ตอนที่ 6 : SUGAR DADDY : CHAPTER 6
SUGAR DADDY
- CHAPTER 6 -
บรรยากาศในคฤหาสน์ของตระกูลต้วนในวันนี้ดูเหมือนว่าจะครึกครื้นกว่าปกติอยู่นิดหน่อย แบมแบมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เข็มสั้นของนาฬิกาเรือนใหญ่ยังไม่ชี้เลขเจ็ดดีด้วยซ้ำแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดพิเศษที่โรงเรียนกำหนดให้ คนตัวเล็กตื่นมาพร้อมกับอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย จากนั้นก็ลงมาทานมื้อเช้าแบบง่ายๆจากแม่บ้านสาวที่แบมแบมไม่รู้จักถูกจัดเตรียมเอาไว้อยู่บนโต๊ะอาหารราวกับรู้ใจ
และตอนนี้คนตัวเล็กก็ย้ายตัวเองจากโต๊ะอาหารมายังบันไดเพื่อกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะกว้างใหญ่แต่แบมแบมก็ไม่นึกอยากเดินไปไหนไกลนักเพราะคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นผู้มาอยู่อาศัย ไม่ควรละลาบละล้วงอะไรเกินกว่าที่อามาร์คอนุญาต ถ้าถามว่าเบื่อไหมกับชีวิตที่เหมือนนกแก้วในกรงทองแบบนี้แบมแบมคงต้องตอบว่ามันก็ต้องมีบ้าง...
“ขออภัยครับ คุณหนูได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” อาจจะเป็นเพราะแบมแบมมัวแต่เหม่อลอยระหว่างเดินขึ้นบันไดไหล่เล็กๆจึงถูกชนโดยชายในชุดสูทสีดำ แบมแบมสะดุ้งพลางเบี่ยงตัวหลบส่ายหน้าให้พร้อมรอยยิ้มบางๆ ดวงตากลมมองตามร่างบึกบึนของชายหนุ่มที่แบกลังใบใหญ่เอาไว้ด้วยไหล่ข้างเดียวก้าวเร็วๆลงบันไดไปจนลับสายตา
“...” แบมแบมไม่ได้คิดไปเองนะ วันนี้ทุกอย่างดูวุ่นวายผิดปกติจริงๆด้วย
และเขาเองก็ยังไม่เห็นอามาร์คเลย...ทั้งๆที่รถส่วนตัวของอีกฝ่ายยังจอดอยู่
“คุณซุนครับ! คุณซุน” หลังละความสนใจจากอีกฝ่ายไปแล้วสายตาของคนตัวเล็กกลับมองไปเห็นร่างของคุณแม่บ้านหญิงซุนลีที่กำลังเดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ของอามาร์ค เครื่องดูดฝุ่นที่ถูกยกออกมาด้วยทำให้เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าไปทำความสะอาดเหมือนอย่างทุกวัน หญิงสาววัยกลางคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาตามเสียงเรียก
“มีอะไรหรือคะคุณหนู” เธอยิ้มบางๆให้เด็กชายตัวน้อย
“เอ่อ...วันนี้อามาร์คออกไปทำงานหรือเปล่าครับ” เด็กตัวเล็กพูดเสียงแผ่วหลบสายตาของคุณแม่บ้านที่กำลังรับฟังอย่างตั้งใจ ปกติแล้วแบมแบมไม่ใช่คนที่ชอบถามถึงคนอื่นพร่ำเพรื่อนักหรอก แต่ที่ถามถึงวันนี้ก็เพราะเห็นว่ามีอะไรหลายๆอย่างแปลกไป และตัวเขาเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับอามาร์คอยู่เหมือนกัน...
