ตอนที่ 6 : k i d d o :: s i x ♡
k i d d o
- S I X -
การเดินทางกลับบ้านของมาร์ควันนี้ค่อนข้างแปลกจากเดิมไปอยู่นิดหน่อย เรื่องแรกก็คือจากการที่เคยกลับคนเดียวเป็นประจำกลายเป็นว่าวันนี้เขามีเด็กชายจอมจุ้นจ้านมาติดสอยห้อยตามเพิ่มอีกหนึ่งคน และเรื่องถัดมาก็คือเส้นทางกลับบ้านที่เคยคุ้นตากำลังเปลี่ยนไปเพราะว่าจุดหมายปลายทางของเขาวันนี้ไม่ใช่ที่พักอาศัย แต่เป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่เลยออกไปเกือบห้าป้ายรถเมล์นั่นต่างหาก
“ลุง โกรธผมเหรอ” เสียงแง้วๆที่ดังขึ้นจากที่นั่งข้างๆกันบนรถโดยสารประจำทางทำให้มาร์คต้องลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาไม่ได้โกรธเด็กนี่ เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนึ้ถึงขยันทำเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงอยู่เสมอ คิดอะไรอยู่ถึงได้มาหาเขาแถมยังให้ธุรการโทรเรียกราวกับว่ามีเรื่องด่วนคอขาดบาดตาย...เบอร์โทรของเขาเด็กนี่เองก็มีไม่ใช่หรือไง
“นายต้องการอะไรกันแน่”
“ผม...” เด็กดื้อในสายตาของมาร์คขมวดคิ้วฉับก่อนจะหลุบตาลงต่ำ นิ้วชี้เรียวเขี่ยฝ่ามือเล็กๆของตัวเองไปมา เป็นท่าทางเด็กๆที่ทำให้มาร์คได้สติขึ้นมาว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็กชายอายุสิบห้า...เป็นเด็กโตแต่ตัวที่ดื้อตาใส
เขาโมโหใส่อารมณ์ไปมันก็เท่านั้น...
“ก็บอกแล้วไงว่าจะพาไปกินข้าว”
“พาฉัน?” มาร์คทวนคำพูดนั้นของอีกฝ่ายพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยใบหน้าคล้ายกับกำลังกลั้นขำ ก็จริงอยู่ตอนที่เจออีกฝ่ายนั่งรออยู่ในห้องรับรองเจ้าตัวก็พูดอะไรทำนองนี้กับเขา แต่พอมารู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริงมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกอยู่หน่อยๆเพราะเขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเด็กคนนี้เลยสักนิด และมันก็ดูเหมือนว่าจะทำเอาเด็กในชุดนักเรียนที่มีเป้วางอยู่บนตักเริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเข้าให้แล้ว
“ก็ใช่น่ะสิ! ตลกมากหรือไง”
“รวยเหรอ ตัวแค่นี้จะมาเลี้ยง...ฉันกินเยอะนะ”
“ก็น่าจะพออะ แม่โอนค่าขนมมาให้เมื่อเช้าพอดี” คำตอบพาซื่อแบบนั้นทำเอามาร์คต้องกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ เกรงว่าถ้าแหย่หนักกว่านี้อีกนิดเด็กน้อยอาจจะโวยวายเสียงดังขึ้นมาให้เขาได้เป็นจุดสนใจของคนบนรถแน่ๆ
“ก็ได้ อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน”
.
.
