ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Singular ~ Villain Love r ~ Sincere over

    ลำดับตอนที่ #2 : V. Lover ~2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 55



               
                 ลมเอื่อย ๆ ที่พัดผ่านใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่น ยิ่งบรรยากาศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าช่วยได้เยอะกับการที่ผมต้องอยู่ที่นี่....รดน้ำบนต้นกระบองเพชรต้นเล็กที่วางเรียงกันอยู่ 5 ต้น...ตั้งใจว่าจะไปหาต้นไม้มาเลี้ยงอีก...วันที่สองของการอยู่บ้านหลังนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากการประทะฝีปากกับคนหวงบ้านนั่น...

                        “พี่ฉาวว...พี่ฉาววว เนเน่ มาค่า”

                  “ว่าไงครับ เด็กดี”  ผมหันไปตามเสียงใสเล็ก ๆ ที่เรียกอยู่ตรงบันได...ก็เห็นหนูน้อยเนเน่ยืนอยู่บนขั้นบันไดโดยมีพี่เจี๊ยบ...พี่เลี้ยงของเจ้าตัวเล็กยืนจับอยู่....

                    “งอแงแต่เช้าเลยค่ะ ปกติจะอ้อนไปหาพี่ชายเค้า ทั้งคุณนัทคุณนท แต่วันนี้มาแปลกอ้อนหาแต่พี่สาว ๆ จนต้องพามานี่แหละค่ะ”

                    “ตื่นเช้าจังเลย...”  ผมย่อตัวลงอุ้มหนูน้อยขึ้น ปากเล็กแยกยิ้มถูกใจอย่างน่ารัก ก่อนจะวาดแขนกอดคอผมให้อุ้มไปนั่งบนเก้าอี้ไม้บนระเบียง

                    “พี่ฉาว ไม่หาเนเน่ก่อน”

                    “เอางี้ ถ้าอยากให้พี่ไปหาเนเน่ ต้องหยุดเรียกพี่สาว...เรียกพี่ซินสิครับ..แล้วพี่สัญญาว่าจะไปเล่นกับเนเน่ ตกลงไหม” ผมหอมแก้มยุ้ยไปฟอดใหญ่ก่อนจะทำสัญญาตกลงกันเรื่องการเรียกสรรพนามผมซักหน่อย....

                    “พี่ซินของเนเน่ขา”

                    “เก่งมาก...แล้วทานอะไรตอนเช้าหรือยังครับ”  ยิ้มให้เนเน่ที่พูดจาได้น่ารักอย่างที่สุด แขนป้อม ๆ คล้องคอผมไว้..เหมือนกับกลัวว่าผมจะลุกไปไหน....ถือว่าพูดชัดสำหรับเด็กอายุขนาดนี้...พึ่งรู้เมื่อคืนว่าเธอ 3 ขวบแล้ว..

                    “พี่ป้อนข้าวแล้วล่ะค่ะ...ท่าทางเธอจะติดคุณนะคะ...ไม่เคยเห็นเข้าหาใครขนาดนี้นอกจากพี่ชายเค้า...”

                    “แล้วแม่เขาล่ะครับ..” 

                    “เอ่อ...”

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ..ซินไม่ก้าวก่ายดีกว่า”  ผมส่งยิ้มให้คนที่ทำหน้าลำบากใจ...ไม่อยากจะรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับคนในบ้านนี้ แค่ไม่มีใครมาระรานพวกเราพี่น้องก็พอ....

                    “พี่ซิน..เนเน่ อยากหาพี่นัท” 

                    “งั้นไปกับพี่เจี๊ยบเนอะ พี่ต้องทำงานครับ”  ยกมือป้อมขึ้นมาจุ๊บเบาๆ  ก่อนจะบอกหนูน้อยที่หน้าจิ้มลิ้มนั่นทำท่าอ้อน ๆ ผม....

                    “ม่ายเอาค่า...เนเน่ให้พี่ซิน พาไป”  นอกจากจะส่ายหน้าจนผมที่มัดไว้เป็นหางม้าแกว่งไปมาแล้ว ยังยกแขนกอดคอผมแน่นไม่ยอมปล่อย....

                    “....คุณหนูขา..ไปกับพี่เจี๊ยบดีกว่าค่ะ..พี่ซินต้องทำงานนะคะ”

                    “ม่าย!!! ฮึก เนเน่ ไป กับ ฮึก พี่ซิน”  งานเข้าแล้วไง....ผมมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเบะร้องเพราะถูกขัดใจ...ไปหาคนอื่นจะไม่ว่าจะให้พาไปหานายนั่นน่ะนะ....

                    “โอ๋...เนเน่...คนดีอย่าร้องครับ..ไปก็ไป..”  ผมพยักหน้าให้พี่เจี๊ยบให้เดินตามผมที่อุ้มหนูน้อยแล้วเดินลงจากบ้าน..เดินผ่านสวนอ้อมเพื่อไปหน้าบ้านหลังใหญ่...ไม่จำเป็นไม่อยากมาเลยให้ตาย...แต่ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะเจอพี่ซี....

                    “ใครบอกให้เธอเข้ามา...”

                    “................”  ผมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน...เสียงคุ้น ๆ ดังอยู่ด้านหลัง...หันไปก็เจอคุณอำพรกำลังเดินเข้ามาหาผมที่อุ้มเนเน่อยู่

                    “ฉันถามว่าใครให้เธอเข้ามา!

