คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก็เพราะว่า..รัก..Sin
สรรพสิ่งต่าง ๆ บนโลก...ต่างถูกเปรียบเปรยกับสิ่งที่ใช่และใกล้เคียงกันกับความเป็นอยู่และเป็นไปของมัน ไม่เว้นแม้กระทั้งความรู้สึกของคน.... ความรัก เป็นอีกความรู้สึกที่ถูกเปรียบเทียบกับอะไรต่าง ๆ มากมาย....เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนว่ามันคือความหมายนัยไหนกันแน่ ..ความรัก คือสิ่งที่ผันผวนปรวนแปรได้ไม่สิ้นสุด ไม่มีจุดที่ตายตัว... ความรัก คือสิ่งที่เริ่มต้นด้วยความสุข ...แต่สุดท้ายอาจจะลงท้ายด้วยความเศร้า ความเสียใจ แม้แต่การสูญเสีย มีซักครั้งไหมที่ความสุขที่เกิดจากความรักจะเป็น...นิรันดร์...
“ซิน ง่วงว่ะ นอนนะ”
“อืม..” ตอบรับแค่นั้น ก่อนคนข้าง ๆ จะเอนหัวตัวเองพิงเข้ากับไหล่ผม พร้อมกับหลับตาลง เพื่อที่จะเข้าสู่การพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางระยะไกล...ผมหันหน้ามามองเสี้ยวหน้าคนที่ซบหัวลงบนไหล่ ทั้งที่ตัวเองบอกเองแท้ ๆ ว่าไหล่ผมเล็กซบไปก็รองรับหัวกับหน้าตัวเองได้ไม่เท่าไหร่....แต่ก็ยังเห็นซบทุกครั้งที่จะหลับเวลานั่งรถตู้ไปด้วยกัน ผมมองเพื่อนร่วมวงที่หลับตาสนิท ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ ก่อนจะเสหน้าออกมองวิวข้างนอกรถ......ถ้าถามผมว่า เปรียบความรักเหมือนอะไร ความรักของผมคงเหมือนสายฝน มันช่วยดับร้อนได้ และช่วงเวลาที่เริงร่ากลางสายฝน คือเวลาที่มีความสุขและสนุกที่สุด แต่สุดท้ายถ้ามากเกินหรือเยอะเกิน มันย่อมส่งผลต่อสุขภาพ........คงจะดีถ้าสามารถนั่งกลางสายฝนได้แล้วรู้สึกแค่เย็นสบาย ไม่เหน็บหนาว เย็นยะเยือก กับสิ่งที่รับมามากจนเกินไป
“ไม่ง่วงเหรอ”
“ยัง... นัทนอนเถอะ ถ้าถึงแล้วซินจะปลุก” ผมยิ้มให้คนที่คิดว่าหลับแล้ว..... แต่กลับถามขึ้นอีก ทั้งที่ยังไม่ได้ขยับตัวและลืมตาขึ้นมา มีเพียงฝ่ามือที่รับรู้ได้ถึงแรงสัมผัสเบา ๆ.... ระหว่างนิ้วของผมถูกสอดแทรกด้วยนิ้วมือใหญ่ของอีกคน แรงกระชับมีมากขึ้นเมื่อได้รับคำตอบ ก่อนที่จะเริ่มนิ่งไปอีกครั้ง........
“ซิน นัท เอาของไปเก็บแล้วก็พักผ่อนก่อนนะ ซักเย็น ๆ พี่จะโทรตามให้เตรียมตัว” วันนี้พวกเรามีไลฟ์ที่ผับแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด พวกเรามาถึงก่อนเวลาค่อนข้างมาก เพราะพี่โอ๊ต พีอาร์ของเราต้องมาดูสถานที่จัดงานอะไรซักอย่าง พวกเราไม่มีงานอะไร เลยมาด้วยกัน...