สุดท้ายแล้วร้านอาหารที่ทั้งสองคนเลือกจะฝากท้องไว้โดยมีเด็กมัธยมต้นอาสาเป็นเจ้ามือนั้นก็คือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากในการกิน แต่ก็ถือว่าเป็นร้านที่ขึ้นชื่อในระดับหนึ่ง และนั่นก็ทำให้มาร์คได้รู้ว่าเขาค่อนข้างจะเลือกร้านแม่นพอสมควรเพราะเด็กคนนี้เดินตรงปรี่เข้าไปสั่งอาหารเซ็ทใหญ่แถมยังเพิ่มเมนูกินเล่นแบบคล่องปรื๋อราวกับท่องมาจากบ้าน ส่วนเขาสั่งเซทขนาดกลางเท่านั้น
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวฉันยกไปให้เอง” เมื่อเมนูอาหารถูกสั่งไปครบถ้วนมาร์คก็ก้มลงบอกเด็กชายในชุดนักเรียนเอกชนที่ทำหน้าคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว แต่กระนั้นก็ยอมพยักหน้าอือออเดินไปวางกระเป๋ายังโต๊ะนั่งที่อยู่ไม่ไกล เด็กน้อยลืมเสียสนิทว่าอาหารทั้งหมดที่สั่งไปน่ะยังไม่ได้คิดเงินเลยด้วยซ้ำ
“ทั้งหมด 550 บาทค่ะคุณลูกค้า”
“นี่ครับ” มาร์คส่งรอยยิ้มจางๆไปให้พนักงานสาวพร้อมกับบัตรเครดิตสีดำที่ถูกยื่นไปให้เพราะวันนี้เงินสดติดกระเป๋าของเขามีอยู่ไม่มาก ดวงตาคมลอบมองไปยังตำแหน่งที่เด็กคนนั้นนั่งก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ในมือแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ตัวแค่นี้ริอาจพาเขามาเลี้ยงข้าว อยากจะรู้จริงๆว่าคิดอะไรอยู่
หรือว่า...
“...” มาร์คเป็นคนถือถาดใบใหญ่เดินกลับมา เด็กน้อยทำเพียงแค่พยักหน้าขอบคุณที่มาร์ควางอาหารของตัวเองให้ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลืมเสียสนิทใจว่าจุดประสงค์ที่เขามาอยู่ตรงนี้นั้นเพราะอะไร มาร์คลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายจากนั้นความรู้สึกหมั่นเขี้ยวก็แล่นขึ้นมาเต็มอก ใบเสร็จค่าอาหารถูกคนอายุมากกว่าพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองอย่างจงใจ จากนั้นปลายนิ้วชี้ยาวจึงค่อยๆยื่นไปกระทั่งสัมผัสเข้ากับริมฝีปากอิ่มสีสดของเด็กหนุ่มอย่างจัง
“อ๊ะ! อะไรเนี่ยลุง เค็มนะ”
“เลิกกดมือถือแล้วกินได้แล้ว ฉันต้องรีบกลับไปทำงานต่อ”
“มีแต่งานๆๆ เป็นผู้ใหญ่นี่น่าเบื่อจัง” เขาได้ยินเด็กคนนั้นบ่นออกมาเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบเบอร์เกอร์อันโตตรงหน้าตัวเองเข้าปากจนมุมปากเลอะซอสสีแดงเข้มโดยไม่คิดห่วงภาพลักษณ์ใดๆ หลังจากได้ลิ้มรสใบหน้าบูดบึ้งก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นหลับตาพริ้ม ส่ายหน้าไปมาช้าๆคล้ายกับว่ากำลังได้กินอาหารสุดวิเศษจากไหนสักที่ โอเว่อร์แอคติ้งได้โล่ไปเลย
“ลุงๆ...” ยังไม่ทันที่มาร์คจะได้จัดการส่วนของตัวเองเสียงเล็กอู้อี้ก็ดังเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง โทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับกล้องที่ถูกเปิดค้างไว้ มาร์คเลิกคิ้วนิดหน่อย
“อะไร”
“ถ่ายให้หน่อย จะอัพลงสตอรี่ในไอจี”
“...”