                    “ไม่มีครับ...ผมมีขาเดินมาเองได้”  ผมส่งเนเน่ให้พี่เจี๊ยบอุ้มไว้ ก่อนจะตอบคำถามของคนสูงอายุตรงหน้า ซึ่งความจริงแล้วน่าจะเข้าวัดเข้าวาสงบสติอารมณ์มากกว่าจะมายืนตีหน้ายักษ์ใส่ผมให้ดูเสียจริดผู้ดีเปล่าๆ

                    “นี่เธอ!...มันจะมากเกินไปแล้วนะ..คิดว่าเข้ามาแล้วจะมาชูคอเป็นเจ้านายในบ้านหลังนี้ได้ง่ายๆ  อย่างนั้นเหรอ..พี่สาวเธอก็เก่งที่จับผู้ชายรวยได้ แล้วน้องยังจะมาปากดีอีกเหรอ..!! คิดว่า..”

                    “หยุด!!....อย่ามาลามปามถึงพี่สาวผม...ทำไมล่ะครับที่ว่าพี่สาวผมเก่ง..เพราะว่าตัวเองไม่มีปัญหาที่จะหาได้ใช่ไหมมิน่าถึงได้........และผมก็ไม่ได้ดีแต่ปาก มือเท้าก็ดีเหมือนกัน..ถนัดนักแหละที่จะใช้กับพวกปากเสีย!!..”

                    “แก!!!!..อิพวกไร้สกุล ถ่อย! ไร้การศึกษา..แกอย่ามาก้าวร้าวกับฉันนะ!! ใครก็ได้โยนมันออกจากบ้านนี้ที!! ทั้งพี่ทั้งน้องเลย!!

                    “ไม่ต้อง!!! ผมเดินเข้ามาเองก็เดินออกไปเองได้ ไม่ต้องลำบากมาจับโยนหรอก แล้วอย่าริอาจไปยุ่งกับพี่สาวผม..ไม่งั้นเจอดีแน่!!”  ผมพูดแล้วย่างเข้าไปหาสาวใหญ่ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นโชว์....ทำเอาอีกคนต้องเดินถอยหลัง ใบหน้าที่แสดงออกว่าเริ่มกลัว.....

                    “เก็บคนที่จะใช้โยนผม...เอาไว้พยุงป้าตอนเป็นลมล้มคว่ำเพราะตะเบ็งเสียงมากดีกว่าไหมครับ”

                    “กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!! ไอ้เด็กบ้า!!!!!!!! แก!!!!!!!”  

                    “พี่เจี๊ยบพาเนเน่ขึ้นห้องเถอะครับ...เนเน่ไว้ว่าง ๆ พี่จะมาเล่นใหม่นะครับ..บ๊าย บาย”  มือป้อมยกขึ้นบ๊าบบายผมอย่างรู้งาน....ผมยิ้มให้หนูน้อยที่ถูกพี่เลี้ยงพาขึ้นบันได ก่อนจะหันไปยกยิ้มให้สาวใหญ่ที่กรีดร้องจนตัวสั่น โดยที่ผมไม่สนใจซักนิด...เดินออกมาโดยไม่ได้รู้สึกอะไรกับสายตาที่มองมาอย่างแค้นสุดติ่งนั่น.....

                                                                    **********************************

                    “พี่ก็พอมีเงินเก็บนะ...พักซักหน่อยก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบเลย...”

                    “แค่ที่ผ่านมาก็มากพอแล้วล่ะครับ...ซินว่าคงต้องพึ่งพาตัวเองบ้าง” ผมพูดพร้อมกับปอกแอปเปิ้ลสีแดงสดเพื่อใส่จานที่วางไว้ตรงหน้า พี่ซีที่กำลังถักโคเชอยู่...อยู่ที่นี่มาได้เกือบอาทิตย์ ผมก็ชักเบื่อ ๆ ก็เลยคิดอยากจะหางานทำเพราะเรียนจบมาได้ซักพัก...น่าจะได้ทำงานเป็นหลักแหล่งได้แล้ว....

                    “มันเป็นสิ่งที่พี่ควรทำไม่ใช่เหรอ แล้วทุกวันนี้ซินก็ทำเพื่อพี่อยู่ไม่ใช่หรือไง...พี่รู้นะว่าซินไม่ได้อยากจะอยู่ในบ้านหลังนี้เท่าไหร่ ไม่อยากอยู่ในฐานะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ซินทนไม่ได้ที่จะเห็นพี่เสียใจ และหลานต้องกำพร้าพ่อ...”

                    “มันก็เป็นสิ่งที่ซินควรทำเหมือนกัน” ผมจ้องหน้าพี่สาวที่หยุดมือจากกิจกรรมที่ทำ แล้วยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่....ไม่ว่าจะยังไง...ผมไม่มีวันที่จะทนเห็นน้ำตาของพี่ซี และไม่มีวันให้หลานผมต้องอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใครเด็ดขาด......

                    “งั้นก็แล้วแต่ซินแล้วกัน...แล้วจะไปวันไหนล่ะ...ให้คุณนนท์ช่วยไหม”

                    “ไม่ต้องหรอกครับพี่ซี ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”  พี่ซีถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวช้า ๆ กับความคิดของผมที่อาจจะดูเหมือนว่าคิดมากเกินความจำเป็น....