เป็นไปอย่างที่คิด แฟนคลับพวกเรามารอบริเวณล็อบบี้โรงแรมกันกลุ่มใหญ่ ทางพี่โอ๊ตคงกลัวจะเป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่นก็เลยจัดให้พวกเรากับแฟนคลับได้มาทักทายกันบริเวณด้านหน้าโรงแรมกันพอหอมปากหอมคอ ผมกับนัทก็ขึ้นที่พักที่ทางทีมงานจัดไว้ให้
“นัท!” ผมร้องเสียงหลงพร้อมกับตีมือใหญ่ที่รวบเอวผมเข้าไปหาตัวเองทันทีที่ปิดประตูห้อง
“ไมอ่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตั้งนาน ก็คิดถึงนิ” ยังไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังกอดแน่นขึ้นพร้อมกับเอาคางมาวางเกยบนไหล่ผมอีก
“เหรอ เยอะไป ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวซินไปอาบน้ำก่อนเหนียวตัว” ผมใช้มือดันหัวคนที่กำลังเอาคางกดไหล่ผมออกพร้อมกับแกะมือปลาหมึกออกจากเอวตัวเอง
สายน้ำที่ไหลกระทบกับร่างกายเวลาอาบน้ำมันก็คล้ายกับเวลาคนเราเดินตากฝน ต่างกันตรงที่เราสามารถปรับระดับความแรงของสายน้ำที่กระเซ็นมาได้ ถ้าเราสามารถควบคุมความรู้สึก ขีดเส้นความพอดีของความรักได้ก็คงจะดี จะดีมากไปกว่านี้ ถ้าขีดไว้แล้ว ยั้งใจที่จะไม่ก้าวผ่านเส้นนั้นไปได้โดยง่าย.....
“.....ครับ... นัทกำลังจะอาบน้ำนอนพักก่อนจะขึ้นไลฟ์น่ะ...อืม คิดถึงสิ ... เดี๋ยวชดเชยให้เต็มที่เลยดีไหม...ครับ เหมือนกันครับ..”..... ผมคงอาบน้ำเร็วเกินไป ไม่น่ารีบออกมาจากห้องน้ำเลย....ถ้อยคำที่ได้ยินมันก็เหมือนตัวเองกำลังอาบน้ำที่เย็นสุด ๆ จนรู้สึกว่าเย็นจนชาไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะ...ตรงหัวใจ
ถ้าถามผมว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราคืออะไร... สำหรับผมคงต้องตอบออกมาเป็นความรู้สึกที่มีอยู่ คือ..รัก..รักคนที่ได้ขึ้นชื่อว่า..เพื่อน..และเป็นคน..มีเจ้าของ... แต่สำหรับนัท ผมเป็นอะไรสำหรับเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นที่ปรึกษา เป็นคนคอยแก้ปัญหา เป็นกำลังใจ......แต่ทุกอย่างที่นัทแสดงออกต่อกันมันมากกว่าคำว่า...เพื่อน...แต่ผมก็ไม่มีโอกาสรู้ว่ามันอยู่ในตำแหน่งไหนในความรู้สึกของผู้ชายคนนี้
“หอมจัง...ฟืด!” จมูกโด่งฝังเข้าที่ต้นคอผม ทันทีที่พูดจบ ผมเอียงคอตามแรงไซร้เบา ๆ ของคนที่กำลังกอดรอบเอวผมอยู่ หลังจากที่เห็นวางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาหาผมที่ยืนเช็ดผมอยู่
“ไปอาบน้ำเถอะ ซินจะนอนพักแล้ว..” บอกคนที่ยังไม่เงยหน้าจากบริเวณซอกคอกับหัวไหล่ผม ก่อนจะกระชับเสื้อยืดให้เรียบร้อยหลังจากคนมือซนรั้งออกจากบริเวณที่ตัวเองซุกหน้าอยู่
“คิดถึงครับ.... ไม่ได้กอดซินนานแล้วนะ”....แล้วทำไมล่ะ ไม่ได้กอดซินแต่นัทก็กอดคนอื่น ...ผมคงได้แต่คิด..
“ไปอาบน้ำเถอะ อ๊ะ!”
