ตอนที่ 9 : SUGAR DADDY : CHAPTER 9
SUGAR DADDY
- CHAPTER 9 -
“เราไม่เอานะจีมิน”
“โถ่...ถ้าแบมไม่ช่วยก็ไม่มีใครแล้วนะ คิดซะว่าทำเพื่อห้องก็แล้วกัน แค่อึดใจเดียวเอง”
“แต่มัน...มันใช่เหรอแบบนี้น่ะ”
บทสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมห้องอย่างปาร์คจีมินและกันต์พิมุกต์กำลังเป็นสิ่งเดียวที่คนอีกยี่สิบกว่าชีวิตในห้องเรียนชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งแผนภาษาแห่งนี้ให้ความสนใจ เสียงโห่ฮาของเพื่อนๆยิ่งทำให้แบมแบมเขินและประหม่าแต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ให้รองหัวหน้าห้องจอมเผด็จการคนนี้มาทำให้เขาต้องลำบากใจมากไปกว่าเดิมหรอกนะ และตอนนี้เขาก็เริ่มจะเคืองยูคยอมนิดหน่อยเพราะแทนที่จะช่วยกันอีกฝ่ายกลับเอาแต่นั่งกอดเข่าหัวเราะกันอยู่อย่างนั้น ถ้ายองแจอยู่ห้องเดียวกันตอนนี้ก็คงดี...
“เฮ้ยไอ้จีมิน แกอย่าบังคับเพื่อนสิ...ไม่เอาก็คือไม่เอา” เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กันกับคิมยูคยอมที่นั่งฟังการถกเถียงมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันพูดแทรกขึ้นด้วยความเห็นใจ แม้ว่าแบมแบมจะยังจำชื่อไม่ได้แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งสุดๆที่อีกคนออกปากช่วย
“ไอ้แทยงแกก็พูดได้สิ ตัวเองรอดแล้วนี่ไม่ต้องมาเล่นละครห้องบ้าบอคอแตกนี่อะ! ก็ผู้หญิงห้องเรามีอยู่แค่สิบสองคน เก้าคนมีบทหมดแล้วส่วนอีกสามคนเป็นทีมตัดต่อ ผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆห้องเราที่พอจะหยวนได้ก็มีแค่แบมแบมป่ะวะ แกเห็นแก่ห้องบ้างดิ” แบมแบมนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารองหัวหน้าห้องหญิงอย่างจีมินชักจะโมโหไปกันใหญ่โตจนจากเรื่องเล็กๆที่เถียงกันกำลังจะบานปลายเพราะดูท่าแล้วปาร์คแทยงก็ท่าจะไม่ยอมเหมือนกัน ฮึดฮัดใส่กันไปใส่กันมาจนแบมแบมต้องออกปากพูดขึ้นบ้าง
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ! จีมิน...แน่ใจนะว่าเราออกแค่ไม่กี่ฉากน่ะ”
“เฮ้ย แบมคิดดีแล้วเหรอไม่อยากทำก็ไม่ต้องฝืน หาไม่ได้ก็ปรับบทซะสิไม่เห็นยากเลย” แบมแบมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนร่วมห้องตัวสูงก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน อันที่จริงแล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าจะให้เขาช่วยแสดงละครซึ่งเป็นงานห้อง ทุกคนต้องมีส่วนร่วมโดยเราแบ่งกันเป็นส่วนนักแสดง ส่วนร่างบท ส่วนจัดหาอุปกรณ์และส่วนตัดต่อ ซึ่งแบมแบมตอนแรกนั้นลงชื่อไว้กับยูคยอมในส่วนจัดหาอุปกรณ์ แต่ไปๆมาๆปาร์คจีมินซึ่งเป็นผู้คุมบังเหียนการแสดงในครั้งนี้กลับมาขอให้เขาไปอยู่ฝ่ายแสดง
แบมแบมจะไม่อิดออดเท่านี้เลยถ้าหากว่าบทที่จีมินอยากให้แบมแบมแสดงน่ะเป็นคนบ้าหรือเป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้ากิ๊กก๊อก แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบทที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้กันนั้นดันเป็นบท ‘น้องสาว’ คนสุดท้องน่ะสิ...แบมแบมไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อยทำไมไม่หาผู้หญิงคนอื่นไปแสดงแทนก็ไม่รู้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่ตัวละครนี้เป็นคนใบ้จึงไม่ต้องใช้คำพูดหรือท่องจำบทอะไรมากนัก
“แน่ใจสิแบมแบม ออกแค่ฉากแรกกับฉากสุดท้ายแค่นั้นแหละ...ไม่ต้องพูดอะไรสักคำด้วย” เมื่อเห็นว่าแบมแบมเริ่มโอนอ่อนปาร์คจีมินก็ปรี่เข้ามาเกาะแขนช้อนตามองอย่างน่ารัก การเจรจาดูเหมือนจะจบลงด้วยดีในที่สุดพร้อมกับใบหน้าตื่นเต้นของเพื่อนๆในห้องที่จะได้เห็นเด็กผู้ชายร่างบางที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครแปลงกายเป็นสาวน้อยในอีกไม่กี่วัน
“อือ เอางั้นก็ได้”
“เย้! น่ารักที่สุดเลยเพื่อนฉัน!”