เฮ้อ...เด็กหนอเด็ก
หลังจากจบมื้ออาหารในร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังไปแล้วเด็กนี่ก็ทำท่าเหมือนว่ายังไม่อยากจะกลับจนมาร์คอ่อนใจ เด็กน้อยบอกกับเขาว่าอยากจะเดินเล่นต่ออีกนิดนึงเพราะไม่ค่อยได้มาเที่ยวห้างสักเท่าไหร่ แต่มาร์คเกรงว่าถ้าเรากลับช้ากว่านี้รถโดยสารอาจจะแน่นและติดยาวกว่าขามา และตัวเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาตามใจเด็กดื้อ ดังนั้นแผนการเดินเล่นของอีกฝ่ายมาร์คจึงจัดการพับเก็บให้อีกฝ่ายโดยไม่สนสีหน้าบึ้งตึงนั้น
“คนเยอะชะมัด” ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วเพราะอีกไม่นานจะทุ่มครึ่ง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มาร์คนิยมการเดินมากกว่าขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คนเยอะและพบกับการจราจรติดขัดตลอดเวลา หากแต่เขาบ่นเพียงในใจ ทว่าเด็กตัวแห้งข้างๆกายกลับบ่นออกมาเสียงดังและขยับตัวยุกยิกไปมาจนได้รับสายตาตำหนิจากคนข้างๆ
“อยู่นิ่งๆสิ คนอื่นเขาก็หงุดหงิดเหมือนนายนั่นแหละ” มาร์คก้มลงกระซิบก่อนจะจับแขนเด็กตรงหน้าให้เบี่ยงหลบคนด้านในที่กำลังแทรกตัวออกมาเพื่อรอลงจากรถในป้ายต่อไป
“อ่า...แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” มาร์คพ่นลมหายใจออกมาเสียจนกลุ่มผมเข้มที่อยู่ชิดอกเขากระพือเล็กน้อย เขาพยายามไม่สนใจคนที่เอาตัวรอดด้วยการพิงตัวเอาน้ำหนักทั้งหมดมายังอกของเขาแถมเอื้อมมือไปปรับแอร์ข้างบนให้จ่อมาที่เจ้าตัวก่อนหลับตาพริ้มสบายใจเฉิบ
เด็กเอ้ย...
“นี่แบมแบม...” แต่มาร์คก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หลับลงไปจริงๆ เขาก้มลงไปกระซิบเรียกอีกฝ่ายใกล้ใบหูก่อนได้รับเสียงครางในลำคอตอบกลับมา
“ไหนบอกว่าจะพาฉันมาเลี้ยงข้าวไง”
“...” สิ้นประโยคนั้นเด็กน้อยที่หลับตาอยู่ก็รีบเบิกตากว้างก่อนจะหันมามองคนที่กำลังก้มมาชิดใบหู ลมหายใจร้อนปัดผ่านแก้มสากของคนอายุมากกว่าจนจังหวะการเต้นของหัวใจกระตุกวูบแทบผิดจังหวะ แบมแบมเม้มปากนิดหน่อยไล่ความรู้สึกชั่ววูบนั้นออกไปก่อนจะดันตัวเองให้ยืนตรงๆ
“เดี๋ยวกลับไปถึงตึกผมจ่ายให้ ลืมอะ”
“ไม่เป็นไร ถ้านี่อยากทำเพราะต้องการขอบคุณที่ฉันไปเป็นผู้ปกครองให้วันนี้ล่ะก็...แค่ทำตัวดีๆไม่ดื้อไม่ซนให้ป้านายปวดหัวก็พอแล้ว” มาร์คพูดทุกประโยคออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาข้างใบหูเล็ก เรียกให้ขนอ่อนทั้งร่างกายของเด็กชายที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหน้าลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ ลมหายใจของแบมแบมเริ่มติดขัดพร้อมกับจังหวะบีบรัดในอกจนต้องนิ่วหน้า
“...”
“ฉันขอมากไปหรือเปล่า หืม แบมแบม”
อา...ความรู้สึกแบบนี้มันคือบ้าอะไรกัน!
หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเด็กคนนั้นอีก ชีวิตของมาร์คกลับเข้ามาอยู๋ในระดับที่เรียกว่าปกติสุข ก็มีบ้างบางทีที่เผลอนึกถึงหน้าตาดื้อๆของหลานเจ้าของตึก แต่เพียงแค่เดินลงไปด้านล่างใบหน้าที่เคยเป็นแค่ภาพในความคิดก็กลายเป็นรูปเป็นร่างให้เขาได้เห็นอยู่เกือบทุกครั้งที่เดินขึ้นลง แต่ในช่วงค่ำไปจนถึงดึกก็จะเป็นป้าเชอเสียมากกว่าที่มานั่งทำบัญชีดูแลรายละเอียดต่างๆอยู่เพียงลำพัง
“...” มาร์คเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาลงจากห้องเพื่อไปยังร้านสะดวกซื้อ ผ่านตรงเคาน์เตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองใบหน้าหวานๆที่บางครั้งสังเกตเห็นเขาก็ส่งยิ้มกว้างมาให้บ้าง บางทีก็แลบลิ้นปลิ้นตาล้อหลอกให้เขาต้องใช้สายตาดุๆจ้องกลับไป แต่บางครั้งอีกฝ่ายก็จดจ่ออยู่กับทีวีเครื่องเล็กยกขาขึ้นมาพาดโต๊ะวางทีวีอย่างสบายอารมณ์
“คุณมาร์คคะ” แต่ครั้งนี้เขาคงจะลงมาดึกเกินไป เด็กนั่นคงจะเข้าห้องตัวเองไปนอนแล้ว เหลือเพียงร่างอวบของป้าเชอที่กำลังลุกจากเก้าอี้เดินมาทางเขาเท่านั้น
“ครับ?”
