ตอนที่ 4 : k i d d o :: f o u r ♡
k i d d o
- F O U R -
หลังจากที่ยืนเถียงกันในซอยแคบๆจนยุงกัดอยู่นานสองนานในที่สุดมาร์คก็คิดแผนแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าขึ้นมาได้หนึ่งอย่าง ในเมื่อเด็กคนนี้ไม่อยากให้ป้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ขยันหรือใจดีมากพอที่จะพาเด็กคนนี้ไปส่งยังบ้านเพื่อนที่ว่า แต่เขาก็ไม่ใจร้ายปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องไปคนเดียวเพราะไม่รู้ว่าพวกที่ไปมีเรื่องด้วยจะดักรออยู่ระหว่างทางหรือเปล่า หรือเด็กนี่อาจจะไปเจออะไรที่เลวร้ายกว่านั้นก็ได้ ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งมาร์คคงปล่อยไปไม่ได้จริงๆ
“จัดการเอานะ กล่องยาอยู่นี่...ฉันจะไปอาบน้ำ”
“...”
“เสร็จแล้วก็ตามไปอาบน้ำแล้วนอนซะ ดึกแล้ว” ทว่าตั้งแต่เท้าของอีกฝ่ายเหยียบย่างเข้ามาในห้องของเขาเด็กตัวเล็กคนนั้นก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาสักอย่าง เอาแต่นั่งแหมะบนโซฟาแล้วหลุบสายตามองพื้นอยู่อย่างนั้นจนมาร์คเริ่มขี้เกียจจะใส่ใจเพราะตัวเขาเองก็มึนหัวและอยากนอนเต็มที
“ผมไม่อยากนอนที่นี่” ในจังหวะที่มาร์คเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อถอดเสื้อผ้าที่เหม็นกลิ่นเหล้าของตนออกเสียงเล็กก็ดังขึ้นทำเอาท่อนขายาวชะงักไปนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าเด็กแบมแบมนี่จะดื้อไปเสียทุกอย่างได้ขนาดนี้
“งั้นก็ลงไปหาป้านายสิ ไปขอกุญแจห้องนายแล้วกลับไป” โชคดีหน่อยที่ตอนเข้ามานั้นเป็นเวลาดึกแล้ว ป้าเชอรี่จึงไม่ได้ประจำการอยู่ที่โต๊ะแต่กลับไปพักในห้องของเธอแทน ปล่อยหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เป็นของลุงยามเท่านั้น เขาจึงพาเด็กคนนี้เดินหลบสายตาลุงยามเข้ามได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“ลุงอย่ากวนดิ” แบมแบมขมวดคิ้วหันหลังกลับมาทันควันเมื่อได้ยินประโยคเรียบๆแต่รู้ดีว่าจงใจกวนประสาท หากแต่ภาพที่ปรากฏในสายตากลับทำเอาเด็กชายเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน ก็ใครจะไปคิดกันว่าอีกฝ่ายกำลังปลดกางเกงแถมยังดึงลงมากองที่พื้นหน้าตาเฉยทั้งที่เห็นว่าเขาหันไปมองอยู่น่ะ!
แล้วถ้ามองไม่ผิดเมื่อกี้เหมือนแบมแบมจะเห็นรอยยิ้มมุมปากของอีกฝ่ายเหมือนจงใจแกล้งกันยังไงก็ไม่รู้
“ถ้าฉันออกมาจากห้องน้ำแล้วนายยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างฉันนี่แหละจะพานายไปส่งป้าเอง”
ปึง!
“ฮึ้ย...”
คนแก่นี่ชอบสั่งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ!