จนได้สินะ...แบมแบม
.
.
ท้องฟ้าช่วงเย็นทอสีหม่นหากแต่ก็ยังไม่มืดมิด เท้าสองคู่เดินเคียงกันไปบนทางฟุตบาทยาวไร้ซึ่งบทสนทนา คนที่ตัวเล็กและมีส่วนสูงน้อยกว่าคนที่เดินขนาบข้างมาด้วยไม่เปิดปากพูดเจื้อยแจ้วเหมือนอย่างเคยนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติแต่กระนั้นคนตัวสูงกว่าก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรปล่อยให้อีกคนใช้ความคิดอยู่กับตัวเองเงียบๆมาเกือบครึ่งทาง นับว่าเป็นโชคดีที่ยูคยอมเดินกลับบ้านทางเดียวกันกับที่รถของคุณลุงมารอรับเขาเราจึงมีเวลาได้อยู่ด้วยกันต่ออีกนิดหน่อย
“ยูค...” ก่อนที่เสียงเล็กๆของคนที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่เลิกคลาสจะดังขึ้นให้เพื่อนตัวสูงขยับถอดสายหูฟังออกแล้วเบนสายตามามอง ครางรับเสียงอืออาอยู่ในลำคอ
“นายว่าฉันตัดสินใจถูกไหมอะ คุณอาจะว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้” หนึ่งในความกังวลของแบมแบมถูกกลั่นออกมาเป็นคำพูด แบมแบมไม่รู้หรอกนะว่าอามาร์คจะเห็นดีด้วยหรือเปล่าเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะยอมรับได้ และยิ่งอามาร์คเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมแบบนั้น...ตัวแบมแบมเองน่ะไม่เป็นไรหรอกคิดเสียว่าทำเพื่อห้อง แต่ในวันแสดงจริงซึ่งเป็นการแสดงที่ต้องขายบัตรพาผู้ชมจากภายนอกเข้ามานั้นน่ะจะทำให้อามาร์คขายหน้าไหมก็ไม่รู้
“อานายเขาดุมากเลยเหรอ ดูจากหลายๆเรื่องที่นายกังวลนี่เขาคงเป็นคนหัวโบราณน่าดูเลยสินะ” ยูคยอมถามก่อนจะพึมพำออกมากับตัวเองในประโยคหลัง เริ่มคิดไม่ตกแทนเพื่อน แต่ในช่วงที่ถกเถียงกันเขาไม่อยากพูดอะไรมากเพราะรู้ดีว่าคนอย่างจีมินน่ะไม่มีใครขัดใจได้อยู่แล้ว รู้จักกันมาตั้งแต่มอต้นทำไมจะไม่รู้ล่ะ
“เขาก็ไม่ดุหรอก...” จากเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาทำให้แบมแบมพอรู้ว่าอามาร์คไม่ใช่คนดุพร่ำเพรื่อ จะดุก็ต่อเมื่อเขาผิดจริงๆ แต่บางครั้งอามาร์คก็มีรังสีประหลาดที่แผ่ออกมาจากตัวทำให้แบมแบมรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองอยู่บ่อยครั้ง…นับมาตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่กลับไปเยี่ยมบ้าน
และแบมแบมยังจำแววตาและน้ำเสียงที่อามาร์คใช้กับอาเหว่ยฉีได้อยู่เลย...มันน่ากลัวจนตราตรึงใจจริงๆ
“ฉันแค่...เดาใจเขาไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่”
เพราะอามาร์คสำหรับเขาน่ะเปรียบเสมือนกับสีฟ้าคราม...คลุมเครือ นิ่งสงบ แต่ก็แฝงไปด้วยพลัง
ประตูไม้สีขาวบานใหญ่ถูกปิดลงก่อนที่เจ้าของห้องจะเปิดสวิทซ์ไฟจนห้องที่มืดมิดสว่างจ้าขึ้น กระเป๋านักเรียนและถุงกระดาษสีน้ำตาลไร้ลวดลายถูกวางลงบนเตียงกว้างก่อนที่เจ้าของกระเป๋าจะทิ้งตัวลงนอนทั้งที่ยังไม่ถอดเครื่องแบบนักเรียนออกจากร่างกาย ดวงตากลมปิดสนิทพลางพรูลมหายใจอุ่นๆออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน มีเรื่องน่าลำบากใจมาให้ต้องคิดมากอีกแล้วสินะ...