“ดื้อจัง..” คำพูดที่หลุดจากปากคนที่รั้งเอวผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกจากอ้อมแขนที่กอดรอบเอวไว้ ตอนนี้กลายเป็นผมกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ ช่องว่างระหว่างร่างกายเราแทบไม่มีเหลือ แรงกอดแทบจะทำให้รวมร่างกันได้
“ซิน ไม่อยากกอดนัทเหรอ...” ถามคำถามที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ก่อนที่หน้าหล่อจะเคลื่อนลงมาหาผมที่มัวแต่จ้องตาคมนั่นนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด...
“อืม ! นะ อืออ...”
. ริมฝีปากที่ละเลียดริมฝีปากผมเป็นเชิงขออนุญาตในตอนแรก กลับเริ่มบดเบียดจนผมเริ่มคล้อยตามจนได้ มือผมที่เคยวางทาบตรงหน้าอกคนตรงหน้า กลับย้ายไปวาดคล้องคอคนที่กำลังมอบจุมพิตหวานจนร้อนแทบละลายให้ สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่กำลังกดท้ายทอยผมให้แหงนรับจูบที่กดเบียดลงมา
“นะ นัท พอเถอะ!!” ผมต้องห้ามนัท...และห้ามใจตัวเองให้เร็วที่สุดก่อนที่อะไรจะเลยเถิดมากกว่านี้..เมื่อมือหนานั่นเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อนอน ทำไมผมจะไม่รู้ว่านัทก็ต้องการมากกว่าที่ทำอยู่ รับรู้ถึงแหล่งอารมณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนภายใต้กางเกงยีนส์ที่เจ้าตัวใส่อยู่....หลายครั้งที่เป็นอย่างนี้ ผมก็ต้องการ... นัทก็ต้องการไม่ว่าจะด้วยแค่อารมณ์พาไปหรืออะไรก็แล้วแต่....แต่ผมให้ไม่ได้ ....แค่ภายนอกเท่านั้น...ไม่ได้เล่นตัว...แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่มันจะคอยเตือนใจผมเสมอว่าผมไม่มีสิทธิอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ และอย่าคิดก้าวข้ามไปเป็นอันขาด...
“นัทขอโทษ..” สีหน้าซุกซนสลดลงทันที พร้อมกับปล่อยวงแขนออกจากตัวผม ก่อนจะผละตัวออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมเคยอยากถามนัทหลายครั้งว่าสิ่งที่เราทำกันอยู่คืออะไร และเรียกว่าอะไร มันมีความหมายอะไรกับอีกคนบ้างหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่เคยกล้าถามจริง ๆ ซักที กลัว...กลัว คำตอบที่จะได้รับ
“ขอบคุณทุกคนครับ ที่อุตส่าห์มาดูเรา ขอบคุณร้าน..... แล้วพบกันใหมคร๊าบ” ผมพูดลาแฟนคลับที่ตามเรามาจากกรุงเทพ และจากที่ต่าง ๆ รวมถึงแฟนคลับในพื้นที่ด้วย
“ซิน นี่ตารางงานเดือนนี้คร่าว ๆ บอกนัทด้วยละกัน” พี่โอ๊ตยื่นแผ่นกระดาษ A 4 ให้ผมก่อนจะคุยอะไรกันอีกนิดหน่อย ผมก็เดินตามนัทเข้าห้องพักหลังเวทีของผลับที่เราเล่นไลฟ์กัน
“ได้ครับ แต่คราวหลังไม่ทำอย่างนี้อีกนะ ถ้ามีเวลานัทจะไปหาเอง” ได้ยินเสียงนัทตั้งแต่ ยังไม่ถึงที่ดี คงคุยโทรศัพท์อยู่
“ก็อยากเซอร์ไพส์นัท...อุ๊ย! พี่ซิน !” เสียงใสที่ได้ยินพร้อมกับกริยาการเบียดตัวเข้าหาแขนมือกีตาร์ ที่กำลังยืนถือแก้วเบียร์อยู่ ทำให้ผมชะงักไปนิดนึง ก่อนจะยิ้มให้สาวน้อยที่เรียกชื่อผม แต่ไม่เจาะจงว่าแค่อุทานหรือทักทาย
“ซินกลับโรงแรมก่อนนะนัท...” เป็นปกติที่ผมจะกลับโรงแรมก่อน แต่วันนี้จิตใจมันว้าวุ่นมากกว่าทุกครั้ง..เพราะแค่คิดว่าคนที่ถูกนัวเนียอยู่จะได้ตามกลับไปรึเปล่า
“ซิน!”
