ตอนที่ 21 : SUGAR DADDY : SPECIAL CHAPTER II
SUGAR DADDY
- SPECIAL PART 2 -
เข็มสั้นของนาฬิกาทรงเรียบหรูที่ประดับอยู่บนผนังห้องทำงานของบุคคลซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในบริษัทบอกเวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบนาที ใบหน้าหล่อคมที่พักหลังมานี้ตอบลงไปกว่าเดิมและฉายแววเหนื่อยล้าออกมาแบบปิดไม่มิดยังคงใช้สายตาไล่อ่านเอกสารสำคัญตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด อาจจะเป็นเพราะว่าการลงทุนที่เป็นไปได้ดีเกินกว่าความคาดหมายจึงทำให้ความรอบคอบในการตัดสินใจและตรวจสอบเรื่องต่างๆต้องมีมากกว่าเดิม
“...” ร่างสูงกำยำใต้เสื้อเชิ้ตสีเทาหม่นวางปากการาคาแพงลงบนปกแฟ้มหนาเมื่ออ่านทวนจนเข้าใจเนื้อหาสำคัญทั้งหมด เอนแผ่นหลังลงกับเก้าอี้นวมตัวใหญ่ ยกสองมือสอดประสานกันวางเอาไว้บนเปลือกตาคล้ายต้องการพักผ่อนสักชั่วครู่...ก่อนที่แฟ้มต่อไปจะถูกเปิดอ่าน
ตอนนี้สิ่งเดียวที่รบกวนจิตใจของมาร์คนั่นก็คือความคิดถึง...
เพราะตั้งแต่วันแรกที่ต้องย้ายมาคุมงานสาขาใหม่ที่แอลเอจวบจนวันนี้ก็เป็นระยะเวลาสองเดือนกว่าๆจากระยะเวลาสามเดือนแล้วนั้น เขายังไม่เคยได้สัมผัสร่างกายและใบหน้าหวานๆของหลานชายคนดีเลยสักครั้ง ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่มองผ่านหน้าคอมพิวเตอร์และมือถือ...เพราะปีนี้แบมแบมเองก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแถมยังมีตารางเรียนที่วุ่นวาย ส่วนตัวเขาเองแม้ปีนี้จะอายุสามสิบแปดปีแล้วแต่ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเองด้วยซ้ำเพราะอยากให้งานออกมาสมบูรณ์ เมื่อกลับไปยังที่เดิมแล้วนั้นจะได้ไม่เกิดปัญหา
“เจ้าหน้าที่เฟรดดี้...ผมจะกลับแล้ว เตรียมส่งคนขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยได้”
“...” มาร์คต่อสายไปยังบุคคลผู้เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย คืนนี้เขาคงฝืนร่างกายมากเกินไปหน่อย เพราะอาการปวดท้ายทอยตุบๆนั้นเริ่มกลับมากวนใจอีกครา เขาคงต้องหอบเอาเอกสารสำคัญพวกนี้กลับไปทำต่อที่คอนโดเสียแล้ว
โดยปกตินั้นมาร์คจะรอจนกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะแจ้งว่าได้ขึ้นมาตรวจตราบริเวณชั้นเสร็จแล้วจึงจะออกจากบริษัท ซึ่งเวลาในการดำเนินการนั้นก็จะอยู่ที่เวลาราวๆสิบนาที ถ้าหากว่ามีเหตุผิดปกติเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เขาทราบในทันที แต่ครั้งนี้กลับนานผิดปกติ มาร์คเผลอปิดเปลือกตาจนหลับไปได้เกือบยี่สิบนาทีแล้วก็ยังไม่ได้รับเสียงตอบรับจากเจ้าหน้าที่เสียที
มัวทำอะไรกันอยู่น่ะ
“...” มาร์คลองต่อสายไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกครั้งแต่กลับเป็นสายว่างที่ไม่มีการตอบรับ และแน่นอนว่ามันทำให้เขาหงุดหงิด ในใจนึกหาวิธีลงโทษถ้าหากว่าครั้งนี้เป็นเพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่พวกนั้นที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาทำงานและพักผ่อน
Rrrr…~
“ว่าไงเด็กดี” มาร์คกดรับสายที่โทรเข้าด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ แม้ว่าจะเหนื่อยและกำลังอารมณ์เสียแต่เมื่อได้เห็นว่าเด็กน้อยของตนโทรมานั้นก็สามารถข่มอารมณ์เหล่านั้นไว้ได้อย่างดีเยี่ยมทุกครั้งไป
“หืม...” มาร์คเอนหลังลงกับเบาะอีกครั้ง ใบหน้าเหนื่อยล้ายกยิ้มออกมาพลางปิดเปลือกตาเมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆจากปากหลานชายอย่างเช่นหลายๆวันที่ผ่านมา แบมแบมมักจะวิดีโอคอลหรือโทรมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังสลับกันกับขอฟังเรื่องของเขาบ้าง แต่มาร์คก็มักจะปฏิเสธไปอยู่บ่อยๆเพราะเรื่องของเขาก็มีแค่การทำงานและงานที่น่าเบื่อเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบแปด
