ตอนที่ 19 : SUGAR DADDY : CHAPTER 18 [END]
SUGAR DADDY
- CHAPTER 18 -
สายลมเย็นพัดปะทะกับแก้มใสและกลุ่มผมนิ่มจนพลิ้วไหวไปตามแรง ใบหน้าหวานของเด็กชายที่เติบโตเรียนรู้โลกกว้างได้มากขึ้นอีกหนึ่งปียกยิ้มเต็มแก้มเมื่อมองไปยังภาพที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังวิ่งไล่ผู้ชายร่างโปร่งผู้มีคดีขโมยบาร์บีคิวติดตัวก่อให้เกิดทั้งความโกลาหลและเสียงหัวเราะเฮฮาจากบุคคลที่เหลือ เจ้าของเสียงหัวเราะดังลั่นที่นั่งยองถือที่คีบเอาไว้ในมือดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหวจนต้องเข้าไปร่วมวงอีกคนจนเหตุการณ์ชุลมุนหนักกว่าเก่า
“มีความสุขไหม” น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างใบหูเรียกให้เด็กชายตัวน้อยเบนหน้าไปมอง พยักหน้ารับเร็วๆสองสามครั้งเพื่อตอบรับคำถามนั้นด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหายไปจากใบหน้า
“เป็นวันเกิดที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้ครับ ถึงเป็นปีที่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วย...แต่แบมก็ดีใจที่ยังมีทุกคนที่นี่” แบมแบมตอบด้วยความสัตย์จริง เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเจอกับอามาร์คและไม่เคยคิดเสียใจเลยสักครั้งที่เรื่องทุกอย่างดำเนินมาในเส้นทางเช่นนี้
“แบมมมม ช่วยด้วย...พี่แจบอมช่วยด้วยยยย” เสียงโวยวายของชเวยองแจดังลั่นสนามหญ้าหน้าตัวบ้านเมื่อถูกอาจารย์แจ็คสันล็อคตัวไว้โดยมียูคยอมทำการลงโทษด้วยการจี้เอว ทั้งคนที่ถูกเรียกอย่างพี่แจบอมและป้าเพ่ยหลีที่ประจำอยู่ตรงโต๊ะเครื่องดื่มก็พลอยหัวเราะไปด้วยอย่างสนุกสนาน
“หึ ไอ้เด็กนั่นนั่งมองพี่ชายของยองแจตาเป็นมันเชียว” อามาร์คบุ้ยใบ้ไปทางรุ่นพี่จินยองที่นั่งอยู่กับพื้นพร้อมกระป๋องเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ แววตาหวานเชื่อมส่งไปยังพี่แจบอมอย่างปิดไม่มิด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปบังเอิญสปาร์คกันตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่ยองแจเสียงตื่นโทรมาบอกว่าพี่แจบอมพาพี่จินยองเข้ามาร่วมมื้ออาหารเย็นที่บ้านด้วยกัน บอกเพียงแค่ว่าเจอกันที่งานเลี้ยงแล้วคุยถูกคอ
โลกใบนี้มันช่างกลมซะเหลือเกิน...
“ขอบคุณนะครับป๊าที่ทำให้วันเกิดปีนี้ของแบมพิเศษกว่าทุกๆปี”
“...ก็เพราะว่านายเป็นคนพิเศษของฉัน”
“ฮ่ะๆ ไม่ชินเลยครับ” ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้ยินคำพูดหวานเลี่ยนโดยไม่ต้องตีความอีกหลายชั้นจากคนอายุมากกว่า แบมแบมอมยิ้มเต็มแก้มก่อนจะลุกขึ้นยืนจากมุมสนามหญ้าแล้วเดินเข้าไปพูดคุยกับป้าเพ่ยหลีและเด็กสาวผู้เป็นหลานที่เห็นหน้าคร่าตามาตั้งแต่เด็ก ปล่อยให้สายตาของคนอายุมากกว่ามองตามหลัง
แบมแบมเติบโตอย่างงดงามไม่ต่างจากที่มาร์คเคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อตอนแรกๆที่ได้พบเจอ
เด็กหนุ่มอายุสิบหกที่มีความสุขและไม่รู้สึกขาดในสิ่งใดเพราะถูกเติมเต็มโดยคนที่แสนดุแต่ใจดี
“เฮ้ๆ มาล้อมวงเล่นเกมกันเถอะ” ยิ่งดึกยิ่งคึกน่าจะใช้ได้กับบรรยากาศในค่ำคืนนี้ เพราะเมื่อแต่ละคนเริ่มติดลมไปกับบรรยากาศดีๆและอาหารรสเลิศนั้นความสนุกสนานในการพูดคุยก็ยิ่งมากขึ้น แบมแบมเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งร่วมวงกับทุกคน รอฟังสิ่งที่อาจารย์แจ็คสันจะพูดต่อไปโดยมีคุณอาร่างสูงนั่งเหยียดขาซ้อนอยู่ด้านหลังอีกทีพร้อมกับบุหรี่ด้ามเหล็กในมือ
แม้จะไม่ได้บอกใครตรงๆว่าสถานะของแบมแบมกับอามาร์คเป็นยังไง แต่ดูเหมือนว่าทุกคนนอกจากยูคยอมกับยองแจก็พอจะดูออกกันได้สักพักแล้วและก็ไม่ได้แสดงท่าทางประหลาดใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนโตอย่างพี่แจบอมและอาจารย์แจ็คสัน...