“...??” ผมชะงักเท้าก่อนจะเดินให้พ้นจากภาพที่กำลังบีบหัวใจผมอยู่ หันไปมองมือกีตาร์ที่ทอดสายตามองมาที่ผมนิ่ง
“เดี๋ยวนัทตามไป” ผมยิ้มรับก่อนจะรีบเดินออกมา มันคือคำสัญญาหลอกให้นอนให้หลับหรือยังไง แต่แววตาที่ส่งมามันมีแววมุ่งมั่นพอที่จะทำให้ผมใจชื้นได้เหมือนกัน....เห็นแก่ตัว..เป็นสิ่งผมเป็นอยู่ตอนนี้
ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เริ่มตั้งแต่ที่เราได้เจอกัน จนถึงช่วงเวลาที่ผมได้รู้ใจตัวเอง สิ่งที่นัททำให้กันมันทำให้ผมยิ่งถลำลึก และถอนความรู้สึกนั้นไม่ได้ซักทีทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่านัทมีใครอยู่แล้ว....ถ้าวันนึงสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมากที่สุดมันเกิดขึ้น ผมจะอยู่ยังไง ถ้าวันนึงเราแยกกัน ไม่มี Singular ไม่มีซิน ไม่มีนัท ไม่มีกัน ผมจะต้องทำตัวยังไง และวันนึงที่นัทจะต้องมีครอบครัว...จนถึงตอนนั้นผมจะทำยังไงกับความรู้สึกตัวเอง....
“น่าสมเพช...” คำพูดที่ออกจากปากตัวเอง ตอนที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆ ....มันเหมาะสมกับผมที่สุด....
“อื้อ นัท อืออ..”
“ซิน..ซิน...นะ มาก อึก!” กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจนรู้สึกเวียนหัว หน้าหล่อคลอเคลียแถวซอกคอผม ร่างที่ใหญ่กว่าผมกำลังคร่อมผมอยู่ คำพูดสะดุดฟังไม่รู้เรื่องเพราะคงเมาจะไม่ไหวแล้ว...ทำไมถึงได้เมาได้ขนาดนี้
“นัท หยุดเดี๋ยวนี้!” ผมตวาดขึ้น พอให้คนที่เหมือนกำลังหน้ามืด เพราะความเมาอยู่เ งยหน้าขึ้นมามองผมได้
“.........” สายตาที่ส่งมาเหมือนกับมีแววตัดพ้อพร้อมกับอ้อนวอนในที ผมต้องตอบแต่แววตาผมมันคงจะแข็งกระด้างจนเกินไป จนทำให้นัทลุกจากที่คล่อมผมอยู่.....เป็นอะไรไป อยู่กับคนนั้นไม่หนำใจรึไง....ตี 5 ผมมองนาฬิกา น่าจะพอที่จะสุขสมกันมาบ้าง แล้วไหงกลับมาแบบแบบนี้ อย่างน้อยก็อยากให้นัทรู้ว่าผมไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ที่มันไม่รื่นไหลของใคร....
“ขอ โทษ..” ฟังไม่คอ่ยชัดแต่ก็พอจับใจความได้ สภาพขนาดนี้ไม่น่าจะกลับมาถึงโรงแรมได้ หรือมีแบล็คอัพมาส่ง ผมมองดูคนที่แทบจะคลานไปนอนอีกเตียง พอถึงเตียงก็ทิ้งดิ่งนิ่งไปทันที
“เฮ่อ!” ผมถอนหายใจก่อนจะหลับตาลง บางครั้งสิ่งที่นัททำ ก็ทำให้ผมสับสนว่านัทต้องการอะไรกันแน่
ผมตื่นมาอีกทีก็เกือบ 10 โมงเช้า เพราะจากที่นัทกลับมาเผื่อจะข่มตาให้หลับได้อีกทีก็เกือบ 7 โมงเช้า ตอนนี้เรานัดกับทางทีมงานตอนบ่ายโมง เพราะแบล็คอัพก็คงเต็มที่เหมือนกัน ไม่มีงานวันนี้ก็เลยไม่รีบร้อนอะไร...
