ตอนที่ 11 : k i d d o :: e l e v e n ♡ 100%
k i d d o
- E L E V E N -
ตอนนี้เลยเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนเอกชนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ถ้าหากว่าเป็นปกติแล้วแบมแบมก็จะโอ้เอ้อยู่ที่โรงเรียนกับพวกยูคยอมจนฟ้าใกล้มืดถึงกลับตึกได้ แต่วันนี้กลับต่างจากปกติไปตรงสถานที่ที่แบมแบมพาตัวเองมาอยู่หลังเลิกเรียนนั้นไม่ใช่ที่เดิมๆ แต่กลับเป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีใครบางคนทำงานอยู่ที่นี่ เด็กน้อยนั่งเงียบเชียบอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดไว้สำหรับเด็กๆและผู้ปกครอง แม้รับรู้ได้ถึงสายตาจากเด็กคนอื่นๆที่มองมาแต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระอะไร กดโทรศัพท์มือถือในมือฆ่าเวลาจนกระทั่งตัวเลขบนหน้าจอบอกเวลาห้าโมงกับห้านาที
“แบม”
“...เสร็จแล้วเหรอ” เจ้าของชื่อที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านข้าง สองขาเรียวยันกายลุกขึ้นยืนก่อนที่รอยยิ้มจะเริ่มปรากฎบนใบหน้าเมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่จะได้กลับเสียทีหลังจากที่มานั่งรอเวลาอยู่นานสองนาน
“หนุ่มน้อยนี่ใคร” แต่ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนที่เดินลงมาด้วยกันกับมาร์คจะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้เมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มร่วมหมวดภาษามีเด็กมานั่งรอต่างจากทุกๆวัน จบคำถามแบมแบมก็หันไปยกมือไหว้คนด้านหลังมาร์คตามมารยาท ทิ้งไว้เพียงมาร์คที่จ้องมายังใบหน้าหวานของเด็กตรงหน้านิ่งๆคล้ายกับว่ากำลังคิดประมวลผลในคำตอบที่จะไม่ทำร้ายใจแบมแบมและจะไม่ทำให้อาจารย์วัยกลางคนรู้สึกสงสัย
“ผมเป็นน้องพี่มาร์คครับ” แต่เด็กแสบตรงหน้ากลับส่งยิ้มแป้นแล้นพร้อมคำตอบไปให้อาจารย์ด้านหลังมาร์คได้อย่างรวดเร็ว
“น่ารักดีนะ สมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นพี่น้องมารอกลับบ้านด้วยกันแบบนี้แล้ว”
“ก็...ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกครับ” แบมแบมทำท่าอยากจะอธิบายต่อแต่มาร์คส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเอื้อมฝ่ามือมาจับข้อแขนเล็กๆของเด็กชายเอาไว้ ก่อนจะหันไปโค้งลาอาจารย์ร่วมหมวดที่อายุมากกว่า จากนั้นก็พาเด็กดื้อที่จะมารอเขาเลิกงานที่โรงเรียนให้ได้นั้นเดินออกมารอรถประจำทางโดยไร้ซึ่งบทสนทนา
“...”
“มารอนานเลยสิ” ก่อนจะเริ่มเปิดปากขึ้นได้เมื่อเราต่างคนต่างยืนเงียบๆกันได้เกือบห้านาที แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองคนอายุมากกว่าที่จับข้อมือเขาไว้ไม่ปล่อยตั้งแต่ในโรงเรียน เด็กชายเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ผมว่าง”
“จะสอบเลื่อนชั้นอยู่แล้วยังกล้าบอกว่าว่าง” มาร์คส่ายหน้าน้อยๆให้ข้ออ้างของอีกฝ่าย แอบเห็นว่าเด็กชายยู่ปากเข้าหากันเล็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู ถ้าหากว่าอยู่ในห้องด้วยกันสองคนมาร์คคงไม่ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ แต่นี่เป็นสถานที่สาธารณะสิ่งที่มาร์คทำได้ก็คงมีเพียงแค่การมองท่าทางแบบเด็กน้อยนั้นด้วยหัวใจที่เต้นวูบไหว
“เอาจริงๆก็ผมอยากเจอลุงนี่”
“...” ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เด็กดื้อได้กลายเป็นเด็กแก่แดดไปโดยสมบูรณ์
“อยากกินอะไรหรือเปล่า”
“โอ๊ะ! แค่บอกอยากเจอก็จะเลี้ยงข้าวผมเลยเหรอ ดีจัง” เด็กน้อยแกล้งทำตาแวววาวใส่มาร์คจนเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งหลุดรอยยิ้มเล็กๆออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศหรือเป็นเพราะคนข้างๆที่ทำให้มาร์คกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นได้ย้อนเวลากลับไปสมัยที่เริ่มมีความรักตอนมัธยมปลายใหม่ๆ แบมแบมไม่ใช่ภาพที่เขาวาดเอาไว้ว่าเป็นคนในอนาคตที่อยากใช้ชีวิตด้วย
แต่อยู่ดีๆเด็กคนนี้ก็โผล่เข้ามา มาทำให้อะไรต่อมิอะไรในใจเขามันเปลี่ยนแปลงสับสนไปเสียหมด
.