หากแต่ในที่สุดแล้วเด็กดื้อก็ยอมทายาลงไปบนรอยช้ำบริเวณต้นแขนและตามขาของตัวเองที่เกิดจากการวิ่งไปกระแทกกับสิ่งต่างๆโดยไม่ประสีประสาสักเท่าไหร่นัก แต่มันก็ทำให้มาร์คพอใจและไม่ทำตามคำขู่ที่กล่าวไว้ก่อนหน้า และกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดก็กินเวลาไปเกือบจะตีสามแล้ว นั่นทำให้แบมแบมไม่อิดออดเลยสักนิดตอนที่มาร์คบอกว่าอนุญาตให้นอนบนเตียงได้แต่คงต้องทนเบียดนิดหน่อย แน่นอนว่ามันทำให้มาร์คแปลกใจในระดับหนึ่งที่แบมแบมไม่พยศกับเขาจนวินาทีสุดท้ายอย่างที่คิดไว้
“...อือ”
“...” เสียงครางที่ดังขึ้นได้สักระยะแล้วปลุกมาร์คให้ต้องลืมตาขึ้นมาในช่วงที่ฟ้าเกือบจะสาง นาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงฝั่งเขาบอกเวลาตีสี่ครึ่ง อุณภูมิห้องจัดอยู่ในระดับที่ปกติคือยี่สิบห้าองศา มันไม่หนาวเกินไปและไม่ร้อนเกินไป แต่กับแบมแบมแล้วมันคงไม่ใช่ในเมื่ออีกฝ่ายดึงผ้านวมของเขาไปห่มพันตัวไว้เกือบหมดคล้ายกับหนาวเสียเต็มประดาแต่ใบหน้ากลับมีเหงื่อผุดพรายสวนทางกับการกระทำ
“แบม” เมื่อเห็นเช่นนั้นการลองเรียกให้เจ้าตัวได้สติน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“...ฮืม ม แม่ แบมหนาว”
“...” ทันทีที่ฝ่ามือเย็นสัมผัสกับผิวกายของอีกฝ่ายเสียงถอนหายใจยาวๆก็พรูออกมาทันที เมื่อมาร์คสามารถรับรู้ได้ถึงอาการของคนตรงหน้าและค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังจับไข้เพราะพิษอักเสบจากรอยช้ำตามร่างกายและความเหนื่อยจากการวิ่ง ลมหายใจร้อนๆและอาการเพ้อน้อยๆนั่นทำให้มาร์คถึงกับลอบกุมขมับ ดูท่าแล้วคงไม่เคยใช้แรงหรือออกกำลังเยอะๆมาก่อน
ไม่ทำให้เขาหนักใจไม่ใช่แบมแบมจริงๆสิน่า
วันนี้มาร์คตื่นเช้ากว่าปกติ เช้าที่ว่าก็คือตั้งแต่ช่วงตีสี่นั่นแหละ...ว่าตามตรงคือเขาไม่ได้หลับเลยเพราะคอยเฝ้าเด็กคนนั้นที่ยึดเอาที่นอนบนเตียงของเขาไปเกือบหมด ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะพิษไข้เห็นชัดเจนขึ้นเมื่อแสงแดดส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามากระทบผิวบาง เด็กน้อยปากบวมเจ่อนอนหลับตาพริ้มหลังจากมาร์คเช็ดตัวให้และบังคับให้กินยาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
ตอนหลับก็ดูไร้พิษสงดีอยู่หรอก
“ลุง...”
