แอบถ่ายรูปเพื่อนนักเดินทางเเสวงหาไอหมอกด้วยกัน
    ด้านซ้ายมือ สุภาพบุรุษท่านนั้นเป็นคนหลอกเลดี้บลูโรสมาเขาหลวงโดย ไม่ยอมบอกว่ามีทาก เเง้ๆๆๆ (ฟ้องๆ)
    ส่วนด้านขวามือ คือสุภาพบุรุษนักหาบ ที่คอยเเบกของกลาง เอ้ย ของส่วนกลาง ให้เหล่านักเดินทาง
     เขาช่วยเลดี้บลูโรสแบกกล้องถ่ายรูปด้วยแหละ ปลื้มๆ
    สงสัยคงจะเห็นเลดี้เดินเอียงไปเอียงมาเซไปเซมาจนน่าเป็นห่วง เขาเลยอาสาขอเเบกเจ้ากล้อง


     

    คนอื่นเขาชอบถ่ายรูปดอกไม้กัน ไม่รู้ทำไม สงสัยเพราะดอกไม้นั้นเป็นของขวัญวิเศษ มีค่า
     เป็นอัญมณีเเห่งป่าไม้กระมัง เเต่เลดี้บลูโรสขี้เกียจ เลยแอบถ่ายรูปต้นไม้ โดยเฉพาะต้นไม้ที่มันขึ้นตามขอนไม้เนี่ย เท่สุดๆไปเลย


     

    แสงตะวันที่จับมา มันงดงามมาก นี่ถ้าไม่ถ่ายรูปไม่ได้เลยนะ
     ธรรมชาติสร้างฉากไว้รอเหล่านักเดินทางมาค้นพบ เเสงสวยยังกับฉากฮอลลิวูดเลย ให้ตายสิ!!
     


     

    ให้ทากกัดตายสิ! บลูโรสกำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติ ก็ไปเจอเจ้าทหารราบ จากกองทัพทาก มาสอดเเนมที่ยอดไม้
    เลดี้บลูโรสชะงักงัน เกิดอาการหยุดหายใจทันที ค่อยๆย่องถอยหลังด้วยความหวาดกลัวในบัดดล



      เมื่อเราพบว่าที่นั่นมีเหล่าหน่วยสอดเเนมลับของกองทัพทากอยู่
     เราก็รีบออกเดินทางต่อ เเต่ดูเหมือนว่า เส้นทางเ้ดินทางจะวิบากมากขึ้นเรื่อยๆ มีขอนไม้มาขวางกั้นทางเดินเราด้วย!
    หนอยเเน่ะ! เจ้าทากมันคงจะเอามาขัดขวางการเดินทางของเราสินะ




    แต่เมื่อมองไปมองมามันก็สวยดีงิ เลดี้ก็เลยอดไม้ได้ที่จะถ่ายรูปขอนไม้นั้น
    เเปะดอกไม้มาให้ดอกหนึ่ง ดอกอะไรก็ไม่รู้


     

    เเล้วหลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ ดูสิดู! มันวิบากขนาดไหน หนอยยยย เจ้าพวกทาก จะขวัขวางการเดินทางของพวกเราไปถึงไหน
     




      แตู่เหมือนคนอื่นเขาจะไม่ค่อยกลัวทากกันเลย ดูสิ แม่นางสาวชาวใต้ทั้งสองยิ้มระรื่นกันเชียว





    และหลังจากเราบุกป่าฝ่าดงมาได้แปดกิโลเมตร
     เราก็มาถึงจุดพักคนเดินทางเราก็จัดการผูกเปลนอนใต้ต้นไม้กัน
     และเตรียมหุงหาอาหารเปลี่ยนเสื้อผ้าถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีการผูกเปลสองชั้น
     เพราะต้นไม้เเละที่บังฝนไม่พอ เลยต้องเบียดๆเสียดๆกันนอนเกาะต้นไม้
     คืนนั้นเราหลับกันตั้งเเต่ห้าโมงเย็น เพราะมันมืดไวมากกกก