.
ผ่านช่วงเย็นมาจนถึงเวลาที่ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีมืดสนิท มาร์คยังคงมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนไหล่ใต้เสื้อยืดสีขาวบางๆสำหรับใส่นอน เส้นผมที่ถูกเช็ดจนหมาดกระจัดกระจายไม่เป็นทรงแต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่ลดความดูดีของชายหนุ่มไปได้เลย แว่นตากรอบสีดำสนิทถูกคว้ามาไว้ในมือเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่มาร์คจะออกไปจากห้อง จุดหมายปลายทางในคืนนี้มันชวนให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย แต่มาร์คก็โตพอที่จะเก็บอาการเหล่านั้นเอาไว้ได้ภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง
“อ๋า เร็วจัง...เข้ามาสิ”
“สระผมเหมือนกันเลย” เป็นประโยคแรกที่มาร์คกล่าวทักทายเจ้าของห้องหลังจากก้าวเข้ามาด้านในห้องพักของแบมแบมเป็นครั้งแรก ห้องของแบมแบมไม่ต่างจากมาร์คสักเท่าไหร่ ขนาดและการจัดสรรส่วนก็คล้ายๆกัน จะแปลกไปก็ตรงที่การตกแต่งที่ดูมีกลิ่นอายของความเป็นเด็กผู้ชายอยู่มากกว่าของมาร์คที่จะจัดสีไปในโทนขาวครีมเรียบๆ
“อือ ลุงคิดยังว่าจะดูเรื่องไร” เด็กชายเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลขนาดสองคนนั่ง มาร์คไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากเชิญก็ตามมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกันติดๆ โน้ตบุ๊คของแบมแบมที่ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้วกางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆโซฟาเชื่อมเข้ากับจอทีวีขนาดกลาง แบมแบมอยู่ในชุดนอนที่แปลกตาไปจากเดิมอยู่นิดหน่อย ปกติแล้วแบมแบมจะใส่ชุดนอนเข้าชุดกัน แต่ในวันนี้เด็กชายกลับสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้น
มาร์คก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเด็กคนนี้จงใจแต่งตัวมาทดสอบความอดทนของเขาหรอกนะ...
“เอาเรื่องไหนก็ได้ที่มันมีซาวด์แทร็ค” มาร์คว่าเท่านั้นก่อนจะเอนตัวลงไปกับพนักพิงปล่อยหน้าที่ค้นหาหนังในเว็บเป็นของเด็กชายตัวเล็ก กลิ่นหอมจากแชมพูสระผมลอยเข้ามาปะทะจมูกคนอายุมากกว่าอยู่เนืองๆจนรู้สึกผ่อนคลายกว่าที่เคย เพียงครู่เดียวภาพในจอทีวีก็เริ่มเปลี่ยนไป แบมแบมขยับตัวกลับมานั่งพิงพนักท่าเดียวกันกับมาร์ค สายตาจดจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจจนเกินความจำเป็น
“เกร็งทำไม...”