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นที่หัวเตียงของนัท แสงกระพริบกับเสียงร้องไม่หยุดแต่เจ้าตัวยังไม่ท่าว่าจะรู้สึกตัว ทำให้ผมต้องเดินไปดู เผื่อใครมีธุระอะไร
“สวัสดีครับ มือถือนัทครับ” ผมกรอกเสียงลงไป ทันทีที่กดรับ
“นัทไปไหนคะ แล้วพี่ซินหรือเปล่า” เสียงหญิงสาวทำให้ผมต้องดูหน้าจออีกครั้ง เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อนิ ใช่แฟนนัทหรือเปล่า ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงเธอเท่าไหร่ เพราะนัทไม่เคยมามาแนะนำซักครั้ง
“นัทยังไม่ตื่นครับ มีอะไรไหมเดี๋ยวบอกให้นัทโทรกลับ”
“พี่ซิน!”
“ครับ” ขานรับเสียงที่เรียกชื่อผมด้วยเสียงที่นิ่ง แต่ทำไมใจผมต้องวูบแปลก ๆ ด้วย
“มองก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับนัท ..เลิกคิดอะไรกับนัทซะ ไม่งั้นเรื่องที่ฉันท้อง ได้ออกสื่อแน่”
“...ท้อง..”
“ใช่ แล้วเด็กในท้องก็น่าจะเดาออกนะ แค่นี้ละกัน”
“
” ท้อง...ลูกในท้องก็น่าจะพอเดาออกงั้นเหรอ...นัท...ผมปล่อยโทรศัพท์ลงแบบไม่ได้ตั้งใจวาง มือมันอ่อนแรงลงไปดื้อ ๆ ขาพลอยจะยืนไม่อยู่ จนต้องนั่งลงข้าง ๆ คนที่ยังไม่รู้สึกตัว....มันเร็วเกินไปรึเปล่า ที่ผมจะรับรู้เรื่องอย่างนี้ หายใจไม่ถนัด รู้สึกชาไปทั้งตัว ... หัวใจกำลังทำงานหนักเกินไป เหมือนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“ซิน..อือ” ผมหันมองคนที่เริ่มได้สติ แขนเรียวกอดเอวผมทันทีหลังจากรู้ว่าเป็นผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ มองหน้าคมที่ยังหลับตาอยู่
“นัท...”
“ครับ” นัทลืมตาขึ้นแทบจะทันทีที่ผมเรียก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกทำไม เห็นหน้าคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งรู้สึกเหมือนคนที่ดำน้ำที่ขั้วโลกเหนือ หาช่องทางที่จะขึ้นจากน้ำเย็นเฉียบไม่ได้
“ว่าไง เรียกนัททำไม” นัทจะรู้เรื่องหรือยังนะ
“เบอร์โทรเข้าล่าสุด เขาให้โทรกลับ บอกว่ามีธุระด่วนมาก” ผมยิ้มให้คนที่นอนมองผมตาแป๋ว ก่อนจะโกหกออกไป อยากให้เคลียร์ และอยากให้ทุกอย่างจบในทางที่ดีอย่างเร็วที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง....ผมก็ต้องยอมรับมัน แม้จะต้อง...ทรมานกับเรื่องที่ต้องเผชิญมากแค่ไหนก็ตาม
“ฮัลโหลครับ....อืม..... แล้วยังไง” แขนที่กอดเอวผม กอดกระชับแน่นขึ้น เมื่อผมทำท่าจะลุกจากตรงนั้น บางครั้งก็ทนที่จะฟังไม่ได้เหมือนกัน ขอเวลาได้คิดว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงต่อจากนี้