“ป้าจะขอลาเรียนพิเศษพรุ่งนี้ให้ไอ้เจ้าแบมมันน่ะค่ะ พอดีว่าน้องชายป้ามาจากต่างจังหวัดพรุ่งนี้ก็เลยกะว่าจะให้แบมมันไปรับที่สนามบินด้วยกันตอนเย็น” แววตาเปี่ยมสุขของเธอเมื่อพูดถึงญาติทำให้มาร์คต้องระบายรอยยิ้มบนหน้าส่งไปให้เธอด้วย นานๆทีจะได้เห็นว่าป้าเชอมีญาติคนอื่นมาเยี่ยมเยือนก็คงตื่นเต้นเป็นธรรมดา
“อ๋อ...”
“จ้ะ ป้าขอโทษด้วยนะคะคุณมาร์ค แต่ถ้าให้ป้าไปสนามบินคนเดียวไอ้เราก็แก่แล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง ยังไงเอาหลานไปด้วยก็สบายใจกว่า”
“ครับป้าเชอ ให้น้องไปเป็นเพื่อนแหละดีแล้วครับ”
ก็ดีแล้ว เขาจะได้พักสมองไปอีกวัน...
.
แม้วันนี้มาร์คไม่มีสอนพิเศษเด็กชายหลานเจ้าของตึกคนนั้นจนสามารถนั่งตรวจงานล่วงเวลาที่โรงเรียนได้ก็จริง แต่ดูเหมือนว่าแผนการที่วางไว้ว่าจะกลับไปนอนพักผ่อนต่อของเขานั้นจะมีอันต้องโยนทิ้งไปเมื่อหลังจากที่ไขกุญแจห้องเข้ามาได้ไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์เจ้ากรรมก็แผดเสียงร้องดังลั่นพร้อมโชว์เบอร์ที่เขาไม่รู้สึกคุ้นตาเลยสักนิด แต่หลังจากที่กดรับสายและได้พูดคุยกับบุคคลนิรนามคนนั้นได้เพียงชั่วครู่ อารมณ์ที่เคยแจ่มใสก็กลับมืดครึ้มคล้ายกับว่ามีพายุฝนกำลังตั้งเค้าภายในจิตใจ
“...”
กระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำสะท้อนภาพของใบหน้าคมและแววตาเรียบนิ่ง มาร์คมองภาพตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกตรงหน้ามาเกือบห้านาทีแล้ว เขาควรจะรีบออกจากห้องไปสักทีเพราะตอนนี้มีใครบางคนกำลังรอเขาอยู่ที่ด้านล่างล็อบบี้
เพียงแค่ได้ยินเสียงผ่านสายโทรศัพท์ เขาก็รู้สึกประหม่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลิฟท์ตัวเก่าที่มาร์ครู้สึกว่ามันเชื่องช้าเหลือเกินในวันเวลาปกติกลับกลายเป็นรวดเร็วจนน่าแปลกใจในความรู้สึกของเขาวันนี้ แม้พยายามจะก้าวเดินให้ช้าที่สุดพร้อมกับพยายามจัดการความคิดต่างๆภายในหัวแต่เขาก็พาตัวเองลงมาจนถึงล็อบบี้เสียแล้ว มาร์คแทบไม่ได้สังเกตว่าเมื่อครู่นี้คนที่เดินสวนเขาไปทักทายเขาว่าอะไร มันเหมือนกับว่าชายหนุ่มถูกดึงให้จมลงไปในความคิดของตัวเองโดยสมบูรณ์
“...”
