คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [fic] Toptory 'Zeal' Chapter 4
[ZEAL]
Fic : TOPTORY
Rate : PG-15
Author : Vindice
ขอโทษจริงๆนะครับที่หายไปนานไปติดเกมส์อยู่ช่วงนึง ลืมฟิคซะสนิดเลย ตอนนี้กลับมาแต่งเหมือนเดิมแล้วนะครับตอนนี้ก็เปิดตัวละครใหม่ แล้วก็บลาๆๆ อ่านเอา 555
ควันบุหรี่สีขุ่นมัวลอยล่องอยู่ท่ามกลางอากาศยามราตรีที่ครึกครื้น เบื้องล่างมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาซื้อสินค้าลดราคาในวันหยุด เบื้องบนดาดฟ้าสูงของโรงแรมสี่ดาว ทรงตึกสไตล์ยุโรปมีชายร่างสูงในชุดหนังแท้สีดำเงายาวถึงเข่า และหนาพอที่จะทำให้ร่างกายเขาอบอุ่นทนกับอากาศเวลาแบบนี้ได้และแว่นกันแดดสีดำที่จะอยู่บนใบหน้าเขาได้เป็นประจำ เขาก้มมองดูนาฬิกาเรือนละหลายสิบล้านวอนที่ข้อมือด้านขวา
“สี่ทุ่ม สามสิบเจ็ดนาที ... น่าจะเสร็จได้แล้วล่ะ” พูดกับตัวเองเสร็จก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังที่ขอบสุดของดาดฟ้า
ชายหนุ่มยังคงคาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วหยิบเอาแท่งเหล็กทรงกระบอกหนา ยาวประมาณไม้บรรทัดออกมาจากกระเป๋า เขากดปุ่มเล็กๆที่ตรงกลาง ทันทีที่กดปุ่มนั่นก็มีฉมวกเหล็กสี่แฉกปลายคมกริบโผล่ออกมาจากด้านปลาย เขาเอามันปักเข้ากับคอของรูปปั้นสิงโตตัวใหญ่ที่มุมดาดฟ้า แล้วเปิดฝาด้านท้ายของแท่งเหล็กนั่นดึงออกมา ด้านในมีสายสลิงหยุ่นอัดอยู่ไว้แน่นหนา ด้านปลายของเส้นสลิงมีตะขอเล็กๆ เขาเอามันมาเกี่ยวกับเข็มขัดด้านหลังของตนเอง
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผ่อนออกมาอย่างใจเย็นค่อยๆขยับไปจนขอบเท้าจรดขอบของดาดฟ้าตึก ก้มมองลงไปยังด้านล่าง แล้วกระโดดโรยตัวจากขอบดาดฟ้าลงมา ทันทีร่างของเขาตกลงไปด้านล่างสายสลิงที่อัดแน่นอยู่ในแท่งกระบอกเหล็กก็ดีดตัวเพิ่มความยาวออกมาเรื่อยๆ
ทันทีที่ความยาวของเส้นสลิงหมดลง ร่างของเขาก็กระตุกด้วยแรงที่ทิ้งตัวลงมา แล้วห้อยต่องแต่งอยู่แบบนั้น ร่างของชายหนุ่มมาหยุดอยู่เหนือระเบียงที่ยื่นออกมาจากห้องพักสำหรับแขกพิเศษของโรงแรมไม่มากนะ แต่เป้าหมายของเขาจริงๆคือสุดปลายเชือกแล้วปลายเท้าต้องสัมผัสที่พื้นระเบียงได้