“ทำไมล่ะ....เป็นไปได้ยังไง ก็นัทป้องกันทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน แล้วจะ ท้องได้ยังไง” เหมือนโดนตีหัวซ้ำอีกครั้ง ไปไหนไม่ได้ แขนที่วาดกอดไม่ยอมปล่อย ผมไม่รู้ว่านัททำหน้าหรือท่าทางยังไงเวลาคุย เพราะสายตาผมเหม่อออกไปที่ระเบียงห้อง ม่านขาวสะอาดที่ผมพึ่งเปิดออก สะบัดเบา ๆ ตามแรงลมที่พัดเข้ามา ทุกอย่างดูมัวไปหมด เพราะน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาคลอหน่วย และพร้อมจะไหลออกมาได้ตลอดจนผมต้องแหงนหน้ามองเพดาน ต้องการให้น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เมื่อมันซึมออกทางหางตา จนต้องรีบเช็ดออก...ไม่อยากอ่อนแอตอนนี้ ทั้งที่ใจมันแทบจะรับไม่ไหว ไม่มีสิทธิเสียใจด้วยซ้ำ ไม่มีสิทธิไปโทษใครที่ต้องเสียใจ เพราะผมเป็นคนเลือกเอง
“ทำไมถึงแน่ใจว่าเป็นนัท..” ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมคงต้องต่อว่านัทแน่กับคำพูดที่เหมือนกับจะปัดความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้สภาพจิตใจผมไม่ปกติ เลยได้แต่ปล่อยให้สิ่งที่ได้ยินผ่านเข้าไปโสตประสาท เพื่อรอบางคำที่จะเข้าไปทำลายหัวใจ
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ! ไม่ว่าจะลูกใครนัทก็ไม่ยอมให้ฝนทำร้ายเด็กแน่นอน......ได้ !นัทจะรับผิดชอบ แต่เราต้องคุยกันนะ”
.. หัวใจแทบจะหยุดเต้น น้ำตาที่พยายามเก็บไว้ ไหลออกมาอย่างที่กลั้นไม่อยู่ ไม่มีแม้แรงจะสะอื้น ...ผมแกะมือที่กอดเอวตัวเองออก ทั้งที่ตอนแรกไม่ยอมปล่อย แต่ตอนนี้มันออกอย่างง่ายดาย และนัทไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจผมที่กำลังเดินออกมาด้วยซ้ำ
“ฮึก ! ๆ ฮืออ ๆ ฮึก !อืออ” เป็นครั้งแรกที่ผมปล่อยความรู้สึกที่สะสมมานานเหลือเกิน มันมีเจือจางมากับความสุขที่นัทมอบให้ตลอดเวลา แต่ผมก็พยายามที่จะไม่ปล่อยให้มันมาทำลายช่วงเวลาดี ๆ ที่ผมรู้ว่ามันจะไม่ยืนยาว แต่มันกลับสั้นกว่าที่คิด หัวใจเหมือนโดนบีบให้ทั้งเจ็บและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน มันก็คงสาสมกับคนที่ไม่รู้จักคำว่ายั้งใจอย่างผม ควรจะหักห้ามใจตั้งแต่แรก แต่ที่ผ่านมากลับไม่เคยมีความคิดนี้เลย.....ผมกระชับกอดเข่าตัวเองที่อาศัยเป็นพี่ซบพิงยามที่ไม่มีที่พึ่งอย่างนี้ ลมเย็น ๆ ที่นอกระเบียงทำให้รู้สึกหนาวได้ขนาดนี้เลยรึไง....แรงสะอื้นทำให้เหมือนจะหายใจขัด ๆ จนต้องกลั้นไว้บ้าง ตอนเด็กเคยเป็นหอบ รู้ว่ามันทรมานมาก แต่ตอนนี้มันทรมานกว่าหลายเท่า
ผมนั่งอยู่นอกระเบียงจนน้ำตาเริ่มแห้งหมด คนข้างในจะเป็นยังไงบ้าง....จะจบด้วยดีหรือเปล่า หรือมันแค่เริ่มต้น..ท้องฟ้าคลึ้ม แต่ก็ยังมีแสงแดดที่เสียดแยงลงมาจากเมฆก้อนใหญ่ได้ ถ้าเป็นนักกวี คงจะพูดว่าจะมืดมิดยังไง แต่ก็ยังมีแสงสว่างซักที่ เพียงแค่เราหาให้เจอสินะ
พอถึงเวลาออกเดินทางผมก็เข้ามาเตรียมตัว นัทอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้ถามอะไรกับคนที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า....นัทไม่ได้พูดอะไร และผมก็ไม่ได้ถามอะไรด้วย เหมือนต่างคนต่างใช้ความคิดของตัวเองมันต่างกันตรงที่ ความคิดผมมีแต่เรื่องของนัท แต่ในหัวสมองนัทตอนนี้มีผมอยู่บ้างรึเปล่า..