“หึ ฉันก็อยากให้นายมาอยู่ข้างๆใจจะขาดเด็กน้อย” มาร์คตอบกลับเมื่ออีกฝ่ายออดอ้อนว่าอยากให้เขากลับบ้านเร็วๆเสียที
“ฉันจะซื้อกระเป๋าแบบที่เด็กยองแจมีกลับไปให้นายใช้บ้าง ดีไหม...” เสียงทุ้มเสนอในสิ่งน่าสนใจออกไป แบมแบมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบมาว่าถ้าอามาร์คอยากให้จริงๆก็อยากไปเลือกด้วยตัวเองมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับไปเมื่อไหร่จะพานายมาซื้อกระเป๋าที่นี่อีกรอบ แบบนี้โอเคหรือยัง” ทุกวันที่นี่ของมาร์คผ่านไปอย่างเชื่องช้า มีแต่ความตึงเครียดไร้ซึ่งเสียงหัวเราะและความผ่อนคลายจิตใจ ชวนให้หวนนึกถึงตอนที่เขาเริ่มก้าวเข้ามาในโลกของธุรกิจแรกๆ ทุกอย่างต้องเต็มที่ หากแต่ตอนนั้นเขาคือเด็กหนุ่มไฟแรงในวัยยี่สิบ ไม่ใช่ชายวัยกลางคนอายุใกล้สี่สิบเช่นนี้
“โอเค...” มาร์คครางรับเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าขออนุญาตพักสายสักครู่เพราะว่ากำลังจะไปหาของสำคัญบางอย่าง มาร์ควางโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะทำงาน เตรียมเก็บแฟ้มและเอกสารที่จะเอากลับบ้านใส่กระเป๋า เขาเหนื่อยเต็มที เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาจัดการกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ดูเหมือนจะมีปัญหาในวันนี้ก็แล้วกัน
ก๊อก ก๊อก!
โดยปกติแล้วถ้าหากใครจะมาเข้าพบ มาร์คจะได้รับการแจ้งผ่านเลขาหน้าห้องเท่านั้น แต่เพราะว่านี่เลยเวลาเลิกงานของเธอมานานโขแล้วจึงทำให้เสียงเคาะประตูด้านหน้าดึงความสนใจจากมาร์คได้พอสมควร เพราะตามปกติแล้วเวลานี้ไม่มีใครขึ้นมาบนชั้นนี้ได้นอกเสียจากหน่วยตรวจความปลอดภัยซึ่งไม่มีทางมาเคาะประตูห้องเขาแน่ๆ วันนี้มีอะไรหลายๆอย่างที่ดูไม่ชอบมาพากล...ถ้าหากว่าเปิดออกไปแล้วเป็นคนร้ายก็คงจะต้องมีการเจ็บตัวกันเกิดขึ้น และมันจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอน
“...” สองขายาวใต้กางเกงสแล็คเนื้อดีก้าวเข้าไปใกล้กับประตูห้องทำงานพร้อมกับอาวุธปืนที่เหน็บไว้ด้านหลัง คุณพ่อของพี่เจย์สอนเขามาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นว่าการระวังตัวทุกย่างก้าวนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปจับลูกบิดทรงสวยก่อนจะเปิดประตูออกพร้อมสายาที่มองตรงไปยังบุคคลด้านหลังบานประตู
“แบมแบม!”
“...”
“เจอสักทีนะครับ ของสำคัญที่แบมทำหายไปเกือบสามเดือน”
.
.
บรรยากาศห้องทำงานยามตีหนึ่งยังคงเงียบสงัด มีเพียงร่างสองร่างของคนสองคนเท่านั้นที่ซ้อนทับกันอยู่บนเก้าอี้นวมทำงานตัวใหญ่ แบมแบมเป็นฝ่ายที่นั่งซ้อนอยู่ด้านบนหันหน้าเข้าหาบุคคลที่เป็นประธานบริษัทด้วยใบหน้าเจือสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยหยาดน้ำใสแถมยังเจ่อแดงบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี
อาการปวดท้ายทอยเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งด้วยซ้ำเมื่อได้เห็นหน้าคนที่แสนคิดถึง
“มาได้ยังไง...ยังไม่ตอบฉันเลยนะแบมแบม” มาร์คยกมือขึ้นเกลี่ยใบหน้าที่แสนคิดถึงแผ่วเบา ดวงตาคู่คมไม่ปิดบังความคิดถึงและโหยหาที่มีต่อเด็กชายตัวเล็ก แบมแบมโตขึ้นมากทั้งนิสัยและร่างกาย แต่อย่างเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปก็คือแววตาที่มองเขาด้วยความซื่อสัตย์เหมือนลูกกวางตัวน้อยแบบนี้
“แบมให้พี่แจบอมช่วยจองทั้งตั๋วเครื่องบินและจองที่พักล่วงหน้าเอาไว้ให้เผื่อว่ามาถึงไม่เจอป๊าที่บริษัท...แบมเอาเงินในบัตรที่ป๊าให้แบมไว้จ่ายไปก่อน...”