      อันนี้ที่นอนของเลดี้บลูโรส ห้อยโตงเตงอยู่บนต้นไม้ นั่นผ้าซิ่นเลดี้เอง
    ฮ่าๆๆณ ตอนนัี้น เลดี้พบว่า เจ้าทากได้สะกดรอยตามเลดี้มาด้วย
    มันเกาะอยู่ที่คอข้าพเจ้าเอง อ๊ากกกอยากจะกรีดร้องให้ลั่นป่า
    เลือดกระฉูดเลอะเสื้อผ้าเหมือนโดนเอามีดกระซวกเลย แต่ลืมถ่ายภาพมา


      

    ว่ากันว่าเดือนเมษายนนี้ หากมาเดินเขาหลวง จะพบกับอัญมณีเเห่งผืนป่า
    นั่นก็คือเหล่ากล้วยไม้นานาัพันธ์ให้ช่างภาพได้ถ่ายมา


      

    แล้วเราก็เดินทางกันต่อ ในเช้าวันต่อมาหลังจากนอนหลับในเปลที่โคตรหนาวมาเเล้วทั้งคืน
    แม่นางสาวชาวใต้ก็ยังคงยิ้มอย่างมีความสุข ราวกับว่าเดินป่ามาเดินเล่น
    เลดี้รู้สึกอิจฉาจริงๆ เเง่ง เพราะตอนนี้เลดี้เหนื่อยจนเริ่มอยากจะหายใจทางผิวหนังเเล้ว


     

    ความเหนื่อยยากทำให้เลดี้ตัดสินใจหาไม้มาทำเป็นไม้เท้าเเล้วเิดินแบบคนแก่เเบกกระเป๋าหลังตุง ดูสภาพเจ้ารองเท้าซะก่อน ว่าเท่ขนาดไหนๆ


     

    ความชุ่มชื้นของขอนไม้ เเละความหนาวของเมื่อคืน
    ทำให้มีหยาดน้ำค้างเกาะตามยอดต้นไม้นานาพันธ์ เลดี้อดใจไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูป
     ถ้าสังเกตดีๆมันจะเป็นประกายระยิบระยับวิบวับราวกับเม็ดอัญมณีเกาะบนผืนเฟิร์นเลยล่ะ

      

    นี่คืออัญมณี โอ้ววว  บ้าเเล้ว

     

    ไหนๆก็ไหนๆ ขออีกมุม ชอบจริงๆน้ำค้างเกาะเนี่ย มันไม่เคยเห็น ><


     

      เจอดอกไม้อีกแล้ว ถ่ายเเชะเดียวพอ เพราะขี้เกียจ กร๊าก



      ยิ่งเราเดินขึ้นไปสูง เราก็ยิ่งพบว่าพืชพันธ์ธรรมชาติเริ่มมีท่าทางโบราณเหมือนป่าดึกดำบรรพ์ในจูราสิคปาร์คทุกๆที
     เดินไปเดินมาก็กลัวว่าเจ้าไดโนซอรัสจะโผล่มาขม้ำขยำขเมือบได้ทุกเวลา


     

    มีจุดชมวิวจุดสุดท้ายก่อนที่จะไปถึงยอดเขาหลวง เราไม่เห็นวิวด้านล่างเลยใ้ห้ตายสิ
     เพราะข้ากลายเป็นคนเหนือเมฆเเล้ว กร๊ากกกกก


     

    ชายผู้นำทาง คนนี้เป็นผู้นำทางเราเอง อ้อ อยากบอกว่าเขาใจดีๆมากๆเลย
    เพราะช่วยแบกกระเป๋ากล้อง และดูเเลการเดินทางให้เลดี้ตอนขากลับด้วย


      