                   

                    แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องลงมา ทำให้เกิดเงาจากต้นไม้ใหญ่ทาบทับลงมาตรงระเบียงที่ผมยืนอยู่...รดน้ำกระบองเพชรต้นสุดท้ายก่อนจะเช็ดมือกับผ้าที่พาดอยู่ตรงราวระเบียง...สืบเนื่องจากที่พูดคุยกับพี่ซีว่าผมจะออกไปหางานทำ และวันนี้ก็ตั้งใจจะออกไปแต่เช้า...แดดจะได้ไม่ร้อนมากกับการที่ต้องไปเบียดเสียดคนบนรถเมล์.....

                    ปรี๊นน!!!

                    “ไปไหนครับ”

                    “พี่นท!..คือซินจะออกไปธุระน่ะครับ”  ผมหันตามเสียงแตรรถที่ดังอยู่ด้านหลัง รถสีดำคันหรูวิ่งเข้ามาจอดข้างผมที่หยุดยืนก่อนจะก่อนจะถึงรั้วบ้าน....

                    “ขึ้นรถสิพี่ไปส่ง”

                    “คือซิน...ยังไม่รู้...”

                    “ยังไงก็ขึ้นมาก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน แล้วพี่จะไปส่งเอง..”  ผมลังเลก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถ...

                    “ว่าไงครับ จะไปไหน...”   พี่นทออกรถแล้วหันมายิ้ม พร้อมกับถามผมที่ยังเหมือนงง ๆ กับชีวิตอยู่...ตั้งใจว่าจะไปตามบริษัทฯ ที่เซริจหาในอินเตอร์เน็ตเมื่อคืนว่ากำลังเปิดรับสมัครงานอยู่.....

                    “คือซินตั้งใจจะไปสมัครงานทิ้งไว้น่ะครับ..ยังไม่รู้หรอกครับว่าจะไปไหนก่อน เพราะก็ดู ๆ ไว้หลายที่เหมือนกัน”

                    “งั้นเหรอ....ซินเรียนจบอะไรมาล่ะ”  พี่นทพยักหน้ารับรู้ทั้งที่ตายังจ้องทางข้างหน้า.....

                    “สถาปัตย์ครับ”

                    “ งั้นเอางี้...พี่มีบริษัทแนะนำ..ไปสมัครลองดูไหม”

                    “จริงเหรอครับ...” ผมหันไปยิ้มให้พี่นทที่หันมา ยิ้มตอบก่อนจะชะลอรถเมื่อเห็นไฟแดงตรงหน้า....

                    “จริงสิ....อย่างนี้ก็น่ารักดีนะ”

                    “อ..อะไรครับ”  ผมเอียงคอพร้อมกับขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่พี่นทพูด

                    “คุยกันคราวก่อนซินยังแทนตัวเองว่าผมอยู่เลย...แต่วันนี้ให้แทนด้วยชื่อตัวเอง..มันฟังแล้วดูสนิทกันดี...แล้วก็ดูน่ารักดีด้วย”

                    “เอ่อ..ขอโทษครับ พอดีซิน เผลอ..”  นั่นน่ะสิ...ไปเผลอตั้งแต่เมื่อไหร่...อาจจะเพราะอยู่ด้วยแล้วสบายใจล่ะมั้ง..แต่ก็นึกไปถึงคำพูดของอีกคนที่ไม่อยากจะสนิทสนมด้วย....

                    “ไม่เป็นไร อย่างนี้แหละดีแล้ว...พี่บอกแล้วไง อย่าคิดมาก...”  ผมส่งยิ้มให้มือใหญ่ที่เอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆ  รู้สึกได้ว่าทุกอย่างที่พี่นทพูดออกมาจากใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง...ทั้งที่พี่ชายดูใจดีและเป็นคนดีขนาดนี้ แล้วทำไมคน ๆ นั้นถึงได้ก้าวร้าวและไม่เป็นมิตรนัก....

                    พี่นทจอดรถให้ผมที่หน้าบริษัทแห่งนึง ซึ่งอ่านชื่อแล้วทำเอาผมอึ้ง..ก็บริษัทนี้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบโฆษณาและสื่อสารพัดสิ่งเป็นเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงที่สุด    บ.โชติวงษ์  อินเตอร์ ครีเอท   ตึกที่ทั้งสูงและใหญ่โตทำให้ผมประหม่า...แต่ก็ต้องเรียกความมั่นใจกลับคืนก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัทฯ พยายามหาทางที่จะไปแผนกบุคคลให้ได้โดยถามจากพนักงานที่เดินเพื่อเข้างานในตอนเช้าๆ อย่างนี้....พี่นทอุตส่าห์แนะนำก็คงต้องลองดู.....

                    ในที่สุดผมก็ได้ใบสมัครงานมาไว้ในมือ...ว่าแต่ผมจะสมัครตำแหน่งอะไรล่ะ ...ผมตัดสินใจเว้นช่องตำแหน่งไว้ กรอกประวัติการศึกษา และความสามารถพิเศษ ซึ่งมันก็คงไม่พิเศษเท่าไหร่...เพราะมันก็มาจากที่ผมเรียนทั้งนั้น....กราฟฟิค ดีไซน์ ...คือสิ่งที่เรียนมา...แนบฟอลิโอทำเองสำหรับใช้สมัครงาน ข้างในเป็นงานออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยกราฟฟิคในแบบต่างๆ  ตั้งแต่สมัยเรียน หวังว่าจะช่วยได้บ้าง......

                    “น้องนั่งรอซักครู่นะคะ....” 