“คำนวณความยาวมาไม่พออีก” เขากล่าวอย่างใจเย็น แม้เขาจะอยู่สูงถึงร้อยถึงสองร้อยเมตรจากเบื้องล่าง แต่ ไม่ทำให้เขาเกิดความกลัวเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มพยามหาที่จับจากขอบเล็กๆที่ยื่นออกมากจากตึกเพื่อให้เขาหยุดแกว่ง ปลดตะขอที่เกี่ยวกับเข็มขัดออกแล้วกระโดดลงมาที่ระเบียงอย่างเงียบเชียบ ประตูที่ระเบียงถูกล๊อคไว้ เพื่อที่จะเข้าไปข้างในเขาหยิบคลิปหนีบผมเล็กๆมาสะเดาะกลอนประตูด้วยความระมัดระวังอย่างเบามือไม่ให้เกิดเสียง ทันทีที่เปิดออกชายหนุ่มได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องครางออกมาจากด้านในแว่วๆ
กลิ่นของสเปรย์ดับกลิ่นอ่อนๆที่ไม่มีกลิ่นใดปนเปื้อนทำให้เขาพอรู้ว่าส่วนของห้องนี้ไม่มีใครอยู่แน่ๆ ชายหนุ่มย่างเท้าเดินเข้าไปอย่างใจเย็นและเดินตามเสียงที่ได้ยินไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน ชายหนุ่มพบซองเปล่าของยาไวอากร้าเม็ดตกอยู่หน้าห้อง ไม่รีรอเขาบิดกลอนประตูเปิดเข้าไปด้านในทันที
ภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา คือผู้หญิงเปลือยเปล่ากำลังนั่งคร่อมอยู่บนชายร่างล่ำแล้วขย่มขึ้นลงพร้อมกับครางกระเส่าอยู่บนเตียงเสียงดังไปทั่วห้อง สายตาของชายที่ถูกคร่อมอยู่มองดูหญิงสาวอย่างพอใจ ชายร่างสูงเปิดประตูอ้าไปจนสุดพยามให้ทั้งสองคนที่กำลังมีเซ็กส์อย่างเร่าร้อนสังเกตเห็น แต่ก็ไม่เป็นผล เขายืนสูบบุหรี่พิงขอบประตูแล้วยืนดูอยู่แบบนั้น
“ก๊อก ก๊อก มีใครอยู่มั้ย?” เสียงทุ้มต่ำของชายร่างสูงที่ยืนอยู่ที่ประตูพูดกวนๆออกมาไม่ค่อยเป็นคำเพราะปากคาบบุหรี่อยู่ทันทีที่ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงได้ยินก็หันควับมาทั้งคู่
“ว๊ายยย!!” หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจแล้วรีบผละตัวลงจากร่างของชายร่างล่ำ เธอรีบหยิบผ้าห่มมาปกคลุมตัวแล้วนอนอยู่ข้างๆของชายที่ร่วมหลับนอนด้วย ชายหนุ่มที่เพิ่งถูกขัดจังหวะก็ตกใจแล้วรีบหยิบหมอนมาปกปิดของลับของตนเอง
“คุณเข้ามาได้ยังไงคะเนี่ย!!”
