คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : V. Lover ~3
ผมมาถึงหน้าบ้านก็เกือบ 5 ทุ่ม เพราะสถานที่อโคจรที่ไปมันคนละทางกับที่กลับบ้าน โทรศัพท์ผมมีเบอร์โทรเข้าที่พึ่งจะเห็นตอนที่ชาร์จแบตแล้วเปิดเครื่อง....
“ซิน..อยู่ไหนเนี่ย! พี่เป็นห่วงแทบแย่คุณนนท์โทรติดต่อคุณนทบอกว่าออกมากับคุณนัทแล้ว แต่โทรหาคุณนัทกลับบอกว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน..” กำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ต้องค้างไว้ เพราะพี่ซีมาเป็นชุดจนไม่มีระยะที่จะแทรกได้
“ซินอยู่ที่ห้องแล้วครับ...พอดีมีเหตุต้องแยกกับคุณนัท..พี่ซีไม่ต้องเป็นห่วงซินแล้วพักผ่อนเถอะครับ” ผมพูดผ่านเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กที่เอียงคอทับไว้ มือก็สาระวนกับการถอดเสื้อเชิ้ตที่มีกลิ่นเหล้าติดอยู่ คงถูกมันกระเด็นใส่ตอนเทราดตัวผู้ชายคนนั้น
“ปลอดภัยก็ดีแล้ว...ไว้มีเวลาแล้วค่อยคุยกัน...เห็นคุณนทบอกว่าเราได้งานแล้วนี่นา ดีใจด้วยน้า”
“ครับพี่ซี ก็คงต้องขอบคุณพี่นทนั่นแหละ...เอาไว้พรุ่งนี้มีเวลาแล้วซินจะเล่าให้ฟัง.
“จ้าได้.ซินก็พักผ่อนนะ”
“ ......พี่ซี....... ดูแลตัวเองนะครับ.......ซินเป็นห่วง....” ทำไมถึงรู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่ห่างจากพี่สาวเป็นห่วงและกังวล....
“ซินนั่นแหละดูแลตัวเอง ถึงจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่อย่าลืมสิ ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยห่างจากพี่เลย....มีอะไรต้องบอกพี่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจไหม....ซินของพี่ไม่ใช่แค่เข้มแข็งอย่างเดียว..จำได้ไหมว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยสดใส ร่าเริง แค่ไหน อย่าลืมความรู้สึกนั้น...พี่รอนะ รอวันที่น้องของพี่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม..”
“.....ครับพี่ซี....ซินรักพี่ซีนะ...รักมากด้วย..ซินสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง และดูแลพี่ซีด้วย..ฝันดีนะครับ”
“ฝันดีจ๊ะ” กดวางโทรศัพท์ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่
...เขาบอกว่าผู้ชายที่หน้าเหมือนแม่จะไม่อาภัพ..มันจริงหรือเปล่า...ตั้งแต่เกิดมาก็เจอแต่เรื่องที่น้อยคนจะเจอ...
/ อย่า!! อย่าทำ ฮึกกก!! อย่าทำแบบนี้!/
/..พี่ขอโทษ..แต่..พี่อยากจะจดจำเรื่องระหว่างเราให้มากกว่านี้…ก่อนที่จะจากกัน../
. “ฮึก!..” รีบยกมือขึ้นเสยผมตัวเอง ก่อนจะกระพริบตาไล่น้ำตา แค่คิดถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ผ่านมา น้ำตาเม็ดโตก็หล่อนเผาะ อย่างไม่ตั้งตัว....เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้น.....เกลียด กลัว เรื่องอย่างนี้ และไม่อยากจะไว้ใจใคร....
ผมมายืนรอพี่นทอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ จากที่นัดกันเมื่อวาน เมื่อเช้าก็โทรหาแต่เช้าว่าอย่าลืมมารอ ไม่ต้องไปเอง..จนต้องมานั่งรอที่เก้าอี้สีขาวตรงสวนหน้าบ้าน...เสียงน้ำพุ..เคล้าเสียงนกที่ส่งเสียงร้องเช้า ๆ อย่างนี้มันก็สดชื่นดีเหมือนกัน...