                    “ครับ”  ผมพยักหน้ารับพนักงานที่เดินมารับใบสมัครของผมแล้วหายเข้าไปในห้อง  ๆ  นึง..

                    “ทางบริษัทเราตกลงรับน้องทำงานนะคะ....ส่วนตำแหน่งอะไร รบกวนน้องตามพี่ไปพบกับท่านรองประธานตอนนี้เลยค่ะ”

                    “รองประธาน....เลย..เหรอ..ครับ”  ผมอึกอัก  กับสิ่งที่ได้รับฟัง หลังจากที่ยังงง ๆ กับการได้งานแบบรวดเร็วติดจรวดครั้งนี้.....ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะได้งานในบริษัทที่มีชื่อเสียงเร็วขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย...แล้วยังต้องไปคุยกับรองประธานบริษัทอีก...

                    “ค่ะ ตามพี่มาเลยค่ะ” ผมเดินตามสาวอ๊อฟฟิศไปในห้อง ๆ นึง ซึ้งจริง ๆ มันคือประตูที่เปิดออกจากห้องที่ผมเขียนใบสมัคร เพื่อขึ้นลิฟท์ไปอีก 3 ชั้น....ถึงจะถึงห้องรองประธาน...ซึ่งผมสังเกตว่าป้ายไม้สลักที่ออกแบบอย่างสวยงามที่สลักชื่อและตำแหน่งรองประธาน... ถูกติดอยู่หน้าห้อง 2 ห้อง.... ซึ่งอยู่ติด ๆ กัน มีเลขานั่งอยู่หน้าห้องของทั้งสองห้อง...แต่พี่คนที่พาเดินมาพาเข้าห้องทางด้านขวาที่มีป้ายเขียนไว้

    ..คุณโชติวัฒน์ รองประธานบริษัทฯ....เลขาสาวสวยหน้าห้องพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้พี่ที่พาผมเดินมาเหมือนกับรู้กันว่าต้องทำยังไง...

                    “คุณโชติวัฒน์คะ คุณดวงแขพาพนักงานใหม่มาแล้วค่ะ”  เลขาสาวกรอกเสียงลงกับโทรศัพท์ที่ตั้งตรงหน้าตัวเอง

                    “เชิญครับ”  เสียงตอบกลับเป็นเสียงผู้ชาย...คงเป็นเจ้าของชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าห้อง...แต่ก็อดที่ชำเรืองมองอีกห้องไม่ได้...ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเศษอะไร นอกจากอ่านชื่อบนป้ายตามที่สายตาเหลือบไปเห็นก็เท่านั้น....

                    ..คุณโชติวุฒิ..รองประธานบริษัทฯ...

                    “เชิญค่ะ พี่ขอตัวก่อน”  กำลังจะอ้าปากทัดทานคนที่ขอตัว...ใจคอจะไม่เข้าไปแนะนำอะไรให้ผมหน่อยหรือไง..แต่ก็ไม่ทันคนที่ส่งผมเข้ามาในห้องแล้วตัวเองก็รีบออกไป ปิดประตูใส่หน้าผมที่กำลังหันตามไป....

                    “เชิญนั่งครับ..คุณทศพร”

                    “......พี่นท!.....”  เงยหน้าตามเสียงทุ้มที่ได้ยิน...แต่ก็ต้องตาโตพร้อมกับยืนอึ้งกับคนที่กำลังนั่งเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่...

                    “ครับพี่เอง...ทำหน้ายังกับเห็นพี่เป็นสับประหลาดแหน่ะ..นั่งก่อนสิซิน..”  พี่นทมองพร้อมกับส่งยิ้มแบบกลั้นขำกับท่าทีของผม...เหมือนตัวเองโดนหลอก...แต่พี่นทก็ไม่ได้โกหกอะไรแค่ไม่ได้บอกเท่านั้นเอง....

                    “ตกลงว่าบริษัทนี้เป็นของ...”

                    “เป็นของคุณพ่อครับ...คุณพ่อเป็นประธาน พี่เป็นรองประธาน และนัทก็เป็นรองประธานฝึกหัดเพราะพึ่งจะเริ่มมาจับได้ไม่นาน..ก่อนหน้านั้นก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยหลังจบซะ 3 ปี ถ้าซินพึ่งจบนัทก็น่าจะเป็นพี่ซิน...แต่ขานั้นน่ะหัวไว เรียนรู้อะไรแป๊บเดียวก็เกิดแล้ว...”

                    “ครับ...ว่าแต่พี่นทจะให้ซินทำอะไรล่ะครับ”  ผมถามหลังจากที่เห็นพี่นทเปิดแฟ้มฟอลิโอของผมดูไปด้วยและพูดเล่ารายละเอียดซะยาวเหยียดแบบผมไม่ต้องถาม....

                    “พี่ดูแล้วฝีมือเราใช้ได้เลยล่ะ แล้วการจบเกรียตินิยมก็ไม่ใช่ย่อยเลย เก่งนะเนี่ย....พี่ให้เราไปเรียนงานด้านอาร์ต ไดแร็คเตอร์ ละกัน ดูแล้วเราน่าจะทำได้..”

                    “ อาร์ต ไดแร็คเตอร์!”  ตกใจ กับตำแหน่งที่พี่นทเสนอให้ ตำแหน่งนี้เคยเป็นงานที่ผมใฝ่ฝัน แต่ไม่คิดว่าจะได้ทำตามที่ต้องการเร็วขนาดนี้...