“คุณมาร์คเหรอคะ ไม่ได้ไปทำงานหรอกค่ะวันนี้คุณเขาเกิดอยากจะซ้อมยิงปืนขึ้นมา คนงานเลยต้องช่วยกันขนอุปกรณ์จากห้องเก็บของชั้นบนไปอำนวยความสะดวกที่โรงซ้อมยิงปืนหลังบ้านตั้งแต่เช้า...เสียงดังรบกวนคุณหนูหรือคะป้าจะได้ไปดูแลให้” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มบางให้เด็กชายตัวเล็ก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คุณหนูเข้ามาถามถึงนายใหญ่กับเธอแบบนี้
“ป...เปล่าหรอกครับ แบมแค่สงสัย” คนตัวเล็กขมวดคิ้วแม้จะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปทำงาน แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือสถานที่ที่คุณแม่บ้านซุนลีบอกนั่นล่ะ...โรงซ้อมยิงปืน? เขาก็แค่สงสัยว่าคนเราจำเป็นต้องมีห้องนี้ไว้ในรั้วบ้านด้วยเหรอ และอีกอย่างแบมแบมก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
“คุณหนูจะเข้าไปดูก็ได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะพาไป”
“ไม่ดีกว่าครับ แบมไม่อยากเข้าไปรบกวน” แม้ว่าใจจริงอยากจะไปลองเห็นสักครั้งแต่เขาก็กลัวว่าถ้าตัวเองทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอามาร์คอาจจะไม่พอใจเอาได้ คงต้องกลับไปนอนเบื่ออยู่ในห้องจนกว่าจะถึงเวลามื้อเย็นนั่นล่ะ
แบมแบมยิ่งมีคดีติดตัวอยู่เรื่องงานเลี้ยงคืนนั้น...ไม่กล้าไปวุ่นวายให้อามาร์คไม่พอใจอีกหรอก
“รบกวนอะไรกันคะคุณหนู หลานชายคนเดียวของคุณมาร์คจะทำอะไรก็ย่อมได้อยู่แล้วค่ะ” หญิงสาวผู้ผ่านโลกมานานส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเบาใจ คุณหนูคนนี้เป็นคนถ่อมตัวเอาเสียมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่ถึงแม้จะเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ได้สักพักแล้วแต่ก็ไม่เคยทำละลาบละล้วงหรือทำตัวให้ใครต้องเดือดร้อนสักครั้ง
“...”
“มาเถอะค่ะเดี๋ยวป้าจะพาไป หมกอยู่บนห้องทั้งวันคงน่าเบื่อแย่เลย”
“ถ้าอย่างนั้น...แบมรบกวนหน่อยนะครับ”
หลังจากนั้นคุณซุนลีก็เดินนำเขาออกมาจากตัวบ้าน พาเดินลัดเลาะตามเงาร่มไม้มาจนถึงด้านหลังของตัวบ้านขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับพักอาศัย ปรากฏให้เห็นสิ่งก่อสร้างรูปร่างคล้ายกับบ้านชั้นเดียวไม่กว้างมาก และกระจกโดยรอบเป็นกระจกที่ดูด้วยตาเปล่าก็สามารถเดาได้ว่าไม่ธรรมดาแถมยังติดฟิล์มเสียดำมืด...ก็บอกแล้วว่าเขาไม่เคยออกมาสำรวจด้านนอกด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ตั้งแต่อยู่มาก็ใช้ชีวิตวนไปวนมาอยู่แต่ด้านใน แถมมาช่วงหลังอามาร์คก็มักจะพาไปค้างที่คอนโดอยู่บ่อยๆจึงทำให้ไม่มีโอกาสเข้าไปกันใหญ่
“คุณมาร์คอยู่ด้านในนี้แหละค่ะ คุณหนูเข้าไปได้เลย” พอมาหยุดอยู่หน้าบานประตูใหญ่แบบสองบานคนตัวเล็กก็ชักจะประหม่าอยู่ไม่น้อย ยืนนิ่งเม้มปากคล้ายกับว่ากำลังชั่งใจเสียจนคุณซุนลีอ่อนใจต้องจัดการแง้มบานประตูให้แล้วพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอบคุณมากนะครับคุณซุนลี”
สิ้นคำคนตัวเล็กก็ก้าวเข้าไปยังพื้นหินอ่อนขัดมันด้านในพร้อมกับปิดประตูลงแผ่วเบา ด้านในกว้างขวางพอสมควร มีพัดลมระบายอากาศถึงสามตัว บรรยากาศของมันก็ถูกจัดเป็นเหมือนสนามซ้อมยิงปืนทั่วไป จะมาพิเศษก็ตรงที่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เปิดเอาไว้เพื่อให้ใครมาใช้เช่าซื้อหากแต่เป็นสมบัติส่วนตัวของคนๆเดียว...คนที่กำลังยืนตั้งท่าแน่วแน่พร้อมกับเล็งปลายกระบอกปืนไปยังเป้าหมายอยู่ตรงหน้าแบมแบมนี่ไงล่ะ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ไหล่เล็กกระตุกวูบ ดวงตากลมโตวูบไหวเมื่อเห็นว่าคนในระยะสายตาของตัวเองเหนี่ยวไกปืนไม่ยั้งและเสียงของกระสุนที่พุ่งออกจากปลายกระบอกปืนก็เป็นอะไรที่คนตัวเล็กรู้สึกไม่ปลาบปลื้มมันเอาเสียเลย ดวงตากลมมองเห็นว่าหนึ่งในสี่คนที่เป็นผู้ชายในชุดสูทสีดำสังเกตเห็นเขาและกำลังเดินไปบอกให้อามาร์ครู้ตัวอย่างแน่นอน