บรืนนน!!!!
หันมองตามรถสีดำยี่ห้อหรูที่ขับผ่านไปเหมือนกับอยากจะพุ่งชนรั้วหน้าบ้านที่ค่อยๆ เลื่อนออกช้า ๆ คงจะไม่แรงไปถ้าจะแช่งว่าซักโค้งก็คงจะดี ดูจากการขับรถแล้ว น่าจะลงสนามแข่งมากกว่ามาขับสัญจรบนท้องถนน …ทำเป็นไม่สนใจรถที่ขับผ่านไปแล้ว แต่กลับเบรกเสียงดังแล้วค่อยๆ ถอยมาจอดข้าง ๆ ที่ผมนั่งอยู่ในสวน....
“ถ้าทำงานมีตังค์ หรือหลอกล่อใครได้เยอะๆ แล้วก็ซื้อซักคันนะครับ..มันไม่แพงหรอก...ถ้าเทียบกับเงินที่พวกคุณได้จากพ่อผม..”
“...ขอโทษนะครับ...แน่ใจนะว่าเสียงครู่... มันไม่ใช่เสียงของการสำรอก...เพราะรู้สึกว่า...ทั้งเหม็นและสะอิดสะเอียน!!” ไม่รอให้อีกคนต้องรอนาน หลังจากที่นั่งกำมือตัวเองแน่นฟังคำถากถาง ก็รีบลุกจากเก้าอี้ที่นั่งและเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างรถคันที่เปิดกระจกด้านคนขับอยู่....พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปในรถเพื่อกระซิบข้างหูคนที่ผงะเพราะตกใจและงงที่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวขนาดนั้น...
“ทำไมเหรอ..ผมพูดอะไรผิด!..คุณเก่งนะที่ทำให้ตอนเช้าของผมมันขุ่น ๆ มัว ๆ ได้” ผมยกยิ้มอย่างกวน ๆ ให้คนที่เท้าแขนลงกับพวงมาลัย หลังจากปรับสีหน้าให้ปกติได้ในเวลารวดเร็ว....พร้อมกับแหงนหน้ามองผมที่ยืนอยู่ข้างรถตัวเอง ท่าทางและคำพูดสบายๆ แต่ยังไงก็ดูออกว่าสายตานั่นดูแคลนกันแค่ไหน....
“ขอบคุณนะ...ที่คุณแสดงออกมาให้รู้ว่า ผมมีอิทธิพลต่อคุณมากแค่ไหน..” ส่งยิ้มให้ดูปกติ..แต่จงใจพูดกวนๆ กลับ หน้าหล่อนั่นเริ่มแสดงออกว่าไม่พอใจ....
ปรี๊นนนน!!!
“ขอตัวนะครับ...พี่นัท!!” กระแทกเสียงคำพูดประชดใส่คนที่ถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง...ไม่ให้ผมเรียก แต่ผมจะเรียก ไม่ใช่เพราะรู้สึกดีเหมือนพี่นท แต่อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ร้อนใจบ้างก็เท่านั้น....
“คุยอะไรกันครับ..ดูน่าสนุกเชียว” ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปนั่งในรถที่นทก็หันมาถามพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้เหมือนทุกที...บรรยากาศระหว่างคนสองคนมันช่างแตกต่างกัน จนรู้สึกเปรียบเทียบเหมือนอยู่ในเหวลึกมืด ๆ กับอยู่บนชายหาดน้ำทะเลน้ำใส ๆ ลมเย็น ๆ.....คงไม่ต้องบอกว่าใครอยู่ในบรรยากาศไหน...