“...แต่แบมยังไม่ทันเข้าไปพักในโรงแรมเลยครับ พอเครื่องลงจอดแบมก็ตรงมานี่ก่อนเลย” มาร์คฟังจบก็แกล้งหยิกเนื้อแขนเนียนๆนั่นเสียหนึ่งทีจนแบมแบมร้องโอดโอย
“อันตราย...ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ครั้งนี้อนุโลมให้” มาร์คดุเพียงน้ำเสียงหากแต่แววตานั้นกลับพราวระยับ ฝ่ามือซนลูบไล้อีกฝ่ายไม่หยุดตั้งแต่แบมแบมนั่งลงบนตัก จมูกโด่งไล่คลอเคลียกลิ่นหอมด้วยความคิดถึง ส่วนฝ่ามือก็บีบเค้นสะโพกมนน้อยๆของหลานชายเล่นอย่างถนัดถนี่
“ก็แบมคิดถึงป๊านี่ครับ...” แต่น้ำเสียงเบาๆที่ตอบกลับมาพร้อมกับศีรษะกลมที่เอนซบลงบนตำแหน่งหน้าอกนั้นก็ทำให้ใบหน้าที่เหนื่อยมาทั้งวันยกยิ้มเต็มแก้ม เลื่อนฝ่ามือหนาขึ้นมาลูบผมเด็กชายช่างอ้อนบนตักที่กล้าเดินทางมาต่างประเทศด้วยตัวคนเดียวเพราะอยากพบเขาอย่างแผ่วเบา ไม่ใช่แค่แบมแบมหรอกที่คิดถึงเขา...เขาเองก็ไม่ต่างกัน หากแต่จะให้พูดออกมาตรงๆก็คงไม่ใช่มาร์คต้วนเป็นแน่
“อยากรู้จริงๆว่าความคิดถึงของนายมีมากแค่ไหนกัน” มาร์คกระซิบข้างใบหูเล็กแผ่วเบา สูดเอากลิ่นหอมๆที่แสนคิดถึงเข้าปอดเฮือกใหญ่ คล้ายกับว่าความเหนื่อยและความเครียดที่มีมาตลอดระยะเวลาหลายวันจางหายไปโดยง่ายเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าแสนรักนี้ใกล้ๆ
“แบมรู้นะครับว่าป๊าหมายความว่าอะไร” เด็กน้อยผละใบหน้าออกมาเบะปากใส่อีกคนน้อยๆ
“สองเดือนกับอีกยี่สิบวัน...ฉันไม่ได้แตะต้องนายแม้แต่ปลายเล็บ”
“สองเดือนกับอีกยี่สิบวัน แบมนอนคนเดียวทุกคืนเหมือนกันครับ” เสียงเล็กแผ่วลงและขาดห้วงเล็กน้อย ใบหน้าหวานก้มต่ำ เม้มปากเข้าหาตัวเองหน่อยๆคล้ายกำลังเรียกความมั่นใจ มาร์คหัวเราะน้อยๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วบังคับเชยปลายคางของอีกฝ่ายขึ้น
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าหรอกนะ”
CUT
(สั้นๆ)
twitter : @since9397
.
.