                    “ครับ บริษัทเรางานเข้ามาค่อนข้างเยอะ แล้วก็ส่วนงานนี้ค่อนข้างหนักเลยล่ะ แต่ไม่ต้องกลัว เพราะบุคลากรเรามีเพียงพอ แต่ก็อยากได้ฝีมือดีๆ  เพิ่มอีกซักคน..”  พี่นทพูดแล้วส่งยิ้มให้หลังจากปิดแฟ้มของผมลง....ผมพยักหน้ารับอย่างอึ้งๆ  ก่อนจะรับแฟ้มตัวเองคืน....

                    “สนใจเริ่มงานเลยไหม...พี่จะพาไปแนะนำกับพี่ ๆ ในแผนก...เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มีงานนอก คงไม่ได้เข้าบริษัท”

                    “...ได้ครับ..ซินยังไงก็ได้ ขอบคุณพี่นทมากนะครับ...ซินรู้ว่าพี่ก็ต้องการช่วยซิน..”  ยกมือไหว้คนตรงหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้..นี่พี่นทลงทุนไปแนะนำเองจะถูกเขม่นหรือเปล่า...แต่ก็ช่างเถอะ ผมมาทำงานนี่นา...

                    “ครับ..พี่ยินดี และดีใจที่ซินรับรู้...”  รอยยิ้มที่ส่งกลับมาดูอบอุ่น และแววตาจริงใจ ทำให้รู้สึกแปลก ๆ จนต้องหลบตาลงมองมือตัวเองที่จับแฟ้มฟอลิโอเอาไว้...

                    หลังจากที่พี่นทเคลียร์งานบนโต๊ะทำงานเสร็จก็พาผมเดินไปที่ส่วนงานของอาร์ต ไดเร็คเตอร์...ซึ่งดูไปแล้วมีแต่ผู้ชายล้วน ๆ มีผู้หญิงมีอยู่สองคน คนนึงดูมีอายุ ส่วนอีกคนดูห้าวๆ  เหมือนทอม...เคยได้ยินมาพอสมควรว่าส่วนงานนี้งานหนักแต่เงินดี  แต่ดูจากสภาพแล้วทุกคนดูไม่เคร่งเครียดอะไรมากแต่ก็ทำงานไม่ได้พักเหมือนกัน...พี่นทมอบหมายให้พี่บัว ก็พี่คนที่ดูเหมือนทอม ๆ นั่นแหละเป็นคนสอนงาน ดูงานจากที่พี่เขาทำ ผมอดที่จะทึ่งไม่ได้ ไม่แปลกใจที่บริษัทนี้จะมีชื่อเพราะดูผลงานแล้ว ผมยังกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีขนาดนี้....

                    “ดูแลน้องดี ๆ นะ น้องบัวสวรรค์..”

                    “บัวสวรรค์ ส้นตีนดิ!....ขอโทษ ๆ ไอ้นี่มันกวนตีน พี่ก็ต้องสรรเสริญมันบ่อย ๆ “  กำลังเปิดแฟ้มงานให้ผมดูเป็นแนวทางว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน หลังจากที่พี่นทมาผมมาแล้วตัวเองก็ออกไป....พี่บัวเงยหน้าไปสบถใส่เพื่อนทั้งที่กำลังคุยกับผมอยู่อย่างลิมตัวทำให้ต้องรีบหันมาขอโทษ...

                    “ ไม่เป็นไรครับ”

                    “มึงเอ๊ย มีผู้หญิงอยู่กับเขาสองคน หวังว่าจะเป็นดอกไม้ในพงหญ้า แต่ก็ไม่ได้นำพา มาเจอผู้ชายด้วยกัน..กลายเป็นดาวประดับดิน...ค่อยยังชั่วหน่อย...”  คนที่เดินเข้ามาพูดดูจะสนิทกับพี่บัวพอสมควร...คำพูดพี่แกทำเอาพี่นุ้ยพี่ผู้หญิงที่ดูมีอายุอีกคนค้อนปะหลับปะเหลือก

                    “มึงพูดอะไรก็เกรงใจน้องหน่อย...คุณนทมาเองนะมึง”

                    “เออว่ะ...”  คนที่เดินเข้ามาพูดทำท่าเหมือนคิดได้ แล้วรีบเดินกลับไปทำงานอย่างรน ๆ ...

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ...ซินสบายๆ  ยังไงก็ไม่ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่นทเลย”  ผมรีบปฏิเสธ แล้วก็ยิ้มให้คนที่มองๆ  อยู่....

                    “คอ่ยยังชั่วหน่อย...ให้ได้อย่างนี้สิ..ทดแทนสองคนที่มีได้แบบไร้ฝุ่น”

                    “ไอ้วัชพืช!!

                    “วัชระครับ”  ผมหัวเราะไปกับคนในแผนกที่กำลังมองดูพี่นุ้ยถกเถียงกับพี่ที่ดูจะเป็นคนฮา ๆ ที่สุดในแผนก..คิดว่าจะเจอบรรยากาศหม่นๆ  คนเครียดคิ้วขมวด แต่เจอแบบนี้ก็โล่งอก...ถือว่าเป็นการเปิดทางที่ดีในการทำงาน...

                    “ซิน...”