    และเราก็มาถึงยอดเขาหลวง อ๊ากกก ตามกระสาคนไทย เราต้องถ่ายกับป้ายกันหน่อยล่ะ
     เเล้วเราก็ยืนโพสท่าสารพัดถ่ายรุปกับป้ายกันใหญ่เลย



     

    เอ้าถ่ายกันเข้าไป เห็นสภาพเเล้วอย่าตกใจ นี่ไม่ใช่บลูโรสนะ ม่ายยยยย




      เอ้า ยิ้มระรื่น ถ่ายๆ


     

    การถ่ายกับป้ายนี่เป็นธรรมเนียมไทยเเท้เเต่บราณจริงๆนะเออ
    ปล. สังเกตว่าบลุโรสใส่เสื้อสีสว่างนะ ในขณะที่คนอื่นเขาจะเเต่งกลืนกับสีป่า
    นั่นเพราะบลูโรสกลัวทากเกาะ เลยต้องใส่สีสว่างๆ เวลาทากเกาะจะได้มองเห็น อึ๋ยยย




    นี่ดอกอะไรไม่รู้ เขาชี้ให้ถ่ายเราก็ถ่ายมา ถ่ายมารูปเดียวก็พอ กร๊าก




    เเล้วเราก็พบกับศาลเจ้าหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ประวัติ แต่เลดี้ก็รู้ว่า ศรัทธาเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์จริงๆ บนยอดสูงสุดของเขาหลวง
    มีชาวบ้านรวมตัวกันร่วมแรงร่วมใจสร้างอาศรมปู่เจ้าอินทเรศ
    บลูโรสพยายามหาเเล้วว่าปู่เจ้าท่านนี้เป็นใคร แต่หาไม่เจอจริงๆ



      

    นี่ดอกอะไรไม่รู้อีกตามเคย เค้าชี้ให้ถ่ายเราก็ถ่าย กร๊ากๆ


     

      ทางไปสู่จุดชมวิว  อยู่หลังศาลปู่เจ้าอินทเรศ
    ผู้พิชิตยอดเขาหลวง ก็ต้องปีนป่ายต้นไม้ ไปบนยอดไม้ เพื่อถ่ายรูปวิว เลดี้พยายามเเล้ว ปีนมาสูงได้เเค่นีแหละ ถ่ายมาฝากเเล้วกันนะ






      อยากบอกว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยหมอกขาวสว่างรอบตัวเราไปหมดเลย ต้นไม้รอบอาณาบริเวณก็เต็มไปด้วยมอส มีหยดน้ำ
     เราก็ทดสอบฝีมือการถ่ายรูปกันใหญ่




    คนอื่นเข้าถ่ายดอกไม้ เราถ่ายรูปไม่เก่งเหมือนชาวบ้าน เลยมานั่งตั้งหน้าตั้งตาถ่ายหยดน้ำอย่างมุ่งมั่น เอ้า ฮุย เล ฮุย




    ขออีกมุม เเชะ แหม่ๆ หยดน้ำที่เจ๋งจริง เทคเดียวผ่าน




    เเล้วเหล่าลูกหาบเเละผู้นำทางของเราก็พากันทำอาหารให้พวกเราหม่ำๆกัน
    อยากบอกว่าที่นี่อยู่เเละมีชีวิตได้สามวันสองคืนเพราะฝีมือทำอาหารของพวกเขานะเนี่ย




     กำลังต้มน้ำ และเตรียมเปิดหม้อข้าวกันอยู่




    นี่ไงหม้อข้าว เจ๋งใช่ไหมล่ะ เขาหุงข้าวได้สวยมาก บลูโรสรู้สึกอายไปเลย




    เราแบกเเบตเตอรี่ไปด้วย เพื่อหุงหาข้าวปลาอาหาร


     

    เจอดอกไม้อีกละ ต้องถ่ายซะเเล้ว เเชะๆๆ อยากบอกว่าดอกนี้อยู่สูงมากกกก
    ต้องใช้เลนส์ซูมสูงสุดของบลูโรสเลยนะเนี่ย เลยได้มาเเค่นี้แหละ โฟกัส ยาก จริงจัง




    มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการทำอาหาร กำลังนั่งทำแผลกันอยู่อย่างขมักเขม้น


     

     ท่านพี่ผู้หลอกล่อบลูโรสไปเดินทางในครั้งนี้ ชวนบลูโรสเข้าป่าฝ่าดงดึกดำบรรพ์ไปตามหากล้วยไม้!