“...” มาร์คที่ตั้งท่าหันหลังจะเดินออกจากโซนที่นอนไปยังส่วนอื่นมีอันต้องชะงักฝีเท้าพร้อมกับพรูลมหายใจแรงๆออกมาเนื่องด้วยสรรพนามของอีกฝ่ายที่เรียกเขาสนิทปากโดยไม่ต้องไตร่ตรองอะไร หันไปมองก็พบกับเด็กชายตัวผอมที่ดันตัวเองขึ้นมานั่งผมฟูหน้ายุ่งอยู่บนเตียง มองมายังเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“อะไร”
“กี่โมงแล้ว” เด็กน้อยงัวเงียหันซ้ายหันขวาก่อนจะยกมือขึ้นมาจับหน้าผากตัวเองที่มีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่
“อีกสิบนาทีแปดโมง”
“ผมสายแล้วอะ...” เด็กชายบนเตียงในชุดนอนตัวโคร่งเพราะมันไม่ใช่เสื้อผ้าของเจ้าตัวเตรียมลงจากเตียงด้วยท่าทีเร่งรีบ แต่ดูเหมือนว่าบาดแผลบวมช้ำตามใบหน้าและความล้าทางร่างกายนั่นทำให้แบมแบมต้องชะงักร่างกายไปนิดหน่อย มาร์คจ้องคนที่นั่งเม้มปากอยู่บนเตียงก่อนจะตัดสินใจตัดบททุกอย่าง
“นายไม่สบาย นอนอยู่ที่นี่แหละ...พอถึงเวลาเลิกเรียนนายค่อยแกล้งทำเป็นว่ากลับมาจากโรงเรียนก็แล้วกัน ส่วนกระเป๋านักเรียนเมื่อคืนนายไม่ได้เอามาด้วย บอกเพื่อนให้เอามาให้ซะ” มาร์คว่า ในเมื่อไหนๆก็ไหนๆแล้ว ป้าเชอก็คงไม่เอะใจหรอกเพราะคิดว่าแบมแบมคงไปเรียนพร้อมกับเพื่อนเลยตามที่อีกฝ่ายบอกเมื่อคืน เพียงแต่แบมแบมจะออกไปเพ่นพ่านข้างนอกไม่ได้สักครึ่งวันแล้วตอนลงไปก็ต้องกะจังหวะดีๆเท่านั้น
“ว้าว...ร้ายเหมือนกันนะลุงเนี่ย”
“นี่ฉันกำลังช่วยนายอยู่นะ”
“คร้าบๆ” มาร์คเริ่มเท้าเอวมองคนที่ต่อปากต่อคำเขาได้ฉอดๆ ไหนล่ะไอ้คนที่นอนหนาวสั่นเรียกแม่บนเตียงเมื่อคืนน่ะ
“ผมจะอยู่ให้เงียบที่สุดเหมือนตอนลุงอยู่คนเดียวเลย”
“หึ”
ไม่ต้องมาฉีกยิ้มกว้างแบบนั้นเลยนะ...ไอ้ลูกหมา
.
.
‘ผมจะอยู่ให้เงียบที่สุดเหมือนตอนลุงอยู่คนเดียวเลย’
งั้นเหรอ?
“ลุง คนนี้เขาวาดหัวใจมาให้ลุงด้วยอะ...เสี่ยวจังผู้หญิงอะไร”
“นี่ อยู่ให้ไกลๆจากงานฉันเลย”
“...ชื่ออะไรนะ เจนน่า วอร์น ว้าว ลูกครึ่งซะด้วย” ชีทงานภาษาอังกฤษในมือถูกคนตัวเล็กเปิดอ่านทีละหน้าอย่างสนใจ แต่มันจะไม่อะไรเลยถ้าอีกฝ่ายไม่วิพากษ์วิจารณ์แต่เรื่องไร้สาระจนมาร์คแทบอยากจะปิดปากเด็กนั่นด้วยเทปกาวให้รู้แล้วรู้รอด พูดไม่หยุดปากไม่ได้สนใจมาร์คที่นั่งหน้าเครียดอยู่หน้าแลปท็อปตัวใหญ่หลังจากโทรไปลางานกะทันหันอย่างที่ไม่เคยทำนี่เลยสักนิด
“...”
“ลุงใส่แว่นแบบนี้แล้วดูแก่ขึ้นกว่าเดิมอีกนะมีใครเคยบอกไหม” ละจากตรงนั้นก็คลานมานอนคว่ำแหมะกับพื้นเอามือเท้าคางมองหน้ามาร์คต่อโดยมีเพียงแล็ปท็อปกั้นกลาง ชายหนุ่มที่ถูกจ้องทำเพียงแค่ปรายตามองแต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ...