“เฮ้อ...หายตัวไปซะเลยได้ไหมนะ”
หลังจากที่นอนพักสายตาได้สักพักคนตัวเล็กก็พยายามฝืนร่างกายพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำโดยใช้ห้องน้ำเล็กด้านในห้องนอนเพราะสะดวกใจมากกว่าที่จะลงไปใช้ห้องน้ำใหญ่ด้านล่างที่ถึงแม้จะมีความสะดวกสบายมากกว่าแต่แบมแบมก็เคยเข้าไปใช้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นด้วยความจำเป็น...อะไรที่มันกว้างขวางมากๆมักจะให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย
“...”
ฝ่ามือเล็กขยับไปหมุนวาล์วน้ำเพื่อปิดหลังจากที่คว้าเอาเสื้อคลุมสีขาวขนนุ่มมาคลุมร่างกายไว้สำเร็จ หลังจากได้อาบน้ำเย็นๆก็ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย ขวดครีมบำรุงหลังอาบน้ำเสร็จถูกหยิบมาไว้ในมือ ดวงตากลมเหม่อมองเงาสะท้อนตัวเองผ่านกระจกก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องของตัวเองถูกเปิดออก
อามาร์คก็ยังไม่เลิกงานนี่นา...แล้วใครกัน
“คุณซุนหรือเปล่าครับ...” แม้จะสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆแต่แบมแบมก็คิดว่าไม่น่าจะใช่อามาร์คที่เข้ามาเพราะว่านี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานปกติ น่าจะเป็นคุณแม่บ้านซุนที่เข้ามาเก็บทำความสะอาดเสียมากกว่าจึงตัดสินใจตะโกนถามออกไปจากห้องน้ำเพื่อให้ตัวเองได้แน่ใจ
“...” แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
“คุณแม่บ้านซุนครับ!”
“อาบเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็รีบออกมาสักทีสิ” ริมฝีปากบางอ้าค้างเมื่อเสียงที่ตอบกลับมานั้นเป็นเสียงของคนที่แบมแบมจำได้ขึ้นใจ ฝ่ามือน้อยรีบจัดการละเลงครีมบำรุงผิวอย่างไม่รีรอเพราะกลัวว่าถ้าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญจะคุยคงไม่ดีแน่ถ้าเขามัวแต่ชักช้าอยู่อย่างนี้ ถึงจะวางใจอามาร์คในระดับหนึ่งแล้วแต่แบมแบมก็ยังไม่กล้าทำตัวรั้นอยู่ดี
“จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ!”
.
.
แบมแบมกำลังสงสัย...สงสัยจริงๆว่าเมื่อกี้ที่ได้ยินเสียงอามาร์คน่ะเป็นเรื่องจริงหรือว่าแบมแบมแค่ประสาทหลอนหูแว่วหูฝาดไปเองกันแน่ ก็เพราะว่าหลังจากที่เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนสองชิ้นที่เอาเข้ามาด้วยเสร็จ ออกมาอีกทีก็ไม่เห็นเงาของคนที่คิดว่าควรจะนั่งอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของห้องเสียแล้ว หากแต่เมื่อกวาดสายตาไปพบกับบางสิ่งที่ถูกคลี่วางเอาไว้อยู่บนเตียงกว้างหัวใจด้วงน้อยก็แทบจะหยุดเต้นในทันใด
มันคือชุดกระโปรงกับวิกผมยาวที่ปาร์คจีมินสั่งให้เขาเอามาลองใส่ดูเพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยก่อนแสดงจริงน่ะสิ!