“แบมแบม”
และมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดเมื่อหลังจากชายชุดสูทสีดำเดินจากไปอามาร์คก็ลดวัตถุสีดำแบบเดียวกันกับที่มาร์คเคยดึงมันออกมาจากใต้หมอนที่คอนโดลงกับโต๊ะ ที่ครอบหูกันเสียงดังถูกถอดออกด้วยท่าทางธรรมดาแต่กลับดูดีราวกับเป็นท่วงท่าที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แบมแบมขยับเดินเข้าไปใกล้รู้สึกโล่งใจที่แววตาอีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจแต่อย่างใด
“มีอะไรหรือเปล่า” แบมแบมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจส่ายหน้า มองเห็นเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยที่ผุดพรายบริเวณขมับของอีกฝ่ายรวมกับเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสามเม็ดบนจนเห็นสร้อยเงินแขวนจี้รูปร่างคล้ายกับเขี้ยวเสื้อยิ่งขับให้อามาร์คดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นเท่าตัว
“เปล่าหรอกครับ แบมแค่...เอ่อ อยากมาดูป๊าซ้อมยิงปืน แบมทำการบ้านเสร็จหมดแล้วครับ”
“งั้นเหรอ” แบมแบมเอี้ยวตัวมองตามคนอายุมากกว่าที่เดินผ่านเขาไปหยิบเอาน้ำเปล่าเย็นๆที่ถูกแช่ไว้ในคูลเลอร์แสตนเลสบนโต๊ะรับแขกด้านหลังขึ้นดื่มอึกๆ เส้นเลือดบริเวณลำคอที่ปูดนูนอย่างชัดเจนเมื่อเงยหน้าชวนให้เกิดความรู้สึกประหลาดจนสุดท้ายแล้วแบมแบมต้องหลุบสายตาลงต่ำ
“...”
“ไหนๆก็มาแล้ว อยากลองจับปืนดูบ้างไหม” แบมแบมตาโตเหลือบสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเชื่อหู
“ป๊าจะสอนแบมเหรอครับ...สนใจสิครับ แบมอยากลอง!” คนตัวเล็กถามเองตอบเองเสร็จสรรพ รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นบ่อยนักฉายชัดขึ้นโดยอัตโนมัติทำเอาคนอายุมากกว่าอดไม่ได้ที่จะยื่นฝ่ามือมาวางลงบนกลุ่มผมสีเข้มอย่างพอใจ แบมแบมน่ะอยากลองกีฬาแบบนี้มานานแล้วแต่ก็ติดตรงที่เมื่อก่อนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่ายังไม่ถึงเวลา...
“หึ งั้นก็มานี่” อามาร์คเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมคือหลังโต๊ะยาวสีขาว แบมแบมเดินตามอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้ในใจมันกำลังตื่นเต้นกับกิจกรรมใหม่ที่จะได้ลองแถมยังมีอามาร์คเป็นคนสอนอีกต่างหาก จนกระทั่งปลายเท้าเล็กมาหยุดอยู่ข้างกันกับคุณอาร่างสูงมาร์คจึงเอื้อมจับต้นแขนให้เด็กน้อยขยับมายืนซ้อนอยู่ด้านใน กลายเป็นว่าตอนนี้แบมแบมกำลังยืนอยู่ข้างหน้าโดยมีอามาร์คซ้อนหลังอยู่อย่างแนบชิด
“ปืนหนักกว่าที่คิดล่ะสิ” เพราะว่าตอนนี้สองร่างยืนแนบชิดกันกว่าปกติทำให้เพียงแค่อามาร์คกระซิบพูดเสียงเบาๆแบมแบมก็ได้ยินอย่างชัดเจน ศีรษะเล็กพยักรับนิดหน่อยหลังจากที่อีกฝ่ายวางปืนกระบอกสั้นสีดำลงบนฝ่ามือให้เขารู้สึกถึงน้ำหนักของอุปกรณ์เสียก่อน
“ขยับปลายเท้าให้เท่ากันกับความกว้างของไหล่ ทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่ขาทั้งสองข้าง...” ไม่ว่าเปล่า ท่อนขาแข็งแรงใต้กางเกงขายาวเนื้อดีของมาร์คต้วนกดแทรกเข้าไประหว่างขาเล็กๆทั้งสองข้างแยกให้ห่างออกจากกัน เด็กตัวเล็กที่ประคองวัตถุอันตรายเอาไว้ในมือขยับตามอย่างเก้ๆกังๆจนได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู
นี่แบมแบมคิดผิดหรือเปล่านะ...