“เปล่าครับ แค่ทำความรู้จักอย่างที่พี่นทบอก”
“เหรอ แล้วเมื่อคืนแยกกันยังไง เห็นคุณซีบอกว่าแยกกับนัทเหรอ” มองประตูรั้วด้านหน้าที่เปิดกว้างหลังจากที่รถคันหน้าบึ่งออกไปอย่างเร็ว....
“พอดีคุณนัทเขามีธุระน่ะครับ...ซินเลยอาสากลับก่อน ไม่มีอะไร” ตอบคำถามทั้งที่ตายังจับจ้องท้ายรถคันหน้าที่ไฟเบรคแดงยากยาว ที่ต้องหยุดเพราะมีรถหน้าปากซอยวิ่งผ่านเยอะพอสมควร.....
“ตอนเที่ยงเดี๋ยวพี่โทรหานะ มากินข้าวด้วยกัน...”
“ซินว่า....”
“ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเพราะพี่สั่งอาหารล่วงหน้าไปแล้ว” เลิกคิ้วใส่พี่นทที่หันมาใช้นิ้วชี้จิ้วหน้าผากผมเบาๆ หลังจากที่รถติดไฟแดง...รถอีกคันก็จอดตีคู่กันอยู่....
“ใครจะกล้าขัดรองประธานล่ะครับ..” พูดแล้วยิ้มล้อ ๆ ให้พี่นท กอ่นที่รถจะเคลื่อนไปข้างหน้า...เลิกสนใจรถที่ขับแซงไป แต่ก็ยังไปไม่ไกลกันเพราะรถช่วงเช้าเยอะอย่างที่สุด...
ผมมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาแค่ 5 นาที รู้สึกเกรงใจพี่นทเพราะไม่แน่ใจว่าที่ต้องมาเช้าอย่างนี้เพราะทำเป็นกิจวัตรหรือเพราะผมต้องมาด้วยกันแน่...แต่ไม่อยากถามเพราะกลัวจะสำคัญตัวเองผิด....
“พี่ ๆ หวัดดีครับ..”
/ ดีค๊าบบ / จ้า / ไหว้คนหล่อเถอะครับ น้องซิน /
ผมยิ้มกับเสียงตอบรับที่ดังขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะตัวเอง...รู้สึกสบายใจ...และสามารถที่จะยิ้มได้อย่างสุดๆ ไม่ต้องเสแสร้ง เพราะสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ส่งมา...พี่บัวเข้ามาสอนงานให้ต่อจากเมื่อวานหลังจากที่ให้ผมนั่งดูตัวอย่างและขั้นตอนการทำงานไปแล้วคร่าว ๆ
“แมร่งอะไรวะ...ขนาดนี้ยังตีกลับ...เป็นงานนี้หรือเปล่า..” ผมเงยหน้ามองพี่วัชที่บ่นพึมพำ เวลาแกทำงานจริงจังจะดูเหมือนคนละคนเลย....
“กูว่าอย่าสงสัยเลยดีกว่า...อย่าไปถามว่าเป็นงานไหม...มึงก็รู้ว่าคุณนัทแกเซนส์สูง...งานนั้นน่ะ กูพึ่งรู้ว่า ไอ้เหี้ยง่อยแม่งลอกของเก่า....ดัดแปลงนิดเดียงเอง มึงคิดเหรอคุณนัทจะจำไม่ได้...แล้วแมร่งดันวอร์คทิ้งขี้ให้พวกเรา” ผมมองพี่ ๆ อีกหลายคนที่เดินไปวนดูงานในแฟ้มงานที่เปิดหราทิ้งไว้....ทำให้อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นงานอะไร...
“ทำงานอย่างนี้สมควรที่จะออกตั้งนานแล้ว จำไว้น้องซินทำงานกับเจ้านายสองคนนี้ อย่าปลิ้น อย่าปล้อน งานด๋อยแค่นิดเดียว มีสิทธิได้รื้อทำใหม่หมด...ยิ่งคนน้องพึ่งมาแท้ๆ พวกพี่ยังต้องยอมรับฝีมือเลย...”