“เงียบๆ”
“แต่จะว่าไปลุงก็มีแววผู้บริหารพันล้านนะเนี่ย...เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านประธานจะรับกาแฟไหมครับเดี๋ยวผมจะไปชงมาให้ แล้วคุกกี้ล่ะครับจะเอาแบบผสมยาพิษหรือไม่ผสมดี” สิ้นประโยคล้อเลียนแบบเด็กๆเจ้าตัวก็ขำลั่นออกมาคนเดียว ทำเอามาร์คลอบส่ายหัวให้กับท่าทางเด็กๆแบบนั้น อีกฝ่ายคงจะว่างมากไปจริงๆ
“ชงเป็นหรือเปล่าทำมาเป็นพูด” งั้นหาเรื่องใช้งานสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร
“โถ่ ยากกว่าชงกาแฟผมก็ทำได้นะ” ปลายนิ้วที่กำลังเคาะคีย์บอร์ดชะงักกึกเมื่อเด็กน้อยพูดประโยคที่เขาอาจจะคิดไปเองว่ามันฟังสองแง่สองง่ามออกมา มาร์คหลุบตาลงมองคนที่นอนคว่ำอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆมุมปาก หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายครั้งสิ่งหนึ่งที่มาร์คได้เรียนรู้จากตัวแบมแบมก็คืออีกฝ่ายน่ะมีนิสัยเด็กๆหลายอย่างที่เด็กผู้ชายในวัยนี้ไม่น่าจะมีกันแล้ว
“เหรอ อย่างเช่นอะไรล่ะ”
“ก็...เรื่องที่ผู้ใหญ่ทำได้ ผมก็ทำได้หมดนั่นแหละ” มาร์คแทบหลุดขำออกมากับใบหน้าแสนมั่นใจของเด็กชาย ริมฝีปากอิ่มบุ้ยใบ้ไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยันตัวขึ้นนั่ง แบมแบมยังอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นของเขาที่ใส่ให้เมื่อคืน เขายังไม่อยากให้อีกฝ่ายอาบน้ำเพราะเกรงว่าไข้จะขึ้น
“ลุงจะเอากาแฟใช่มั้ย ผมจะเข้าไปทำให้”
“อืม ซองกาแฟอยู่ในตระกร้าบนเคาน์เตอร์ ใส่น้ำร้อนครึ่งแก้ว ไม่ต้องเติมอะไรเพิ่ม” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาร์คคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น เขาเอาอะไรมามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เล่นแผลงๆหรือลอบระเบิดครัวเล็กๆของเขาทิ้ง
“ได้ครับท่านประธาน”
“...” ว่าจบอีกฝ่ายก็ผุดลุกวิ่งไปยังเคาน์เตอร์ครัวด้วยท่าทีกุลีกุจอเหมือนเด็กที่ผู้ปกครองอนุญาตให้เล่นซนได้ตามใจ เสียงแก้วกระทบกันเคร้งครั้งทำเอามาร์คต้องลอบมองเจ้าของแผ่นหลังบางที่ฮึมฮำเพลงอย่างมีความสุขอยู่บ่อยครั้ง
ถือซะว่าซื้อเวลาสงบให้เขาได้คำนวณตัวเลขยิบย่อยบนหน้าจอแบบเงียบๆก็แล้วกัน
แต่ดูเหมือนว่าความสงบและแบมแบมจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกันโดยสิ้นเชิง เพราะเพียงแค่อีกฝ่ายเงียบไปไม่ถึงสิบนาที ก็กลับมาพร้อมเสียงดังโหวกเหวกพร้อมกับเสียงแก้วพลาสติกตกลงกระทบพื้นดังขึ้นจนทำเอามาร์คต้องรีบทิ้งงานผุดลุกกึ่งวิ่งไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นมาบีบขมับให้คลายจากอาการปวดตุบๆที่แล่นขึ้นมาทันทีที่ได้เห็น
“แก้วมันลื่นอะลุง...”
“นายนี่นะ! ไปหยิบไม้ม็อบมา อยู่ในห้องน้ำ”
โชคดีแค่ไหนที่อีกฝ่ายเอากาแฟใส่แก้วพลาสติก...ไม่อย่างงั้นคงได้เก็บเศษแก้วด้วยแน่ๆ
“ลุงไปนั่งตรงนู้นนะเดี๋ยวผมจัดการเอง” แต่ดูเหมือนว่าคนดื้อที่มือกำไม้ถูพื้นเอาไว้ข้างกายจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้อย่างหนึ่งก็ต้องเอาอย่างหนึ่ง นิสัยแบบนี้มันพาลให้นึกถึงหลานสาวตัวเล็กๆของตอนหัดพยศกับพ่อแม่ก็ไม่ปาน
“แบมแบม เลิกทำเป็นเล่นสักที...ฉันไม่ได้อารมณ์เย็นอะไรมากมายหรอกนะ” และตอนนี้ในอกของมาร์คก็เริ่มเดือดขึ้นมาปุดๆแม้พยายามเตือนตัวเองว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงแค่เด็กที่โตแต่ตัว ไม่ควรไปถือโทษโกรธอะไร
“ก็ไม่ได้เล่น! จะถูให้นี่ไง!”