หลังจากที่เหตุการณ์แลกเปลี่ยนความรู้สึกกันในห้องทำงานได้ผ่านไปแบมแบมก็ถูกพามาที่คอนโดชั่วคราวของอามาร์คเพื่อพักผ่อน แต่กว่าจะได้พักผ่อนจริงๆก็ลากยาวไปเกือบตีสาม....และในเช้านี้สิ่งแรกที่มองเห็นหลังจากที่เด็กน้อยลืมตาตื่นก็คือกรอบรูปเล็กๆข้างเตียงที่เป็นใบหน้าของเขาและอามาร์ค รูปนี้เราถ่ายด้วยกันเมื่อปีที่แล้วตอนไปเที่ยวรวมกลุ่มกับพวกอาจารย์แจ็คสันและน้าลี่จิน
สิ่งเล็กๆน้อยที่แสดงถึงความคิดถึงกันของอีกฝ่ายทำให้แบมแบมยกยิ้มกว้างแม้ว่าเปลือกตาจะยังเปิดได้ไม่เต็มที่นัก
“ป๊าครับ...” พลิกตัวกลับไปด้านหลังก็พบเจ้าของร่างกายกำยำที่นอนเปลือยแผ่นอกอยู่ใต้ผ้าห่มนวมสีขาวสะอาดผืนเดียวกัน แบมแบมหิวแล้วและคงต้องขออนุญาตปลุกอีกฝ่ายเพื่อถามถึงอาหาร เพราะเมื่อคืนนี้ก่อนนอนอีกฝ่ายบอกเขาเองว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่าและเบียร์
“อือ” ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นว่าคนที่มักจะประสาทสัมผัสตื่นตัวไวอย่างอามาร์คนั้นจะครางรับเสียงงัวเงีย ใบหน้าหล่อราวกับรูปสลักที่แม้จะมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าตามวัยนั้นก็ยังคงดูดีมากๆไม่ต่างจากรูปสมัยวัยรุ่นที่แบมแบมเคยเห็น คนตัวเล็กขยับกายเข้าแนบชิดอีกฝ่าย คิดถึงไออุ่นของคนตรงหน้ามากกว่าสิ่งใด
“ตื่นเถอะครับแบมหิวแล้ว” พูดอย่างเดียวกลัวไม่เชื่อฝ่ามือเล็กจึงถือวิสาสะจับเอาฝ่ามือใหญ่มาลูบวนที่หน้าท้องแบนราบเปล่าเปลือยใต้ผ้าห่มของตัวเองไปมา ใบหน้าหวานยกยิ้มน้อยๆเมื่ออีกคนเผยรอยยิ้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา
ตั้งแต่มาถึงที่นี่อามาร์คคงเหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ๆ นี่ล่ะเรื่องสำคัญที่แบมแบมเป็นห่วง
“ปวดไหล่ชะมัด...” และประโยคแรกหลังจากที่อีกฝ่ายยอมตื่นขึ้นมาไม่ใช่คำหวานอย่างอรุณสวัสดิ์หรือมอร์นิ่งคิส หากแต่เป็นการบ่นปวดเมื่อยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แขนข้างหนึ่งเอื้อมไปทุบหนักๆบนสะบักหลังของตัวเองพลางดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงจนได้ยินเสียงหัวเราะจากแบมแบม
“ก็บอกแล้วนี่ครับว่าไม่ต้องอุ้มแบมเอาไว้นานๆแบบนั้นก็ได้” เด็กน้อยอ้อมแอ้มเสียงเบาก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งบ้าง ฝ่ามือเล็กวางลงบนไหล่หนาอย่างรู้งาน ตอนที่ทำน่ะมีพลังเหลือเฟือ แต่พอหลังจากนั้นก็มาโอดโอยให้แบมแบมใจอ่อนอยู่แทบทุกครั้งไป
“แล้วใครใช้ให้เซ็กซี่ขนาดนั้น” แบมแบมหัวเราะเสียงเบา ไม่โต้เถียง ทำเพียงแค่ไล่บีบนวดไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าด้วยแรงที่พอดี
“พอแล้ว ไปอาบน้ำเถอะ...วันนี้จะพาไปเที่ยว”
“ซื้อกระเป๋าเหรอครับ” เด็กน้อยถามเสียงใส ยังจำได้อยู่ในเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเปรยไว้เมื่อคืนก่อนจะเจอกัน
“หึ เอางั้นก็ได้...ไหนๆก็มาแล้ว ฉันอู้งานสักวันบ้างคงไม่เป็นไร”
.
.
ช็อปแบรนด์เนมชื่อดังย่านการค้าเป็นสถานที่ที่มาร์คพาเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีมาเปิดหูเปิดตา ทั้งที่บอกเอาไว้ว่าจะซื้อให้เพียงกระเป๋าแบบที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นแต่พอเอาเข้าจริงแล้วบัตรเครดิตแถบสีดำของมาร์คก็ถูกรูดจนนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ใช่เพราะคำขอของเด็กน้อยหากแต่เป็นเพราะคนแก่ที่มีรสนิยมต่างหากที่เห็นอะไรก็พาลอยากซื้อให้คนที่เป็นเหมือนดวงใจไปเสียทุกอย่าง
“อันนี้ไม่ต้องหรอกครับป๊า...กลับไปที่นั่นไม่หนาวสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องซื้อโค้ทหนาขนาดนี้หรอกครับ” แม้ว่าดีไซน์มันจะสวยแต่ว่าความจำเป็นในการใช้งานนั้นแทบเป็นศูนย์
“ตามใจ”
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ” สองอาหลานยังถกเถียงกันได้ไม่ทันจบดีร่างเล็กๆของหลานชายก็ถูกกระแทกเข้าจากด้านหลังโดยร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบพนักงานของช็อปเข้าให้เสียก่อน มาร์คคว้าข้อแขนเล็กเข้าหาตัวเองพลางส่งสายตาตำหนิไปยังคนที่ไม่ระมัดระวังจนทำให้แบมแบมเจ็บตัว
“ไม่เป็นไรครับ” แบมแบมหันไปมองด้านหลังนิดหน่อยเพื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายเจ็บตรงไหนหรือไม่ หากแต่เมื่อดวงตากลมปะทะเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มต้นเรื่องนั้นดวงตากลมก็เบิกกว้าง ริมฝีปากอิ่มขยับอ้าออกโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆเล็ดลอด
“บ...แบม แบมใช่ไหม!”