“...” แบมแบมทำหน้าเหยเกก้าวขาไม่ออกได้แต่ยืนกุมมือตัวเองนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ในใจพาลคิดไปถึงว่าป่านนี้อามาร์คอาจจะเข้าใจผิดไปไกลจนไม่อยากจะอยู่มองหน้าเขาไปแล้วก็เป็นได้...แย่ที่สุด
Rrrr ~
ความคิดยุ่งเหยิงทั้งหมดถูกหยุดลงชั่วคราวด้วยเสียงสั่นครืดๆจากวัตถุบางอย่างที่แบมแบมคิดว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือและแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่ของเขาเพราะแบมแบมไม่ได้ตั้งระบบสั่นไว้ สองขาเล็กก้าวเข้าไปใกล้จุดเกิดสัญญาณ เอื้อมมือไปจับชุดกระโปรงสีแดงสดให้ขยับหนีจึงทำให้เห็นว่าโทรศัพท์มือถือรูปทรงสวยสีดำสนิทนั่นเองที่เป็นต้นตอของเสียงทีได้ยิน
“...” คนตัวเล็กชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แม้ไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทแต่ดวงตากลมก็อดไม่ได้ที่จะเพ่งไปยังหน้าจอกว้าง ชื่อที่ถูกบันทึกเอาไว้เป็นภาษาอังกฤษยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับรูปแทนตัวผู้โทรที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่สนิทของอามาร์คอยู่ไม่น้อย เพราะภาพที่แสดงอยู่คือภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่นั่งเอนบนตักกว้างของผู้หญิงคนหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ปลายสายตัดไปแล้ว...ตัดไปทั้งๆที่ตัวเขาสามารถเอามันไปให้อามาร์คได้แต่เขาก็ไม่ทำ
“ทำอะไรอยู่น่ะ” คนเผลอเหม่อลอยสะดุ้งเฮือกปล่อยโทรศัพท์มือถือลงกับเตียง แต่มันก็ดูจะช้าเกินไป
“เอ่อ...คือเมื่อกี้มีสายเข้าครับแต่แบมเอาไปป๊าไม่ทัน” แบมแบมตอบพลางหลบสายตาในช่วงคำสุดท้าย เขาไม่กล้าสบตาอามาร์คในขณะที่พูดปดบิดเบือนความจริงหรอกนะ ถ้าถูกจับได้มันคงไม่คุ้มกัน…บทลงโทษก็เคยมีให้เห็นอยู่
“เหรอ ช่างเถอะเดี๋ยวฉันว่างแล้วค่อยโทรกลับ” แล้วตอนนี้อามาร์คไม่ได้ว่างอยู่หรืออย่างไรกัน...
“แล้ว..ป๊ามีอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเขาข้างกันกับชุดกระโปรงด้วยใบหน้านิ่งเฉยคนตัวเล็กก็ชักจะร้อนๆหนาวๆเหมือนตัวเองเป็นคนมีความผิดติดตัว อันที่จริงแบมแบมก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอามาร์คอยู่แล้วแต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ด้วยตัวเองเร็วขนาดนี้นี่นา
แบมแบมยังไม่ทันได้ทำใจเลย...
“แค่จะขึ้นมาเช็คว่านายไม่ได้เผลอหลับไปจนลืมอ่านหนังสือ...”
“แต่ดันมาบังเอิญเจอชุดผู้หญิงนี่ในถุงที่วางอยู่บนเตียงนายเข้าซะก่อน มันคืออะไรแบมแบม” เสียงทุ้มถามอย่างใจเย็น ดวงตาคมมองไปยังร่างสมส่วนของเด็กชายตัวน้อยที่ทำใจกล้าทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงฝั่งตรงข้ามกันกับเขา มือน้อยเอื้อมไปหยิบเอาชุดและวิกผมยาวสีน้ำตาลทองที่ตัวเองจะต้องใส่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ามายัดใส่ถุงดังเดิม
“คือแบมกะจะบอกป๊าพรุ่งนี้น่ะครับ แต่ในเมื่อป๊ามาเห็นแล้วแบมก็คงต้องบอกตอนนี้เลย...” ท่าทางรวบรวมพลังด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆของแบมแบมทำเอามาร์คนึกขำขึ้นมาจนหลุดขำน้อยๆให้กับท่าทางนั้น มาร์คขยับกายเอนพิงกับหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอนทอดสายตามองเด็กน้อยที่นั่งขัดสมาธิอยู่เกือบปลายเตียงอย่างรอคำตอบ
“อีกห้าวันห้องแบมจะต้องแสดงละครน่ะครับ มันเป็นธรรมเนียมของโรงเรียนที่มัธยมปลายปีแรกทุกห้องต้องทำ...จัดการแสดงมาหนึ่งเรื่องแล้วขายบัตร นำเงินที่ได้มาบริจาคให้โรงเรียนน้องที่อยู่ในสถานที่ทุรกันดาร แล้วทีนี้...เอ่อ แบมได้แสดงเป็นผู้หญิงครับเพราะความจำเป็น แต่บทไม่มีอะไรมาก แบมไม่ต้องพูดอะไรแค่เข้าฉากเฉยๆน่ะครับ” แบมแบมพูดออกมายาวเหยียดพลางลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ ถ้าหากว่าอามาร์คแสดงท่าทางไม่พอใจเมื่อไหร่แบมแบมจะปฏิเสธจีมินเดี๋ยวนั้นเลยล่ะ
“อืม ก็น่าสนใจนี่”
ว่าไงนะ?