กลับมาถึงกรุงเทพก็เกือบ 5 โมงเย็น ระหว่างเดินทางไม่มีเสียงพูดคุยของใคร ผมรู้ว่าช่วงเวลาอย่งนี้ผมต้องให้กำลังใจนัท แต่จิตใจผมมันย่ำแย่เกินจะปลอบใจใครได้เหมือนกัน
“ซิน... นัทมีเรื่องจะคุยด้วย” ผมกดวางสายโทรศัพท์ที่พึ่งกดโทรออกหาป๊า แต่ยังไม่ติด หันไปหาคนที่สะพายกระเป๋ายืนข้างอยู่รถตู้ สายตานิ่ง ๆ ที่มองมาเหมือนกำลังตั้งใจจะทำอะไรซักอย่าง ผมมองหน้าหล่อ ๆ นั่นแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงต้องใจหายหรือใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับแผลที่กำลังระบม เลยไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนมากน้อย มันเจ็บไปหมด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก ก็แค่เจ็บ...เท่าเดิม..
ตอนนี้เราสองคนมาอยู่บนห้องนอนผม เพราะบ้านผมถึงก่อน ป๊าไม่อยู่ ส่วนม๊าทำอะไรอยู่ในสวนกับน้องดาว ผมนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าคอม มองคนที่มีอะไรจะคุยที่นั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกจากตอนที่ร้องไห้ถึงตอนนี้เหมือนกับจะเริ่มมีกำแพงบาง ๆ พอจะตั้งรับอะไรได้บ้างแล้ว
“ซินรักนัทไหม”
“.......” .....คำถามแรกที่ทำให้ผมต้องตั้งสติตัวเองให้ดี แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะขัดแย้งกับคำว่าเพื่อน แต่นัทก็ไม่เคยพูดอะไร และไม่เคยถามอะไรด้วย
“...รัก!...แต่มันจะได้อะไรถ้านัทจะรู้ตอนนี้” เหมือนคำบอกรักที่กลัวมาตลอดกับการต้องบอกกับนัท มันไม่มีความหมายอะไรเลยในเวลาอย่างนี้ พูดออกมาเหมือนมันเป็นคำธรรมดา......นัทมองหน้าผมนิ่ง หัวใจเริ่มมีความรู้สึกกับสายตาที่จ้องมา แต่ก็ไม่ได้เสสายตาไปไหนเหมือนกัน
“เดินมาหานัท” คำพูดที่นิ่ง ๆ แฝงไปด้วยคำสั่ง แปลกที่มันมีอำนาจพอที่ทำให้ผมลุกแล้วเดินไปยืนตรงหน้านัท
“นะ นัท!” ตกใจ...มือใหญ่นั่นดึงข้อมือผมจนเสียหลัก แต่อ้อมแขนอีกข้างก็กอดเอวผมให้นั่งลงบนตักตัวเอง...รับรู้ถึงแรงสัมผัสด้านหลัง...นัทแนบหน้าตัวเองลงที่หลังผมแขนแข็งแรงกอดเอวผมแน่น
“ถ้านัทจะบอกซิน ว่า...นัทก็.....รักซิน ล่ะ”
“..นัท..นัทพูดอะไร รู้ตัวหรือเปล่า” รัก...รักซิน...ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง....ไม่เคยแม้จะกล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะได้ยินคำนี้ แค่ที่ผ่านมานัทไม่ผลักผมออกจากชีวิต จากสัมพันธ์แปลก ๆ นั่นก็ถือว่าให้ผมมามากแล้ว...