“ชื่อเกมว่า...ให้ปาร์คจินยองเล่ามาว่าไปปิ๊งปั๊งกับแจบอมตอนไหน” เสียงโห่ฮาดังขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างถึง แบมแบมยิ้มกว้างตั้งใจรับฟังเรื่องราวที่ตัวเองก็ยังสงสัยไม่หาย
“ก็...” เจ้าของริมฝีปากบางสีระเรื่อทำท่าคิดหนัก กรอกตาไปซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจก่อนจะปิดเปลือกตาลงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
“เจอกันตอนงานเลี้ยงสังคมอย่างที่พวกน้องๆเขารู้นั่นแหละครับอาจารย์ ตอนนั้นผมปวดหัวมากแต่ต้องยืนสู้แสงแฟลชจากพวกช่างภาพในงานจนโงนเงน อยู่ดีๆพี่แจบอมเขาก็เข้ามาแล้วบอกว่าขอให้ผมไปพักผ่อนก่อนโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการผม...งงนะครับแต่ก็ประทับใจมาก” เล่าจบเพียงเท่านี้ก็หันไปสบตากับคนอายุมากกว่าผู้มีฐานะเป็นพี่ชายของชเวยองแจ แบมแบมเห็นว่ายองแจแอบฟาดเข้าไปที่ไหล่ของพี่แจบอมคล้ายกับหยอกเย้า
“เพิ่งจะรู้นะว่าผมมีพี่ชายเป็นพระเอกอ่ะ”
“พูดมากน่ะไอ้ตี๋...เรื่องแกกับอาจารย์ประจำชั้นที่ชอบโทรมาตื๊อคุยตอนดึกๆน่ะอย่าให้ถึงหูป๊าม้าแล้วกัน บอกแค่นี้ล่ะ” ทุกคนเบิกตากว้างก่อนจะกลั้นขำโดยไม่ได้นัดหมาย จะเว้นเสียก็แต่หวังแจ็คสันที่ดูเหลอหลาไปนิดหน่อยเมื่อจู่ๆก็ถูกกรรมตามสนอง โชคดีที่อิมแจบอมไม่รู้เรื่องที่แจ็คสันคือครูประจำชั้นจอมตื๊อคนที่ว่า รู้เพียงแต่ว่าเป็นอาจารย์สอนพละเพื่อนสนิทของคุณมาร์คต้วนเท่านั้น
“ระวังอะไรล่ะพี่ ผมก็บอกแล้วไงว่าอาจารย์เขาเป็นโรคขาดความอบอุ่นอะ สงสารเขาเถอะ”
“แค่กๆ...” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกระลอกเมื่อแจ็คสันรับมุขด้วยการกระแอมไอคล้ายอาหารติดคอจนแจบอมต้องเลิกคิ้วอย่างงงๆ
“พอๆเปลี่ยนเรื่อง”
คนร้อนตัวรีบโบกไม้โบกมือให้ทุกคนวนออกจากเรื่องที่จะชวนให้เขาซวยในอีกไม่ช้า เสียงหัวเราะและบทสนทนาดังขึ้นเป็นระยะๆ แม้ว่าอามาร์คจะไม่ได้ร่วมพูดคุยอะไรด้วยเพราะนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนขรึมแต่ก็ไม่เคยออกห่างหลานชายคนดีเลยสักนิดเดียว ฝ่ามือใหญ่คอยพัดโบกไล่แมลงที่เข้ามาใกล้คนตัวเล็กจนถูกแซวจากแจ็คสันอยู่บ่อยครั้ง
“อธิษฐานสิ” จนกระทั่งถึงช่วงเวลาสุดท้ายก็คือการเป่าเค้ก คนที่ถือเค้กหน้าตาสวยขนาดใหญ่ให้ก็คืออามาร์ค แบมแบมอมยิ้มจนแก้มแทบแตกเมื่อรู้ว่าป้าเพ่ยหลีได้แอบทำเอาไว้เพื่อเซอร์ไพร์สวันเกิดของเขา เด็กตัวน้อยประสานมือเข้าหากันตรงหน้าอก ขอพรในใจก่อนที่เทียนทุกเล่มจะดับสนิทลงพร้อมกับเสียงปรบมือโห่ฮาทั้งแซวทั้งอวยพรของคนรอบข้าง
“เป็นเด็กดีของฉันตลอดไปนะแบมแบม”
และอามาร์คก็ทำเอาแบมแบมเขินต่อหน้าผู้คนอีกจนได้...