“ป๊า...ไม่ว่าแบมเหรอครับ?” เพื่อย้ำว่าเมื่อครู่ตัวเองไม่ได้หูฝาดไปเองคนตัวเล็กจึงลองถามอีกครั้ง
“ทำไมต้องว่าล่ะ เห็นฉันเป็นคนใจแคบขนาดไหนกันเด็กน้อย” มาร์คเลิกคิ้วถามเย้าอีกฝ่ายเสียงทุ้ม
“เปล่านะครับแบมไม่ได้จะว่าป๊าใจแคบ”
“ลองชุดแล้วหรือยัง” แบมแบมส่ายหน้า เขากะว่าจะนอนทำใจสักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยลองก็ยังไม่สายเพราะยังไงเขาก็ต้องใส่มันอยู่แล้ว ไม่มีทางจะปฏิเสธได้เลยจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองเอาไปใส่ซะสิ เดี๋ยวฉันจะช่วยดูให้ว่ามีตรงไหนต้องแก้บ้างหรือเปล่า”
ขอปฏิเสธได้ไหม...นี่เป็นประโยคคำสั่งที่แบมแบมต้องทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ใช้หรือเปล่า
“แต่แบม...”
“ไปลองใส่มา ฉันอยากเห็นก่อนว่าเป็นยังไง” ถ้าหากว่าเลือกได้แบมแบมก็อยากจะบอกไปว่าให้อามาร์คเก็บความหวังดีนี้ไว้ไปใช้ที่อื่นจะดีกว่า...แต่ในเมื่อไม่สามารถเลือกได้เด็กน้อยก็ต้องพาตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งทั้งที่ใบหน้าและท่าทางไม่ได้บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นเต็มใจแต่อย่างใด ที่ทำไปก็เพราะว่าไม่อยากเป็นเด็กเรื่องมากในสายตาของอีกฝ่าย แม้ว่ามันจะแลกมาด้วยความอายที่ทำให้แบมแบมแทบไม่อยากมองตัวเองในกระจกเลยก็เถอะ
ทันที่ที่เสียงประตูห้องน้ำเงียบลงใบหน้าคมคายที่ไม่แสดงออกอะไรมากกลับหลุดรอยยิ้มน้อยๆออกมานึกขำในท่าทางปั้นปึ่งของเด็กน้อยที่ไม่สามารถเก็บซ่อนอาการไม่พอใจแบบเด็กๆเอาไว้ได้ นี่น่ะเหรอคนที่พูดกับเขาว่าสามารถดูแลตัวเองได้ในวันแรกที่เจอกันน่ะ แถมยังมาตะโกนใส่หน้าเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่แบบนั้นอีก...อวดเก่งชะมัด
ชายหนุ่มค่อยๆเอนตัวลงกับหมอนใบโตที่มีกลิ่นหอมจางๆของผู้เป็นเจ้าของโชยออกมา เขาไม่อยากเร่งให้อีกฝ่ายต้องลนลานเพราะรู้ดีว่ายังไงเสียคืนนี้แบมแบมก็ต้องเดินออกมาจากห้องน้ำนั่นแน่ๆ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องร้อนรน
“...” หากแต่หลับตาได้ไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์มือถือที่วางแน่นิ่งอยู่กลางเตียงสั่นครืด เรียกให้คนที่กำลังจะเคลิ้มหลับอย่างมาร์คต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่ประสาทสัมผัสไวเกินกว่าคนทั่วไปข้อนี้มาร์ครู้ดี มันเป็นทั้งผลดีและผลเสียในเวลาเดียวกัน...ฝ่ามือใหญ่หยิบเอาโทรศัพท์ที่คว่ำหน้าอยู่ขึ้นมาพลิกดูอย่างใจเย็นก่อนจะกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหล...” น้ำเสียงทุ้มกรอกลงไปพลางขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง ฝ่ามือข้างที่ว่างล้วงไปหยิบเอาบุหรี่ไฟฟ้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาคีบไว้ในมือด้วยความเคยชินขณะที่ฟังเสียงปลายสายเจื้อยแจ้วด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหล่อเข้ม
“อืม ถ้าวันไหนว่างอีกจะเข้าไปหานะโอเคไหม?”
“ครับ คิดถึงเหมือนกันครับ” ปลายสายตัดไปพร้อมกับเสียงเปิดประตูห้องน้ำที่ทำให้มาร์คต้องเบนสายตาไปมอง ไม่ทันที่แบมแบมจะได้ทำใจสายตาของมาร์คก็พุ่งตรงไปยังเด็กตัวเล็กโดยไม่ต้องรอให้เรียกเรียบร้อยเสียแล้ว คนถูกจ้องเอื้อมมือลงมาดึงชายกระโปรงของตัวเองด้วยความประหม่าที่มีไม่น้อย
“...” ยิ่งมาร์คไม่พูดอะไรอีกฝ่ายก็ยิ่งประหม่าหนัก ก่อนที่บรรยากาศจะค่อยๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อรอยยิ้มคล้ายถูกใจเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ปกติมักจะเรียบเฉย ดวงตาพราวระยับถูกส่งไปยังเด็กชายตัวน้อยเมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่กลับกลายมาเป็นเด็กหญิงผมยาวในชุดกระโปรงสีสดน่ารักยืนอยู่ปลายเตียงในตอนนี้แม้ว่าวิกจะยุ่งเหยิงไปบ้างแต่รวมๆแล้วก็ยังเป็นภาพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี
คนที่ขอให้แบมแบมแสดงบทนี้ให้นี่ตาถึงดีจริงเชียว...