“ได้ข่าวว่าไม่ได้เรียนมาด้านนี้ด้วยซ้ำ”
“พวกมึงก็ ซินมันอาจจะรู้จักคุณ ๆ ทั้งสองคนดีกว่าพวกเราอีก”
“ไม่หรอกครับ...ซินก็พนักงานคนนึงเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักอะไรมากไปกว่าพี่ ๆ หรอก” พูดแล้วส่งยิ้มให้กับคนที่วิพากษ์วิจารณ์เจ้านายตัวเองกันยกใหญ่....นิสัย ท่าทาง กริยา นึกถึงคำพูดที่พูดกับผมไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นที่ชื่นชมของพนักงานได้ขนาดนี้.....
ผมเดินเข้าไปห้อง ๆ นึงซึ่งพี่บัวเป็นคนเดินมาส่งที่หน้าห้องซึ่งอยู่ถัดจากห้องพี่นทไปไม่ไกล เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป ได้ยินคนพูดคุยกันเสียงดัง...สูดลมหายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารขนาดนั่งกันได้ 10 คน ..ภายในห้องตกแต่งให้คล้ายห้องนั่งเล่น กระจกใสที่มองเห็นวิวด้านล่างตึกและบริเวณข้างๆ ได้ชัดเจน...เสียงเพลงสากลเปิดคลอเบาๆ กลิ่นกับข้าวลอยมาเตะจมูกแต่บรรยากาศที่มันไม่คุ้นเคยทำให้ไม่หิวซักนิด...
“ซิน..มานั่งข้างพี่สิ” เป็นพี่นทที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเรียกผมไปนั่งที่ว่างข้างตัวเอง...
“ใครเหรอคะพี่นัท พลอยไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“อ๋อ น้องคนใหม่ที่บ้านน่ะครับ..ว่าไงครับน้องซิน..เริ่มเข้ากับที่ทำงานได้หรือยัง” ผมถึงกับต้องนิ่งไปกับคำพูดแปลกหูของคนที่หันไปพูดกับหญิงสาวที่ถือว่าสวยมาก...ก่อนจะหันมาถามผม....
“ก็ดีครับพี่นัท...ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เป็นห่วง” ผมส่งยิ้มตอบให้คนที่ทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับว่าเขากับผมไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกัน...ได้..ถ้าจะเล่นอย่างนี้ผมก็จะจัดให้....
“เหรอคะ...” ถึงจะอย่างนั้น แต่ดวงตาคู่สวยที่เฉี่ยวคมด้วยเครื่องเคราประดับที่ลงตัว ทอดมองมาอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“พอได้ไหม..มีอะไรติดขัดบอกพี่ได้นะ”
“ไม่มีอะไรครับพี่นท..พี่ๆ ในแผนกก็ดีทุกคน คิดว่าน่าจะทำได้” พูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้คนที่ยกมือขึ้นมาลูบหัวผม ....รับรู้ถึงรังสีแปลก ๆ ที่ออกมาจากคนที่นั่งตรงข้ามกัน.......
“ดูว่าน้องชายพี่นทจะมีแต่คนเอ็นดูนะครับ คงจะอ้อนเก่งน่าดู” ปากยิ้มแต่คำพูดนี่สิมันส่อว่าตั้งใจจะพูดว่าอะไร.
“เออเนอะ...ขนาดไม่อ้อนพี่... พี่ยังเอ็นดูเลย”
“นี่ขนาดไม่อ้อน พี่ยังเอ็นดูขนาดนี้ ถ้าอ้อนหน่อย ผมคงหลุดโผน้องชายพี่นทแน่ ๆ”
“เฮ๊ย..พูดเหมือนน้อยใจ ยังไงแกก็น้องพี่วันยังค่ำแหละ” ผมแอบยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางหลุด ๆ ของคนหวงพี่ชาย..ทำเอาอีกฝ่ายถลึงตามองผมเมื่อรู้สึกว่าถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ....