.
.
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ ตลอดเวลาสามวันที่ได้กลับมาพักผ่อนจนกระทั่งวันสุดท้ายที่ต้องเดินทางกลับ ณ บ้านหลังเก่าที่แสนคิดถึงพร้อมกับเพื่อนๆและรุ่นพี่รวมถึงอาจารย์แจ็คสันนั้นเป็นภาพความทรงจำดีๆที่แบมแบมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในวันนี้ เพราะในวันที่ทุกอย่างมืดมนคนตัวเล็กแทบจะมองไม่เห็นว่าอนาคตของตัวเองจะหันเหไปในทิศทางใดด้วยซ้ำ
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ...วันนี้แบมจะต้องกลับไปอยู่ในเมืองกับอามาร์คแล้ว แบมคงต้องคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่มากแน่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ แบมจะหาโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านของเราบ่อยๆ” เนินเขาที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลในระดับหนึ่งเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นผืนดินที่กลบฝังบุคคลอันเป็นที่รักของเด็กชายร่างบาง ดอกไม้สีขาวในมือถูกวางลงไปข้างกันกับดอกเก่าที่ยังไม่ทันจะเหี่ยวช้ำเพราะเพิ่งผ่านมาได้สามวันเท่านั้น
“...แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ต้องห่วงว่าแบมจะถูกแกล้งเหมือนอย่างตอนที่เรียนโรงเรียนประถมหรอกนะครับ อามาร์คดูแลแบมดีมากๆ ฮึก...แบม แบมรักคุณพ่อมากนะครับ คุณแม่ด้วย” แบมแบมเกลียดการจากลา ตอนที่มาถึงที่นี่เมื่อวันแรกเขามีความสุขและยิ้มแย้มด้วยหัวใจที่พองโต แต่ในวันที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตห่างจากบ้านเกิดก็อดใจหายไม่ได้ คล้ายกับเด็กน้อยที่ต้องห่างอกพ่อแม่อีกครั้ง
“...” หากแต่แบมแบมก็ยังมีร่างสูงใหญ่ของคนที่เป็นเหมือนร่มไม้ใหญ่ให้พักพิง อามาร์คที่ยืนอยู่ข้างกันจับมือแบมแบมเอาไว้แน่นคล้ายต้องการส่งผ่านกำลังใจทั้งที่ในใจของอีกฝ่ายก็คงอาลัยไม่ต่างกัน
“พี่เจย์...สัญญาก็คือสัญญา สิ่งที่มีค่าที่สุดของพี่อยู่ในมือของผมแล้วไม่มีอะไรจำเป็นต้องห่วงสักนิด” เป็นครั้งแรกที่แบมแบมได้เห็นอามาร์คพูดคุยกับคุณพ่อ เพราะตอนขามาในวันแรกที่อีกฝ่ายพาเขามายังสถานที่นี้นั้นก็มีแต่แบมแบมที่กล่าวทักทายส่วนอามาร์คทำแค่วางดอกไม้
“ดอกไม้เล็กๆที่โตขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจกำลังเบ่งบานงดงามอย่างที่พี่ต้องการ...ขอโทษทั้งคู่ด้วยถ้าหากว่าผมทำเกินหน้าที่คนดูแลดอกไม้ด้วยการวางตัวเป็นเจ้าของเสียเอง ได้โปรดอวยพรให้เราทั้งสองคนในหนทางข้างหน้าต่อไปนี้ด้วย”
แบมแบมเม้มปากแน่น คำสารภาพแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากผู้ชายอายุมากกว่าอย่างคนข้างๆมันช่างอบอุ่นจนหัวใจดวงน้อยสูบฉีดรุนแรง ฝ่ามือเล็กกอบกุมสอดประสานกับอีกฝ่ายแนบแน่นคล้ายต้องการยืนยันคำพูดนั้น
“แบมแบม...ฉันไม่เคยพูดคำนี้กับนายสักครั้งเพราะคิดว่าการกระทำทั้งหมดมันฟ้องไว้ชัดเจน”
“...”
“ฉันรักนายยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง...จำคำฉันเอาไว้”
“แบม...แบมก็รักป๊าครับ”
สองร่างโผเข้ากอดกันหลังจากนั้น ไม่มีแขกเหรื่อ ไม่มีพิธีการใหญ่โตให้เหมาะสมกับยศตำแหน่งและฐานะใดๆ...หากแต่มีเพียงความเชื่อใจและคำสัตย์ต่อหน้าบุคคลที่มีพระคุณต่อคนทั้งสองท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบไม่ต่างจากจิตใจของคนทั้งสองที่ค่อยๆหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว...
ความห่างของอายุ ไม่ได้เป็นตัวแบ่งความสัมพันธ์
เมื่อชะตากำหนดให้คนทั้งสองต้องคู่กันแล้วนั้น ต่อให้เริ่มต้นด้วยความเกลียดชัง...ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องกลับกลายเป็นความรักที่มีให้กันและกันอยู่ดี
.
.
กลับมาใช้ชีวิตในเมืองได้พักใหญ่จนกระทั่งช่วงปิดเทอมใหญ่ภาคฤดูร้อนมาถึงแบมแบมก็ได้รับข่าวที่น่าตื่นเต้นจากปากของอามาร์คว่าอีกฝ่ายเองก็จะอยากจะพักผ่อนบ้างอย่างเช่นการหยุดยาวเพื่อไปพักร้อนยังประเทศออสเตรเลียเพราะอามาร์คมีรีสอร์ทใกล้ชายหาดที่นั่น ซึ่งในช่วงที่อามาร์คไม่อยู่นั้นก็จะให้อาจารย์แจ็คสันและหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้เข้ามาดูแลและดำเนินงานแทนจนกว่าจะหมดระยะเวลา
“ป๊าแน่ใจนะครับว่าจะเล่นจริงๆ” เท้าสองคู่ที่เหยียบย่ำอยู่บนทรายเนื้อละเอียดท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายของวันหยุดลงพร้อมๆกันเมื่อได้จุดพักพิงใต้ร่มไม้ที่ร่มกว่าส่วนอื่น ร่างสูงใหญ่ของคนมีอายุมากกว่าวางกระเป๋าเป้ที่ด้านในบรรจุสัมภาระเครื่องใช้จำเป็นเอาไว้ลงกับพื้นทรายอย่างลวกๆ แว่นกันแดดสีดำถูกดันขึ้นไปไว้บนกลุ่มผมสีเข้มปรายสายตาลงมามองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างกัน
“ดูถูกฉันหรือไง” มาร์คทอดสายตาหยอกเย้าให้คนอายุน้อยกว่าที่ใบหน้าฉายชัดถึงความกังวล ดวงตากลมมองสลับระหว่างใบหน้าของเขาและบอร์ดโต้คลื่นขนาดเกือบสิบฟุตที่มาร์คถือเอาไว้พลางเม้มปากเข้าหากัน
“แบมกลัวว่าถ้าเกิดอันตรายกับป๊าขึ้นมา...”