พนักงานหนุ่มชาวเอเชียที่ดูแก่กว่าแบมแบมสองสามปีเผลอทำเสียงดังจนพนักงานตรงแคชเชียร์ชะเง้อมอง แบมแบมยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับจนผมปลิว เด็กน้อยบิดแขนตัวเองออกจากฝ่ามือใหญ่ของคนที่ตอนนี้กลายเป็นว่ายืนอยู่ด้านหลังแบมแบมแทนเพราะเจ้าตัวหันกลับไปมองคนตรงหน้าที่แสดงท่าทีว่าเคยรู้จักมาก่อนอย่างเต็มตัว ฝ่ามือขาวยื่นออกไปเชคแฮนด์ทักทายกับเด็กหนุ่มตรงหน้าโดยไม่รอช้า
“โลกกลมจังเลยอะ...นายทำงานอยู่ที่นี่เหรอ” แบมแบมเป็นฝ่ายเปิดปากยิงคำถามออกไปก่อน
“ใช่ เพิ่งย้ายมาจากญี่ปุ่นได้ไม่นาน...แบมมาเที่ยวเหรอหรือว่ามีบ้านอยู่ที่นี่”
“คือ เรามาเยี่ยมป๊า...อ่า” ดูเหมือนว่าเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานจะไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันจนหลงลืมไปว่ามีใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง มาร์คพ่นลมหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะทำทีเป็นหันหลังไปดูสินค้าบนชั้นโชว์แต่เสียงใสๆที่เรียกชื่อเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ป๊าครับ...นี่อาร์ตี้ เพื่อนแบมสมัยเด็กๆ คนที่แบมเคยเล่าว่าบ้านเราอยู่ติดกันแล้วเขาเลี้ยงลูกหมูน่ะครับ ส่วนตี้...นี่คุณอามาร์ค เราย้ายมาอยู่กับท่านตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสียเมื่อหลายปีก่อน”
“สวัสดีครับคุณอา...เสียใจด้วยนะแบม ฉันอยากกลับไปทำความเคารพท่านจริงๆแต่ว่าตอนนั้นฉันก็ยังเด็กส่วนแม่ฉันก็ทำงานหนักจนไปไหนไม่ได้เลย แถมกำลังมีปัญหาเรื่องหย่ากับคุณพ่ออีก”
“ไม่เป็นไรหรอก...เสียใจด้วยเช่นกันนะเรื่องที่คุณน้าต้องหย่าน่ะ” แบมแบมยิ้มให้เพื่อนด้วยความจริงใจ บรรยากาศเงียบลงไปชั่วครู่ มีเพียงสายตาสองคู่ที่ฉายชัดว่าดีใจที่ได้เจอกันเท่านั้นที่มาร์คมองเห็น
“...”
“นายมีวันว่างไหม เผื่อว่าก่อนที่ฉันจะกลับไปเรียนเราจะได้นัดเจอกัน” แบมแบมล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมบันทึกช่องทางสื่อสารกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กที่ห่างหายกันไปเพราะว่าการโยกย้ายที่อยู่ เด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่าสองปียิ้มกว้างก่อนจะบอกช่องทางการติดต่อของตัวเองไปด้วยความยินดี
“แอดมาเลยนะ เดี๋ยวเลิกงานค่อยคุยกัน...ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อนเดี๋ยวยัยแหม่มตรงโซนคิดเงินจะหาเรื่องไปฟ้องผู้จัดการให้ฉันโดนหักเงินเดือนอีก ไว้เจอกัน...ขอให้มีความสุขในการเลือกซื้อของนะครับคุณอา แบมแบม”
“...” แบมแบมโบกมือไล่หลังเพื่อนที่เดินกลับเข้าไปจัดการงานที่ค้างเอาไว้ด้านหลังร้านจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมามองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังตน อามาร์คมองมายังแบมแบมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“สรุปไม่ซื้อร้านนี้ใช่ไหม...”