“เออ เกือบลืม พรุ่งนี้ใช่มั๊ยนัทที่แกจะต้องไปดูสถานที่ โรงแรมสตาร์มิลาเคิล”
“ครับพี่นท” พี่นทถามขึ้นหลังจากเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้ากัน ผมก็ตัก ๆ เขี่ยเรื่อยๆ อีกคนเงยหน้าขึ้นมารับคำหลังจากที่ตักอาหารป้อนกับผู้หญิงข้างๆ เหมือนกับว่าในห้องนี้มีเขาแค่สองคนอย่างนั้นแหละ....
“พี่เชื่อฝีมือแก ไม่ต้องเอาผู้ช่วยไป..แต่พี่จะให้ซินไปด้วย ให้แกสอนงานเขาแล้วก็ให้ช่วยจดลายละเอียดต่าง ๆ ให้แกด้วย”
“ ไม่ครับ!/ ไม่ครับ!”
“อะไรกัน?” พี่นทขมวดคิ้วเมื่อผมกับอีกคนพูดขึ้นพร้อมกัน....
“คือซินคงความสามารถไม่ถึงที่จะไปกับคุณนัท....”
“ผมก็สอนงานใครไม่เก่ง...” เสียงทุ้มพูดนิ่งๆ พร้อมกับจ้องหน้าผมที่มองเขาอยู่เหมือนกัน.....
“นั่นแหละ คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้...เพราะไปพรุ่งนี้แค่ไปดูคร่าว ๆ เฉย ๆ หนิ....ไปเถอะ ซินก็ถือซะว่าเรียนรู้ในตัว ส่วนแกก็ให้เรียนรู้ที่จะสอนงานแล้วกัน...”
“................” ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกเมื่อพี่นททำหน้าเข้มใส่...ช่างสิ ไปก็ไป..อย่ามาวุ่นวายอะไรกับผมละกัน..เงยหน้ามองคนที่มองผมอยู่เหมือนกันจนแม่สาวเปรี้ยวต้องมองตาม ก่อนจะดึงความสนใจโดยการตักกับข้าวใส่จานคนข้างๆ ตัวเอง.....
“ทานเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ “
“คงไม่มากกว่านี้แล้วล่ะครับพี่นท” มองชิ้นหมูจากต้มจืดที่พี่นทตักมาวางที่จานผม ก่อนจะหันไปยิ้มและโต้ตอบ
“..........ฉอเลาะ...........” สิ่งที่ผมอ่านจากปากอีกคนที่แค่ขยับปากใส่ผม จังหวะที่อีกสองคนบนโต๊ะเผลอและผมเงยหน้าขึ้นไปมองพอดี
“.........ตอแหล.........” แรงมาก็ไม่จำเป็นต้องสงวนเหมือนกัน ผมโต้กลับด้วยการขยับปากพูดกับคนตรงหน้า และคิดว่าเขาก็อ่านปากผมได้เหมือนกัน เพราะอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมันชัดเจน...ได้แต่ยิ้มมุมปากบางๆ ใส่ สะใจดีเหมือนกันถ้าคิดว่าจะพูดและทำผมฝ่ายเดียว...คิดผิด..
“เดี๋ยว! ไปทำอีท่าไหนล่ะ พี่นทถึงได้ประคบประหงมออกนอกหน้าขนาดนี้” ผมรีบขยับตัวออกจากคนที่เดินออกจากห้องอาหารทีหลังแล้วเข้ามาดึงต้นแขนผมไว้จนเซไปด้านหลัง.....
“หลายท่าครับ...อยากได้ซักท่าไหมล่ะ” ยกมือขึ้นจับต้นแขนตัวเองที่รู้สึกเจ็บบางๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นโต้ตอบกับคนที่เปลี่ยนท่าเป็นยืนล้วงกระเป๋ามองผมอยู่ ...เบื่อกับการกัดจิกนี่เต็มที...เป็นคนที่คิดลึกแต่กำเนิดหรือไง คอยแต่มองคนอื่นเขาในแง่ร้าย...หรือจะเป็นกับผมคนเดียว....