“ชู่ว คิดมากเกินไปแล้ว” ปลายจมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างแสนรักเมื่อเจ้าตัวพูดออกมาตรงๆว่ากำลังเป็นห่วงเขามากเพียงไหน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะกล่าวประโยคที่เคยบอกไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เครื่องยังไม่แลนด์ดิ้งว่ากีฬาประเภทนี้เป็นสิ่งที่มาร์คถนัดมากที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ทุกปีเมื่อมีเวลาว่างเขาก็มักจะหาโอกาสมาเล่นเซิร์ฟอยู่บ่อยครั้ง
“บอกแล้วไม่ใช่หรือไง เล่นเซิร์ฟน่ะเป็นเรื่องที่ฉันถนัดรองลงมาจากการบริหารงาน...เดี๋ยวจะแสดงให้ดู”
“ยังไงก็อย่าประมาทนะครับ” หากเป็นคนอื่นอาจจะมองว่าแบมแบมนั้นเป็นห่วงเกินเรื่องไปเสียหน่อย แต่กับคนที่สูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไปด้วยการวางแผนฆาตรกรรมในคราบอุบัติเหตุนั้นก็คงจะอดไม่ได้ที่จะกลัวถ้าหากว่าความรักหนึ่งเดียวในชีวิตตอนนี้จะต้องหายไปโดยไม่มีเวลาให้เตรียมใจอย่างที่ผ่านมา
แบมแบมก็แค่เด็กขี้กลัวคนหนึ่ง...คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่มาร์คน่ะรู้ดี
“เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยล่ะ”
“...” แผ่นหลังของคนอายุมากกว่าห่างจากระยะสายตาของเด็กตัวเล็กไปเรื่อยๆ แบมแบมถอนหายใจพยายามละทิ้งความกังวลที่มีก่อนจะหันไปจัดเตรียมผ้าปูนั่งและอุปกรณ์ปฐมพยายาบาลเบื้องต้นให้อยู่ใกล้มือมากที่สุด แผ่นหลังเล็กใต้เสื้อเชิ้ตสีสว่างตัวบางเอนพิงกับต้นไม้สูงด้านหลังทอดสายตามองเกลียวคลื่นจากท้องทะเลกว้างใหญ่ตรงหน้าที่ม้วนตัวหยอกล้อกับแสงอาทิตย์อย่างสวยงาม พยายามมองหาแผ่นหลังของอามาร์คแต่แสงที่จ้าเกินกว่าสายตาจะรับไหวก็ทำให้ต้องถอดใจ
ผ่านไปเกือบชั่วโมงร่างของคนที่แบมแบมเฝ้าเป็นห่วงก็ปรากฏให้เห็น ร่างกายกำยำเปียกไปทั่วร่างหากแต่มันกลับไม่ได้ดูน่าเกลียดแต่อย่างใด หนำซ้ำยังช่วยขับให้คุณอาวัยสามสิบห้าย่างสามสิบหกปีนั้นดูเซ็กซี่มากขึ้นเป็นเท่าตัว แบมแบมดึงหูฟังออกก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูที่พับวางเตรียมเอาไว้ส่งให้คนอายุมากกว่าด้วยรอยยิ้ม
“เห็นฉันหรือเปล่า” มาร์ครับผ้าไปซับน้ำทะเลเค็มๆออกจากผิวหน้าแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างกันกับคนที่ดูเหมือนกับว่าจะเพิ่งตื่นเสียมากกว่า
“เห็นครับ แต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่...เพ่งไปนานๆแล้วปวดตา”
“ก็เลยหลับซะเลยใช่ไหม ถ้ากลับมาอีกทีแล้วนายโดนอุ้มไปฉันจะทำยังไง” เสียงทุ้มแกล้งหยอดคำหวานให้เด็กน้อยเอียงอาย ฝ่ามือเล็กรับผ้าขนหนูมาเช็ดกลุ่มผมที่เปียกลู่ให้ก่อนจะส่งน้ำดื่มสะอาดให้อีกคน
“ป๊าจะลงไปเล่นอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่แล้วล่ะ รู้สึกตัวเองแก่ขึ้นเยอะ...แค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว” มาร์คตอบก่อนจะถอดเอาเสื้อสำหรับโต้คลื่นที่รัดเข้ากับแผ่นอกออกมาวางไว้ด้านนอกผ้าปู เผยแผ่นอกและแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันกับคนที่นั่งอยู่ แบมแบมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม
อามาร์คเหมือนเด็กเลยแฮะ...