                    “พี่นท..”  ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่นทที่เดินมาชะเง้อที่หน้าแผนก ทำเอาคนอื่นรีบก้มหน้าก้มตาทำงานตัวเองหลังจากที่เมื่อครู่จับกลุ่มทำความรู้จักกัน...นี่ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว ทุกคนยังไม่มีท่าทีจะกลับกันเลย...เชื่อแล้วว่างานหนักจริง แต่เป็นที่ตัวบุคคลเองที่ไม่เครียดกับงานเท่าไหร่

                    “เดี๋ยวพี่ฝากซินกลับกับนัทนะ..เพราะพี่มีนัดกับลูกค้า” 

                    “ไม่เป็นไรครับ ซินกลับเองได้” ผมรีบปฏิเสธเมื่อได้ยินว่าพี่นทจะให้ผมกลับกับใคร.....

                    “ห้ามปฏิเสธ..จะได้รู้จักกันไว้...พี่บอกนัทแล้ว...เดี๋ยวเขาจะกลับจะให้เลขามาตาม” 

                    “แต่ว่า...”  จะบอกยังไงว่า เคยคุยกันและลับฝีปากกันไปแล้วเรียบร้อย....

                    “พี่ไปก่อนนะ....ไว้พรุ่งนี้รอพี่ด้วย มาพร้อมกัน”  ผมพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่ออีกคนทำท่าเหมือนรีบร้อน..ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลับเข้าไปในแผนก...ที่ทุกคนชะเง้อคอมองอยู่...ท่าทางตลก ๆ ทำให้ผมอดจะยิ้มไม่ได้ อยากรู้กันขนาดนี้เลยเหรอ...

                    “โห่ยยย ซิน อย่ายิ้มอย่างเน้...”  พี่เก่งเพื่อนสนิทคู่พี่วัชที่เป็นแนวหน้าในการฮา ลุกขึ้นจับหน้าอกตัวเองเหมือนกำลังใกล้จะสิ้นลม...ทำเอาคนอื่นโห่ใส่อย่างหมั่นไส้

                    “งั้นซินไม่ยิ้มก็ได้” ผมทำท่าทางเฉย ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานตัวเอง...

                    “อ้าวๆ  ได้เกิง มึงทำให้น้องงอนว่ะ...โอ๋พี่ง้อ ๆ” 

                    “ฮ่า ๆๆ ซินล้อเล่น”  รู้สึกสนุกกับเพื่อนร่วมงานที่เจอกันแค่วันเดียว ดูทุกคนจะสบาย ๆ และเป็นกันเอง...

                    “พี่แมนครับ ผมเก่งครับไม่ใช่เกิง........โอ๋พี่ก็ง้อ ก็ง้อ...”  ท่าทางพี่เก่งที่เดินเข้ามาทำท่าน่ารัก ง้อผมทำเอาทุกคนหลุดหัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกัน....

                    “น้องซินคะ...”

                    “เอ่อ...ซินไปก่อนนะครับ พี่ ๆ หวัดดีครับ..พรุ่งนี้เจอกัน”  เมื่อเห็นเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องของคนที่ต้องกลับด้วยเดินเข้ามาเรียกจึงล่ำราพี่ ๆ  ก่อนจะเดินออกมา

                    “จะกลับด้วยยังต้องให้ไปเชิญ..”  มาถึงก็โดนเลยหลังจากที่เดินออกมาเจอร่างสูงในชุดทำงาน ที่ต้องยอมรับว่าดูดีจนใครเห็นไม่เหลียวหลังก็แปลก...แต่ท่าทางและถ้อยคำที่พูดกับผมนี่สิทำให้หมดแล้วซึ่งคำชื่นชม

                    “..............”  ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่พูดเหน็บ ก่อนจะทำหน้าเฉยๆ  ไม่รับรู้สิ่งที่อีกคนพูด...

                    “เชิญ!!”  คนตรงหน้าพูดกระเทกเสียงใส่ ก่อนจะเดินนำออกไป...ผมแอบเบะปากก่อนจะเดินตามไปติดๆ  ถ้าพี่นทไม่สั่งไว้...ผมคงเดินออกไปโบกแท็กซี่กลับเองไปแล้ว

                    ผมนั่งนิ่งในรถสปอร์ตรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยม...การตกแต่งภายในมีลูกเล่นมากมาย ผิดกับของพี่นทที่เรียบ ๆ แต่โก้หรู...รถมุ่งไปคนละทางกับที่พี่นทขับมาเมื่อเช้า...ผมเริ่มหันไปมองคนขับที่ตั้งหน้าตั้งตาเหยียบเหมือนอยากให้ไปถึงโลกหน้าเร็ว ๆ 

                    “ผมยังไม่กลับ...”

                    “งั้นผมขอตัว” ผมรีบขยับกระเป๋าสะพาย เพื่อที่จะลงจากรถ....จะสองทุ่มอยู่แล้วยังกลับไม่ถึงบ้านเลย...ผมก็เป็นห่วงพี่สาวผมเหมือนกัน

                    แกร๊ก!!

                    “ไม่ต้อง...จะรีบแจ้นกลับไปฟ้องพี่นทหรือไงว่าผมส่งไม่ถึงบ้าน...อยู่ด้วยกันนี่แหละ”  กำลังจะเปิดประตู แต่ประตูดันล๊อด

                    “ผมไม่ฟ้องใครทั้งนั้น ผมเป็นห่วงพี่สาว”

                    “ใครเขาจะทำอะไร....อย่าตื่นตูม ร้อนตัวไปหน่อยเลย...ทำไมเหรอ ตั้งใจมาทำอะไร ทำไมต้องกลัวใครเขาจะทำร้ายพวกตัวเองนัก”  ท่าทางสบาย ๆ แต่สีหน้าและคำพูดเหยียด ๆ นั่นทำให้ผมกำมือตัวเองแน่น...