“เปล่า ไม่ได้เกร็ง” มาร์คถามด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่แบมแบมกลับตอบกลับทันควันผิดปกติจนมาร์คหลุดขำออกมานิดหน่อย แบมแบมอาจจะรู้สึกตื่นเต้นที่เขาเข้ามานั่งอยู่ในห้องอีกฝ่ายเลยมีท่าทางผิดปกติจากเดิมไปนิดหน่อย เด็กดื้อไม่ยอมมองหน้ามาร์คตรงๆเลยสักครั้ง
“เหรอ งั้นขยับมาใกล้ๆหน่อย ขอกอดหน่อย”
“...” คำขอตรงๆจากคนอายุมากกว่าทำเด็กอายุสิบห้าลอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจมาร์คหรืออะไร แต่แบมแบมแค่กลัวว่าถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้มาร์คอาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นรัวเกินความจำเป็น แบมแบมก็แค่ไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนถ้าหากมาร์คแซวขึ้นมา
“จะดูหนังก็ดูสิ ไม่เห็นต้องกอดเลย”
“โอเค” มาร์คเลิกเซ้าซี้แล้วเบนสายตากลับไปยังหน้าจอทีวีดังเดิม เขาไม่ได้คิดโมโหอะไรเด็กน้อยหรอกเพราะเขาเองก็เข้าใจว่าบางทีการขออะไรมากไปแบมแบมอาจจะอึดอัดได้เพราะอีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นแถมยังดื้อไม่หยอกใคร ที่ผ่านๆมานี่ก็ถือว่าอีกฝ่ายยอมลงให้เขาไปเยอะมากๆแล้วเหมือนกัน
“...” ฮีโร่ตัวเขียวที่กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับตัวร้ายในภาพยนตร์ดึงความสนใจของมาร์คได้มากพอสมควร ห้องทั้งห้องเงียบเชียบ มีเพียงเสียงจากหนังที่ดังออกมาและมาร์คที่มีท่าทีสบายๆต่างจากเจ้าของห้องที่เอาแต่นั่งยุกยิกแถมยังแอบปรายสายตามองมาร์คอยู่เป็นระยะๆ เหมือนกับว่าสมาธิของแบมแบมไม่ได้อยู่ที่หนังเลยสักนิดเดียว
“หืม?” มาร์คละความสนใจจากภาพยนตร์กะทันหันเมื่อจู่ๆเด็กชายข้างกายก็เล่นขยับตัวรวดเร็วจนไหล่เล็กๆนั่นกระแทกเข้ากับท่อนแขนของเขา แก้มใสของแบมแบมขึ้นสีระเรื่อ คนอายุมากกว่ายกยิ้มนิดๆเมื่อรู้ว่าแบมแบมกำลังทำอะไรจึงวาดแขนขึ้นโอบให้อีกฝ่ายตกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาหลวมๆ
“แชมพูนายกลิ่นหอมดีจัง” เงียบได้เพียงครู่มาร์คก็ก้มลงกระซิบข้างใบหูเด็กชายด้วยประโยคที่ไม่น่ากลายมาเป็นหัวข้อสนทนาได้ แบมแบมขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองอีกคน
“จะหลอกแต๊ะอั๋งอะไรผมอีกหรือเปล่า”
“เห็นฉันเป็นคนยังไง” มาร์คแทบหลุดขำออกมา เขาก็แค่รู้สึกว่ากลิ่นมันหอมฟุ้งดีเท่านั้นเอง...
“ลุง...ผมถามไรหน่อยดิ”
“อะไร” มาร์คว่าพลางยกฝ่ามือหนาขึ้นลูบกลุ่มผมของอีกฝ่ายเบาๆ แบมแบมเงียบไปนิดหน่อยอีกทั้งยังมีสีหน้าคล้ายกับว่ากำลังวิตกกังวลอะไรบางอย่าง แต่เพียงครู่เดียวริมฝีปากอิ่มคู่นั้นก็ขยับขึ้นอีกครั้ง
“ที่ลุงเอาใจผม ทำดีกับผมนี่...ไม่ใช่เพราะว่าหวังจะฟันผมอย่างเดียวหรอกใช่ไหม”
“แบม!” มาร์คเบิกตากว้างแถมยังโพล่งชื่ออีกคนออกมาเสียงดัง มันทั้งอึ้งอยากจะขำและอยากจะจับเด็กดื้อตรงหน้ามาตีก้นไปพร้อมๆกัน คิดอะไรของเขาอยู่ล่ะเนี่ย
“ตอบผมดิ!” เด็กน้อยเองก็ดูอายกับคำถามเมื่อครู่จึงขึ้นเสียงดังแข่งพร้อมฟาดฝ่ามือลงมาบนไหล่มาร์คหนึ่งที
“ฉันยังไม่เคยคิดไปถึงเรื่องนั้นเลยนะ” มาร์คกลั้นขำนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าแบมแบมทำหน้าเหวอไปนิดๆก่อนจะหลบสายตาคนอายุมากกว่าไปก้มมองฝ่ามือตัวเองที่สอดประสานเข้าหากันอยู่บนตัก ริมฝีปากอิ่มยู่เข้าหากันน้อยๆ