“งั้นไปร้านอื่นกันเถอะ”
และนั่นก็เป็นประโยคยาวที่สุดหลังจากเหตุการณ์จบลง แบมแบมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไป อามาร์คพาเขาเดินดูทุกๆร้านที่น่าสนใจก็จริงแต่แบมแบมกลับไม่รู้สึกสนุกเหมือนตอนแรกเลยสักนิด อาจเป็นเพราะใบหน้านิ่งๆของคนอายุมากกว่าที่ไม่แสดงท่าทีใดๆแบบนั้น ถามอะไรก็ตอบเหมือนขอไปทีจนแบมแบมเองรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นกำลังหดเล็กลงไปเรื่อยๆเพราะทำตัวไม่ถูก
แม้จะอยู่ด้วยกันมานานแต่ก็ไม่ใช่ว่าแบมแบมจะไม่กลัวเวลาอามาร์คนิ่งและใช้สายตาดุๆกับตัวเอง
.
.
จนกระทั่งกลับมายังห้องพักในช่วงหัวค่ำแล้วอามาร์คก็ทำเพียงแค่วางถุงกระดาษที่ด้านในเป็นของที่อีกฝ่ายอยากซื้อให้ทิ้งไว้บนโต๊ะรับแขกภายในตัวห้องแล้วจากนั้นก็แยกตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนที่จัดเป็นโต๊ะทำงานเท่านั้น แผ่นหลังกว้างใต้เสื้อกล้ามสีเข้มที่กำลังก้มอ่านเอกสารเงียบๆแบบนั้นทำให้แบมแบมเริ่มใจเสีย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่พยายามชวนอีกฝ่ายคุยแต่เป็นเพราะว่าความพยายามเหล่านั้นมันไม่ได้รับความร่วมมือจากอามาร์คเลยสักนิด
“ป๊าครับ” แบมแบมข่มก้อนสะอื้นในอกเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธอะไร...แต่ก็ยังทำใจกล้าเดินเข้าไปเรียกอีกฝ่ายจากด้านหลัง หลังจากที่เข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆเรียบร้อย
“ว่ายังไง...” อีกฝ่ายครางรับแต่ไม่หันมามอง
“แบมอยากกอดป๊าครับ” แบมแบมละทิ้งความอาย เดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านหลังคนที่ยังคงเมินใส่กัน
“เก็บของที่ซื้อมาหมดแล้วหรือไง”
อามาร์คทำเป็นไม่สนใจที่แบมแบมพูดด้วยซ้ำ...
“พรุ่งนี้นายกลับไปได้แล้วล่ะ ฉันจะจัดการเรื่องเที่ยวบินให้” แบมแบมใจกระตุก เม้มปากแน่นน้ำตาร้อนๆเริ่มเอ่อคลอที่ดวงตากลม
“ท...ทำไมล่ะครับ แบมหยุดยาวสองสัปดาห์...นี่เพิ่งจะวันที่สองเองนะครับ”
“อย่าเถียง ฉันไม่ชอบ” แบมแบมทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อถูกดุด้วยน้ำเสียงห้วนๆและถ้อยคำที่กล่าวหาว่าเขาทำนิสัยไม่ดีออกไปอย่างการเถียงทั้งที่จริงเขาก็แค่อยากรู้เหตุผลของอีกฝ่ายเท่านั้น
“ป๊า...แบมผิดอะไรบอกแบมสิครับ” ร่างเล็กๆก้าวไปหยุดอยู่ฝั่งซ้ายมือของคนแก่กว่า ฝ่ามือเล็กถือวิสาสะวางลงบนฝ่ามือที่ยังจับปากกาเขียนข้อความลงในเอกสารคล้ายกับไม่สนใจ จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน แววตาของอามาร์ควูบไหวนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นนิ่งจนอ่านไม่ออก
“ไปเที่ยวกับคนแก่แบบฉันยังไงมันก็ไม่สนุกเท่ากับไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆหรอก อยู่ที่นี่ก็น่าเบื่อ...กลับไปอยู่ที่บ้านคงจะดีกว่า” มาร์คพูดเสียงนิ่ง มองหน้าเด็กชายที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ตรงหน้า พยายามมองผ่านน้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลลงมาอาบแก้มเนียนที่ขึ้นสีระเรื่อ