                    “ไม่หรอกครับ...ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเพราะพวกเราบริสุทธิ์ใจ...ไม่คิดจะทำร้ายใครแน่ ๆ ...แต่ไม่แน่ถ้าจะต้องเป็นการโต้กลับ..เพราะดูท่าแล้วก็มีคนที่คิดอะไรทุเรศ ๆ กับพวกเราอยู่เหมือนกัน”

                    “คุณว่าใคร!

                    “จะคิดเองหรือจะให้บอกตรงๆ  ล่ะครับ!”  โต้กลับคนที่ทุบพวงมาลัยรถแล้วหันมาตะคอกใส่ผม เอาสิ..คิดว่าตัวเองคนเดียวหรือไงที่มีปาก...

                    “ลงไป...ผมบอกให้ลงไป!!...”

                    “ขอบคุณที่ยอมปล่อยให้กลับ!” ผมรีบขยับตัวและเปิดกระตูรถเมื่อได้ยินเสียงปลดล๊อค...

                    “ใครจะให้คุณกลับ...ผมให้คุณลงไป แล้วเข้าไปกับผมต่างหาก..อย่าริแอบชิ่งล่ะ...ผมจะถือว่าคุณมันดีแต่ปาก แต่ใจปลาซิว”

                    “..............”  อีกคนยิ้มเยาะเมื่อเห็นผมหันไปมองอย่างไม่พอใจ....จะอะไรนักหนา...มองก็รู้ว่าบริเวณที่เข้ามาจอดรถน่ะ ข้างๆ  เป็นผับ...แค่หัววันรถยังจอดเยอะแยะขนาดนี้ และเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมาให้ได้ยิน....เกิดมาก็เคยเข้าแค่ครั้งเดียวตอนวันเกิดเพื่อนสมัยเรียน..แต่ผมจะยอมให้คนพรรค์นี้มาดูถูกเด็ดขาด.....

                    เดินตามคนที่ถอดสูทออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีดำ จากบุคลิกและสถานที่อย่างนี้ยิ่งมองยิ่งเหมือนแบดบอยไม่มีผิด..การเดินเข้าเหมือนกับเข้าทางหลังร้าน...แต่ก็สามารถไปทะลุในสถานที่อโคจรได้ในที่สุด เสียงเพลงที่กระหึ่มจนทำให้ใจเต้นแรงไปด้วย นอกจากเสียงเพลงที่ดังจนฟังอะไรไม่ได้สรรพ แล้ว แสงไฟก็ไม่ได้สว่างอะไรเลย...กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ลอยแตะจมูกจนน่าเวียนหัว..ผู้คนที่กำลังมันส์สุดเหวี่ยง..กับการเต้นและนัวเนียคู่ควงตัวเอง นี่พึ่งจะสองทุ่มทำไมถึงได้..อึกทึกเร็วนัก

                    “ว่าไงคะ สุดหล่อ..คิดไงวันนี้ ถึงได้มาได้ ไหนบอกว่าแขวนนวมแล้วไง...”  ผมเดินตามคนที่นำเข้ามานั่งโซฟาที่ว่างตรงกลางๆ  ผับ...เด็กเสริฟเหมือนรู้งานยกมิกเซอร์เหล้ามีย่อห้อมาวางตระเตรียมในเวลาไม่นาน...แก้วเหล้าก็วางอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งตรงข้ามกันและ..ตรงหน้าผมด้วย...

                    “.............”  แก้วเหล้าผมถูกเลื่อนเข้ามาตรงหน้าอีกครั้งหลังจากที่ดันออกไปข้างๆ  แสดงให้รู้ว่าผมไม่ดื่ม...เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวร่างเพรียวหน้าตาสะสวย หน้าอกหน้าใจล้นทะลักเดินเข้ามานั่งแทบจะสิงกับคนตรงหน้า

                    “พาน้องมาเลี้ยงเหล้าครับ....”

                    “อุ๊ยตาย น้องเหรอคะ หน้าตาน่าเอ็นดูเชียว” หญิงสาวทิ้งสายตาพาทางผมแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าอกของคนที่นั่งอยู่อย่างไม่อาย...ถ้าจะขนาดนี้เข้าห้องไปเถอะ

                    “น้องคนอื่นน่ะครับ ไม่ใช่น้องผม..” คำพูดและสายตาดูถูกทำให้ผมเสหน้าหลบสายตาแคลนๆ  นั่น ทั้งที่เสียงเพลงก็ดังกระหึ่มขนาดนี้แต่ผมกลับจับใจความได้หมด.....

                    “ซักเพลงไหมคะคืนนี้ ไม่ได้ยินเสียงกีตาร์นัทมาร่วมเดือนแล้วนะ เวทียังนี้ยังรอเสมอ”

                    “ไม่หรอกครับ...ตั้งใจมาดื่มอย่างเดียว...รบกวนช่วยให้คนชงเหล้าและหาเด็กมาบริการน้องผมด้วย...เอาแบบ”  กำลังสงสัยว่าคนตรงหน้าเล่นดนตรีเป็นกับเขาด้วยเหรอ เพราะท่าทางไม่ใช่พวกมีดนตรีในหัวใจเลย...แต่ก็ต้องสะดุดกับสายตาและคำพูด...ก่อนที่จะกระซิบข้างหูหญิงสาวต่อประโยคที่ผมได้ยินว่ามันค้างๆ 

                    “ค่ะ ว่าแล้ว...ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็คิดอยู่ค่ะ...รอซักครู่นะคะ”  ตะหงิดในใจเมื่อแม่สาวนั่นจ้องมาที่ผมก่อนจะลุกออกไป ทิ้งไว้แต่อีกคนที่มองผมแล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย....