“ฉันเคยมาที่นี่กับเพื่อนหลายครั้งสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย...ตอนนั้นชายหาดคนยังไม่เยอะขนาดนี้ เงียบสงบแล้วก็มีคลื่นลูกใหญ่เหมาะกับการเล่นเซิร์ฟ พวกฉันเลยตกลงกันว่าเมื่อเรียนจบแล้วมีงานการที่มั่นคงทำจะมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่จนวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำสักที” ฝ่ามือเล็กของแบมแบมถูกคนอายุมากกว่าที่นอนอยู่ข้างๆฉวยไปกอบกุมเอาไว้บนหน้าอกขณะที่เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ แบมแบมอมยิ้มมองการกระทำนั้น ไม่บ่อยนักหรอกที่อีกฝ่ายจะดูผ่อนคลายแบบนี้...ปกติแล้วใบหน้านี้มักจะขมวดอยู่กับเรื่องงานแทบตลอดเวลา
“แบมอยากให้ป๊าพักผ่อนเยอะๆนะครับ พอเห็นแบบนี้แล้วแบมก็รู้สึกสบายใจตามไปด้วย”
“หึ...แต่อยู่กับนายสองคนทีไรมันทำให้ฉันไม่อยากพักผ่อนเลยเด็กดี”
“ป๊าครับ!” เสียงเล็กตวาดขึ้นน้อยๆก่อนที่ต้นคอเล็กจะถูกโน้มต่ำลง แบมแบมขัดขืนในคราแรกหากแต่เมื่อเผลอมองเข้าไปในแววตาพราวระยับของคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าแล้วเด็กน้อยก็ยอมโอนอ่อนไม่ต่างจากทุกครั้ง ฝ่ามือน้อยดันอยู่ที่แผ่นอกกว้างของคนที่นอนราบเพื่อค้ำยัน ส่วนริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกเชยชมด้วยริมฝีปากบางและปลายลิ้นร้อนของคนแก่กว่า ดูดดึงหยอกเย้าจนเกิดเสียงชวนใจสั่นก่อนที่จะผละออกเชื่องช้าพร้อมกับน้ำใสเหนียวๆที่เชื่อมติดมุมปากของคนทั้งสองที่ไม่ยอมละสายตาจากกัน
ช่างเป็นการเริ่มต้นวันแรกของการพักผ่อนที่เพอร์เฟ็คเหลือเกิน...
.
.
ช่วงค่ำของวันไม่ได้หวือหวาอะไรไปกว่าตอนอยู่ที่คฤหาสน์นัก แบมแบมนั่งอยู่บนเตียงกว้างภายในรีสอร์ทที่มีกระจกเปิดออกไปรับลมเย็นๆที่พัดผ่านทะเลที่มืดและเงียบสงัดในเวลากลางคืน ในมือของคนตัวเล็กคือสมุดบันทึกเล่มเก่าของคุณพ่อเจย์ หน้ากระดาษว่างๆถูกเปิดค้างไว้ก่อนที่ฝ่ามือน้อยจะบรรจงติดรูปภาพใบเล็กลงไป รูปภาพที่เขาและอามาร์คถ่ายด้วยกันที่ชายหาดเมื่อช่วงกลางวันพร้อมกับเขียนข้อความสั้นๆลงไป จนกระทั่งร่างสูงของคนที่เป็นเจ้าของห้องเดินเข้ามาหลังจากคุยโทรศัพท์เรื่องงานเสร็จเรียบร้อยแบมแบมจึงค่อยๆปิดสมุดลงแล้วมองอีกฝ่ายแทน
“ขมวดคิ้วอีกแล้วนะครับ”
“...” มาร์คทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง กดจมูกลงบนแก้มนิ่มด้วยความชินก่อนจะเอนร่างอีกฝ่ายให้นอนลงไปพร้อมกันกับตัวเองโดยใช้ท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งให้เด็กชายหนุนแทนหมอน แบมแบมมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย อามาร์คดูเหมือนกับว่ากำลังจะวิดีโอคอลหาใครบางคน
“ฮัลโหลมาร์ค...อ้าว น้องแบม” ก่อนที่จะกระจ่างเมื่อใบหน้าเปล่งปลั่งของคุณแม่ใกล้คลอดอย่างลี่จินจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีน เธอยิ้มทักทายให้กล้อง แบมแบมเองก็ทำท่าจะขยับปรับท่านั่งให้เรียบร้อยกว่าเดิมแต่ก็ช้ากว่าท่อนแขนแข็งแรงที่ใช้เป็นหมอนหนุนนั้นขยับมาล็อคเอาไว้เสียแน่นหนา
“เป็นยังไงบ้างลี่จิน”
“สบายดี เมลิคคุยกับป๊ามาร์คหน่อยเลิกเล่นกับปะป๊าแจ็คสันก่อน...” มาร์คถามสั้นๆ กล้องของอีกฝ่ายแกว่งไปมาก่อนที่ร่างของบุคคลที่ไม่คาดฝันจะปรากฏให้เห็น มาร์คเบิกตากว้างกว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งเล่นอยู่กับเมลิคบนพื้นนั้นคือแจ็คสัน หวัง คนที่เขามอบหมายหน้าที่ดูแลบริษัทให้ทำไมถึงไปโผล่อยู่ที่ปักกิ่งกัน
“แจ็คสัน...ขอคำอธิบาย”