“รบกวนกลับไปก่อนนะครับคุณผู้หญิง เสื้อผ้าคุณก็…” ชายร่างสูงกล่าวอย่างสุภาพแล้วหันไปมองกองเสื้อผ้าที่วางไว้ที่โซฟาด้านนอก “…อยู่ข้างนอกแล้ว ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”
หญิงสาวหันไปมองหน้าชายที่นอนอยู่ข้างๆเป็นเชิงถาม ชายคนนั้นจึงพยักหน้าตอบรับ หญิงสาวจูบที่มุมปากของเขาก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิด
“สบายดีมั้ยยองเบ ไม่ได้เจอกันนานนะ” ชายร่างสูงปิดประตูห้องแล้วเดินไปไปนั่งที่ขอบเตียง
“สะ..สบายดีครับหัวหน้า” ชายร่างล่ำพูดติดๆขัดๆอย่างอ่อนน้อม “ว่าแต่หัวหน้าหาผมเจอ ด..ได้ยังไง”
“นายคิดว่าผมเป็นใครกัน”
“ทราบคร๊าบ คุณหัวหน้าชเว ซึงฮยอน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ขององค์กรซีล(Zeal) แต่คุณมาผิดเวลาไปมั้ยครับ ธุระของผม... ยังไม่เสร็จเลยนะ”พูดเสร็จเขาก็ชี้ไปที่น้องชายของตนเอง
“ถ้าไม่ใช่ที่นายกินไวอากร้าเข้าไป ผมคงคำนวณเวลาแม่นกว่านี้ สุขภาพไม่ดีรึไงถึงต้องใช้ยานี่” ชายผู้เป็นหัวหน้ามองลงต่ำไปยังส่วนกลางของลำตัวอีกฝ่ายที่มีหมอนใบเล็กปิดอยู่
“พักหลังนี้มันใช้งานไม่ค่อยดีน่ะครับ ก็เลยต้องพึ่งยานิดหน่อยแห่ะๆ”ชายร่างล่ำกล่าวอย่างอายๆพร้อมกับกระชับหมอนเข้ากับตักไว้แน่น แล้วกระเถิบตัวถอยไปพิงหัวเตียง “ว่าแต่หัวหน้ามีอะไรด่วนรึปล่าวครับ”
“ผมมีงานมาให้ทำน่ะ”
*
ครืนนน~~ เสียงเครื่องดูดฝุ่นดังไปทั่วบ้านสุดหรู
เด็กหนุ่มร่างเล็กกำลังลากเครื่องดูดฝุ่น เดินทำความสะอาดพรมนุ่มสีขาวสะอาดที่ห้องรับแขกใจกลางบ้าน เสื้อเชิร์ตแขนยาวบางๆกับกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋วเครื่องแต่งกายประจำตัวสำหรับอยู่บ้านของเขา กับคาร์เตอร์ หุ่นยนต์แบร์บริคขนาดครึ่งตัวคนที่ยืนเช็ดกำแพงกระจกใสด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าของเมื่อวาน จากการทำงานหนักทำให้เกิดหยดเม็ดเหงื่อเกาะอยู่เต็มหน้าใสๆของเด็กหนุ่ม ต่างจากคาร์เตอร์ที่ไม่บ่งบอกถึงอาการเหนื่อยล้าแต่อย่างใดมีเพียงไอร้อนระอุที่ออกมาจากภายในตัว
“เห้ออ~~” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม “เสร็จซะทีนะฮะคุณคาร์เตอร์”
‘เสียดายนะครับที่วันนี้โซฟีไม่อยู่ ระบบประมวลผลของเธอเสียเลยถูกส่งซ่อมที่โรงงาน’ น้ำเสียงดูเป็นห่วงคู่ขาของเจ้าแบร์บริค ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหม่นตามไปด้วย
“ถ้าถึงมือช่างแล้วก็คงหมดห่วงแล้วล่ะฮะ” ถึงเขาจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากนัก แต่ก็อยากจะช่วยปลอบโยนเจ้าแบร์บริคตัวน้อย
“คุณคาร์เตอร์เมื่อเช้าผมไปดูที่ห้องพี่ท็อป ไม่เห็นอยู่เลยฮะ เค้าไปไหนหรอ” เด็กหนุ่มพูดกลางเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขนอยู่เหนือทีวี บอกเวลาแปดโมงเศษ
‘คงไปทำงานน่ะครับคุณซึงรี เดี๋ยวก็กลับแล้ว’