“อย่าสั่น ตั้งสติไว้เด็กน้อย” แบมแบมเม้มปากแน่นพยายามทำตามที่คนอายุมากกว่าบอกอย่างตั้งใจ นึกโมโหตัวเองที่ตื่นเต้นจนออกนอกหน้าทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันให้ทำอะไรที่มันน่ากลัวเลยสักนิด
“ขอโทษครับ”
“ทีนี้เงยหน้ามองไปที่เป้าหมาย แล้วจับปืนแบบนี้...เอาสามนิ้วจับด้ามปืนส่วนนิ้วชี้วางไว้เหนือโกร่งไกปืนตรงนี้ถ้าหากว่ายังไม่คิดจะยิง เข้าใจไหม” คุณอาคนเก่งเริ่มมอบความรู้ให้แก่หลานชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแถมยังใจดีช่วยสาธิตจนทั้งแขนและฝ่ามือสองข้างแนบสนิทกัน แม้ว่าอากาศภายในโรงฝึกจะไม่ร้อนอบอ้าวแต่เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยกลับผุดพรายออกมาจากขมับเล็กๆจนเริ่มชื้น
“หายใจเข้าลึกๆ พยายามทำตัวให้มีสมาธิมากที่สุดแล้วหลับตาไว้ข้างหนึ่ง...เล็งเป้าด้วยตาข้างเดียว”
แบมแบมพยายามแล้ว แต่กลิ่นน้ำหอมเย็นๆของอามาร์คนั่นแหละที่กำลังทำให้เขาเสียสมาธิ...
“เอาล่ะ ค่อยๆวางปลายนิ้วชี้ของนายลงบนไกปืน ค่อยๆกดลงไปจนกว่ามันกระสุนมันจะพุ่งออกมา...อืม แบบนั้น” แบมแบมพยายามไล่สิ่งกวนใจออกไปจนได้เกือบหมด ตอนนี้สติกำลังจดจ่ออยู่กับปลายนิ้วและเป้าสีดำที่อยู่ห่างออกไป ใจนึกกลัวขึ้นมาในจังหวะที่ปลายนิ้วแตะไกปืนหากแต่สัมผัสอบอุ่นจากท่อนแขนของอีกฝ่ายที่คอยช่วยประคองเขาเอาไว้ยังไม่หายไปไหนกลับช่วยลดทอนความกลัวเหล่านั้นได้อย่างน่าแปลก
ปัง!
“อ๊ะ!” แรงผลักน้อยๆจากกระบอกปืนบวกกับความตกใจทำให้คนที่ตั้งหลักไม่ดีเซถอยหลังไปชนเข้ากับอกกว้าง ผลการยิงออกมาได้ไม่เลวนักในความคิดของแบมแบมเพราะอย่างน้อยมันก็ยังอยู่ในเป้าไม่ได้กระเด็นไปตกลงนอกเป้าแต่อย่างใด
“ใช้ได้นี่...”
“เพราะได้ป๊าช่วยน่ะสิครับ” แบมแบมก็ยังคงเป็นเด็กถ่อมตัวเช่นเคย ปืนกระบอกเหมาะมือถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าอีกครั้ง แบมแบมหันตัวมามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้จะบอกว่าเป็นเพราะได้อีกคนช่วยหากแต่เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้รับคำชมจากคนอายุมากกว่า
“อยากลองอีกทีไหม” เจ้าของร่างสูงโปร่งเลิกคิ้วถามด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า หากแต่แบมแบมก็เลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ แค่นี้เขาก็รู้สึกพอใจแล้วล่ะ...
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบาย เครื่องดื่มอยู่ในคูลเลอร์บนโต๊ะนั่น จะดื่มก็หยิบเอา” แบมแบมยิ้มรับ แม้ว่าคำพูดของอามาร์คจะไม่ได้อ่อนหวานแต่ก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไม่พอใจที่เขาปฏิเสธแถมยังดูใจดีกว่าทุกๆวันอีกต่างหาก เพราะตั้งแต่ตื่นมาวันนี้นั้นแบมแบมยังไม่ถูกดุเลยสักครั้งเดียว
ยังไงก็ขอให้วันนี้อามาร์คอารมณ์ดีแบบนี้ไปทั้งวันด้วยก็แล้วกัน...
50%
บรรยากาศวุ่นวายยามเช้าที่ใดเล่าจะน่าปวดหัวเท่าที่ทำงาน พนักงานในชุดเรียบร้อยเดินขวักไขว่กันให้ทั่วแทบทุกชั้น แฟ้มงานรับอรุณถูกนำมาแจกจ่ายให้แต่ละฝ่ายแต่ละบุคคลได้รับผิดชอบและดำเนินงานกันตั้งแต่เช้า ก็เพราะว่าที่นี่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ทำรายได้มากมายมหาศาล มันก็ต้องแลกมากับการทำงานแบบเต็มขั้นไม่มีช่องว่างให้ได้อู้งานแบบนี้นี่ล่ะ...