“ป...เป็นยังไงบ้างครับ” คนถูกจ้องเขินจนแทบจะทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเอ่ยประโยคคำถามออกไปเพื่อทำลายความเงียบ ความมั่นใจในตัวเองตอนนี้ของแบมแบมนั้นแทบเป็นศูนย์แต่กระนั้นก็ยังกลั้นใจพาตัวเองเดินเข้าไปใกล้ๆคนที่นั่งพ่นควันอย่างใจเย็นอยู่บนเตียงเพื่อให้อีกฝ่ายสามารถพิจารณาตัวเองได้ชัดๆ
โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังก้าวเท้าเข้าหาเสือตัวใหญ่ในคราบคุณอาวัยสามสิบห้าปีบนเตียงนั้น...
“ฉันมองไม่ค่อยชัด มานั่งตรงนี้สิ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแกมสั่งให้อีกฝ่ายมานั่งลงบนเตียงด้วยกัน และแน่นอนว่าเด็กน้อยเชื่องมืออย่างแบมแบมก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงฝั่งเดียวกันกับคนอายุมากกว่าพลางเม้มริมฝีปากข่มความอายในจิตใจ พยายามท่องไว้ว่าเขาก็แค่ลองชุดให้ป๊าดูความเหมาะสมเท่านั้น...ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้เสียหน่อย
แม้จิตใจเจ้ากรรมดันพาลนึกไปถึงสัมผัสอุ่นร้อนบนริมฝีปากที่ชวนให้วูบโหวงเมื่อคราวที่เล่นเปียโนด้วยกันขึ้นมาเอาเสียดื้อๆก็เถอะ
“...”
“อะ!”
“ดูเหมือนว่าตรงนี้จะหลวมไปหน่อยนะ ว่าไหม?” แบมแบมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็แตะลงบนเอวคอดลูบผ่านเนื้อผ้าเบาเสียจนคนถูกกระทำใจหายวาบพาลให้ขนลุกไปเกือบทั้งตัว เผลอผ่อนลมหายใจออกมาเสียงดังจนได้ยินเสียงหัวเราะคล้ายหยอกเย้าดังออกมาจากลำคอของอามาร์ค
เหมือนจะช่วยชี้แนะ...แต่ก็อันตรายไปในเวลาเดียวกัน
“นายใส่เหมาะดีนะแบมแบม ฉันชอบ”
“อ...อื้อ!”
และโดยไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกจู่โจมโดยริมฝีปากบางของคนอายุมากกว่าทำเอาคนตัวเล็กตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าระยะห่างที่มีอยู่มากพอสมควรแบบนี้อีกฝ่ายจะโน้มตัวเขาลงไปจูบได้ ลมหายใจร้อนๆเจือกลิ่นบุหรี่รินรดผิวแก้มเต่งชวนให้นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่กลับไปบ้าน แบมแบมกำมือแน่นพยายามดันอกอีกฝ่ายให้ออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล
คราวนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้หยุดอยู่แค่การขบเม้มริมฝีปากเพราะเรียวลิ้นอุ่นชื้นของคนมากประสบการณ์กว่ากำลังแตะอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม เรียกเร้าดุนดันพยายามให้เด็กดีในอ้อมแขนเปิดทางให้อย่างคนเอาแต่ใจ และแน่นอนว่าคนที่อ่อนประสบการณ์กว่าจะไปสู้อะไรกับเสือร้ายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนได้ แบมแบมเผลอไผลเปิดทางให้อีกคนได้ใช้ลิ้นร้อนกวาดชิมความหวานเสียจนร่างกายเริ่มอ่อนระทวยดั่งขี้ผึ้งที่ถูกไฟลน
“ป๊าครับ...” แบมแบมครางเสียงแผ่วหลังจากที่อีกฝ่ายละริมฝีปากออกไปแต่กลับไม่ออกห่าง จมูกโด่งคลอเคลียสันกรามบนใบหน้าหวานอย่างละเมียดละไมหากแต่ฝ่ามือใหญ่ที่กอดเอวคอดไว้กลับแน่นดั่งคีม แบมแบมไม่แม้แต่จะขยับกายได้เลยสักนิดเดียว