    และเราก็พบกับเจ้าวิลโลวพูดได้ มันบอกว่าตอนกลางคืนมันมักจะออกมาวิ่งเล่นจนเเผ่นดินสะเทือน
    บลูโรสก็หยุดคุยกับมันสักพักเเล้วออกเดินทางต่อ


     

    ฮั่นเเน่ เจอดอกไม้อีกละ ถ่ายรูป แชะ!!


     

    เหมือนมีทีมงานฮอลลิวุดจากเดอะลอร์ดออฟเดอะริงมาจัดเเสงรอต้อนรับเราเลยนะเนี่ย เเสงสวยแบบนี้ เราต้องถ่ายรูปหน่อย เเชะ!!




    เเล้วเราก็เดินทางสู่ป่าที่ทั้งทึบเเละลึกเจข้าไปทุกขณะ เหล่านักเดินทางผู้เเสวงหากล้วยไม้....
    อัญมณีแห่งผืนป่า พากันบุกป่าฝ่าดงดึกดำบรรพ์อย่างไม่ย่อท้อ เพื่อให้ได้มาซึ่งภาพกล้วยไม้อันงดงาม



       

    เหมือนว่าปีนี้จะชื้นผิดปกติ ทำให้หากล้วยไม้ยากมากกกกกแต่เราก็จอดอกไม้ป่า
    ที่กำลังรอคอยการผลิบานในอีกไม่นาน บลูโรสก็ถ่ายรูปมา เเชะ




    อ่ะ นี่กล้วยไม้ป่าอีกดอก แชะ!




      ส่วนนี่เหมือนจะเป็นที่เหล่านักเดินทางปรารถนากันมาก สิงโตพัดเหลือง!
    ทุกคนพากันเล็งกล้องไปที่มันอย่างตื่นเต้นดีใจ เจ้าสิงโตคงตกใจเเย่




    บลูโรสก็ถ่ายมาแบบพยายามเบียดเสียดกับกล้องคนอื่น ได้มาแค่นี้แหละ
    เเง่ม  เหล่านักเดินทางถ่ายรูปกันอย่างตื่นเต้น โดยหารู้ไม่ว่าพายุกำลังตั้งเค้า เเละฝนกำลังจะตก!




    บลุโรสชอบถ่ายเเบบนี้มากกว่า กร๊าก นี่มันคือยอดของเฟิร์นมหัสดำ พืชดึกดำบรรพ์นะเออ




    และบลูโรสก้ได้สัมผัสกับสิ่งที่ปรารถนา นั่นก็คือ ไอหมอกที่ยอดเขาหลวง มันลอยมา
     อ่าาาา บลูโรสก็หายใจเข้าลึกกกกก เพื่อรับไอหมอกที่ว่ากันว่าจะทำให้เราเป็นอมตะ (เวอร์อีกละ)


     

    หลังจากนั้นเมื่อเเต่ละคนได้รับสิ่งที่ต้องการมาเเล้ว เราก็เดินทางกลับ เเต่เพราะเริ่มมืดค่ำ เเละฝนตก
    จนบลูโรสเซถลาลื่นล้มหงายหลังหลายรอบ เเต่ไม่ยักได้เเผลฟกช้ำดำเขียวอะไร
    บลูโรสมาถึงที่พักเป็นคนสุดท้าย ก็เจอเขากำลังหุงข้าวกันอยู่