“อย่ามาปากดี....ถ้าถึงเวลาผมอยากได้ทุกท่า จะมีปัญญาไหม...” มือหนาจับที่ต้นแขนผมเหมือนเดิมหลังจากที่เดินเข้าหาอย่างเร็ว ทำให้ผมไม่ได้ตั้งตัว....เงยหน้าสบสายตาคม ๆ นั่นอย่างไม่หลบ...
“รูปร่างหน้าตาอย่างนี้...คงจะไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงสินะ...ผมไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าจะแค่บำเรอ..เวลาเกิดอารมณ์อย่างว่า..โอ๊ย!! ไอ้...อึก” มองคนที่รีบปล่อยมือจากผมหลังจากใช้คำพูดร้ายกาจพร้อมกับสายตาที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า...ทำตัวไม่สมกับหน้าที่การงานและหน้าตาฐานะซักนิด...เสียดายชาติกระกูลจริงๆ ...ไวเท่าความคิดผมยกเข่ากระแทกเป้าหมายที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะรีบขยับออกมายืนมองคนที่ตัวงอหน้าเขียวอย่างสะใจ....นิสัยอย่างนี้อย่าขยายพันธุ์ให้เสียนามสกุลเลยดีกว่า....
“ฮึ ใครกันแน่ที่จะมีปัญญารึเปล่า...อย่าเอาผมไปเหมากับพวกตัวๆ ของคุณ...ถึงผมจะไม่รวยมีหน้ามีตาเท่าพวกคุณ แต่คุณค่าในตัวผมมันมีมากกว่าคนอย่างคุณแน่นอน......แต่......ไม่ยักกะรู้ว่าคุณก็มีรสนิยมชอบลองของ...เอาไว้ไปลองกับคนอื่นนะครับ..เพราะผมรังเกียจคุณ!!” เดินเข้าไปพูดกระซิบใกล้ๆ หูคนที่ยังตัวงอไม่หาย..คงพูดไม่ออก จุกลงตับแน่ เพราะผมจัดเต็มเหนี่ยว...อีกคนเงยหน้ามองอย่างแค้นสุดใจ....ได้แต่ยกยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้วให้...ก่อนจะเดินกลับแผนกไม่หันมาสนใจอีก ว่าจะคนที่ผมถวายเข่าให้จะเป็นยังไงต่อ...
*********************************************
นั่งอยู่บนรถคันที่วิ่งฉิวอยู่บนท้องถนนอย่างไม่กลัวใครด่าตามหลัง..เพราะปาดหน้าแซงซ้ายขวาสารพัดจนผมต้องนั่งตัวเกร็ง ได้เห็นรอยยิ้มมุมปากเหมือนกับสะใจที่สามารถทำให้ผมกลัวได้...กลัวสิ ถ้าผมเป็นอะไรไปแล้วใครจะดูแลพี่สาวกับหลานผม....
“เชิญ” เสียงทุ้มบอกผมหลังจากที่เบรกจนหัวผมแทบจะพุ่งออกนอกกระจก แต่ไม่ใช่ที่โรงแรมที่จะไปดูงานกลับเป็นร้านอาหารหรู มันยังไม่เที่ยงเลยไม่ใช่หรือไง....
“ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้า ถ้ารอไม่ได้ก็เดินไปก่อน...แต่ผมไม่รับประกันนะว่าคุณจะผ่านทดลองงานเพราะขัดคำสั่งเจ้านาย..ถ้าจะรอก็เข้าไปนั่งด้วยกัน”
“................” ได้แต่เปิดประตูแล้วเดินตามคนที่เปิดประตูรถเดินลงไปก่อน ต้องเดินห่างๆ เพราะพอเดินเข้าไปในร้านคนคนหันมองกันเกือบทั้งร้าน เทห์บาดจิตซะจริง แต่นึกถึงหน้าเขียว ๆ ตัวงอ ๆ เมื่อวานแล้วก็อดจะขำไม่ได้...