“บอสคะ คุณหวังเจียเออร์มาขอพบค่ะ” จะยกเว้นก็แต่ชั้นเกือบบนสุดที่บรรยากาศด้านนอกเงียบสงัดไร้ซึ่งความวุ่นวายราวกับว่าเป็นคนละบริษัทคนละสถานที่ เลขาสาวกรอกเสียงหวานลงในสายเพื่อแจ้งเจ้านายของเธอที่วันนี้เข้างานเช้ากว่าตัวเธอในทุกๆวันได้ให้คำตอบกลับมา
“เชิญค่ะคุณหวัง” เมื่อได้รับคำตอบผ่านเครื่องฟังไร้สายเธอก็ผายมือให้ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดในชุดสูทสีดำ สองขาเรียวใต้กระโปรงทรงสอบสีเนื้อที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้ถูกห้ามไว้ด้วยสัญญาณมือของอีกฝ่าย เธอยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าแขกคนนี้ไม่ใช่คนมีพิธีรีตองเยอะเหมือนอย่างส่วนใหญ่ที่เคยเจอ
ครืด...
“ว่ายังไง มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับเจ้านาย” ไม่ต้องรอให้คนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนโต๊ะทำงานใหญ่ตรงหน้าถามก่อนแขกผู้มาเยือนก็จัดการส่งเสียงดังทักทายให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
“อย่ามาลีลาน่าเวลาฉันมีไม่มาก ว่าเรื่องของนายมาเลยเพราะฉันก็มีเรื่องอยากจะคุยเหมือนกัน” มาร์คไม่ยี่หระกับคำพูดยียวน ปรายตามองแวบเดียวแล้วลงมือจัดการกับแฟ้มเอกสารตรงหน้าต่อ
“โอเค...ฉันก็มีเวลาไม่มากเหมือนกันตอนบ่ายมีสอน แค่จะแวะมาถามว่ารู้หรือยังว่าลี่จินอยู่ที่ไต้หวันตอนนี้น่ะ” แจ็คสันหวังเดินมาใกล้อีกนิดแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกันกับซีอีโอใหญ่
“รู้แล้ว ฉันโทรคุยกับเมลิคได้สองสามครั้งแล้วหลังจากเขามานี่ แต่ยังไม่มีเวลาจะไปหาหรือพาไปไหน...”
“แต่นายจะลางานเกือบอาทิตย์เพื่อพาหลานชายกลับไปเยี่ยมบ้านที่ไม่เหลืออะไรให้เยี่ยมแล้วเนี่ยนะ?” มาร์คชะงักฝ่ามือ ปากการาคาหลายหลักหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกับตวัดแววตานิ่งๆขึ้นมองเพื่อนสนิทที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้แจ็คสันมองเห็นอะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นและนึกโทษตัวเองอยู่ในใจว่าเขากำลังพูดสิ่งที่ผิดพลาดออกไปเสียแล้ว
“ต่อให้เขาอยากกลับไปทั้งเดือนฉันโดยไม่คิดจะเยี่ยมใครฉันก็จะพาไป นายเข้าใจใช่ไหมแจ็คสัน” มาร์คถามกลับเสียงนิ่ง ไม่มีวี่แววล้อเล่นในสายตาคู่นั้นทำเอาคนที่เผลอพลั้งปากเมื่อครู่ต้องถอนหายใจพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวอย่างยอมแพ้ โอเค เขาผิดเองคราวนี้ที่พูดอะไรออกไปเหมือนคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแบบนั้น
“โอเคเข้าใจแล้ว...แต่ก็อย่าลืมล่ะ เมลิคก็อยากเจอนายนะยังไงก็เจียดเวลาไปบ้าง สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี” แจ็คสันเสียงอ่อนลงพยายามให้อีกฝ่ายใจเย็นและยอมรับสิ่งที่ตนเองพูด
“เข้าใจแล้ว ยังไงลี่จินก็คงไม่รีบกลับหรอก...ห้าวันหลังจากอาทิตย์นี้ฝากดูแลทุกอย่างที่เป็นชื่อฉันด้วยนะแจ็คสัน รวมถึงเรื่องลี่จินกับเมลิคด้วย” แม้จะเป็นน้ำเสียงเรียบนิ่งหากแต่แจ็คสันหวังก็รู้ดีว่านี่คือการขอร้องในแบบฉบับของซีอีโอมาร์คต้วนผู้หยิ่งผยอง ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มน้อยๆให้กับท่าทีของอีกฝ่าย
“เออรู้แล้วน่า เตรียมลางานล่วงหน้าไว้แล้ว...เชิญคุณมาร์คต้วนไปพักผ่อนหย่อนใจกับหลานชายคนเก่งให้สบายใจเลย”
“หึ พูดมากน่า”
.
.