“ถ้าฉันอยากได้เรื่องแบบนั้นฉันไปหาจากที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ ที่มันง่ายๆ ไม่ต้องมาเอาอกเอาใจดูแลน่ะ”
“...” คิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง แบมแบมรู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กนัก เขารู้สึกว่าตัวเองชอบมาร์คและต้องการมาร์คมากขึ้นในทุกวันจนตอนนี้กลายเป็นว่าการได้อยู่ใกล้กันกับคนแก่กว่านั้นเป็นอะไรที่จำเป็นในแต่ละวันไปเสียแล้ว แต่ลึกๆในใจมันก็อดนึกถึงเรื่องของความผิดหวังไม่ได้ เพราะว่ากันตามตรงมาร์คน่ะทั้งหน้าตาดีแถมยังมีหน้าที่การงานมั่นคง มีตัวเลือกมากมายที่ดีกว่าเด็กอย่างเขา
“ผมชอบลุงนะ ชอบมากขึ้นทุกวันเลยด้วย”
“...” แบมแบมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพียงคำพูดเพียงเท่านั้นมันทำเอาคนที่ผ่านโลกมายี่สิบกว่าปีอย่างมาร์คใจเต้นระรัวได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กดื้อที่ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเชื่องขึ้นมานั้นมันน่ารักเสียยิ่งกว่าอะไรด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะมาตกบ่วงเด็กดื้อแบบนี้เลย...ไม่เคยคิดจริงๆ
“บอกว่าจะจีบผมแล้วก็ห้ามเปลี่ยนใจ ไม่งั้นผมจะบอกให้ไอ้เตอร์ไอ้เจไอ้คิมมาจัดการลุงหนักๆ”
“หึ”
ริมฝีปากอิ่มที่เจื้อยแจ้วเงียบลงไปเกือบนาทีเพราะถูกคนอายุมากกว่าก้มใบหน้าลงไปกดจูบหนักๆด้วยความหมั่นเขี้ยว จากการจูบหยอกๆในคราแรกค่อยๆเพิ่มความแนบแน่นและเนิ่นนานทีละน้อยจนกระทั่งกลายเป็นการแลกจูบโดยใช้ลิ้นเป็นตัวกลางในการสัมผัส ลมหายใจร้อนรินรดแก้มของอีกฝ่ายพาให้อุณหภูมิทั้งร่างกายทะยานขึ้นสูง เสียงฉากต่อสู้ในทีวีไม่สามารถดึงความสนใจของทั้งคู่อีกต่อไปเมื่อมีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า นับเป็นครั้งที่สองที่เขาได้จูบแบมแบมหลังจากครั้งแรกที่บ้านวันนั้นมาร์คก็ไม่อยากจะฉวยโอกาสให้มากเกินควรเพราะเกรงว่าแบมแบมจะขยาดเขาไปเสียก่อน
“...” แบมแบมปิดเปลือกตาแน่นตอนที่รู้ตัวว่าแผ่นหลังของตัวเองแนบไปกับเบาะโซฟาเป็นที่เรียบร้อย สองแขนเล็กกอดรอบคอคนอายุมากกว่าไว้ไม่ยอมปล่อย ขาเล็กตั้งขึ้นสีกับสะโพกสอบของคนที่คร่อมอยู่ด้านบนไปมาระบายความรู้สึกวูบวาบในช่องท้องในจังหวะที่มาร์คลากปลายลิ้นลงมาที่ต้นคอพร้อมกับลมหายใจร้อนระอุ
“ลุง...” แบมแบมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบาราวกับกำลังเพ้อ ฝ่ามือใหญ่ที่สอดเข้ามาใต้เสื้อกล้ามตัวบางทำเอาเด็กชายผู้ซึ่งไม่เคยผ่านประสบการณ์ใดๆมาก่อนถึงกับแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสแบบไม่นึกเขินอาย ยิ่งยามที่ปลายนิ้วมาร์คลูบผ่านยอดอกเด็กชายถึงกับต้องกัดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องในลำคอ พยายามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“พอแล้ว” ก่อนที่จู่ๆแบมแบมจะสะดุ้งเฮือกราวกับถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวานเมื่อมาร์คยันกายออกห่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับน้ำเสียงนิ่งเรียบที่ทำเอาแบมแบมนิ่งค้าง แม้จะพอรู้เหตุผลว่าทำไมมาร์คถึงยันกายออกห่างแต่อีกใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากปล่อยให้มาร์คทำมากกว่านี้สักนิดจะรู้สึกดีขนาดไหน