“ยิ้มอะไร บ้ารึไง”
“เปล่าครับ..” รีบหุบยิ้มทันที เมื่อคนที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกันหันมาทำเสียงดุใส่ พร้อมกับทำหน้าตาเหมือนจะหาเรื่อง หน้าตาก็ดีอยู่หรอกแต่ชอบทำหน้าตาผิดกฎหมายเหมือนนิสัย...
“จะกินอะไร หรือไม่ได้เห็นหน้าพี่นทแล้วจะกินไม่ลง...ก็อย่างนี้แหละกับผมมันไม่มีผลประโยชน์อะไรให้คุณ คงนั่งส่งยิ้ม ออดอ้อนไม่ลงล่ะสิ..ระวังนะอย่ากินมูมมามก้างจะติดคอทั้งพี่ทั้งน้อง”
“......อย่าลามปามพี่สาวผม.!..ไม่งั้นคราวนี้จะเป็นน้ำแกงร้อน ๆ ไม่ใช่เหล้าเหมือนคราวที่แล้ว...” อีกคนรีบเงยหน้ามามองผมตาเขม็งเมื่อพูดถึงเหตุการณ์วันก่อน อย่าได้เจอะเจออีกเลยพวกชอบว่าคนอื่น แต่พอว่ากลับก็ทำเป็นไม่พอใจ คิดว่ามีแค่ตัวเองหรือไงที่มีความรู้สึกนึกคิด....
“ลองสิ..คราวนี้จะไม่ยอมปล่อยไปแน่...จะเอาให้แสบถึงทรวงเลย..อย่ามาทำเก่ง! สำนึกตัวเองหน่อยว่าจะเก่งได้ซักกี่น้ำ ตัวก็แค่นี้..ทำตัวให้มันน่ารักเหมือนอยู่ต่อหน้าพี่นทกับคุณพ่อต่อไปเรื่อยจะไม่ดีกว่าหรือไงครับ..น้องซิน!” ปัดมือหนาที่เอื้อมมาตบแก้มผมเบาๆ ออก ก่อนจะมองหน้าคมนั่นอย่างไม่วางตา...ปากหนายิ้มเหยีดอย่างดูแคลนสุด ๆ
“ทำไมเหรอครับ...ผมก็พึ่งรู้... ว่าคุณก็ต้องการให้ผมอ้อน ทำตัวน่ารักกับคุณด้วย คงอิจฉาคนอื่น ที่ผมทำตัวน่ารักด้วย...เพราะไม่มีใครเขามานั่งดูถูก พูดจาเหยียดหยามอย่างที่คุณกำลังทำกับผม..อย่าว่าแต่น่ารักเลย อย่างคุณหน้าที่คุณคงคิดว่าหล่อเหยียบฟ้านั่น ผมยังไม่อยากจะเห็นด้วยซ้ำไป!”
“นี่!! ปากดีเกินไปแล้วนะ!!” ขืนข้อมือตัวเองออกจากมือหนาที่เอื้อมมาจับพร้อมกับบีบอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบ แต่ตาผมก็ไม่ละไปจากคนที่ทำหน้ายักษ์ใส่....เอาสิอยากทำอะไรก็ทำ...
“รับน้ำอะไรคะ” เสียงบริกรสาวเดินเข้ามา ทำให้ต้องรีบนิ่งกันทั้งคู่......
“ของผมเอาน้ำเปล่า ส่วนคุณคนผมยาวนี่เอาน้ำสตรอ....เบอรี่ปั่นครับ เอาเข้มๆ ครับ......มันเข้ากับนิสัยดี” ยังมีกระซิบกัดจิกอีกหลังจากที่สั่งน้ำกับสาวน้อยที่มายืนจดอย่างตั้งใจ... ผมเลือกที่จะมองไปทางอื่นไม่สนใจอีก...ไม่อยากจะดิ้นไปด้วยมากมายแต่บางครั้งมันก็เหลืออดจริง ๆ ....