“อรุณสวัสดิ์คาร์เตอร์” เสียงทุ้มต่ำดังแว่วมาจากประตูบ้านที่เปิดอ้าไว้อยู่ ชายร่างสูงกำลังก้มถอดรองเท้า เสียงของเขาทำให้ซึงรีและคาร์เตอร์หันควับไปมองพร้อมๆกัน
‘พูดถึงก็มาเลย ตายยากจริงๆนะเนี่ยเจ้านาย’
“อรุณสวัสดิ์ซึงรี” ชายหนุ่มกล่าวทักทายอีกครั้ง
“ฮ..ฮะ”
“กินข้าวเช้ารึยัง”
“ยังเลยฮะ ตื่นมาก็ทำงานบ้านกับคุณคาร์เตอร์เลย” เด็กหนุ่มผายมือไปรอบๆบ้านให้ดูผลงานของตนเองและคาร์เตอร์ คล้ายจะพยายามบ่งบอกว่า ‘ผมเก่งมั้ย’
“เดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งนะ เราจะไปทานมื้อเช้าข้างนอกกัน” ชายหนุ่มพูดเสร็จก็เดินขึ้นบันไดไปข้างบน แต่เมื่อเขาย่างเท้าขึ้นไปได้สองขั้นก็ต้องหยุดแล้วถอยหลังกลับลงมาเมื่อสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง “เสื้อผ้านายที่ซื้อมามีแต่แบบนี้หรอ”
“เอ่อ..” ซึงรีก้มมองจรดปลายเท้าของตนเอง “ใช่ฮะ ผมชอบใส่อยู่บ้านแบบนี้มันสบายดี”
“แล้วชุดใส่เที่ยวล่ะ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเสื้อผ้าล่าสุดที่ไปซื้อกับควอน จียงล้วนเป็นกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเล็กๆ กับเสื้อเสื้อเชิร์ตแขนยาวเนื้อบาง
“งั้นมายืมชุดพี่ใส่ก่อน เดี๋ยวไปซื้อเสื้อผ้าใหม่กัน”
*
“อาหารไม่อร่อยหรอครับ” ซึงฮยอนกล่าวถามเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบนโต๊ะ ในร้านอาหารยุโรปราคาแพง ท่าทางของซึงรีดูเกร็งๆตลอดเวลา ตั้งแต่อาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าค่อยๆตักอาหารใส่ปากอย่างเชื่องช้า ทำหน้าเจือนๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาซึงฮยอนแม้แต่ครั้งเดียว
“หรือว่า.. ไม่ชอบอาหารแนวนี้หรอ งั้นพี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ถามก่อนว่าอยากกินอะไร” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ และมองหาพนักงานเสิร์ฟในร้าน “น้องเช็คบิลครับ”
“มะ...ไม่ต้องหรอกฮะ” เด็กหนุ่มรีบห้ามชายหนุ่มอย่างรีบร้อน “คือ...”
ชายหนุ่มสังเกตอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมของเด็กหนุ่มคล้ายจะล้วงคำตอบออกมา
“เรื่องเมื่อคืนใช่มั้ย?”
“ฮะ..” เด็กหนุ่มยังคงไม่เงยหน้ามาสบตากับซึงฮยอน “ผมแค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง ถ้าเกิดคนเราจูบกันแล้ว..”
“จูบแรก?” เขาเงยหน้าขึ้นมามองซึงฮยอนแล้วพยักหน้ารับรัวๆ เพราะท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขาทำให้ชายหนุ่มขำเล็กน้อย
“เรื่องแค่นี้นี่ทำให้นายคิดมากขนาดนี้เลยหรอ”
“จูบแรกนะฮะ” เด็กหนุ่มพูดสวนขึ้นมาทันที ด้วยอาการเคืองนิดๆ
“ครับพี่เข้าใจ ยังไงก็ขอโทษละกัน แค่หยอกนายเล่นเฉยๆ ไม่คิดว่านายจะคิดมากขนาดนี้”
หลังจากนั้นความเงียบก็ครอบงำโต๊ะอาหารอยู่หลายนาที ก่อนที่ซึงรีจะพูดขึ้นมาทำลายความเงียบนั้นลง
“คนจูบกัน นี่เขาต้องรักกันก่อน ถึงจะจูบกันได้ .. ใช้มั้ยฮะ”
“...”
“ทีหลังพี่อย่าทำแบบนี้อีกนะฮะ”
To be continued …
ความคิดเห็น