                    “ขอผมนั่งด้วยนะครับ...น่ารักจังเลย”

                    “นี่มันอะไรกัน!!”  ผมรีบขยับตัวหนีผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่แต่งตัวคล้ายเด็กเสริฟที่ตอนนี้ถือวิสาสะนั่งลงข้างผม ก่อนที่จะใช้แขนเกี่ยวเอวผมให้เข้าหาตัวเอง....

                    “ทำไมล่ะครับ..ก็มีคนบอกว่าน้องต้องการ” อีกคนยังไม่ลดละที่จะกอดผม...จนผมต้องลุกขึ้นยืน..รู้สึกโมโหสุด ๆ ....หันไปมองคนที่นั่งยิ้มอย่างสะใจ...นี่แกล้งกันขนาดนี้เลยใช่ไหม....

                    “คุณน่าจะชอบนะ...พี่สาวคุณยังชอบเลย..ชอบที่จะมั่วไง...ผมก็นึกว่าจะได้หมดเหมือนกัน..”

                    “มันจะมากไปแล้วนะ!!!”  ผมตวาดขึ้นเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง คนที่มานั่งด้วยนั่งนิ่งไม่กล้าขยับเข้ามารุ่มร่ามกับผมอีกเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะโมโห....

                    “มากไปเหรอ...หรือไม่ถูกใจ ผมหาให้ใหม่เอาไหม...หรือโสด ๆ อย่างนี้ไม่ชอบ ชอบแบบมีพันธะ!!”  เสียงที่ดังแทรกเสียงเพลง แต่ผมกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำ...

                    “......นี่!!!!...”  อีกคนรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อน้ำสีอำพันที่อยู่ในแก้วที่ใกล้มือผม ถูกผมสาดใส่หน้าคนที่พูดจาได้ต่ำอย่างหาที่เปรียบไม่ได้....

                    “คนอย่างคุณ..มันก็มีสมองไว้คิดเรื่องกักขฬะอย่างนี้แหละ เสียดายนะครับ..ที่บนโลกนี้มีบุคลากรอย่างนี้อยู่..ไม่งั้นแผ่นดินคงจะยกสูงกว่านี้แน่ ๆ!!”  ผมเดินเข้าไปใกล้เพื่อตะโกนใส่หน้าคนที่ดูก็รู้ว่าโมโหและไม่พอใจแค่ไหนที่ผมสาดเหล้าที่ชงใส่..มันยังน้อยไป.....

                    “กล้าดียังไง!!..” ข้อมือผมถูกคว้าขึ้นไปบีบจนรู้สึกเจ็บ จากคนที่โมโห แต่คิดว่คงไม่กล้าที่จะมีเรื่องกันในนี้แน่ๆ  เพราะคนกำลังมองพวกเราอยู่...แต่ผมไม่แคร์หรอก...

                    “ผมกล้าได้กว่านี้อีก...”  ไม่พูดเปล่ายกขวดเหล้าที่อยู่บนชั้นชงเหล้า  มาเทรดลงบนบ่าใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนหมดขวด..ชอบนักหนิ...ผมยกยิ้มอย่างสะใจเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ราคาแพงอยู่บนตัวคน ๆ นี้ด้วยฝีมือผมเอง อีกคนดูเหมือนอึ้ง ๆ ที่ผมกล้าทำจนไม่ทันที่หลบหลีกอะไร....

                    “ว๊ายย!! เกิดอะไรขึ้น นัท...นี่แก!!” 

                    “ผมบอกแล้วไง...ว่าอย่าล้ำเส้น!!”  หญิงสาวคนที่เดินจากไป วิ่งเข้ามาเกาะแขนร่างสูงตรงหน้าก่อนจะยกผ้าในมือขึ้นเช็ดเสื้อที่เปียกเหล้าอย่างอุตลุด อาศัยช่วงนี้สะบัดมือตัวเองออกก่อนจะรีบเดินออกจากบริเวณนั้น

                    “โธ่โว้ย!!!!แล้วจะได้เห็นดีกัน!!!” เสียงที่ตะโกนไล่หลังผมทันทีที่ก้าวออกมา ไม่สนใจรีบเดินออกจากสถานที่น่าอึดอัดนั่นให้เร็วที่สุด

    .....จะรอแล้วกัน...ก็อยากจะเห็นว่ามันจะดีแค่ไหน...แต่อย่าลิมว่าทำอะไรผมหรือยุ่งกับพี่สาวผม...เตรียมตัวรับคืนด้วยละกัน..และมันจะหนักกว่าที่ทำกับพวกเรา......หลายเท่า

                                                

                    ตอนสองแล้ว...หวังว่าคนที่ติดตามอ่านจะชอบกัน อ่านแล้วก็คอมเมนท์บอกกันมั่งว่าเป็นยังไง...เห็นคอมเมนท์ตอนแรกแล้วถึงกับใจหายเหมือนมันจะไม่สนุก...แต่ก็อยากจะแต่งต่อเพื่อคนที่ติดตามกันอยู่...ขอบคุณมากนะคะ^^

                                                     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×