“นัทรึเปล่า..”
“เฮ๊ย เฮียฟง...กลับมาเมื่อไหร่” ได้ยินเสียงทุกทายจากด้านหลังผม...ว่าจะหันไปมอง แต่ชื่อที่ออกจากปากคนตรงข้ามทำให้ผมต้องนิ่ง และรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมา...
“กลับมาได้เดือนกว่าแล้วว่ะ ไม่ได้ติดต่อเลยสบายดะ...” กำมือตัวเองแน่นเมื่อเหลือบมองเสี้ยวหน้าคนที่เดินผ่านผมไปคุยกับคนที่ทักทายกัน...เหมือนมาก..ทั้งชื่อและด้านข้างไม่กล้าที่จะหันมองตรงๆ แต่คำพูดของอีกคนสะดุดหลังจากที่รู้สึกว่าเขาหันมาเจอผม ยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยหน้าและรู้สึกว่าตัวเย็นเฉียบ....
“.....เซียร์....เซียร์ใช่ไหม” ชื่อที่หลุดออกมามายิ่งทำให้ผมอยากจะออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด รู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่น
“คุณจำคนผิดแล้วครับ !! คุณนัทผมจะออกไปรอข้างนอก” รีบลุกขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามองคนที่มาใหม่ให้ชัด ๆ ...ใช่จริงๆ สินะ....ในที่สุดก็ได้เจอกันอีก...
“เซียร์!..”
“เดี๋ยว ๆ เฮีย..ใจเย็น..อะไรกัน” เสียงเรียกยิ่งทำให้ผมรีบจ้ำออกมา...ดีที่ไม่มีใครตามมาคงเพราะถูกอีกคนรั้งไว้ ทำให้ผมพอมีเวลาหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างรถเพื่อสงบสติอารมณ์......ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้...รู้สึกกลัว..แค่เงยหน้ามองคนที่เรียกชื่อที่ไม่มีใครเรียกมานานแล้ว..ยังอยากจะร้องไห้...ทำไมอะไร ๆ ต้องแกล้งให้ผมพบเจออะไรที่บั่นทอนจิตใจกันขนาดนี้...ฟงเหว่ย...ชื่อที่ผมพยายามจะลืมแต่มันก็ติดอยู่ในความทรงจำจนทุกวันนี้....
“นี่คุณอยู่ไหนเนี่ย..จะทำตัวมีปัญหาไปถึงไหน ตกลงจะไปไหม” ผมกดรับโทรศัพท์เบอร์แปลกที่โทรเข้า แต่ยังไม่ทันได้พูดคนโทรมาก็รีบพูดขึ้น...คงไม่ได้รับรู้อะไรมาใช่ไหม...ไม่งั้นผมคงต้องโดนดูถูกมากกว่าที่เป็นอยู่แน่ ๆ ...
“ขอโทษครับ..... วันนี้ผมลาวันนึงแล้วกัน.... เดี๋ยวผมโทรแจ้งทางบริษัทเอง...นะครับคุณนัท”
“เอ่อ...อืม แล้วแต่ละกัน...แล้วคุณอยู่ไหน..แล้ว..เป็นอะไร..” เสียงทุ้มที่อ่อนลง ทำให้ผมไม่ตัดสายทิ้งอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะคิดไว้ว่าจะถูกต่อว่าสารพัด...
“อยู่ในแท็กซี่ กำลังจะกลับบ้าน...แค่นี้นะครับ” ตัดสินใจกดวางสาย..ก่อนจะถอนหายใจ....ถ้าถามว่าเป็นอะไร แสดงว่าไม่รู้อะไรจากผู้ชายคนนั้น.
...ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงยังมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวผม....ทั้งที่อยากจะลืม...แต่ทุกอย่างกลับยังตามตอกย้ำไม่สิ้นสุด...
ความคิดเห็น