“...”
แต่สุดท้ายมาร์คก็ต้องยอมแพ้ เดินถอนหายใจยาวๆกลับไปนั่งยังโต๊ะพับที่มีแล็ปท็อปเปิดค้างเอาไว้ดังเดิม หากแต่สายตาคมยังคงจับจ้องทุกการกระทำของเด็กชายไม่วางตาเพียงเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตาเขาไปอาจจะต้องมีอะไรในห้องเสียหายให้ปวดหัวมากกว่าเดิม
“...เสียดายชะมัด ว่าจะขอชิมด้วยซะหน่อย” ถูไปปากก็บ่นไปไม่ยอมหยุด ทว่าตอนนี้มาร์คกลับไม่ได้สนใจเสียงแง้วๆนั่นเท่าไหร่เพราะดูเหมือนว่ามีบางอย่างมาดึงดูดความสนใจทั้งหมดองคุณเจ้าของห้องไปโดยสิ้นเชิง สิ่งๆนั้นก็คือภาพของเจ้าเด็กแบมแบมที่กำลังก้มโค้งร่างกายถูพื้นโดยไม่คิดระแวดระวังจนกางเกงขาสั้นเลิกสูงและเข้ารูปจนเกินควร ทั้งที่มันไม่น่าเป็นเรื่องแปลกเพราะอีกฝ่ายก็เป็นเด็กผู้ชาย แต่ทำไมล่ะ...
ทำไมมาร์คถึงรู้สึกว่าต้นขาเรียวๆของอีกฝ่ายที่วับๆแวมๆผ่านกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวโคร่งนั่นมันชวนให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆในอกแบบนี้กัน...
“ร้อนจังลุง เปิดแอร์หน่อยไม่ได้หรือไง งกชะมัด”
“พอแล้วแบมแบม!” มาร์คแทบจะควบคุมเสียงในลำคอตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกอีกฝ่ายเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบปล่อยมือจากการดึงชายเสื้อขึ้นไปเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมตามไรผมด้วยความตกใจ ดวงตากลมตวัดมามองเขาก่อนที่คิ้วคู่นั้นจะย่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“แค่นี้ก็ต้องเสียงดังด้วย”
“จะเปิดแอร์ก็เปิดเอา...แล้วรออยู่นี่ล่ะ ฉันจะลงไปซื้อข้าวกลางวันขึ้นมา”
“...” เด็กน้อยไม่หือไม่อืออะไรแต่ก็รับคำด้วยการพยักหน้าส่งๆก่อนจะเดินไปหยิบรีโมทแอร์ที่หัวเตียง ปล่อยให้มาร์คลุกขึ้นยืนทบทวนเหตุการณ์และความรู้สึกอันไม่สามารถประมวลผลได้ของตัวเองเมื่อครู่ด้วยอารมณ์คล้ายจะมึนงงและเสียศูนย์ไปนิดหน่อย หูของเขาได้ยินเสียงแบมแบมบ่นพึมพำต่อเรื่องไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์นอนแต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไร เพราะเพียงแค่เผลอมองต่ำลงมายังเสื้อยืดคว้านคอลึกที่อีกฝ่ายสวมใส่ความรู้สึกบางอย่างก็โถมเข้าใส่เสียจนรับตัวเองแทบไม่ไหว
“เดี๋ยวฉันขึ้นมา...”
“อย่าพังอะไรทิ้งอีกล่ะ”
อ่า อยู่ไม่ได้แล้ว...มาร์คอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆ
talk.
น้องงงง เดี๋ยวลุงเขาตบะแตกล่ะแย่เลยน้า
ตอนนี้เหมือนสั้นๆ แต่ก็เท่าเดิมนะ เอ้ะ
#kiddomb แท็กเหงาจัง
twitter : @since9397
ask.fm : since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เด็กผู้ชายตัวผอมบางทำไมทำลุงมาร์คเสียศูนย์ได้ล่ะ
เจ็บคอจังช่วงนี้ไอด้วย คุกๆๆๆๆๆ