อากาศบริสุทธ์ปราศจากมลพิษกลุ่มควันมากมายเหมือนอย่างในเมืองช่วยทำให้ผู้มาเยือนหายใจสะดวกยิ่งขึ้น ลมเย็นๆในช่วงเที่ยงวันพัดจนกลุ่มผมสั้นปลิวไสวระไปกับต้นคอและหน้าผากมนหากแต่คนตัวเล็กเจ้าของใบหน้ากวานกลับไม่คิดจะรำคาญใจสักนิดเดียว กลับกันดวงหน้าหวานเกินชายของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีกลับยกยิ้มบางๆแทบตลอดทาง ถือว่ามาร์คคิดถูกที่ตัดสินใจเปิดประทุนรถหลังจากที่ขับออกมาจากสนามบินปลายทางซึ่งก็คือบ้านเกิดของแบมแบมเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนรถคันนี้ก็เป็นรถที่ชายหนุ่มบอกกับแบมแบมว่าขอยืมมาจากหุ้นส่วนของบริษัทที่มีอำนาจอยู่ในพื้นที่นี้ ทางนั้นส่งคนขับมาให้ที่สนามบินจากนั้นคนขับเดิมก็เดินทางกลับด้วยรถโดยสารบริการอย่างแท็กซี่แทน จึงทำให้แบมแบมอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่าเรื่องอำนาจบารมีของอามาร์คน่ะมันไม่ใช่เรื่องเล่นจริงๆ ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ได้หรอก...
“...” รถเคลื่อนตัวนิ่งๆมาได้สักพักคนแก่กว่าที่รับหน้าที่เป็นสารถีส่วนตัวให้เด็กน้อยปรายตามองนิดหน่อย เพียงเห็นว่าเด็กตัวเล็กเบาะข้างๆมีท่าทางผ่อนคลายก็รู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ลางานบริษัทเพื่อพาเด็กคนนี้กลับบ้านในวันหยุดยาวท้ายสัปดาห์ตามความต้องการที่อีกฝ่ายบอกไว้เมื่อวันที่ไปดูเขาซ้อมยิงปืน
และแม้ว่าอีกฝ่ายจะรั้นอยากมาคนเดียวสักแค่ไหนแต่แน่นอนว่ามาร์คไม่ยอมหรอก...เด็กคนนี้ไม่ประสาอะไรสักอย่างเดียว
“ป๊าครับ เดี๋ยวแยกหน้าป๊าเลี้ยวเข้าทางซ้ายมือนะครับ เสร็จแล้วก็ขับตรงไปเรื่อยๆบ้านแบมอยู่ท้ายหมู่บ้านเลยครับ” เด็กตัวเล็กที่นั่งข้างกันหันมาบอกสารถีกิตติมศักดิ์เพราะอีกฝ่ายไม่รู้จักทางมาบ้านของเขา ดังนั้นตั้งแต่ลงจากเครื่องมาเมื่อช่วงเช้าแบมแบมก็ต้องเป็นคนบอกเส้นทางมาบ้านให้อามาร์คอยู่ตลอด
“สงบดีนะ...แต่บ้านแถวนี้ก็หลังใหญ่ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนี่” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตยีนปลดกระดุมเผยให้เห็นช่วงอกกำยำจัดการเลี้ยวรถตามที่เด็กน้อยบอก ดวงตาคมใต้แว่นกันแดดมองไปตามสองข้างทางที่เป็นบ้านเรือนใหญ่โตทว่าร่มรื่นและน่าอยู่แซมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ไม่เหมือนกับคฤหาสน์กลางเมืองหลวงของเขาเลยสักนิด
“ครับ ถึงจะหลังใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำเป็นทรงคฤหาสน์กันหรอกครับเพราะคนที่นี่เขานิยมปลูกบ้านไว้แค่พออยู่ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็จะเอาไว้ปลูกต้นไม้หรือพวกพืชผักสวนครัวหรือไม่ก็ทำเป็นซุ้มพักผ่อน บางบ้านก็มีฟาร์มสัตว์อยู่ในบ้านด้วยนะครับ...ตอนสิบขวบแบมก็เคยขอให้คุณพ่อเอาลูกวัวมาเลี้ยงเหมือนกันแต่คุณพ่อไม่ยอม” ท้ายประโยคแบมแบมพูดเสียงอ่อย นึกเสียดายทุกครั้งที่คุณพ่อไม่อนุญาตให้เขาเลี้ยงสัตว์เหมือนกับบ้านอื่นๆ แต่ตอนนี้แบมแบมก็เข้าใจแล้วล่ะว่าการเลี้ยงสัตว์ใหญ่แบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
“นายจะอยากเลี้ยงลูกวัวไปทำไมกัน” มาร์คหันมามองเด็กตัวเล็กที่มีความคิดแปลกๆแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาสนใจถนนตรงหน้า
“ก็ตอนนั้นเพื่อนข้างบ้านแบมเขามีลูกหมูมาเลี้ยงแล้วก็เอามาอวดทุกวัน แบมอิจฉาน่ะครับก็เลยอยากหาอะไรที่ใหญ่กว่ามาเลี้ยงบ้าง” แบมแบมเล่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ นึกขำตัวเองอยู่ไม่น้อย
“เด็กขี้อิจฉางั้นเหรอ?” แบมแบมเผลอยู่หน้าก่อนจะอ้อมแอ้มเถียงเสียงเบากลับไป
“ตอนนั้นแบมเด็กอยู่นี่ครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร”
“งั้นตอนนี้โตแล้วใช่ไหม โตพอจะทำอะไรได้บ้างล่ะ” มาร์คเลิกคิ้วถามเด็กตัวเล็กด้วยรอยยิ้มแต่คนมองกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ให้คำจำกัดความไม่ถูก เหมือนจะหยอกใช่เหมือนจะแกล้งสื่ออะไรก็ไม่เชิง
“แบม...” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆแก้มถึงเกิดอาการร้อนขึ้นมาได้ทั้งที่ลมเย็นๆยังพัดมากระทบผิวอยู่ไม่ขาดสาย เด็กตัวเล็กครางเสียงแผ่วก่อนจะตัดสินใจเบนใบหน้าออกไปฝั่งประตูเอาเสียดื้อๆเพื่อมองทิวทัศน์รอบๆแทนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคุณอาที่ชอบพูดจาเข้าใจยาก ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากอีกฝ่ายก็ยิ่งประหม่า
แบมแบมก็ยังเป็นแบบนี้ไม่หายสักทีทั้งที่เขาควรจะชินได้ตั้งนานแล้ว...
ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้นรถยนต์คันหรูก็มาจอดสนิทหน้ารั้วบ้านที่ดีไซน์จากไม้เนื้อดี มีความแข็งแรงทนทานและดูสง่ามีอำนาจอยู่ในตัว มองผ่านเข้าไปด้านในก็เห็นตัวบ้านขนาดสามชั้นที่สร้างด้วยไม้ขัดมันทั้งหลัง ดูจากภายนอกก็รู้ถึงรสนิยมของเจ้าของรวมถึงมูลค่าของมันที่ไม่ธรรมดาอย่างบ้านหลังอื่นในละแวกนี้
“ครับป้าเพ่ย แบมอยู่หน้าบ้านแล้วรบกวนออกมาเปิดกุญแจให้หน่อยนะครับ” น้ำเสียงสุภาพของเด็กชายกรอกลงไปตามสาย ยังไม่ทันที่ปลายสายจะตัดไปดีร่างของหญิงแม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมานั้นก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าหวาน...มาร์คลอบสังเกตปฏิกิริยาของเด็กตัวเล็กอย่างเงียบเชียบ
ครืดดด...
“เชิญเลยค่ะคุณชาย ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนูของป้า...”
มาร์คขยับมือเข้าเกียร์ก่อนจะเดินหน้ารถยนต์เข้าไปด้านในเขตบ้านอย่างไม่เร่งรีบ เมื่อจัดการจอดรถจนเสร็จเรียบร้อยก็เป็นมาร์คต้วนที่ยกเอากระเป๋าถือใบใหญ่ของเด็กชายที่วางไว้เบาะด้านหลังขึ้นมาถือรวมกันไว้กับกระเป๋าสัมภาระแบบล้อลากของเขาไว้ มาร์คเข้าใจดีว่าบ้านหลังนี้หลังจากที่พี่เจย์ตายคนงานก็คงจะพากันทยอยออกไป เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่คอยดูแลบ้านด้วยความผูกพันเท่านั้นจึงไม่ต้องถามหาการอำนวยความสะดวกที่ครบครันให้เสียเวลา
“ป๊าแบมช่วยครับ” หลังจากลงมาแล้วคนตัวเล็กก็ปรี่เดินเข้าไปหาคุณอาร่างสูงที่กำลังจะก้าวเข้าไปด้านในตัวบ้านอย่างไม่รีรอ ถึงแม้ว่าในกระเป๋าจะมีแค่เสื้อผ้าแต่แบมแบมก็เกรงใจไม่น้อยที่อามาร์คต้องมายกของให้เขา
“นายไปช่วยเปิดประตูบ้านให้ฉันก็แล้วกัน” มาร์คพยักพเยิดไปทางประตูไม้บานกว้างที่ปิดสนิท แบมแบมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินตรงไปถอดกลอนที่ถูกใส่ไว้หลวมๆเปิดออกแล้วเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน แววตากลมใสมองไปรอบๆบ้านของตัวเองด้วยความรู้สึกคิดถึงราวกับจากไปแรมปี
ฟึ่บ!