“ว่ายังไงเด็กดี” มาร์คขานรับเสียงนิ่งในจังหวะที่บังคับดึงให้ร่างเล็กๆของหลานชายคนดีขยับขึ้นมานั่งซ้อนเอนหลังพิงกับอกกว้างของตัวเองไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว รับรู้ได้ถึงแรงขืนน้อยๆจากคนบนร่างแต่มันก็แค่นั้น ถ้าเขาไม่ปล่อยแบมแบมก็ไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดได้ง่ายๆ
“แบม...คือ ป๊า จะทำอะไรครับ...” ตอนนี้คนบนร่างเขาเหมือนกับว่ากำลังสติกระเจิดกระเจิง แม้หมดแรงจะขืนตัวหลังจากที่มาร์คส่งฝ่ามือของตัวเองไปลูบต้นขาเนียนขึ้นลงอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่นได้เพียงไม่กี่ครั้ง เสียงหัวเราะทุ้มๆดังขึ้นยิ่งทำให้กระบอกตาของเด็กน้อยวัยสิบห้าปีอุ่นชื้น น้ำตาพาลจะไหลออกมาโดยไร้ซึ่งสาเหตุ
“ให้รางวัลเด็กดีที่ทำตามคำสั่งไง” มาร์คแกล้งกระซิบเย้าข้างหูก่อนที่กายเล็กจะกระตุกเฮือกหลังจากจบประโยคเพราะว่าตอนนี้ฝ่ามือแสนร้ายกาจของคนแก่ประสบการณ์กว่ากำลังสาละวนอยู่กับบางสิ่งใต้กระโปรงเนื้อบางอย่างหยอกล้อ ลมหายใจของคนอ่อนประสบการณ์กระตุกขาดช่วงอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ป...ป๊า อ อย่าครับ!”
“นิ่งไว้...” มาร์คกระซิบข้างใบหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก กลิ่นกายหอมอ่อนๆโชยคละคลุ้งผสมกับกลิ่นครีมอาบน้ำฟุ้งไปทั่วเสียจนทำเอาคนอายุมากกว่าเผลอหลับตาสูดดมเข้าไปเสียเต็มปอด แบมแบมน่ารักมากเกินไปในคืนนี้ และมันก็กำลังปลุกสัญชาติญาณให้เสือมากประสบการณ์อยากจะเชยชิมลิ้มลองรสชาติเหยื่อตัวน้อยขึ้นมา
ในที่สุดเหยื่อตัวน้อยอย่างลูกกวางอ่อนต่อโลกก็ยอมนิ่งอยู่ภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่งของคนที่ใช้ร่างกายกำยำของตัวเองเป็นเสมือนเบาะรองให้นั่ง กระโปรงเนื้อผ้าลู่ไปตามผิวเนื้อเนียน ลมหายใจร้อนถูกพรูออกอย่างรุนแรงเมื่อฝ่ามือใหญ่เริ่มทำกระทำการอุกอาจกับร่างกายที่แม้แต่เจ้าของร่างเองก็ยังไม่เคยทำกับตัวเองสักครั้ง ริมฝีปากบวมเจ่อขบเม้มเอาไว้ส่วนสองขาเล็กถูกขยับให้ออกห่างกันกว่าเดิม ตอนนี้เด็กน้อยกำลังหัวหมุนไปกับรสชาติแปลกใหม่ที่กำลังถูกสอนให้โดยคนที่มีฐานะเป็นคุณอา กลิ่นบุหรี่จากฝ่ามือใหญ่ข้างที่วางเท้าไว้กับหัวเตียงยังคงคละคลุ้งเพิ่มบรรยากาศมัวเมาให้เด็กชายตัวน้อย...
คล้ายกับว่ารสสัมผัสแปลกประหลาดในความรู้สึกที่กำลังดำเนินอยู่นั้นจะทำให้เด็กน้อยลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปได้เกินครึ่ง...
“อื้อ....”
ตกอยู่ในความเงียบได้ไม่นานนักเด็กน้อยก็หลุดเสียงในลำคอออกมาพลางปิดเปลือกตาแน่น เผยอปากกอบโกยอากาศเข้าปอดเหมือนกับว่าพายุลูกใหญ่ที่พัดถาโถมเข้ามาได้ผ่านไปแล้ว และตอนนี้ร่างกายน้อยๆก็กำลังรู้สึกโล่งโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็น ฝ่ามือขาวของแบมแบมยกขึ้นมาปัดเส้นผมยาวจากวิกสีน้ำตาลทองที่เปียกเหงื่อบริเวณแก้มนิ่มให้ละออกไปพร้อมกันกับจังหวะที่ฝ่ามือหนาของคุณอาผละออกมาจากใต้เนื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อนแล้วคว้าเอาทิชชู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงมาซับฝ่ามือตัวเองอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของลูกกวางน้อยที่ยังผ่อนลมหายใจเข้าออกได้ไม่ค่อยถูกจังหวะดีนัก...