“ฉิบแล้วไง ลี่จิน! ทีหลังปรึกษากันก่อนนะ...เอ่อ คืองี้มาร์ค ฉันบินมาไฟล์ทหลังจากนายไม่กี่ชั่วโมงเพราะจองเอาไว้นานแล้ว ส่วนเอกสารทั้งหมดก็หอบเอามาด้วยนะเว้ยไม่ได้มาตัวเปล่า...เดี๋ยวมะรืนก็กลับแล้ว” แจ็คสันละล่ำละลั่ก ก็เป็นเรื่องจริงที่ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันก็ได้ หากแต่เพราะความเคร่งครัดในหน้าที่ของมาร์คนั่นแหละที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็เป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกน้องล่ะนะ
“มาแล้วๆ น้องเมลิคมาดื่มนมกับพี่เร็วครับ~” ความเก่ายังไม่หายความใหม่ก็เข้ามาแทรกแทบจะในทันทีเมื่อจู่ๆก็มีเสียงเด็กหนุ่มที่ฟังคุ้นดูดังขึ้นด้านหลังของแจ็คสันหวัง ใบหน้าหล่อกวนเลิ่กลั่กอย่างไม่ปิดบังพยายามจะส่งกล้องคืนให้กับลี่จินด้วยความร้อนรนจนกระทั่งมือถือร่วงลงพื้นพรมหน้าจอกลายเป็นสีดำ แบมแบมหัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนมาร์คก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆ
“นี่ครับน้าลี่จิน...อาจารย์แจ็คนี่ซุ่มซ่ามจริงๆนะครับ ถ้ามือถือน้าลี่จินพังขึ้นมาล่ะน่าเสียดายแย่”
เดี๋ยวนะ...
“ยองแจ!”
“เฮ้ย! ไอ้แบม อ...อามาร์ค!”
ปั่ก!
และหน้าจอมือถือก็ดับลงไปอีกครั้งตามด้วยเสียงโหวกเหวกที่ดังอยู่เบื้องหลังก่อนที่สายจะถูกตัดไป จับใจความได้ว่ายองแจตกใจจนเผลอปล่อยมือถือร่วงลงพื้นอีกรอบ เอาล่ะ เรื่องนี้คงต้องต่างฝ่ายต่างตั้งสติแล้วคุยกันยาวแน่ๆกับการปรากฏตัวที่ครอบครัวหวังอย่างไม่คาดฝันของทั้งยองแจและแจ็คสัน
อาจารย์ประจำชั้นมีนโยบายให้เด็กนักเรียนไปเยี่ยมบ้านเกิดเหรอ หรือยังไง?
มาร์คเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วขยับตัวเข้าหาเด็กตัวเล็ก ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแบมแบมยังเอาแต่ขำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เลิก ฝ่ามือใหญ่บีบจมูกน้อยๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะกดจูบตามลงไปเป็นการปลอบประโลม
“แบมก็ว่าแล้ว พักหลังมานี้ยองแจดูวุ่นวายแปลกๆ แถมอาจารย์แจ็คสันก็มีเรื่องให้ยองแจต้องไปช่วยบ่อยมากๆ”
“หึ...ช่างเรื่องนั้นเถอะ คิดได้หรือยังว่าพรุ่งนี้อยากไปไหน”
“แบมแล้วแต่ป๊าครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปไหน อยู่ในห้องด้วยกันทั้งวันฉันก็ทำได้” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ปนกลิ่นบุหรี่ทำให้แบมแบมอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงแล้วกระแทกเข้ากับอกของคนแก่กว่าคล้ายเป็นการลงโทษ
“ป๊าครับ...ช่วยบอกแบมทีได้ไหมว่าตอนนี้แบมไม่ได้ฝันไป” ก่อนจะเงยขึ้นมาด้วยคำพูดแปลกๆแต่มาร์คเองก็เข้าใจความหมายของคำนั้นได้เป็นอย่างดี
“นายไม่ได้ฝันไป...ฉันอยู่ตรงนี้” ฝ่ามือใหญ่จับเอาฝ่ามือของเด็กข้างกายมาวางลงบนใบหน้าของตัวเองพลางส่งสายตาที่แสดงออกถึงความจริงใจชัดเจน ริมฝีปากบางเอียงกดจูบลงบนต้นแขนขาวๆสองสามครั้ง
“ขอบคุณนะครับ ถึงแม้ป๊าเบื่อที่จะฟังแล้วแต่แบมก็อยากจะบอกว่าแบมดีใจจริงๆที่ได้มาพบกับอามาร์คที่เป็นเหมือนชีวิตใหม่ของแบม...ขอบคุณความสับสนที่ทำให้แบมเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ ฮ่ะๆ ขอบคุณนะครับที่อามาร์ครักษาคำสาบานที่ให้ไว้กับคุณพ่อ รักษาสมบัติชิ้นนี้แม้ว่ามูลค่าจะไม่ได้มากมายอะไร”
“ใครบอกว่านายไม่มีมูลค่ากันแบมแบม...คนที่พูดคำนั้นคงมีสายตาแย่ที่มองเพชรเป็นกรวด” ปลายนิ้วยาวลูบไล้ตามกรอบหน้าสวยอย่างแสนรัก หวงแหน และทะนุถนอม
“...”