“แต่แบม...อยากอยู่กับป๊า” เด็กน้อยพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นแต่นั่นกลับทำให้คนมองถึงกับใจอ่อนลงไปกว่าครึ่ง
“ให้แบมอยู่ด้วยนะครับ...” เด็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอ่อนลงก็อ้อนวอนด้วยทั้งน้ำเสียงและแววตา สองขาเล็กทรุดลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าคนอายุมากกว่า ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ร่างบนเก้าอี้แล้วสวมกอดเข้าไปที่เอวสอบแนบใบหน้าตัวเองกับหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนที่เป็นเหมือนเจ้าของชีวิต
“แบมแบม อย่าทำแบบนี้” มาร์คขมวดคิ้ว นึกไม่ชอบใจขึ้นมาที่ตัวเองพูดจาทำร้ายน้ำใจคนที่ลงแรงบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตัวคนเดียวเพื่อมาหาเขากลางดึกแบบนี้ ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะสงบอารมณ์คุกกรุ่นนั้นด้วยตัวเองโดยไม่กล่าวโทษอีกฝ่ายแท้ๆ แต่เขาก็เผลอทำตัวไร้เหตุผลไปจนได้
“เช็ดน้ำตาซะ ฉันขอโทษ” ฝ่ามือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนที่ใบหน้าหล่อคมของคุณอาวัยสามสิบแปดจะโน้มลงกดจูบเข้าที่ข้างแก้มของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“...” แบมแบมเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ดูอ่อนลงไปกว่าเดิมด้วยแววตาไม่ต่างจากที่ผ่านมา ลูกกวางน้อยกำลังกลับมาหัวใจพองโตอีกครั้งเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคนที่เป็นความรักหนึ่งเดียวของตัวเอง
“ฉันแค่หึงนาย หวงนายกับเด็กนั่น” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาขณะที่ใช้ปลายนิ้วเชยคางให้อีกฝ่ายมองลึกเข้ามาในดวงตา แบมแบมแก้มเห่อร้อนเมื่ออีกฝ่ายเปิดเผยแววตาที่ซ่อนอยู่ใต้ความเมินเฉย
“เขาเป็นแค่เพื่อนแบมครับ ไม่เคยเป็นมากกว่านั้นและจะไม่มีทางเป็นมากกว่านั้นแน่นอน”
ฝ่ามือเล็กเอื้อมขึ้นจับสันกรามที่นูนชัดของอีกคน ปลายนิ้วชี้น้อยๆไล้ไปตามใบหูของคนอายุมากกว่าอย่างเอาใจ อามาร์คเป็นแบบนี้ไม่บ่อย และครั้งนี้แบมแบมก็คงจะมีส่วนผิดที่ทำให้อีกฝ่ายคิดไปไกล...เพราะตลอดช่วงเย็นที่ร้านอาหารแบมแบมก็เอาแต่ตอบกลับการสนทนากับเพื่อนสนิทที่พบกันด้วยความบังเอิญอยู่บ่อยครั้ง
“ทำให้ฉันเชื่อหน่อยสิเด็กดี” มาร์คขยับใบหน้าเข้าใกล้กว่าเดิมกดจูบเข้าที่ริมฝีปากเล็กๆนั่นสองสามครั้ง ผละออกมาก่อนจะกดจูบเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานกว่าเดิมทั้งผลัดกันต้อนและรับจนเกิดเสียงจาบจ้วง ท่อนแขนเรียวยกขึ้นมาคล้องคอคนที่นั่งอยู่สูงกว่าตัวเองด้วยความเคยชิน
“แบมรู้ว่าป๊าเชื่อแบมครับ” เด็กดีผละออกมาก่อนจะยกยิ้มบางๆ ก่อนเสียงหัวเราะทุ้มๆจะดังขึ้น
“เก่งนี่”
“แต่เพราะวันนี้แบมเป็นเด็กไม่ดี เมื่อตอนเย็นแบมสนใจมือถือมากเกินไป...แบมจะไถ่โทษครับ” มาร์คยิ้มกว้างมองเด็กตัวน้อยที่ดูจะมีลูกเล่นแพรวพราวมามัดใจเขามากขึ้นทุกวันอย่างหยั่งเชิง มาร์คก็อยากรู้เหมือนกันว่าการไถ่โทษของลูกกวางตัวน้อยนั้นคืออะไร...
“...”