“มาร์ค”
“...” เจ้าของร่างสูงเพรียวเกือบร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นรับกับโครงหน้าโฉบเฉี่ยวราวนางแบบในนิตยสารผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่เห็นว่าคนที่เธอเฝ้ารอกำลังเดินตรงมาทางเธอใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องทุกอากัปกริยาของชายหนุ่มที่เป็น ‘อดีตคนรัก’ ของเธอไม่วางตา ฝ่ามือเรียวประสานเข้าหากันน้อยๆก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นชัดเจนบนใบหน้าของเธอ
“มาร์ค...ขอโทษที่มาไม่ได้บอกก่อนนะ สบายดีหรือเปล่า”
“...ก็ดี” มาร์คเหมือนคนที่ยังดึงสติกลับมาได้ไม่เต็มที่ ริมฝีปากของเขาขยับพูด แต่มาร์คแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“...” ยิ่งรอยยิ้มของคนตรงหน้าส่งมาให้มันยิ่งทำให้มาร์คเริ่มหาเสียงของไม่เจอ มือไม้ที่เคยมีที่วางเริ่มระเกะระกะไปหมดจนเริ่มรำคาญตัวเอง มาร์คถอนหายใจออกมาให้กับอาการของตัวเองที่แสดงออกได้ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
“แล้วแทนมาหาเราถึงนี่...มีอะไรหรือเปล่า”
“คือเรา...”
“ฮัดชิ้ว!”
ไม่ใช่เสียงของมาร์คและไม่ใช่จากหญิงสาวตรงหน้าเขา แต่มันเป็นเสียงที่ดังพุ่งมาจากเคาน์เตอร์เยื้องไปทางขวามือของมาร์คต่างหาก ดวงตาคู่คมละความสนใจจากใบหน้าไปยังต้นเสียงโดยสัญชาติญาณ หากแต่แทนที่ชายหนุ่มจะเบนใบหน้ากลับมายังคู่สนทนาในเสี้ยววินาทีอย่างที่ควรทำ กลายเป็นว่าเขาดันให้ความสนใจกับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทสนทนานี้แทน
กลับมาจากสนามบินแล้วสินะ...
“...” ดวงตากลมโตของเด็กแสบจ้องมายังเขาอยู่ก่อนแล้ว มาร์คไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้เป็นความตั้งใจของอีกฝ่ายหรือไม่ หากแต่เพียงได้เห็นใบหน้ารั้นๆของเจ้าเด็กนั่นความรู้สึกประหม่าที่เกาะไหล่มาร์คมาตั้งแต่ข้างบนห้องกลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าบนตักของคนตัวเล็กมีสุนัขโกลเด้นขนยาวตัวโตนั่งอยู่ด้วย เขาจำได้ว่าเขาไม่เคยเห็นเจ้าตูบตัวนี้มาก่อน
“มาร์ค”
เสียงเรียกจากหญิงสาวตรงหน้าไม่เข้าหูมาร์คเลยสักนิดเมื่อเด็กตัวผอมหลังเคาน์เตอร์เริ่มส่งรอยยิ้มกวนๆมายังเขาพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่จับข้อเท้าของเจ้าสุนัขตัวเขื่องนั่นให้ยกขึ้นมาโบกซ้ายขวาพร้อมกับขยับปากพูดประโยคไร้เสียงที่มาร์คไม่เข้าใจ แต่ดูคล้ายเป็นการทักทายแทนเจ้าตูบที่นั่งลิ้นห้อยสั่นหางดิ๊กๆปะป่ายใบหน้าของคนดื้อไปหลายทีจนมาร์คอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากกับตัวเอง
“หึ...”
ไอ้ตัวแสบเอ้ย...
talk.
แบบนี้เขาเรียกเดทไหม ฮ่าๆ
มาลงให้ไวมากเลยด้วยความสิเหน่หา แต่ตอนต่อไปคงตามปกติ
ต้องรอดูฟีดแบ็คก่อง
ฝากแท็กด้วย #kiddomb จำคนเล่นได้ทุกคนละเพราะมีแต่คนเดิม ขอบคุณมากๆเลยน้า เยิ้บๆ
twitter : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มีแฟนเก่ามาหามาร์คถึงหอพัก มาแบบนี้จะมาขอรีเทิร์นหรอ
แต่ดูท่าทางว่าจะยาก เหมือนจะมีบางคนหวงมาร์คอยู่
จัมวรั้ยยยย