“มูลค่าของนายไม่สามารถประเมินได้ และก็จะไม่มีใครได้ครอบครองอีกแล้วนอกจากฉัน”
หัวใจของแบมแบมเต้นรุนแรงทุกครั้งที่ได้ฟังประโยคเหล่านี้...
แบมแบมได้เริ่มเรียนรู้ศึกษาอามาร์คมาเนิ่นนาน...และมันก็ทำให้แบมแบมได้รู้ว่าการเรียนรู้ผู้ชายคนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่บทเรียนที่ยากก็มักจะทำให้ภูมิใจทุกครั้งที่เราสามารถเข้าใจมันได้ด้วยตัวเอง
“แบมรักป๊านะครับ” แบมแบมขยับเข้าใกล้อีกคน ก้มหน้างุดกับซอกคอเจือกลิ่นเย็นๆของบุหรี่แล้วกระซิบถ้อยคำหวานหูแผ่วเบาในค่ำคืนที่มีความสุข ก่อนที่แก้มกลมจะยกยิ้มกว้างเมื่อได้รับฟังประโยคสั้นๆหากแต่เขาสามารถเข้าใจความหมายของมันได้เป็นอย่างดี
“ยิ่งกว่าชีวิตของฉัน...แบมแบม”
แม้ใครจะมองว่าแบมแบมยังเด็กนัก หากแต่ความรู้สึกที่เด่นชัดไม่มีทางจะเปลี่ยนไป
ขอให้ความรักนี้งดงามและเบ่งบานอย่างสวยงามดั่งดอกไม้สวย สามารถทนอากาศที่เปลี่ยนแปลง และอยู่เคียงข้างคนที่รักได้อย่างมั่นคง
ตลอดไป...
- END -
ไม่อยากจะพูดคำนี้เลย แต่ว่าทุกคนคะ...ฟิคจบแล้ว
ขอบคุณที่ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจและคอยติดตามมาโดยตลอด
นี่ก็เป็นตอนสุดท้ายแล้วเนอะ ใครที่ตามอ่านเงียบๆจะแสดงความเห็นตอนนี้ส่งท้ายก็ได้นะคะ รออ่านอยู่
และในตอนนี้ฟิคก็ยังเปิดรีปริ้นท์อยู่ด้วย จะปิดโอนวันที่ 30 กันยายนนี้แล้ว มีสเปให้สามตอนรับรองว่าดีงาม 350 บาทรวมส่ง (ขออนุญาตขายส่งท้าย) ใครสนใจก็อย่าลืมนะคะ รอทุกคนอยู่
ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้านะคะ สัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือให้ดีกว่านี้ ขอบคุณทุกคำติชมค่ะ เลิ้บๆ
#FICSDMB
@SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบมากกๆ <3
อบอุ่นกว่าเตาไมโครเวฟก็คุณอามาร์คนี่ล่ะค่าาาาา
ขอบคุณสำหรับฟิกดีๆนะคะ :)
ละมุนอบอุ่น ขอบคุณสำหรับฟิคดีดีนะคะ????????
ละมุนสมชื่อ .///////.
ความรักที่ป๊ามีให้แบมมากมายจริงๆ
เป็นฟิคที่ดีต่อใจมากๆค่ะ ภาษาที่ใช้ก็สวยงาม
งื้อออออออ ขอบคุณนะคะสนุกมากๆเลยย❤