“ปวดหลังชะมัด” แบมแบมสะดุ้งเมื่อเสียงทิ้งสัมภาระดังขึ้นจากด้านหลัง หันไปมองก็เห็นว่าอามาร์ควางกระเป๋าทั้งหมดไว้ที่พรมจากนั้นก็ทิ้งตัวลงไปนั่งบนชุดโซฟารับแขกกำมะหยี่สีครีมเต็มแรงพลางปิดเปลือกตา มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบจับไหล่ของตัวเองเสียจนแบมแบมนึกสงสาร
ก็อามาร์คอายุไม่น้อยแล้วต้องนั่งบนเครื่องบินนานๆ พอลงเครื่องแล้วยังต้องมาขับรถต่ออีก...ไม่แปลกเท่าไหร่ที่อามาร์คจะปวดเมื่อย เพราะขนาดแบมแบมเป็นเด็กยังรู้สึกล้าอยู่ไม่น้อย
“ป๊าอยากดื่มน้ำก่อนไหมครับแบมจะไปหยิบมาให้”
“ไม่ล่ะ อยากพักสายตามากกว่า”
“งั้นป๊านั่งพักก่อนนะครับ เดี๋ยวแบมจะเอากระเป๋าป๊าไปเก็บไว้ในห้องคุณพ่อให้...ห้องไม่ใหญ่มากแต่แบมว่ามันสะดวกสบายกว่าห้องนอนแขกน่ะครับ...อ๊ะ!” คนตัวเล็กอาสาจะเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้หากแต่ยังไม่ทันจะได้ผละออกไปฝ่ามือใหญ่ของคนที่บ่นอุบว่าปวดเมื่อยนั้นกลับยื่นมากระตุกรั้งข้อแขนเล็กเอาไว้เสียจนแบมแบมเกือบเสียหลักล้มทับคนที่นั่งอยู่รอมร่อ
“ครับ?” แววตากลมโตฉายแววฉงน หลุบต่ำลงมองข้อมือที่ถูกกอบกุมก่อนจะเงยขึ้นมองสบสายตากับคุณอาตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
“คืนนี้มานวดให้ฉันด้วย” แบมแบมนิ่งค้างไปนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับด้วยการพยักหน้ารับช้าๆ เขาปฏิเสธไม่ลงหรอกแม้ว่าส่วนลึกของจิตใจมันอยากจะทำแบบนั้น เพราะว่าความทรงจำครั้งที่แล้วมันยังคงติดอยู่ในความรู้สึก วันที่เข้าไปนวดให้อามาร์คในห้องวันนั้นน่ะความประหม่ามันมากเสียจนแบมแบมแทบขาดอากาศหายใจ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“...” มาร์คยิ้มรับเมื่อได้คำตอบที่พอใจก่อนจะปล่อยมือเด็กชายแล้วปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อพักผ่อน ใบหน้าหล่อคมของอามาร์คยามหลับก็ยังดูดีราวกับภาพวาด แบมแบมยืนนิ่งมองอยู่พักหนึ่งก็ดึงสติตัวเองกลับมาได้เพราะเสียงเปิดประตูจากป้าเพ่ยหลีที่เดินตามเข้ามาหลังจากจัดการกับประตูรั้วเรียบร้อย
“ป้าเพ่ยหลี คิดถึงจังเลยครับ!”
ก็ได้แต่ภาวนาขอให้คืนนี้จะไม่เกิดอาการแปลกๆขึ้นกับเขาจนอามาร์คจับได้ก็แล้วกัน...เฮ้อ!
คราวหน้าจะพยายามไม่ลง 50% นะถ้าไม่จำเป็นจริงๆ รู้สึกแปลกๆ เหมือนมันสั้นไป
ส่วนตอนนี้ก็เบาๆไปก่อนโนะ เบาๆไปก่อน... หึหึ
อ่านเสร็จแล้วก็คอมเมนต์ติชมกันได้น้า ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจเลยยย
แล้วเจอกันค่ะ ♥
#FICSDMB
TWITTER : @SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นวดตลอดๆ
น้องแบมใสมากแต่ดูเร่าร้อนแบบแปลกๆ เป็นเด็กใสๆที่ไม่ซื่อ555 ยั่วยวนแบบธรรมชาติไรเงี่ย ทุกครั้งที่อยู่กับคุณอา นางจะเป็นของนางเอง
แม่ไม่ได้ว่าหนูนะลูก55555
เอะอะชวนนวดเรื่อยเลยนะ
ทำเป็นบ่นเมื่อยหาเรื่องให้แบมมานวดละซี่