“นัทรู้ ว่าซินคงจะไม่เชื่อ นัทพอรู้ว่าซินรู้สึกยังไงกับนัท ....ตลอดเวลานัทคิดว่านัทแค่สงสารซิน ..แต่วันเวลาที่อยู่ด้วยกัน ความรู้สึกกลับซึมซับอะไรจากซินมามากมายเหลือเกิน นัทมีใครเพื่ออยากลบสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นมาภายในใจ...เหมือนนัทจะรับตัวเองไม่ได้ ทั้งที่นัทกลับรับซินมาได้ตลอด แต่ความรู้สึกมันมากเกินจะเก็บ ต้องแสดงออกกับซินเหมือนคนเห็นแก่ตัว...ฉวยโอกาสกับความใจดี..ความจริงใจที่ซินมีให้ หาความสุขเล็ก ๆ น้อยใส่ตัวเอง โดยที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นการทำร้ายซินทางอ้อม...แต่ก็ทำ เพราะความเห็นแก่ตัวของนัทเอง ฮึก! แต่ นัท พลาด เอง ฮึก นัทพลาด ถ้ายอม รับ ตัว เอง ให้เร็วกว่านี้ นัท ฮึก คง เป็น คน ที่มี ความสุข ที่สุดแน่ ๆ ฮึก” เหมือนหยาดน้ำฝนที่ตกลงมาบนพื้นปูนทีแห้งผาก แล้วระเหยไปอย่างรวดเร็ว เหมือนฝัน น้ำตาที่เก็บไว้ค่อย ๆ ไหลออกมาอีก มากมายเหลือเกิน สับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน เขาเรียกกันว่าอะไร.....รับรู้ถึงน้ำตาที่เปียกอยู่กับแผ่นหลัง
“ฮึก นัท ไม่ผิด หรอก คนที่ผิด ฮึก คือซินเอง” ยิ่งพูดยิ่งร้องหนัก นัทกอดผมแน่นขึ้น ทรมานและซึ้งใจไปพร้อม ๆ กัน
“นัท...”ผมแกะมือนัทออกและลุกขึ้นยืน
“ฮะ อือ!”
นัทคงตกใจที่อยู่ ผมก็ก้มไป..จูบ..แต่แค่ไม่นานแขนแกร่งก็โอบผมเข้าไปหาตัวเอง ทั้งที่ปากเราบดเบียดกันอยู่ เหมือนกับว่าใจตรงกัน...... ร่างกายที่เบียดเข้าหากัน..... มือและนิ้วที่จับคอร์ดกีตาร์ลูบไล้ตามแผ่นหลังและเนื้อตัวผม..... ปากยังทำหน้าที่ได้ดีซะจนผมแทบจะละลาย...... ความต้องการพุ่งสูงขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ทั้งคู่..... ไม่รู้ว่าจะดำเนินไปยังไง .....ได้แต่ปล่อยให้อารมณ์จัดการทุกอย่างที่ควรจะเป็น...... ความทรมานจากความเจ็บปวดที่ตามด้วยความสุขล้น..... มันจะไม่ยืนยาวแต่มันจะเป็นวินาทีที่ผมจะจำไปจนตาย ความสุขที่ปรนเปรอกันทำให้อิ่มใจและสำราญกาย.... รู้แก่ใจว่าอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราสองคน แต่แค่ได้ใช้เวลาร่วมกันในฐานะ...คนที่รักกัน..แม้จะแค่วันเดียวที่จะทำได้ก็ตาม....เรื่องของวันพรุ่งนี้มันจะเลวร้ายแค่ไหน แต่อย่างน้อยความสุขในวันนี้จะคอยซับน้ำตาและความเสียใจให้เบาบางลงได้.....และหวังว่าจะดีขึ้นในที่สุด
*** รอชมตอนจบของเรื่องนี้.. Part Nut นะคะ ใครชอบหรือไม่ชอบ ติชม หรือเป็นกำลังใจกันได้ค่ะ
ความคิดเห็น