“แน่ใจเหรอ หื้ม?” รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหลานชายตัวน้อยเล่นซุกซนด้วยการใช้ริมฝีปากกดจูบผ่านเนื้อผ้าบางที่ตนสวมใส่ตั้งแต่หน้าท้องแกร่งลงมาจนถึงขอบกางเกงนอน แม้แบมแบมจะทำเหมือนกับว่าตัวเองใจกล้าพอแต่ฝ่ามือสั่นๆที่เกาะอยู่บนที่วางแขนเก้าอี้นั้นก็เป็นตัวบ่งบอกความประหม่าที่อีกฝ่ายมีเป็นอย่างดี
“แบม...” เด็กน้อยเม้มปากนิดหน่อยคล้ายกับกำลังชั่งใจแต่ยังไม่ยอมเงยหน้า แต่ก่อนที่จะได้ตัดสินใจอะไรร่างของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆดันตัวยืนขึ้นพลางดึงให้แบมแบมลุกขึ้นจากพื้นพร้อมๆกัน
“พอแล้ว...ค่อยๆให้มันเป็นไป เท่าที่ฉันใจร้อนเก็บดอกไม้ดอกนี้มาก่อนฤดูกาลที่ควรก็ถือว่ามากพอแล้ว” มาร์คพูดทุกประโยคอย่างใจเย็น จ้องลึกในแววตาคู่สวยของเด็กหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้แบมแบมจะเบนหน้าไปทางอื่นแต่ก็ไม่สามารถซ่อนสีจางๆบนแก้มใสนั่นได้
แบมแบมยังเปรียบเสมือนดอกไม้สีขาวที่คอยล่อแมลงตัวเล็กตัวน้อยให้เข้าหาอยู่ตลอดไม่ต่างจากเดิม
มาร์คก็แค่ไม่อยากทำให้ดอกไม้น้อยๆต้องบอบช้ำไปเสียก่อน...
“ก่อนหน้านี้บอกว่าอยากกอดฉันไม่ใช่เหรอ”
“...ครับ” แบมแบมครางรับเสียงแผ่ว นึกอายในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งกระทำลงไป...เขาก็แค่อยากเอาใจให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่คิดจะทำเป็นการแสดงออกที่ยั่วเย้าแต่อย่างใด
“งั้นเราไปนอนกอดกันบนเตียงดีไหม ฉันเบื่อจับแฟ้มงานแข็งๆนี่เต็มที” น้ำเสียงเชิงหยอกเย้าทำให้แบมแบมหลุดยิ้มออกมา แต่กระนั้นเด็กดีก็เดินตามแรงจูงไปถึงเตียงกว้าง...อามาร์คทิ้งตัวลงไปนอนก่อนจะรั้งให้แบมแบมทับลงมาบนอกกว้าง ตระกรองกอดร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างที่พูดไม่มีผิดเพี้ยน
“วันนี้เสียบรรยากาศ...เอาไว้วันหลังฉันจะพานายไปเที่ยวที่อื่นก็แล้วกัน” มาร์คพูดเสียงเรียบแต่นั่นก็หมายถึงความใส่ใจของอีกฝ่าย แบมแบมยิ้มกว้างก่อนจะจับฝ่ามือใหญ่ของอีกคนขึ้นมากดจูบเบาๆ
“วันนี้แบมคิดว่าป๊าโกรธที่แบมใช้เงินเยอะเสียอีกครับ” จากนั้นเด็กน้อยจึงค่อยเปิดปากพูดเสียงค่อย
“นายจะผลาญจนฉันหมดตัวก็ได้ ถ้าคิดว่าชาตินี้ฉันจะหมดตัวง่ายๆ” คำพูดเกินจริงทำให้แบมแบมหัวเราะออกมา มาร์คเองก็ยิ้มตามพลางปิดเปลือกตาสูดดมกลิ่นหอมๆของเด็กชายตัวเล็กเข้าเต็มปอด
“ป๊าครับ...” เมื่อเงียบไปได้อึดใจเสียงเล็กก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานขยับปรับเปลี่ยนเป็นการเอียงซบลงไปบนอกกว้างแทนการนอนหงาย ปล่อยให้อีกคนลูบผมตัวเองไปเรื่อยๆ...แบมแบมชอบเหลือเกินเวลาที่อีกคนทำแบบนี้กับเขา นอนฟังเรื่องไร้สาระที่เขาเล่าพร้อมกับลูบผมไปเรื่อยๆ ครางรับบ้างเงียบบ้างตามประสาอามาร์คเหมือนเช่นทุกคืนที่เรานอนด้วยกัน
“แบมรักป๊านะครับ”
“...”
“ยิ่งกว่าชีวิตของฉัน...แบมแบม”
ครบ 100% แล้วสำหรับสเป Sugar Daddy
หลายคนดูจริงจังกับการอัดรวมสเปเป็นเล่ม เดี๋ยวนะ ขอเวลาหายใจก่อน 5555555555555
แล้วก็ใครที่ยังไม่มีฟิคเป็นเล่มแล้วอยากได้ตอนนี้สั่งจองได้เลย ไม่ต้องไปหาซื้อต่อใครทั้งสิ้น เล่มใหม่แกะซีลกันไปเร้ย
อ่านจบก็ติดแท็กโลด #ficsdmb
twitter : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณคุณไรท์เตอร์พันครั้งเลยค่าาา ที่เอาสเปมาลงให้อ่านนนนน :)
"แบมรักป๊า" "ยิ่งกว่าชีวิตของชั้น แบมแบม"