แบมแบมก็แค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง...การยับยั้งอารมณ์แบบนี้มันทำได้ยากนัก
“ง งั้นเดี๋ยวผมมา” แต่ในเมื่อมาร์คตั้งใจจะพอเท่านี้แบมแบมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะรบเร้า เขาพอรู้วิธีที่จะจัดการกับตัวเองอยู่บ้างตามประสาเด็กผู้ชายวัยกำลังโต เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้อะไรเลยเพราะเพื่อนๆเขาแต่ละคนสามารถพูดคุยเรื่องนี้กันได้แบบไม่เหนียมอาย
“...” แบมแบมยันกายลุกขึ้นยืนด้วยอาการเซนิดหน่อยเพราะเนื้อตัวที่สั่นระริก มาร์คมองตามแผ่นหลังบางด้วยความรู้สึกและความคิดที่สับสน แวบหนึ่งเขารู้สึกว่าเพราะเขาเองที่เป็นคนเริ่ม แล้วทำไมถึงได้ใจร้ายปล่อยให้เด็กน้อยต้องเข้าไปจัดการตอนจบด้วยตัวเองแล้วตัวเขากลับทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้
“แบม...มานั่งนี่มา” สองขาเรียวใต้กางเกงบ็อกเซอร์หยุดชะงักหลังจากลุกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว แบมแบมเม้มปากแน่นหันหน้ากลับมามองเจ้าของเสียงแต่มือทั้งสองกุมปิดไว้ที่เป้ากางเกงอย่างจงใจ แก้มเนียนขึ้นสีเลือดเมื่อรู้สึกทั้งอายทั้งโมโหที่มาร์คทำเหมือนกับกำลังแกล้งกันให้ทรมาน
“ผมจะไปเข้าห้องน้ำ!”
“ฉันขอโทษ มานั่งตรงนี้มา...ให้ฉันรับผิดชอบนะเด็กดื้อ”
“.
CUT
(ลิ้งค์บล็อคที่ไบโอtwitter)
“ลุง...อย่าแกล้ง” แบมแบมเหลือบตามองเพียงนิดก็เอามือตัวเองรั้งข้อมือของอีกฝ่ายลง แม้จะเขินอายกับท่าทางการนั่งตอนนี้แต่ขาทั้งสองข้างมันก็สั่นเสียจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าจะล้มลงไปกองกับพื้นให้อายซ้ำสอง
“จะดูหนังต่อหรือเปล่า หรืออยากนอนแล้ว?” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเขินมาร์คก็ไม่อยากแกล้งให้ต้องหงุดหงิด คนอายุมากกว่าตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าแบมแบมมีท่าทางเหนื่อยอ่อน แม้มาร์คจะรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่เขาทำให้แบมแบมต้องเป็นแบบนี้แต่กระนั้นความรู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายเปิดโอกาสและมีทีท่าต้องการเขาอย่างเปิดเผยก็มีมากกว่า
“ง่วงแล้ว...คืนนี้ลุงนอนที่นี่กับผมนะ”
และแววตาอ้อนๆที่เด็กดื้อในอ้อมแขนส่งมา ก็ทำให้มาร์คต้องยอมแพ้ให้กับเจ้าตัวอีกตามเคย
มาอัพครบแล้ว เล็กๆน้อยๆให้กำไรลุงซะหน่อย
(ไม่หน่อยแล้ว)
ติดแท็กให้หน่อยน้า #kiddomb
ปล. เคยมีคนติเรื่องฉากคัทว่าสั้นเกินไป คือเรารู้ว่าฉากคัทเราสั้น เราตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเองค่ะ
ไม่ว่ากันเนอะ
twitter : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฉากคัทเท่านี้แหละดี!!!เอาแค่พอให้เลือดสูบฉีด 55555555
นับถือในความยับยั้งชั่งใจของพี่มาร์คมากนะที่ไม่ทำอะไรน้องไปมากกว่านี้
เด็กมันยั่วอ่ะนะพี่ให้ทำไงได้ เราเข้าใจๆ /ตบบ่า/
รักความคิดอะไรก็พูดแบบนั้นของน้องแบมมาก ชอบก็บอกว่าชอบ!!ดี!!!