“ป๊า...”
“หืม” เด็กน้อยครางเสียงอ่อน หากแต่เมื่อมาร์คขานรับเด็กหนุ่มตัวน้อยกลับเงียบไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ขยับกายให้แผ่นหลังที่แนบชิดกับอกกว้างของคุณอายังหนุ่มนั้นห่างจากกันเท่านั้น
“คือ...เรา เราทำแบบนี้กันได้เหรอครับ...มัน มันผิด”
“...” คนถูกถามนิ่งไปหลังจากที่ได้ฟัง เพราะว่าจากน้ำเสียงที่เหมือนจะติดสะอื้นในตอนท้ายนั้นทำให้คนอายุมากกว่าต้องขยับหลังที่พิงหัวเตียงอยู่ให้กลับมาตั้งตรง จับไหล่เล็กของหลานชายให้อีกฝ่ายหันหน้ามามองกันแต่อีกฝ่ายก็ยังคงดื้อแพ่งเบนสายตาไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนอายุมากกว่าแสนเจ้าเล่ห์ที่มาทำให้หัวใจตนเต้นโครมครามจนแทบตายแบบนี้อยู่ดี
“สำหรับอาหลานคู่อื่นอาจจะไม่...” มาร์คพูดเสียงค่อยส่งปลายนิ้วไล้ต้นคอระหงของเด็กชายที่กำลังคิดมากตรงหน้าแผ่วเบา ใช้หัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาหยดแรกที่ไหลลงมาจรดที่ปลายคางอย่างทะนุถนอม
“แต่นั่น...ก็เพราะว่าเด็กพวกนั้นไม่ได้เป็นเด็กดีและน่ารักเหมือนกับนาย เด็กดีสมควรได้รับรางวัล ไม่เห็นด้วยหรอกเหรอ?” คนอายุมากกว่าเลิกคิ้วพลางลากปลายนิ้วไปหยุดอยู่บริเวณปลายคาง ออกแรงนิดหน่อยเพื่อยกให้ใบหน้าหวานที่ออกอาการไม่เข้าใจกอปรกับสับสนให้จ้องลึกเข้ามาในดวงตา ควันสีเทาที่ถูกพ่นออกมาผ่านลมหายใจของคนอายุมากกว่าทำให้แบมแบมกระแอมไอน้อยๆ
อามาร์คมักทำเหมือนกับว่าทุกอย่างมันง่ายดายไปเสียหมด
“แต่...” แบมแบมขมวดคิ้วเม้มปากแน่น ตอนนี้ในแววตาของอามาร์คน่ะดูเหมือนกับราชสีห์แสนเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด ยิ่งมองก็เหมือนว่าจะยิ่งหลงเข้าไปในบ่วงมากเท่านั้น
มันทั้งสง่างามและอันตราย...
“จะกังวลไปทำไมกัน คิดเสียว่าฉันสอนงานให้นายล่วงหน้าไงแบมแบม”
“ม หมายความว่ายังไงครับ...”
แบมแบมไม่เข้าใจ...
ยิ่งพยายามค้นหาเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าใจอามาร์คคนนี้เลยจริงๆ
TALK!
อ่ะ ตอนนี้อ่านกันเงียบๆนะอย่ากระโตกกระตากไป
ไม่อยากเรียกว่ามันเป็นคัทเพราะว่ามันจบภายในไม่กี่พารากราฟ เราจะเรียกมันว่าศิลปะในการบรรยาย
55555555555555555555 นั่นแหละ!
มาพูดถึงเนื้อเรื่องกันบ้าง ตอนนี้ก็ยังเนิบอยู่แต่ว่าถ้าสังเกตกันก็จะเห็นว่าเราปูทางเพื่ออะไรบางอย่างมาได้หลายตอนแล้วนะ
หลังจากนี้ก็คิดว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินเร็วขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย และก็อย่างที่รู้ๆกัน เราแต่งฉากดราม่าไม่เก่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะม่ามากอะไรขนาดนั้นนะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และกำลังใจค่ะ แสเงความคิดเห็นกันได้นะคะเราจะได้มีกำลังใจพิมพ์แบบรัวๆ ♥
เจอกันตอนหน้าค่ะ
#FICSDMB
TWITTER : @SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่เราชอบ 555
ความเจ้าเล่ห์นี้ ยอมใจจ
ยอมใจกับคำว่ามองไม่ชัดดด
ยอมใจกับคำว่าคิดซะว่าสอนนน
ยอมแล้ววววววว 55555555555555555