      หลังจากผ่านพ้นราตรีอันเหน็บหนาว เราก็ออกเดินทางกลับกัน นี่คือสภาพรองเท้าของบลูโรสในวันที่ 11 เมษายน




    เรามาถึงจุดพักนักเดินทางในตอนสายๆบ่ายๆ ริมลำธารที่เต็มไปด้ยวยทากยั้วเยี้ย
     เหล่าช่างภาพก็พากันถ่ายรูปกันตามกระสาคนมีกล้อง




    คนอื่นเขาถ่ายวิวกัน บลูโรสถ่ายเขียงนี่เป็นเขียงที่ใครไม่รู้เอามาทิ้งไว้ที่จุดพักการเดินทาง
    สงสัยเขาจะขี้เกียจเเบกกลับ ก็เลยเอามาห้อยโตงเตงเเถวนี้


     

    สาวๆเขาเล่นน้ำกันใหญ่เลย หารู้ไหมว่าเจ้าทากกำลังรอเขมือบอยู่!!!




      สำหรับคนที่สงสัยว่านอกจากก่อไฟในกองไฟเเล้ว เราจุดไฟกันยังไง เราใช้เจ้านี่เเหละ





    ส่วนนี่เป็นไม้เท้าที่ช่วยชีวิตบลูโรสไว้ไม่ให้ไถลล้มในป่า


     

      นี่น่าจะเป็นซากของอาหารที่นักเดินทางกลุ่มที่เเล้วนำมาทิ้งไว้
    เราต่างนั่งวิเคราะห์อย่างสนุกสนาน มีทั้งเศษซองมาม่าเเละไข่ไก่... อืมม สงสัยกลุ่มที่เเล้วทำมาม่าใส่ไข่เเน่ๆ



      และทางด้านพ่อครัวของพวกเราก็กำลังทำอาหารมื้อสุดท้ายในป่าให้เเก่พวกเรา




    โดยใช้เขียงปริศนาเมื่อกี๊ กร๊ากกกก




    บลูโรสก็นั่งจ้องด้วยความหิว ท้องร้องจ๊อก


     

    ส่วนบลูโรสก็ออกเดินทางถ่ายรูปต่อไป เเอบผวาเป็นระยะๆ
    เเม้จะอยู่มาสองคืนสามวันเเล้วก็ตาม เราก็ยังสัมผัสได้ว่าเจ้ากองทัพทากไ่ม่เลิกราวีเเน่
     




      ดังนั้นบลูโรสต้องระวังตัวสุดขีด โดยการห้อยกระเป๋าบนที่สูง กันทากมาเกาะกระเป๋า ><
     ถ้ามันไต่กระเป๋านะ สยองเเน่ๆ มันจะค่อยๆกระดึ๊บจากกระเป๋ามางับคอ เเง้

     

    ส่วนพี่สาวคนนี้ก็กำลัง ถ่ายรูปอย่างมีความสุข
    โดยหารู้ไม่ว่ากำลังโดนเหล่าทากจับจ้องอย่างกระหายหิว หึหึหึ
    พราะหลังจากนั้น พี่สาวก็พบว่าโดนทากกว่าสามตัวรุมดูดเลือดที่ขาเลือดโชกเลย อึ๋ยยยยย

     



    หลังจากเราหม่ำๆเสร็จเเล้ว เราก็วิ่งป่าราบ เพื่อหนีฝูงทาก กลับออกมาสู่โลกภายนอก
    ทันทีที่เห็นเเสงตะวันภายนอก บลูโรสก็โล่งใจ!
    เหล่านักเดินทางสามารถรอดพ้นจากสายตากระหายของทากได้
    เเม้หลายคนจะต้องสูญเสียเลือดไปให้มันไม่มากก็น้อย
    อย่างไรก็ตามพวกเขาหารู้ไม่ว่า...เมื่อกลับไปอาบน้ำในห้องน้ำอาจจะเจอทากสอดเเนมเกาะตามชายเส้อ

    กรี๊ดด

    จบ!



     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×